ความคิดเห็นที่ 1 ละวางเถอะค่ะ  ของไม่ใช่ของเรา อีกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง  เป็นธรรมดาโลก เราคิดว่าดีซะอีก อย่างน้อยบ้านหลังนี้ก็ยังมีการบูรณะอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะนำมาหารายในการให้เช่าถ่ายละคร ดีกว่าเจ้าของปล่อยรกร้าง  หรือขายแล้วโดนทุบทิ้ง เพื่อเอาที่ไปทำอย่างอื่นนะคะ จากคุณ : himawari_dpu เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:17:00

ความคิดเห็นที่ 2 ...........เข้าใจจระ........... เหอๆๆ ทุกอย่างเกิดขึ้น มีอยู่ แล้วดับไป แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 10:20:40 จากคุณ : deawza เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:19:55

ความคิดเห็นที่ 3 เข้าใจความรู้สึกของจขกท.ครับ แต่เหมือนคห.1 ครับ อย่างน้อยก็เป็นการอนุรักษ์ดูแลรักษาไปในตัว อาคารสวยงามแบบนี้ ถ้าไม่มีละครมาถ่าย คนดูก็ไ่ม่ได้เห็นความงามของตึก มันจะเสียดาย จากคุณ : jengchai เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:21:40

ความคิดเห็นที่ 4 ละเอียดอ่อนมากค่ะ ไม่ว่ากัน ดีซะอีกที่คุณระบายออกมา ทำให้ได้รับฟังความคิดเห้นของคนที่คลุกคลีกับบ้านหลังนั้นจริงๆ จากคุณ : มะปรางข้างรั้ว เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:22:02

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่เคยนึกถึงแง่มุมนี้ของการใช้สถานที่เลย น่าคิดครับ จากคุณ : Xbreeder เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:28:42

ความคิดเห็นที่ 6 บ้านเจ้าสัวเช็งด้วยใช่ไหมคะ คุ้นตามาก แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 10:31:49 จากคุณ : มองตาแล้วเข้าใจไม่ต้องเอ่ยคำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:31:06

ความคิดเห็นที่ 7 ในกรณีละครเรื่องใหม่ๆไม่ทราบครับ แต่ถ้าเป็นละครที่ถ่ายในสมัยก่อน(บางเรื่อง) การถ่ายทำไม่ได้เป็นการบำรุงตัวบ้านเลย ซ้ำร้ายยังกลายเป็นก่อความเสียหายในบางส่วนด้วย มีคนมากมายเดินกันขวักไขว่ พื้นสกปรกเลอะเทอะ พนังสกปรก บอกได้เลยหลังการถ่ายทำแต่ละเรื่อง บ้านสกปรก สิ่งของบางสิ่งแตกหัก ในส่วนของตัวบ้านยังแข็งแรงคงทนครับ เพียงแต่รูปลักษณ์ภายนอกมีลักษณะโบราณ อาจทำให้หลายท่านเข้าใจว่าอาจทรุดโทรมจนต้องซ่อมแซม ผมคิด(เอาเอง)ว่า ถ้าตึึกใหญ่ไม่ได้ถูกขายไป ทายาท(คนอื่นๆนอกจากผู้ขาย) คงมีกำลังและเต็มใจดูแลรักษา โดยไม่จำเป็นต้องให้กองละครมาช่วยบำรุงเลย... จากคุณ : โมโนแมน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:32:24

ความคิดเห็นที่ 8 หากมองย้อนในมุมกลับ ความสวยงามของตัวตึกโบราณที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน นั่นต่างหากที่ทำให้ผู้ชมอย่างเรา ๆ ได้สัมผัสถึงความรุ่งเรืองด้านสถาปัตยกรรมในอดีต หาใช่ความรู้สึกที่ว่า นั่นคือ "โรงโสเภณีเก่า" แต่อย่างใด ด้วยความที่ละครทั้ง 2 เรื่องคือ "ดอกส้มสีทอง" และ "ทาสรัก" ฉายต่อเนื่องกัน สิ่งที่เรารู้สึกทันทีก็คือตึกโบราณแบบนี้หายากมาก ๆ ยิ่งเพื่อการถ่ายทำละครด้วยแล้วยิ่งยาก จึงจำเป็นต้องใช้สถานที่เดียวกัน ทำให้คิดว่าไม่น่าจะมีใครคิดในทางไม่ดีว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่อโคจรมาก่อน ทุกครั้งที่ดู เราชอบดูภายในของตัวตึกมาตั้งแต่ดอกส้มฯ แล้ว โดยเฉพาะบริเวณโถงบันไดที่พวกคุณนายทั้งหลายชอบโผล่หน้าออกมาทะเลาะกัน เข้าใจความรู้สึกของ จขกท. พร้อมทั้งชื่นชมที่รักหวงแหนในถิ่นเกิดของตัวเอง เราเองในฐานะผู้ชมคนหนึ่งขอยืนยันค่ะ ว่ามีแต่ความรู้สึก "ในด้านดี" กับตึกโบราณหลังนี้ ทุกสิ่งอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่คุณค่าของสิ่ง ๆ นั้นต่างหากล่ะที่ยังคงอยู่อย่างไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และนั่นคือสิ่งที่งดงามที่สุด จากคุณ : Zo Rai Da เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:32:45

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าจะมาพูดให้ละวางมันก็คงจะไม่ถูกมากนัก เพราะของบางอย่างมันมีคุณค่าทางจิตใจ มันไม่สามารถตีค่าเป็นมูลค่าของเงินไปได้หรอก และผมก็เชื่อว่า คคห.1 ก็คงจะมีของบางอย่างที่เป็นของที่มีค่าทางจิตใจเหมือนกัน การทำอะไรที่มันทำให้ของที่มีค่าทางจิตใจ โดนกระทำไปในทางที่ทำให้รู้สึกเสื่อมเสียแล้ว ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมรู้สึกไม่สบายใจกันทั้งนั้น อย่างที่คุณเจ้าของกระทู้(คุณโมโนแมน)เขามีสถานที่นี้เป็นคุณค่าทางจิตใจของเขา การที่มีใครสักคนมาเอาสถานที่นั้นๆมาทำในทางที่เสื่อม ก็ย่อมมีจะไ่ม่สบายใจก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ดีแล้วที่คุณเจ้าของกระทู้มาพูด เพราะอย่างน้อยก็เป็นเสียงสะท้านให้ผู้จัดละครได้ทราบว่า ในการเลือกสถานที่อะไรก็ต้องคำนึงในหลายๆด้าน ไม่ใช่แค่มองแค่ภาพสวยอย่างเดียว จากคุณ : kangaroo_108 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:35:19

ความคิดเห็นที่ 10 เข้าใจ  จขกท. วัตถุ โบราณสถาน  มีประวัติอันยาวนาน เจ้าของใหม่ที่ครอบครอง ควรพิจารณา ถึงแม้จะเป็นเพียงการสมมุติ เห็นด้วย กับ คห. 9 ผู้จัดควรเลือกสถานที่โดยการคำนึง หลายๆด้าน จากคุณ : boublekao เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:47:39

ความคิดเห็นที่ 11 คิดมากไปหรือเปล่า  มันก็เป็นแค่เรื่องสมมติ จากคุณ : สาวตาโศก เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:48:28

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อก่อนเด็กๆ อยู่บ้านคุณป้า ก็มักมีกองละครมาขอถ่ายบ่อยๆ ค่ะ ตอนละครถ่ายอยู่ ด้วยความเราเป็นเด็กก็วิ่งไปวิ่งมาดูสนุกดี แต่สิ่งที่กองละครทิ้งเอาไว้ให้คือความเสียหาย สงสารแม่บ้านที่ต้องมาระดมช่วยกันทำความสะอาด มีขี้บุหรี่ มีรอยโนน่นนี่นั่นเยอะแยะ พื้นหินอ่อน พรม โต๊ะมุกเป็นรอยไปหมด จนตอนหลังคุณป้าไม่อนุญาตให้มีการถ่ายละครอีก แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างนะคะ อาจจะช่วยเจ้าของสถานที่ดูแลดีกว่ากว่าเมื่อก่อนก็ได้ เข้าใจเจ้าของกระทู้ค่ะ เรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนมาก เพราะตอนนั้นคุณป้าจะขอดูก่อนว่าฉากที่จะถ่ายที่บ้านเป็นฉากบ้านใคร บทเป็นยังไง ใช้ส่วนไหนของบ้านบ้าง เพราะตอนที่ถ่ายเราก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านนั้น แม้จะคนละปีกบ้านก็ตาม โชคดีที่ของเราไม่มีฉากที่แรงๆ ของบางอย่าง สถานที่บางสถานที่มีคุณค่าทางจิตใจมากๆ แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงก็อดสะท้อนใจไม่ได้ค่ะ จากคุณ : มองฟ้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:53:49

ความคิดเห็นที่ 13 ....ลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าเป็นบ้านเรา  ไม่ว่าเราจะยังคงอาศัยอยู่ หรือ ออกไปแล้ว หรือขายให้ใครไปแล้วก็ตาม ถ้ามีคนเอาบ้านเรามาทำแบบนี้ เราคงรู้สึกไม่ดี แน่นอน.... เข้าใจว่าบางอย่างไม่ควรไปยึดติด แต่ว่าคุณค่าทางจิตใจมันคงเป็นสิ่งที่"ติด"อยู่กับตัวเราไปจนตาย.... จากคุณ : หนูชื่อจุ้มปุ๊ก ผมชื่อฉงน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:55:33

ความคิดเห็นที่ 14 อืมมม จากคุณ : มินเอง เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:59:10

ความคิดเห็นที่ 15 ทุกๆที่ก็มีความทรงจำทั้งนั้น หากผู้จัดต้องคำนึงถึงอะไรหลายๆด้าน เราว่าก็อย่าถ่ายละครกันเลย  ดูกันแค่ซิทคอมก็พอแล้ว   หรือไม่ก็อย่าหวังฉากบ้านโบราณสวยงามเลย เอาเป็นที่สร้างแบบลวกๆเพื่อนเข้าฉากพอแล้ว   จะได้ไม่กระทบใคร เราคิดว่าถ้าจะตำหนิ ก็ควรตำหนิเจ้าของบ้านคนใหม่ด้วยไม่ใช่หรือ เค้าเป็นคนอนุญาตให้ใช้ถ่ายเองไม่ใช่หรือ ทำไมว่าแต่ผู้จัดฝ่ายเดียวล่ะ บ้านโบราณที่เห็น ทุกคนที่ได้เห็นก็พูดถึงแต่ความงาม จดจำแต่ความงาม ไม่มีใครจำหรอกว่านี่มันซ่อง ทุกคนก็จำว่า บ้านนี้คือสถานที่ถ่ายละคร ไม่ใช่จำว่าเป็นซ่อง เรื่องฉากฆ่าตัวตาย ก็เป็นการแสดงนี่คะ ไม่ได้มีคนไปฆ่าตัวตายที่นั่นจริงๆซะหน่อย เรื่องที่กองถ่ายมาแล้วทำให้บ้านสกปรก เราไม่ทราบว่าก่อนถ่าย มีการตกลงอะไรกันหรือไม่  ควรจะทำสัญญาเป็นลายลักษณ์ ว่าถ่ายเสร็จแล้วบ้านต้องเหมือนเดิมทุกอย่าง  ห้ามมีขยะหรืออะไรที่ไม่พึงปรารถนา ถ้ามีอะไรที่ไม่เหมือนเดิม บ้านถูกกระทำให้ทรุดโทรม ให้เจ้าของบ้านฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ อย่าหยวนค่ะ หยวนๆยอมๆ แล้วมานั่งเสียใจเอาเอง  คนอื่นเ้ค้าไม่รู้ด้วยนะคะ จากคุณ : เทมปุระ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 10:59:16

ความคิดเห็นที่ 16 เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเจ้าของปัจจุบันไม่อนุญาต ใครก็เข้าไปถ่ายทำไม่ได้ ก็คงได้แต่เคารพการตัดสินใจของเจ้าของนะคะ ส่วนในแง่คนนอกอย่างดิฉัน ได้แต่ชื่นชมความงามของสถานที่ สนุกกับการดูกระทู้ตามรอยละคร ว่าถ่ายทำสถานที่ไหนบ้าง คงคนละความรู้สึกกับคนเคยอยู่อาศัย จากคุณ : ChocoJosie เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:00:12

ความคิดเห็นที่ 17 *** ผมเข้าใจ จขกท. นะ ขนาดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆด้วยเลย แต่พอดูละคร ทาสรักแล้วเห็นบ้านเก่าแก่หลังนี้กลายเป็นซ่องแล้วรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆที่มันก็เป็นแค่ละคร เรื่องสมมติ แต่ถ้าผมเป็นเจ้าของบ้านผมคงไม่ให้ถ่ายนะ เจ้าของบ้านหลายคนที่ให้เช่าบ้านถ่ายละครหลายคนจะสกรีนบทครับ ถ้าล่อแหลมก็ไม่ให้ถ่าย ห้างบางห้าง ถ้ามีฉากตบตีกันในห้างก็ไม่ให้ถ่ายครับ การจะบอกว่าไม่ให้ยึดติดก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าอะไรที่พอจะรักษาคุณค่าได้ก็ควรจะทำนะครับ สมมติว่า ถ้าละครเรื่องไหนเอาวังเก่า หรือสถานที่โบราณมีคุณค่า มาทำเป็นหอโคมเขียว เป็นซ่อง ก็คงรู้สึกไม่ดีใช่มั้ยครับ ทั้งๆที่มันเป็นละครนี่แหละ ผมรู้สึกแบบเดียวกับ จขกท. เลยว่า ทำไมเค้าถึงปล่อยให้มาถ่ายเป็นซ่องอ่ะ เสียดายบ้าน *** จากคุณ : สมาชิกหน้าเหลือง เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:02:33

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่รู้ดิ  สำหรับเรา  มันเป็นแค่เรื่องสมมุติอ่ะ เราไม่คิดว่า คนดูละครจะติดภาพว่าตัวตึกเป็นโรงโสเภณีอ่ะ เดี๋ยวอีกหน่อยก็มีคนมาติดต่อถ่ายละครเรื่องใหม่ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อ่ะ ในฐานะคนดู  เราแค่เห็นว่าตึกโบราณนี่สวยจัง  ส่วนเรื่องความเสียหาย หลังจากถ่ายละคร มันเป็นเรื่องที่กองถ่ายกับผู้ให้เช่า ต้องตกลงกันค่ะ จากคุณ : Green-apple เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:04:50

ความคิดเห็นที่ 19 มันก็แค่ฉากนึงในละคร เน้น"แค่ฉาก" เค้าไม่ได้เปิดทำโรงโสเภณีจริงๆซะหน่อยนี่คุณ!?? มันคือการทำงานศิลป์ ถ้าคุณมองให้มันลึกๆไปกว่านี้ มันก็คือไม่มีอะไรเลย จากคุณ : -ATICUS_T- เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:07:27

ความคิดเห็นที่ 20 เข้าใจจขกท.ค่ะ เราเองเคยเรียนในตึกอายุ 100 กว่าปีมา 12 ปี สวย  คลาสสิค  รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่เห็น ปัจจุบันนี้โรงเรียนทุบทิ้งสร้างตึกใหม่ ขับรถผ่านที่ไรก็เศร้าใจจนไม่อยากหันไปมอง แต่ก็เข้าใจค่ะ  ว่าการสร้างตึกใหม่ทำให้รุ่นน้องๆได้มีห้องเรียนเพิ่ม  และสะดวกสบายขึ้น เอาเป็นว่าเข้าใจ  แต่ไม่ชอบใจค่ะ จากคุณ : kanid3032 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:09:11

ความคิดเห็นที่ 21 หลายท่านในที่นี้ก็อาจตีเจตนาผมผิด ผมไม่ได้กล่าวโทษใครใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดละคร หรือ เจ้าของบ้าน ไม่ได้เรียกร้องให้เลิกถ่ายทำ หรือให้เจ้าของบ้านไม่อนุญาตให้ถ่าย เพราะผมไม่มีสิทธิอะไรอยู่แล้ว ก็เป็นเพียงผู้เคยอาศัยในบ้านหลังนี้ เพียงแต่แค่อยากแสดงความรู้สึก ว่าอดีตที่เราเคยอาศัยอยู่ ที่ที่เราเคยกินข้าว ทำการบ้าน นอนเล่น บัดนี้มันถูกจำลองให้กลายเป็นโรงโสเภณี เป็นที่ที่มีคนมาดื่มเหล้า เสพยา มั่วนารี ในส่วนของฉากการฆ่าตัวตายบางท่านอาจจะไม่ถือ แต่เจ้าของเก่าเป็นเชื้อสายจีน และเค้าถือ อันนี้ผมไม่อยากให้ใครก้าวล่วงความเชื่อของเจ้าของเก่าครับ ขอแสดงจุดยืนว่าไม่มีเจตนากล่าวร้ายใคร เพียงแต่แสดงความรู้สึกที่มีละครดังกล่าวเท่านั้น... จากคุณ : โมโนแมน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:10:21

ความคิดเห็นที่ 22 ว่ากันจริงๆระบบการถ่ายทำละครบ้านเราควรหันมาใช้ประโยชน์จากโรงถ่ายให้มากขึ้น ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆทำให้โรงถ่ายไม่ได้ดูเป็นแค่ฉากไม้มาประกอบกัน แต่ดูสมจริงมากขึ้น สามารถปรับแต่งให้ตรงกับเนื้อเรื่อง ตัวละคร บทประพันธ์ได้มากขึ้น สะดวกในแง่การทำงาน การถ่ายทำ บันทึกเสียง หรือการใช้มุมกล้องได้หลากหลายขึ้น หรือแม้แต่สวัสดิการต่างๆของกองถ่าย ความปลอดภัยในการเดินทาง ค่าน้ำมันรถ สิ่งต่างๆล้วนแต่ทำให้รู้สึกว่าโรงถ่ายหรือสตูดิโอน่าจะเหมาะกับการทำงานของพวกละครมากกว่า ในขณะที่ฉากภายนอกอาจเป็นแค่การตัดให้เข้ากับบรรยากาศเท่านั้น (อย่างซีรีย์ฝรั่งต่างๆนี่ แทบจะทั้งหมดก็ใช้โรงถ่ายนะครับ แต่ก็ไม่รู้สึกว่ามันหลอกอะไร ยกเว้นพวกซิตคอม ที่เขาทำให้เห็นชัดๆเลยว่าเป็นโรงถ่าย) จากคุณ : I'm wu เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:26:14

ความคิดเห็นที่ 23 คุณค่ามันอยู่ที่จิตใจค่ะ จากคุณ : RiverNoReturn เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:31:38

ความคิดเห็นที่ 24   ที่วังกรมพระนรา  แพร่งนรา ก็อีกแห่ง เมื่อก่อนให้เช่า ถ่ายละคร มิวสิค เยอะแยะไปหมด  เอาเงินเข้ากระเป๋า ไม่มีการบุรณะ  เวรกรรมมีจริง   ทรัพย์สินไม่ให้เช่าต้องย้ายออก     คนเก่าแก่แถวนั้นก็ได้แต่เสียดาย   จากคุณ : มาลัยดอกรัก (พุดน้ำผึ้ง) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:45:05

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องไม่เป็นเรื่อง จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:51:22

ความคิดเห็นที่ 26 เข้าใจคุณ จขกท. ค่ะ มันคือคุณค่าทางจิตใจจริงๆ โดยส่วนตัวเป็นคนชอบดูละครย้อนยุค ซึ่งเขามักจะไปถ่ายที่วัง หรือบ้านสวยๆ ที่มีสไตล์ย้อนยุค เห็นบ้านหลังนี้มาหลายเรื่องมาก ถ้าจำไม่ผิด เรื่องมาลัยสามชาย ก็ใช้บ้านวังตาลเป็นโรงโสเภณีเช่นกัน อาจจะเป็นด้วยตึกมีบรรยากาศแบบจีน และสวยสง่ามากๆ ในฐานะคนดูละคร เวลาเห็นตึกสวยๆ ก็อยากทราบว่าอยู่ที่ไหน เจ้าของเดิมเป็นใคร และนึกชื่นชมที่ยังมีคนคอยบำรุงรักษาให้มันยังสวยงามอยู่จนถึงทุกวันนี้ ไม่ได้ทุบทิ้งไป การนำมาถ่ายละคร ก็ทำให้หลายๆ คนอยากตามรอยละคร ไปเยี่ยมชม หากมีโอกาส ถ้ามองในแง่ดี ก็เท่ากับเป็นการประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไปรู้จักสถานที่นั้นๆ ทำให้หลายคนยังเห็นคุณค่าของตึกเก่า ฉะนั้นเลืืือกมองในแง่ดีเถิด อย่าไปยึดติดกับมันเลยค่ะ สิ่งของวัตถุ สักวันก็ต้องเสื่อมสลายไป แต่ความดีสิคงทน คุณค่าของตึกโบราณแห่งนี้ ก็คงไม่เสื่อมสลายไปหรอกค่ะ เพราะอย่างน้อยก็เคยเป็นที่จดจำของใครหลายๆ คน จากคุณ : น้องดาด้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 11:55:16

ความคิดเห็นที่ 27 ได้ข่าวมาว่าตอนแรกๆ กรมศิลป์ฯ ขอเข้ามาดูแลบ้านหลังนี้ จากคุณ : Lady On The Net เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:03:19

ความคิดเห็นที่ 28 "เงินเขา เราพูดไม่ได้"  เข้าใจจขกท.นะคะ จากคุณ : แพมมุโกะ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:21:47

ความคิดเห็นที่ 29 เข้าใจความรู้สึกค่ะ แต่เรื่องมันเริ่มจาก เจ้าของมอบให้ทายาท ทายาทขาย ความหมายมันมีอยู่ในตัวค่ะ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ในเมื่อมีเจ้าของใหม่ ไม่ใช่คนที่ผูกพัน แน่นอนว่าเค้าก็จะไม่ได้รู้สึกผูกพันแบบคุณ จขกท. ก็ไม่แปลกที่เค้าจะให้ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ เพื่อจะนำเงินมาบำรุงบ้านหลังนี้ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่อยากให้ปลงหน่ะค่ะ ขนาดทายาทยังขายเลย.... จากคุณ : น้องใบหญ้า เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:22:52

ความคิดเห็นที่ 30 เคารพการตัดสินใจของเจ้าของที่แท้จริงเถอะครับ ผมเข้าใจนะว่าจขกทรู้สึกเช่นไรแต่เจ้าของที่แท้จริงเขาอนุญาตแล้วนี่ครับ ก็ต้องยอมรับไป ตามบทแล้วโรงโสเพณีของจีนฮงเป็นโรงโสเภณีชั้นสูงใหญ่โตและด้วยความที่เจ้าของเป็นคนจีนสถานที่จึงควรมีกลิ่นอายจีนๆและต้องดูใหญ่โต ซึ่งพอคิดให้ดีๆแล้วสถานที่นี้ก็เหมาะที่สุดแล้วล่ะครับ ผมว่าทีมงานคงไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นอะไร แล้วฉากห้องหอจริงๆก็เป็นที่อื่น บ้านตราไก่ใช้เป็นแค่ฉากโถงรับแขกเท่านั้น จขกทอย่าคิดอะไรมากเลยครับแล้วก็วางๆมันลงไปเถอะ เพราะ " จขกทไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมีสิทธิ์ทำอะไรได้ " (ถ้ามีสิทธิ์ก็ว่าไปอย่าง) จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:22:56

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นเราคงคิดมาก แต่เอาเถอะ  คิดซะว่าบ้านของเค้าสวย มันก็สวยจริงๆ มีคนสนใจเยอะที่จะมาเลือกเเป็นฉากถ่ายทำละคร จากคุณ : นิราศสองภพ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:24:33

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าอยากจะแก้ปัญหาจริงๆให้ไปแก้ที่ต้นเหตุคือไปคุยกับเจ้าของที่แท้จริงละกันนะครับ การมาพูดหรือว่าค่ายละครเป็นการแก้ที่ปลายเหตุมาก จะให้ค่ายละครทุกค่ายมาคิดแบบคุณสู้ทำให้เจ้าของบ้านคิดแบบคุณยังง่ายกว่า เจ้าของบ้านมีสิทธิ์ในการกำหนดทุกอย่างนี่ครับ จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:24:52

ความคิดเห็นที่ 33 ที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์ ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์มาก ยึดน้อย ติดน้อย จึงทุกข์น้อย ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์  จากท่าน ว.วชิรเมธี หวังว่าคงทำให้สบายใจได้บ้างครับ จากคุณ : เจียมใจใส่จาน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:35:13

ความคิดเห็นที่ 34 เข้าใจ จขกท นะคะ บางอย่างมีคุณค่าทางจิตใจจริง ๆ คะ คนที่บอกให้ละวาง ถ้าเกิดกับสิ่งที่ตัวเองรู้สึกถึงคุณค่าทางจิตใจ เราเชื่อว่า ละวางไม่ได้ง่าย ๆ แน่นอน จากคุณ : ploykarat เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:35:15

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ คห.๓๐,๓๒ อ่านหนังสือแตกรึเปล่าครับ ผมระบุชัดเจนไปแล้วในหัวข้อกระทู้และก็ย้ำชัดในความเห็นที่๒๑ ว่าไม่มีเจตนาจะตำหนิใคร หรือพาดพิงใคร และก็ไม่ได้จะดำเนินการหรือเรียกร้องให้ใครมาเปลี่ยนแปลงอะไรด้วย เพียงแต่รำพึงรำพันถึงความหลังที่ผมเคยอาศัยอยู่ จริงๆผมมาตั้งกระทู้ที่ห้องนี้ก็คาดเดากระแสได้อยู่แล้วครับ ยังไงส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะชมละครอย่างสมจริง ฉากสวยงามอยู่แล้ว ผมเพียงแต่แสดงความคิดเห็นในอีกมุมหนึ่ง ในส่วนของคนที่เคยอยู่อาศัยจริงๆก็เท่าั้นั้น... แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 12:44:43 จากคุณ : โมโนแมน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:36:57

ความคิดเห็นที่ 36 แล้วทำไม ทายาทแท้จริง เขา ถึงขาย่อ หล่ะคะ ถ้าเขาผูกพันและหวงแหน มรดกพ่อแม่ ก็ คงไม่ขาย หรอกเสียดายแทน จากคุณ : ทุเรียนสีชมพู เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:39:08

ความคิดเห็นที่ 37 ใจเย็นๆค่ะ คุณ จขกท. เท่าที่อ่านดู หลายคนเข้าใจความรู้สึกของคุณนะคะ รวมทั้งดิฉันเองด้วย ทุกที่ที่เราเคยอยู่ล้วนมีความผูกพัน คุณแค่อยากแชร์ความรู้สึกให้เพื่อนๆรับทราบเท่านั้น บางอย่างมันแก้ไขอะไรไม่ได้นอกจากทำใจค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 19:21:02 จากคุณ : KruOng เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:50:34

ความคิดเห็นที่ 38 รู้สึกตอนเราทำกระทู้ตามรอยดอกส้มสีทอง ก้อได้ข้อมูลดีๆ ของบ้านวังตาล จากคุณ จขกท   เลยจะแวะมาให้กำลังใจซะหน่อย ว่าเข้าใจที่ จขกท บ่นเลยนะ บ้านที่เราเคยอยู่ เราก้อคงไม่อยากให้วางภาพเป็นอะไรที่ไม่ดี เช่นมาเป็นสถานเริงรมย์โลกีย์เยี่ยงนี้ เข้าใจว่า ถึงแม้จะทำอะไรไม่ได้ ก้อแค่อยากจะขอบ่นให้ฟัง (ถึงแม้รู้ว่าบ่นแล้ว จะโดนตอกกลับแรงๆ ) แต่ส่วนตัวเราคิดว่ากองถ่ายละครแต่ละเจ้า ก้อคงมีความระวังในการดูแลสถานที่ต่างกันไป บางเจ้าคงชุ่ย บางเจ้าคงคอยระวัง ดูแลพื้น ผนัง อย่างดี (อันนี้คาดเดา ว่าเจ้าของคุณดา น่าจะดูแลได้ดี ) เราชอบให้มีการใช้สถานที่โบราณเป็นฉากในละครพีเรียดนะ ดูขลัง สมจริง กว่าการสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ก้อเห็นใจ กลัวว่าตึกจะโทรมเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับการที่ตึกถูกทิ้งรกร้าง ว่างๆ ตึกน่าจะโทรมเร็วกว่ามากๆ นะ ยังไงเรื่องนี้ ก้อคงต้องทำกระทู้ตามรอยละครทาสรัก เพราะฉากสวย ตึกสวยเยอะ ยังไงฝาก จขกท ช่วยเพิ่มเติมข้อมูลให้ด้วยนะเจ้าค่ะ จากคุณ : wabash311 เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 12:54:38

ความคิดเห็นที่ 39 บางคห. นี่ สักแต่ว่าแรง แต่ไม่ใช้สมองนะครับ คุณจขกท. เค้าไม่ได้ต่อว่่าต่อขานใครใดๆทั้งสิ้น ก็แค่เล่าให้ฟัง ... แล้วอดสะท้อนใจลึกๆตามประสาคนผูกพันมานานแค่นั้น ผมเข้าใจนะครับว่าเวลาที่เรามองสิ่งที่เราผูกพันมากๆ เปลี่ยนแปลงไปมากๆ แบบที่เราไม่ทันได้เตรียมใจไว้ก่อน มันชวนให้ใจหาย และอดเศร้าไม่ได้ แต่เราคงต้องทำใจยอมรับ แล้วก้าวต่อไปข้างหน้าอ่ะครับ ... แม้ว่าทุกๆครั้งที่ต้องพบเจอมันก็จบปวดเสมออยู่ดี ยกตัวอย่างของผมนะครับ บ้านคุณยาย ... เป็นตึกไม้ 2 ชั้น 4 คูหา เมื่อก่อนก็ถือว่าเป็นคนมีฐานะพอสมควรเลยแหละ แต่เกิดเหตุการณ์อะไรไม่ทราบ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเหมือนก่อน ทรัพย์สินที่แบ่งให้ลูกหลานหลังจากคุณตาคุณยายเสีย ... ก็มีบ้านนี้เป็นส่วนนึงด้วย แล้ววันนั้น วันที่แม่ผม (ลูกสาวที่ไม่ได้เป็นคนโปรดเท่าไหร่) ต้องเจ็บปวดคือ ... ลุงขายบ้านให้กับคนอื่น ... โดยไม่ได้บอกแม่ คือถ้าบอกเนี่ยแม่คงหาเงินมาซื้อไว้ทั้งหมด เพราะบ้านหลังนี้เป็นเหมือนกับที่เกิดที่โตของบรรดาลูกๆหลานๆ แต่แม่ผมทราบเรื่องหลังจากที่มันสายไปแล้ว ... แม่จึงต้องปล่อยบ้านหลังนั้นไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย เชื่อไหมครับ ... ว่าแม่ต้องขับรถผ่านบ้านหลังนั้นทุกวัน ... ผนังด้านนึงจะเป็นผนังใหม่ที่เป็นฝีมือของพ่อผม และลุงๆช่วยกันทำใหม่ ซึ่งพ่อผมก็เสียไปแล้วพร้อมกับลุงที่รักกันมาก ... ผนังด้านนั้นจะมองเห็นได้ก่อนส่วนอื่นๆของบ้าน เพราะดูใหม่ที่สุด แรกๆ แม่น้ำตาไหลทุกวันที่เห็นบ้านหลังนี้ ... จนวันนี้ 6-7 ปีผ่านมาแล้ว ... แม่ไม่เคยพูดถึงบ้านหลังนี้อีกเลย ... แต่แม่ก็ยังต้องผ่านมันทุกวัน ผมเองเวลามองไปที่บ้านหลังนั้น ... ภาพอดีตต่างๆมันก็ฉายวูบวาบๆออกมา เหมือนภาพยนต์สีเก่าๆเหลืองๆ นึกถึงวัยเด็ก นึกถึงเรื่องสนุก เรื่องเศร้า เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ... ถึงมันจะจางไป แต่มันก็ไม่เคยลบเลือน ... บางครั้ง ... ผมก็เบือนหน้าหนี เวลาที่ผ่านมันนะครับ ... จากคุณ : esprit_pawin เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 13:16:40

ความคิดเห็นที่ 40 น่าเสียดายนะ จขกท.ซื้อคืนมาไม่ได้เหรอ แล้วก็เอามาปิดไว้ จะได้คงคุณค่าไว้ได้นานๆอ่ะ หรือไม่ก็เป็นพิพิธภัณฑ์ ก็ดีนะ จากคุณ : นนนี่มาแล้ว เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 13:21:53

ความคิดเห็นที่ 41 เข้าใจความรู้สึกค่ะ แอบเล่าเรื่องของเรานิดนึงคือ เราแอบไปผูกพันธ์กับบ้าน (ที่ไม่ใช่ของเรา) หลังหนึ่ง อยู่ตรง แยกราชเทวี จำได้ว่าสมัยเด็กๆนั่งรถเมล์ผ่านรถจะติดตรง ซอก ตึกแถวมองเข้าไปจะเห็นบ้านโบราณหลังนึงคล้ายบ้านทรงยุโรป แบบสมัยรัชกาลที่ 5  มีหุ่นอัปเฉาหน้าตาแปลกๆ  ยืนอยู่ เนื้อที่กว้างขวาง เวลารถติดตรงนั้น มักมีเสียงเพลงลูกกรุงแว่วมาจากบ้านเสมอ เราหลงรัก บ้านหลัังนั้นมานาน....จนเมื่อไม่กี่ปีมานี่ วันหนึ่งขับรถผ่านไป เห็นกำลังโดนรื้อ ไถซะราบถมดินเตรียมสร้างคอนโด นาทีนั้น ใจหายวาบน้ำตาคลอเลย ทั้งที่ไม่ใช่ของของเรา แค่ผ่านไปเห็น แค่คุ้นเคย แต่นี่ จขกท เคยอยู่เคยพูกพันธ์ เข้าใจความรู้สึกค่ะ จากคุณ : กิมเต๊งค์น้อย (กิมเต๊งน้อย) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 13:27:02

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณหลายๆท่านที่เข้าใจความรู้สึกผมนะครับ ส่วนหลายๆท่านที่ไม่เข้าใจ หรืออาจจะเข้าใจผิดขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ ๑. บ้านหลังนี้ไม่เคยถูกปล่อยให้รกร้าง และไม่มีลักษณะทรุดโทรม ก่อนเปลี่ยนมือ ตึกใหญ่มีคนอาศัยอยู่จริงๆ เหมือนบ้านเรือนทั่วๆไป มีแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกวัน ภายในอาจจะสะอาดและดูใหม่กว่าบ้านจัดสรรบางที่ด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องให้กองถ่ายมาดูแลรักษาเพิ่มเติม ๒. บางท่าน(ที่จริงก็คือหลายท่านในกระทู้นี้) คิดว่าการที่มีกองถ่ายเข้ามาถ่ายทำละคร จะเป็นการบำรุงอาคารไปในตัว ผมยืนยันว่าไม่จริง เพราะนอกจากค่าเช่าสถานที่แล้ว ไม่ได้มีการกระทำใดๆที่มีลักษณะเป็นการบำรุงตึก มีแต่จะทำให้ทรุดโทรมลง ๓. บางท่านอาจจะมองว่ามันก็แค่ฉากในละคร ซึ่งผมก็เคารพในความคิดส่วนนี้ แต่ได้โปรดเคารพในความคิดของคนที่เค้ายัง"ถือ"ด้วย ในข้อนี้ผมคิดว่าต่างคนต่างความคิดครับ เคารพในความคิดของคนอื่นด้วยจะดีกว่า ๔. จริงอยู่ที่ผมจะเดือดร้อนอะไร ในเมื่อไม่ใช่เจ้าของบ้าน หรือไม่ใช่แม้แต่เคยเป็น เพียงแต่อย่างจะบอกว่า บ้านวังตาล ในมุมมองของคนดูละครก็คงเป็นบ้านโบราณที่สวยงาม เหมาะกับการถ่ายหนัง แต่สำหรับผมและคนในพื้นที่หลายๆคน มันคือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของบ้านโป่ง และผมก็เชื่อว่าหลายๆคนในชุมชนหลังบ้านวังตาล คงมีความคิดคล้ายๆผม จริงอยู่ที่ผมคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่ให้หลายๆคนลองนึกถึง บ้านหลังแรกๆที่คุณมีความทรงจำหลายๆอย่างที่นั้น โรงเรียนเก่า ชุมชนละแวกบ้านเก่า ไม่ว่าคุณจะจากมานานแค่ไหน ถ้ามีโอกาสได้ผ่านไปหรือกลับเข้าไป คุณจะมีความรู้สึกผูกพันกับมัน จากคุณ : คนไม่ค่อยดูละคร (โมโนแมน) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 13:29:24

ความคิดเห็นที่ 43 เข้าใจเจ้าของกระทู้ค่ะว่ารู้สึกยังไง แน่นอนค่ะ ว่าการละวางเป็นเรื่องที่ทำได้อยาก ถ้าทำได้กันหมด ก็บวชเป็นพระกันหมดแล้ว  พระบางรูปยังละ ยังวางไม่ได้เลย เราเองก็ยังทำไม่ได้ ในบางเรื่องเช่นกัน แต่หากว่าเราไม่สามารถทำอะไรให้เปลี่ยนแปลงไปในแบบที่เราชอบ อยากให้เป็นได้แล้ว  แนะนำให้ละค่ะ  ไม่งั้นคนที่ทุกข์ก็คือตัวคุณเอง อีกทั้ง เรื่องนี้เป็นละคร ไม่ใช่ชีวิตจริงนะคะ  สิ่งสมมุติ โปรดอย่าลืม!! เพิ่มเติม: ที่บอกว่าเป็นการบำรุงรักษา ไม่ได้มาจากกองละครค่ะ  กองละครเค้าไม่มาบูรณะอะไรให้หรอกค่ะ  แค่ตบแต่งให้ตรงฉากที่ต้องการเสร็จแล้วก็จากไป  แต่เชื่อว่าเจ้าของที่ได้รับค่าเช่า คงต้องมาบูรณะ ไม่งั้นปล่อยทรุดโทรมไป ใครจะมาเช่าถ่ายอีก อ้อ!! ลืมไป ละครผี อาจจะมี  ^_^ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 13:48:06 จากคุณ : himawari_dpu เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 13:44:17

ความคิดเห็นที่ 44 เจ็บ... แต่เข้าใจดี จากคุณ : ALfiO เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 13:53:27

ความคิดเห็นที่ 45 ตอนถ่ายมงกุฏดอกส้มก็เป้นบ้านเจ้าสัวมากรักขนาดนั้นมาแล้ว อีกอย่างละครก็คือละคร  ไม่ใช่เรื่องจริง บ้านไม่ได้ถูกเอามาทำอาบอบนวดจริง ๆ สักหน่อย จากคุณ : chan-rak-thong-fa เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 14:37:33

ความคิดเห็นที่ 46 คนดูละครนั้นมีสมอง ถึงแม้ไม่ได้ปราดเปรื่องไปเสียทุกคน แต่ก็แยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ เครดิต อาจารย์ถ่ายเถาว์ จากคุณ : สเต็กเนื้อชุ่มฉ่ำ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 14:48:09

ความคิดเห็นที่ 47 มันละคร ไม่ใช่ของจริง มีคนตายในบ้านนั่นก็ละคร ไม่ได้ตายจริง เป็นโรงโสเภณีก็เป็นเรื่องสมมุติ ไม่ใช่ของจริง คนเล่นในนั้นก็นักแสดงที่เป็นคนที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไม่มีใครเป็นโสเภณีจริงๆ ถ้ามันถูกเอาไปเป็นโรงโสเภณีจริงๆ คงรู้สึกอินไปกะจขกท.ด้วย ย้ำอีกทีว่ามัน  "ละคร"   ครับ  แยกแยะให้เป็นนะครับ "ถือ"มาก ก็"ทุกข์"มาก พระท่านให้ปล่อยวางครับ จากคุณ : seven-elephant เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 14:48:39

ความคิดเห็นที่ 48 เยอะ จากคุณ : Viva Las Vegas เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 15:02:13

ความคิดเห็นที่ 49 พอจะทราบครับว่าเป็นละครและก็ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ผมก็ไม่ได้เรียกร้องให้ใครมาคิดเหมือนผม ถ้าความรู้สึกส่วนตัวของผมมันดูไร้สาระ แยกแยะไม่ออก หรือเยอะ ก็ต้องขออภัยทุกคนด้วย จากคุณ : โมโนแมน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 15:15:23

ความคิดเห็นที่ 50 เข้าใจความรู้สึก จขกท.ค่ะ คนเคยวิ่งเล่นอาศัยอยู่ในนั้น ความผูกพัน และ หลายๆอย่าง แต่จู่ๆที่แห่งนั้นก็กลับกลายมาเป็นฉากโรงโส่ภณี แม้จะเป็นละครก็เถอะ ปล บางคห.พูดจาได้น่าเกลียดมากเลยค่ะ จากคุณ : the pretty pill เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 15:22:48

ความคิดเห็นที่ 51 เข้าใจ จขกท มากเลยครับ  เพราะ....บ้านพระอาทิตย์ของคุณทวดผมก็กลายเป็นสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ของสนธิ ความรู้สึกของผมมันกระอักกระอ่วนทุกครั้งที่นึกถึง  แต่ก็คงต้องปลงครับ จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 15:46:24

ความคิดเห็นที่ 52 เราก็คนบ้านโป่งแต่กำเนิดเหมือนกัน เราเคยเห็นที่นี่ด้วย แต่ว่ากาลเวลาต่าง ๆ มันเปลี่ยนไป  แต่ก็เข้าใจความรู้สึกเจ้าของกระทู้นะคะ ^^ จากคุณ : guessy เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 16:09:34

ความคิดเห็นที่ 53 เข้าใจ และ ไม่เข้าใจ จากคุณ : POT BLACK เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 16:30:58

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านแล้วก็รู้สึกว่าลึก ๆ แล้วก็จุกเหมือนกันนะ แม้ว่านั่นคือละครแต่มันคือสิ่งที่ทำให้คนจดจำ ถ้าวันนึงคนที่ดูละครเรื่องนี้ไปเห็นบ้านหลังนี้ก็คงพูดว่า " นี่ไงบ้านหลังนี้แหละที่เคยใช้ถ่ายในเรื่องทาสรักนะ เค้าทำที่นี่เป็นโรงโสเภณีงัย " ฟังแล้วมันก็เจ็บนะสำหรับคนที่เคยอาศัยใบบุญในบ้านนี้ เอ้อ สังคมเปลี่ยน อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปจริง ๆ จากคุณ : arich_K เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 17:14:29

ความคิดเห็นที่ 55 สะเทือนใจ จากคุณ : ปูใบไม้ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 17:15:53

ความคิดเห็นที่ 56 เข้าใจและเห็นใจค่ะ เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยวาง จากคุณ : varada เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 17:29:58

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดเห็นที่ 51 อันนี้จริงๆ เลยรึเปล่าคะ จากคุณ : กิมเต๊งน้อย เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 17:31:35

ความคิดเห็นที่ 58 57 จริงครับ จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 17:35:49

ความคิดเห็นที่ 59 แค่ใช้สถานที่ถ่ายละครนะ ไม่ได้ถ่ายจริง อินจัด  โอ๋ๆๆๆ จากคุณ : thursdaymarch เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 17:51:42

ความคิดเห็นที่ 60 ยึดติด ก็เป็นทุกข์ ปล่อยวาง ก็เป็นสุข ขนาดสมบัติของตัวเอง พระท่านยังสอนให้ปล่อยวาง นี่เป็นของที่ไม่เคยเป็นของเราด้วยซ้ำ ปล่อยวางง่ายกว่าเยอะครับ จะมานั่งคิดทำไม จากคุณ : GunSmoke เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 18:02:56

ความคิดเห็นที่ 61 เข้ามาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ค่ะ เข้าใจความรู้สึกคุณเลยว่าเจ็บปวดแค่ไหน ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้เอง แรกๆอาจเจ็บปวดบ้าง แต่เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น จากคุณ : ทุกอย่าง มี สองด้าน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 18:54:07

ความคิดเห็นที่ 62 เข้าใจ จขกท นะ ตอนดูอยู่ยังแอบคิดเลยว่า เจ้าของยอมปล่อยให้ถ่ายเป็นโรงโสเภณีด้วยเหรอ แต่บ้านสวยมากเลย จากคุณ : blossomblue (blossomblue) เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 19:16:52

ความคิดเห็นที่ 63 เข้าใจจขกท. แต่ก็อยากให้ทำใจ จะได้ไม่เป็นทุกข์อ่ะค่ะ เลยขอลอกคห.1 มาหนึ่งประโยค คือ หักใจคิดซะว่า อย่างน้อยไม่ว่าจะถูกใช้ทำประโยชน์แบบใด แต่ก็ทำให้ได้รับการดูแลรักษาให้สวยงามตลอดไป ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ชม ไม่เพียงแค่ชาวบ้านโป่งที่อยู่แถวนั้นเท่านั้น แต่คนอื่นๆ ที่อยู่ไกลก็มีโอกาสไ้ด้รับชมความงามนั้นด้วย ตอนดูก็คิดนะว่าถ่ายที่ไหน ทั้งตัวเรือนที่เป็นตึกและเรือนไม้ สวยจังเลย จากคุณ : Ruminated เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 19:26:22

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นใจแต่ไม่เห็นด้วย จากคุณ : ทังโคริริน เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 21:14:09

ความคิดเห็นที่ 65 ไม่ว่ากัน จากคุณ : ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:06:26

ความคิดเห็นที่ 66 ทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลง.. อดีตเก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ.. แม้ปัจจุบันจะโหดร้าย ที่บ้านต่างจังหวัดเรา บ้านตา เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับลูกหลาน พอสิ้นท่าน ก็แยกย้ายกัน และขายบ้านหลังนี้ ปัจจุบันก็ยังอยู่ในซอยเดียวกัน เวลาเรากลับไป ตจว. ทีไร ก็ต้องผ่านบ้านเดิมนี่ กลายเป็นโรงงานโรงเล็กๆ ขนาดย่อมๆ ... ก้พอทำใจได้ค่ะ เพราะผ่านทีไร ก็จะระลึกถึงคุณตา และก็อธิษฐานในใจ ว่า ตา.. หนูกลับมาเยี่ยมนะคะ ... ทุกทั้งที่ผ่านอ่ะค่ะ สำหรับในกรณี จขกท. ภาพในละคร เป็นแค่เรืองสมมติ แต่ถ้าละครเรื่องหน้า ได้รับเกียรติให้เป็นวัง เป็นสถานที่สำคัญๆ จะพอหักลบความสะเืทือนใจในครั้งนี้พอได้บ้างไหมคะ จากคุณ : S@iYoJang เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:35:25

ความคิดเห็นที่ 67 ได้มีโอกาสรู้จักกับคนในตระกูลนี้คนหนึ่ง เขาเองก็บอกว่า หลายครั้งมองไปที่บ้านหลังนี้แล้วก็สะท้อนใจว่าไม่สามารถรักษาสมบัติของตระกูลไว้ได้ แต่คุณพี่เขาก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเวลาคุยกัน ในอินเดียมี บางวังต้องเอามาทำเป็นโรงแรม เป็นที่ท่องเที่ยว เพราะว่าค่าดูแลรักษามันสูง ลูกหลานก็ไม่ไหวเหมือนกัน จากคุณ : green light...go เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 22:38:59

ความคิดเห็นที่ 68 บ้านตราไก่ เราก็เรียกมาตั้งแต่เด็ก(คนบ้านโป่งเหมือนกัน) แอบตกใจตอนเห็นในละคร แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นแค่ฉากๆหนึ่ง จขกท.อย่าคิดมากเลยนะคะ จากคุณ : mmmsaka เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 00:08:48

ความคิดเห็นที่ 69 เข้าใจความรู้สึก จขกท นะคะ ถ้าเป็นบ้านเราเอง เราก็คงรู้สึกไม่ต่างกันสักเท่าไหร่   แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่เจ้าของเค้านั่นล่ะค่ะ ในเมื่อเค้าอนุญาตให้กองละครเข้าไปถ่ายทำ   เราก็ทำอะไรไม่ได้ ต่อให้มันจะถูกจำลองเป็นอะไรก็ตาม เพราะตามเงื่อนไข เท่ากับว่าเค้ายินยอมให้ใช้สถานที่ไปแล้ว   คนที่ไม่มีความผูกพันกับสถานที่ เค้าคงไม่รู้สึกอะไร ต่างกับคนที่เคยอยู่เคยอาศัย   แต่ขอบอกตรงๆ นะคะ ในฐานะผู้ชม เรารู้สึกชื่นชอบ ชื่นชมบ้านหลังนี้นะคะ   ไม่เคยคิดในแง่ไม่ดีเลยค่ะ คิดชมตลอด ว่าบ้านสวยมาก   เชื่อว่าผู้ชมหลายๆ คนก็คงคิดเหมือนเราค่ะ จากคุณ : CutieAngel เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 15:53:44