ความคิดเห็นที่ 1 2.การพยายามยัด เยียดขายบัตรซื้อตั๋วตามตู้อัตโนมัติ และ การบีบให้ลูกค้าต้องต่อคิวยาวๆด้วยการเปิดช่องขายตั๋วเพียง 1-2 ช่อง แล้วปล่อยให้คิวยาว และระหว่างนั้นก็จะส่งทีมขายมายัดเยียดขายบัตรเติมเงินอัตโนมัติ โดยอ้างว่าไม่ต้องต่อคิว ทั้งๆที่ช่องขายตั๋วคุณว่าง ทำไมคุณไม่เอาพนักงานขายบัตรเหล่านั้นมาทำการขายบัตรตามปกติ นอกจากนี้ยังบีบบังคับด้วยการประกาศบอกว่า มีช่องด่วนพิเศษ สำหรับคนที่จะซื้อบัตรพร้อมป็อปคอร์น โดยไปซื้อได้เลยไม่ต้องต่อคิว นอกจากนี้ ในช่องขายที่น้อยอยู่แล้ว พอถึงคิว พนักงานก็ยังหว่านล้อมชวนซื้อตั๋วล่วงหน้า ชวนสมัครบัตรเอ็มเจนเนอเรชั่น ช่องมีน้อยอยู่แล้ว พนักงานชวนขายของ ถามว่าเคยคิดถึงลูกต้าที่ต้องรอไหม ตอบว่าคิด คิดว่าทำยังไงลูกค้าจะหมดความอดทนแล้วยอมควักเงินจ่ายบัตรอัตโนมัต นี่คือการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างที่สุดของเครือเมเจอร์   การ จำหน่าย บัตรแทนเงินสด ในการซื้อตั๋วหนัง เพื่อนำไปซื้อตั๋วที่ตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค ที่ต้องการความสะดวกสบาย ความทันสมัย และรวดเร็วมากขึ้นในการซื้อบัตรชมภาพยตร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเพิ่มตัวเลือก ในการเลือกใช้บริการมากกว่า ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ ทั้งที่ช่องจำหน่ายบัตร หรือ เพื่อความสะดวกยิ่งขึ้น สามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้จำหน่ายบัตรชมภาพตร์อัตโนมัติได้เลย ซึ่งหลักการคล้ายคลึงกับ ธนาคาร ที่มีตู้ ATM เพื่อสร้างความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นให้กับลูกค้า ในการทำ ธุรกรรม   อีกทั้งการเพิ่มทางเลือกในการซื้อบัตรชมภาพยนตร์ที่ตู้อัตโนมัติ ถือได้ว่า เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของโลกยุคใหม่ ที่ต้องการความรวดเร็ว และคล่องตัวในทุกบริการที่เกิดขึ้น สำหรับ การจำหน่าย บัตรสมาชิก เป็นการจัดทำขึ้นเพื่อให้เรารู้จักผู้บริโภคให้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคแบบ one on one อีกทั้งยังรับได้สิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกมาย อาทิ สามารถซื้อบัตรชมภาพยนตร์ได้ในราคาสมาชิก   ทุกครั้งของการซื้อบัตรชมภาพยนตร์ ซื้อป๊อปคอร์น ยังได้รับ แต้มสะสม เพื่อแลกรับของรางวัลมากมาย หรือ ได้รับสิทธิ์ ชมภาพยนตร์รอบ Premier ก่อนใคร ซื้อบัตรคอนเสิร์ต ในราคาพิเศษ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นบริการทางเลือก เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของผู้บริโภคเป็นสำคัญ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 20:23:23 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 19:57:27 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 19:56:34 จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:56:20

ความคิดเห็นที่ 2   3.ป็อปคอร์น เครื่องดื่มราคาสูงกว่าความเป็นจริง 3-4 เท่า ถามว่าสินค้าบริการเหล่านี้ ทำไมลูกค้าจึงไม่สามารถจะซื้อและนำจากข้างนอกเข้าไปได้ ในเมื่อคุณขายบริการภาพยนตร์ คุณไม่ได้ขายอาหาร ในส่วนนี้ คิดว่าเมเจอร์เอาเปรียบ และราคาป็อปคอร์น เครื่องดื่มไม่เคยชัดเจน พ่วงขายเป็นชุด  ลูกค้าสับสน จำราคาไม่ได้ เปลี่ยนแปลงบ่อย เปลี่ยนแพคเกจบ่อย ส่งผลให้บางครั้งลูกค้า มารู้ตัวอีกทีก็คือซื้อไปแล้ว ราคาไม่ชัดเจน ไม่ติดป้ายแยกขายให้ชัดเจน ในส่วนนี้ถือว่าเมเจอร์ฉ้อฉลมาก จุด จำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่ม เป็นอีกหนึ่งบริการทางเลือก เพื่อเพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์ ซึ่งทุกจุดการขายจำมีการแจ้งราคาจำหน่ายที่ชัดเจน ทั้งนี้ แนวคิดของการจำหน่ายป๊อปคอร์นและเครื่องดื่มภายในโรงภาพยนตร์นั้น จะมีรูปแบบคล้ายคลึงกับ Theme Park หรือสวนสนุก ต่างๆ ทั่วโลก คือเน้นให้ ผู้บริโภคมีประสบการณ์ร่วม ( Enjoy Experience) กับความบันเทิงที่เกิดขึ้นตรงหน้าให้มากที่สุด โดยจะมีการจัดทำ packaging ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนั้น เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพื่อให้ลูกค้าได้นำกลับบ้านไป เพื่อเป็นของที่ระลึก แทนความประทับใจที่มีต่อภาพยนตร์ หรือ คาแรคเตอร์ ในเรื่องนั้นๆ คล้ายเวลาที่เราไปเที่ยวสวนสนุก ทั้งนี้ นโยบายการนำอาหารภายนอกเข้าโรงภาพยนตร์ เป็นนโยบายสากล ของโรงภาพยนตร์ และธุรกิจบริการทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อรักษาบรรยากาศในการชมภาพยนตร์ของลูกค้าทุกท่านภาพในโรง ให้ได้รับความบันเทิงสูงสุดในการชม โดยไม่เกิดกลิ่นรบกวน ผู้ชมรอบข้าง อีกด้วย   ดังเช่น ธุรกิจบริการอื่นๆ อาทิ ร้านอาหาร ต่างๆ ก็มิให้นำอาหาร ภายนอกเข้ามารับประทานในร้าน เป็นต้น  แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 20:24:17 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 19:58:56 จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:58:43

ความคิดเห็นที่ 3 4.โรงภาพยนต์เมเจอร์ แบบแสตนอะโลน ขอยกตัวอย่าง สาขาปิ่นเกล้า เก็บค่าที่จอดรถลูกค้า ทั้งๆที่เค้าเสียเวลาเข้ามาชมโฆษณาในโรงหนัง ถามว่าสมมุติหนัง 1 เรื่อง 90 นาที แต่โดนยัดโฆษณาไปอีก 30 นาทีก็เกิน 2 ชมแล้ว ไหนจะทานข้าว รอรอบ ยังไง 3-4 ชั่วโมงเสียแน่ๆ ลูกค้ามาจ่ายเงนใช้บริการในสถานที่ของคุณ และคุณเองก็ฉ้อโกงเวลาลูกค้าด้วยการฉายภาพยนตร์โฆษณานานๆ ทำให้ลูกค้าที่ไม่ควรจะเสียค่าที่จอดรถ ก็ต้องเสียค่าที่จอดรถ ขอถามหาความเป็นธรรมหน่อย การเก็บค่าที่จอดรถ เป็นหลักการสากล ที่ไม่ได้เกิดขึ้นที่โรงภาพยนตร์ แต่เพียงอย่างเดียว อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาล ฯ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย กับผู้บริโภคเป็นสำคัญ ทั้งนี้ นโยบายการเก็บค่าที่จอดรถ ขึ้นอยู่ กับข้อตกลง ของพื้นที่ตั้งนั้นๆ จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 19:59:45

ความคิดเห็นที่ 4 5.พนักงานแก้ปัญหาแบบขอไป ที เวลาถามว่า โฆษณานานไหม พนักงานมักบอกว่า 30 นาที รอหนังฉายค่อยเข้า และเคยคิดไหมว่า คนที่เข้าทีหลัง เดินแทรกเก้าอี้เข้าไป ไหนจะเยียบขา ไหนจะบังคนข้างหลัง รบกวนสมาธิ นี่คือการแก้ไขปัญหาเหรอ ขณะนี้ เรามี การควบคุมและมาตรฐาน ของการฉายโฆษณาภายในโรงอย่างชัดเจนแล้ว เพื่อให้ผู้บริโภคมีความพึงพอใจสูงสุดค่ะ จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:00:17

ความคิดเห็นที่ 5 6.กำหนด ราคาหนังเอง ตามทุนสร้างและฟอร์มของหนังตลอดจนหนังฮิต ปี 2553 ทไวไลท์กับแฮรี่พ็อตเตอร์ เพิ่ม 20 บาททุกที่นั่ง ด้วยเหตุผลเป็นหนังทุนสูง ซึ่งไม่รู้ว่าเหตุผลแบบนี้มันสมควรเหรอแล้วหนังทุนต่ำทำไมไม่ลดราคา ภาพยนตร์ แต่ละเรื่อง และ โรงภาพยนตร์ แต่ละแห่ง มีต้นทุนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ ที่ตั้ง วัสดุอุปกรณ์ที่เลือกใช้ คุณภาพ ในการผลิต เฉกเช่น ธุรกิจบริการทางเลือก ประเภทอื่นๆ อาทิ โรงแรม และ สายการบิน ที่มีราคาที่หลากหลาย แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ เวลา สาขา และ ที่ตั้ง ที่หลากหลาย และ แตกต่างกันไป เพื่อให้ผู้บริโภค มีทางเลือกในการใช้บริการด้วยตัวเอง   จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:01:03

ความคิดเห็นที่ 6 สุดท้ายนี้ อย่าบอกว่า ไม่ได้มีใครบังคับให้คุณเข้ามาดู แต่อย่าลืม ศิลปะและการเสพศิลปะคือความต้องการพื้นฐานของสัตว์โลก ภาพยนตร์คือสิ่งที่มนุษย์เสพได้ และมันคือกิจกรรม การเสพงานศิลป์ การเปิดตาเปิดโลกกว้าง และมันคือความบันเทิงของคนเมือง ของคนไทย และเมเจอร์เองก็ยึดหัวหาดเสียจนเรียกได้ว่า นี่คือธุรกิจผูกขาดไปแล้ว วอนเมเจอร์ช่วยตอบคำถาม การพัฒนาเพื่อให้อุตสาหรรมภาพยนตร์ไทยแข็ง แรงและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต้องอาศัย วิศัยทัศน์ที่กว้างไกลเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ทางเราตระหนักดีว่า ภาพยนตร์คือสิ่งที่มนุษย์เสพได้และเป็นความบันเทิงของคนเมืองที่ใกล้ตัวที่ สุด ดังนั้น เราจึงมีการขยายสาขา ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย ให้เข้าใกล้และตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคให้ทั่วถึงมากขึ้น อีกทั้งยังมุ่งมั่นในการบริการ การออกแบบ โรงภาพยนตร์ การนำเก้าอี้ แปลกๆ ใหม่ๆ ระบบการฉายภาพยนตร์ที่หลากหลาย และนำเทคโนโลยี ความทันสมัยต่างๆ มาสู่โรงภาพยนตร์ในเมืองไทย ให้ได้มาตรฐาน และ คุณภาพเทียบเท่า ระดับโลก ไม่น้อยหน้าประเทศใดๆในโลก    ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เกิดอรรถรสในการชมภ่าพยนตร์ที่สูงสุด เมื่อพัฒนา สินค้าและบริการให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพแล้ว เราเชื่อมั่นว่า จะสามารถนำพาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศขยายตัวได้มากขึ้นเมื่อคนดู หนังมากขึ้น ผู้ผลิตภาพยนตร์ก็จะมีกำลังใจในการผลิตภาพยนตร์มากขึ้น อีกทั้ง เมื่อเทียบกับ คุณภาพและบริการของโรงภาพยนตร์ในเมืองไทยที่ได้รับ กับ ราคาบัตรชมภาพยนตร์ทั่วโลก ถือได้ว่า การชมภาพยนตร์ภายในโรงภาพยนตร์ในเมืองไทย ถือ เป็นอีกหนึ่งความบันเทิงของคนเมือง ที่หาเสพได้ใกล้ตัวและคุ้มค่าจริงๆ จากคุณ    : Operation Support   เขียนเมื่อ    : 9 มิ.ย. 54 16:27:36 จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:01:51

ความคิดเห็นที่ 7 สุดท้าย ในส่วนของเจ้าของกระทู้ คงจะไม่คาดคั้นอะไรจากเมเจอร์แล้ว แต่อยากจะให้ผู้บริโภคทุกคน ใช้วิจารณญาณก็แล้วกัน เพราะถ้าเกิดมาเป็นคนรักหนัง เรายังพอมีทางเลือกอะไรกันบ้าง ขอขอบคุณทางเมเจอรืที่สละเวลามาชี้แจงนะครับ จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:03:33

ความคิดเห็นที่ 8 ควบคุบอะไรของคุณ จากคุณ : june_ju เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:17:21

ความคิดเห็นที่ 9 ได้อ่านใน fb แล้ว ตอบไม่ตรงคำถามสักคำถาม ส่วนกระทู้นี้ ตัวหนังสืออ่านยากมากครับ ปรับเป็นฟอนท์ธรรมดาแบบที่เราอ่านๆกัน และไม่ต้องใช้ตัวเอน เปลี่ยนแค่สีอย่างเดียว  จะอ่านง่ายกว่ามาก จากคุณ : เย็นสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:18:01

ความคิดเห็นที่ 10 เอ่อออ...คือว่า..ตอนนี้ถ้าหนังไม่สนุกจริงผมก็ไม่ไปดูเพราะค่าตั๋วแพงเหลือเกิน...   เมื่อก่อนดูทุกเดือน...เดี๋ยวนี้ดูปีล่ะไม่เกิน 5 เรื่อง...นอกนั้นก็....ดูที่บ้านแล้ว... จากคุณ : pediee เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:19:01

ความคิดเห็นที่ 11 ชี้แจงแล้ว... ขอบคุณมากเมเจอร์ แต่ก็นะ ฅนกรุงอย่างผมก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี บอกตรงๆ กรุงเทพมันไม่มีที่จะไปจริงๆ นะ ไม่ดูหนังก็ต้องไปหาเหล้ากินแก้เซ็ง เรามันฅนตัวเล็กๆ รายได้ต่ำ แต่สะเออะอยากคลายเครียดก็ต้องทนและรับสภาพแบบนี้ต่อไปนะ จากคุณ : แบร์วิชสีฟ้า เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:19:48

ความคิดเห็นที่ 12 อื่ม ถ้าไม่มีปัญญาอธิบายอะไรเป็นภาษามนุษย์ให้กระจ่างกว่านี้ก็นั่งอยู่เฉยๆต่อไปเถอะ บอกตรงๆคุณเมเจอร์ก็แค่พูดวกไปวนมาอยู่กับเรื่องคุณภาพมาตรฐานเพื่อมอบสิ่งที่ดีให้กับผู้บริโภค แต่เอาเข้าจริงจากลูกค้าที่เคยเข้าไปสัมผัสกับการบริการ มันตรงกันข้างหนิคุณ เขารู้สึกว่ายังถูกเอาเปรียบอยู่ดีต่อให้คุณพยายามยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้างเรื่องต้นทุนบลาๆ อย่าโกหกตัวเองสิเมเจอร์ ถ้าต้นทุนมันสูงอย่างที่ว่าจริงทำไมโรงหนังอื่นเขาขายถูกกว่าคุณได้ล่ะ หนังเรื่องเดียวกัน ขนมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ *** มาดูอีกทีพิมพ์ผิดเยอะมาก กลับมาแก้อีกครั้งค่ะขออภัย .... แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 08:43:40 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 20:32:05 จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:30:16

ความคิดเห็นที่ 13 ตั๋วแพงมากค่ะ เลยเลือกดูที่เครือเอเปกซ์มานานละ ถ้าเรื่องไหนอยากดู 3D ค่อยไปดูเอสเอฟ ไม่ก็เมเจอร์ จากคุณ : chiranu เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:31:26

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าควบคุมให้ลูกค้าพอใจสูงสุดจริง คงไม่มีคนออกมาบ่นด่ามากมายขนาดนี้หรอก ตอบแบบ PR มากๆ อีกอย่าง ไม่เห็นอธิบายเลยว่า ทำไมหนังบางเรื่องขึ้นราคาตามอำเภอใจ โรงอื่นเขาก็ฉายเรื่องเดียวกัน ทำไมเขาควบคุมต้นทุนได้ ไม่ต้องเพิ่มราคา แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 20:36:54 จากคุณ : Yippie เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:36:36

ความคิดเห็นที่ 15 ขอยกข้อความบางส่วนของคห.สองมานะคะ บางส่วนของคำตอบ "ทั้งนี้ นโยบายการนำอาหารภายนอกเข้าโรงภาพยนตร์ เป็นนโยบายสากล ของโรงภาพยนตร์ และธุรกิจบริการทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อรักษาบรรยากาศในการชมภาพยนตร์ของลูกค้าทุกท่านภาพในโรง ให้ได้รับความบันเทิงสูงสุดในการชม โดยไม่เกิดกลิ่นรบกวน ผู้ชมรอบข้าง อีกด้วย   ดังเช่น ธุรกิจบริการอื่นๆ อาทิ ร้านอาหาร ต่างๆ ก็มิให้นำอาหาร ภายนอกเข้ามารับประทานในร้าน เป็นต้น"  บางส่วนของคำถาม คุณขายบริการภาพยนตร์ คุณไม่ได้ขายอาหาร เจ็บสีข้างไหม.... จากคุณ : ayarew เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:39:20

ความคิดเห็นที่ 16 ขัดใจคำตอบข้อ 6 สุดๆค่ะ ถ้าหนังดังแล้วขึ้นราคา ก็ไม่เห็นว่าโรงหนังที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไปตรงไหนเลย เก้าอี้ก็ของเดิม อะไรใช้ของก็เดิมๆ สถานที่ก็ที่เดิม วันเวลาก็เดิมๆ โฆษณาก็เยอะเหมือนเดิม ฯลฯ ถ้าขึ้นราคาแล้วเห็นความแตกต่างชัดเจนเช่นหน้าจอหนังคมชัดสุดๆสมราคา มีระบบปราบผีต่างๆไม่ให้มากวนใจ มีการปูพรมให้ลูกค้า เก้าอี้มีหมอนแถมให้ พนักงานยืนตอนรับเป็นเป็นแถว ฯลฯ ที่อ่านมาหลายๆข้อตอบไม่ตรงคำถามเลยอ่ะ --แก้คำผิดค่ะ-- แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 20:47:19 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 20:41:40 จากคุณ : ช้อนขนมหวานตักไอติม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:40:32

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ทราบว่าทางเมเจอร์ อ่านคำถามเข้าใจรึเปล่า ตอบไม่ตรงคำถามซักข้อ แถ ไปเรื่อย ที่คุณว่า มีการแบ่งราคาขายให้ลูกค้าเลือก มันคือหลัก การแบ่งแยกราคาขาย (Price Discrimination) ชัด ๆ   คือการที่ผู้ผลิต/ขาย ตั้งราคาสินค้าชนิดเดียวกันไว้หลายราคา (แม้ต้นทุนจะเท่ากัน) โดยกำหนดราคาแตกต่างกันไปสำหรับผู้ซื้อแต่ละกลุ่ม เช่น ตั้งราคาแพงสำหรับกลุ่มรายได้สูง ราคาถูกลงสำหรับกลุ่มที่รายได้ต่ำกว่า ตั้งราคาสูงกับผู้ใหญ่ ตั้งราคาต่ำสำหรับเด็ก ตั้งราคาต่ำลงในบางช่วงเวลา ตั้งราคาที่นั่งไม่เท่ากันในการซื้อตั๋วชมภาพยนต์ มันเป็นหลักเศรษฐศาตร์ง่ายๆ ที่ตลาดผูกขาดอย่างคุณนำมาหากำไรที่เพิ่มมากขึ้นไม่ใช่มาแก้ตัวว่าที่มีราคาขายแตกต่างเพราะทำเพื่อเราจะได้มีทางเลือกมาขึ้น จากคุณ : เด็กหญิงคนเลี้ยงห่าน เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:43:13

ความคิดเห็นที่ 18 ระดับโลก... จากคุณ : สีใบตอง จัดกลางหน้า เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:47:38

ความคิดเห็นที่ 19 ในเมื่อสามารถหน้าทนออกมาแถแก้ตัว(ไม่ขึ้น)ได้ถึงขนาดนี้... สรุปก็คือ... " ฉันทำถูกแล้ว เหมาะสมแล้ว...เอ็งไม่พอใจก็เรื่องของเอ็ง...กรูไม่สนใจหรอก...อยากดูก็ดู ไม่อยากมาดูก็เรื่องของเอ็ง " เราก็คงได้แต่ปลง.... เท่าที่ทำได้ก็คือ...เลิกไปดูหนังที่โรงเครือนี้..... จบ!!! จากคุณ : .....**{-_-!}**..... (สางฝอย) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:49:16

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านดูแล้วเหมือนหุ่นยนตร์โดนโปรแกรมมาให้ตอบคำถามเลยแฮะ และที่บอกว่าทำเพื่อให้ลูกค้าได้ความพอใจสูงสุด น่าจะเปลี่ยนจากลูกค้าเป็นผู้ถือหุ้นมากกว่านะ จากคุณ : udom_su เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 20:53:45

ความคิดเห็นที่ 21 - ทำไมนำน้ำดื่มภายนอกเข้าไปไม่ได้ น้ำดื่มไม่มีกลิ่นเหมือนป๊อบคอร์นด้วยซ้ำ ไม่มีเลอะเทอะแน่ๆ - รู้แล้วว่าหนังฟอร์มยักษ์ทุนสูง สำหรับผู้สร้างน่ะใช่ แต่ยังไม่รู้ว่า สูงสำหรับโรงฉายตรงไหน - ไม่ได้ถามถึงประโยชน์ของตู้ขายตั๋วอัตโนมัติเลย แต่ถามว่า ทำไมถึงมีพนักงานประจำเคาน์เตอร์ขายตั๋วน้อย ฯลฯ จากคุณ : ayres เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:02:16

ความคิดเห็นที่ 22 เ้พ้อร์เจอร์ ซินิเพล๊ก จากคุณ : น้องปามน้อย เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:07:11

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบไม่ตรงคำถามเลย เช่น ข้อ2. ต้องการรู้ว่าทำไมไม่เพิ่มพนักงานในช่องขายตั๋ว กลับได้คำตอบว่า ตู้อัตโนมัติดีอย่างไร เหอๆๆ อ่านแล้วอีดอัดจัง ข้อ.3  ไอ้ Theme park เนี่ย หมายถึงป๊อปคอร์นกล่องกระดาษลายเมเจอร์กล่องละ 60 กว่าบาท กะน้ำแก้วพลาสคิก 50 บาท ด้วยมั้ยอ่ะ ข้อ6. อันนี้ไปไกล ยังคงไม่รู้ว่าทำไมหนังไทยไม่ได้ราคาที่ถูกกว่าหนังต่างประเทศ ในเมื่อต้นทุนต่างกัน ?????? จากคุณ : Binbinkung เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:07:26

ความคิดเห็นที่ 24 ข้อ 1 บอกว่าเป็นผู้นำ student price กับ movie day แล้วถามต่อว่ามีความจริงใจแค่ไหน? พอเป็นหนังใหม่ก็ไม่ร่วมโปรโมชั่น อ้างโน่นอ้างนี่ แบบนี้เป็นผู้นำทำแป๊ะอะไรค่ะ ? ข้อ 2 เพื่อความสะดวกสบาย แต่ต้องแลกมาด้วยจำนวนเงินที่ต้องจ่ายมากขึ้น โดยการยัดเยียดป๊อบคอร์นให้เป็นของแถมสมควรแล้วเหรอ? เคยถามผู้บริโภคหรือยังว่้าต้องการการยัดเยียดเยี่ยงนี้หรือเปล่าค่ะ ? ข้อ 3 เรื่องการขายของกินราคาแพง เค้าถามว่าทำไมขายแพง 3-4 เท่า ไม่ได้บอกว่าไม่มีป้ายราคาติดไว้ เข้าใจคำถามหรือเปล่า? คิดได้ไงบอกว่า "เพื่อให้ผู้ชมมีส่วนร่วมเหรอ" ถ้าจะตอบแบบนี้บอกมาแบบจริงใจเลยดีกว่า ว่าอยากได้กำไรเยอะๆ มีไรม่ะ? ข้อ 4 เก็บค่าจอดรถเป็นหลักสากล อ้างหลักสากล แต่ลืม "หลักจริยธรรม" ไปหรือเปล่า ? ข้อ 5 เริ่มควบคุมเวลาโฆษณาแล้ว คือถ้าไม่มีคนโวย ก็คงไม่มีวันนี้ใช่หรือเปล่า? ข้อ 6 เมเจอร์จะบอกว่า เรื่องไหนได้มาถูกเราไม่ลด แต่เรื่องไหนได้มาแพง เราเก็บเพิ่ม ประมาณนี้หรือเปล่า? ... สรุปคืออ้างหลักสากลในการทำธุรกิจ จนลืมหลักจริยธรรม ในการประกอบธุรกิจ แค่นั้นเอง จากคุณ : mr_akker เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:08:10

ความคิดเห็นที่ 25 ที่เคืองที่สุดก็ที่บอกว่า "ทั้งนี้ นโยบายการนำอาหารภายนอกเข้าโรงภาพยนตร์ เป็นนโยบายสากล ของโรงภาพยนตร์ และธุรกิจบริการทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อรักษาบรรยากาศในการชมภาพยนตร์ของลูกค้าทุกท่านภาพในโรง ให้ได้รับความบันเทิงสูงสุดในการชม โดยไม่เกิดกลิ่นรบกวน ผู้ชมรอบข้าง อีกด้วย   ดังเช่น ธุรกิจบริการอื่นๆ อาทิ ร้านอาหาร ต่างๆ ก็มิให้นำอาหาร ภายนอกเข้ามารับประทานในร้าน เป็นต้น"     อยากบอกว่า โรงหนังทุกโรง ย้ำนะครับ "ทุกโรงเว้นเมเจอร์" อนุญาตให้นำขนมและน้ำ ที่ไม่ส่งกลิ่นรบกวนคนข้าง ๆ เช่น มันฝรั่ง น้ำอัดลม ฯลฯ ที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ต หรือจากร้านค้าอื่น ๆ เข้าไปได้     ขอย้ำนะครับว่า โรงหนังที่ริบเลย์จากหน้าทางเข้า แล้วให้เราไปซื้อเลย์ (อีกครั้ง) ในเคาน์เตอร์ในราคามหาแพง ก็มีแต่คุณน่ะแหละครับผม! จากคุณ : ด้วยความเคารพ... ดวกส์! (รบชนะ) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:13:02

ความคิดเห็นที่ 26 เราก็ว่าตอบไม่ตรงคำถาม เมื่อวานไปดู x men ในราคา160 บาท วันพุธนะเนี่ย บอกว่าหนังเรื่องนี้ไม่ร่วมรายการ โง่อีกแหละ ลืมพวกเงื่อนไขต่างๆนานา บ้าบอ ไปได้ไง แค่พอรู้สึกว่าเป็นวันพุธก็จะอยากดูหนัง แต่ลืมไปว่าเป็นเมเจอร์ จากคุณ : เขียนบน iPhone (banky G) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:26:51

ความคิดเห็นที่ 27 ข คำถามที่เครือเมเจอร์ควรจะต้องตอบและการบ้านสำหรับว่าที่รัฐบาลใหม่{แตกประเด็นจาก A10648962}   http://goo.gl/67iLC   เครือข่ายคนรักหนังต่อต้านการโฆษณามหาโหดของโรงหนังเครือเมเจอร์ 9,902 คนแล้ว อีกนิดเดียวจะ 10,000 คนแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 21:39:49 จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:27:26

ความคิดเห็นที่ 28 สกิลคนตอบเหมือนเป็นการรวมร่างของ นาธาน+คุณปัญญา แถและน้ำท่วมทุ่งได้สุดๆ จากคุณ : Newdogdag เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:32:25

ความคิดเห็นที่ 29 การที่นำหนังฟอรืมยักษ์เข้ามาฉาย แล้วคิดค่าตั๋วหนังเพิ่มเติมอีกที่หนั่งละ 20 บาทต่อเรื่องต่อคน แล้วมาอ้างเหตุผลเพราะว่าภาพยนตร์ แต่ละเรื่องและ โรงภาพยนตร์ แต่ละแห่ง มีต้นทุนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ ที่ตั้ง วัสดุอุปกรณ์ที่เลือกใช้ คุณภาพ ในการผลิต   อ่านดูแล้วเป็นคำตอบที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไรนัก เพราะไม่ว่าจะหนังทุนสูงทุนต่ำฟอรืมเล็กฟอร์มใหญ่ ที่ตั้งโรงหนัง วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ คุณภาพในการผลิตก็เหมือนเดิมอยู่วันยังค่ำ   ตอบแบบนี้จะดีกว่า "ทางโรงหนังในเครือเมเจอร์และทางผู้บริหารเรามีนโยบายในการทำงานที่ว่าน้ำขึ้นให้รีบตักค่ะ หนังฟอร์มใหญ่กระแสแรงเข้ามาทั้งที คอหนังส่วนใหญ่ย่อมไม่อยากพลาดชมความสนุกของหนังเรื่องนั้นๆอยู่แล้ว ซึ่งทางผู้บริหารของพวกเราเล็งเห็นถึงเม็ดเงินอันมหาศาลที่ทางเมเจอร์สามารถกอบโกยได้จากหนังฟอร์มใหญ่ จึงมีนโยบายบวกเงินเพิ่มอีก 20 บาทให้กับหนังฟอร์มใหญ่ ซึ่งพอเราเอามารวมกับเงินค่าโฆษณาที่เราได้รับ เราก้มีเงินมากพอที่จะเอามาสร้างโรงหนังแหน่งใหม่ ให้เหล่าคอหนังได้ชมกันอีกไงค่ะ" ปล.เห็นในหลายๆคำตอบที่ทางเมเจอร์นำมาชี้แจง คือ เพราะเป็นทางเลือกให้กับผุ้บริโภค  ซึ่งผู้บริโภคอย่างผมก็ต้องการทางเลือกอย่างเช่น โฆษณารวมตัวอย่างไม่เกิน 10 นาที  ไม่ขึ้นค่าตั๋วหนังแบบเอาเปรียบ เปิดช่องทางเตรียมเจ้าหน้าที่ขายตั๋วหน้าเคาร์เตอร์เยอะๆ  ไม่ทราบว่าจะมีทางเลือกเหล่านี้ให้กับผู้บริโภคอย่างผมได้รับบริการบ้างไหมครับ จากคุณ : abbas.ad เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:32:29

ความคิดเห็นที่ 30 ตอบแบบแพนเค้กมั๊กๆๆ ไม่ตรงประเด็น มีแต่น้ำ ฟังไปฟังมาเหมือนไม่ได้ตอบคำถามเลย เหมือนเอาโฆษณามาตอบคำถาม ถ้าเป็นข้อสอบ อาจจะให้แค่พอผ่านเท่านั้น ทางเดียวที่พวกเราทำได้คือ พยายามสนับสนุนคู่แข่งแทน จากคุณ : manuka honey เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 21:44:13

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นแก่ตัว จากคุณ : umbrella lullaby เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:02:29

ความคิดเห็นที่ 32 ดีนะที่บ้านผมมีตัวเลือกให้ดูได้หลายที่ แต่ละที่ไม่มีชื่อนี้ด้วย เลยสบายใจ ไม่งั้นล่ะก็มีเวียนหัวเหมือนหลายๆคนแน่ ผมดู SF สบายใจสุดๆ ใช้แต้มแลกตั๋วฟรีแม้แต่หนังใหม่ หรือวันพุธก็สามารถ ไม่มีเพิ่มเงิน ป๊อบคอร์นเหรอก็เอาคะแนนแลกหรือไม่ก็ดีแทคให้ฟรี(บางเดือน) แต่ถ้าจะซื้อก็ได้ราคาที่สบายใจ จอดรถก็ไม่ต้องจ่ายค่าที่จอด จากคุณ : korakodsan เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:06:37

ความคิดเห็นที่ 33 ถามคำเดียวจบทุกประเด้น คือ ทำไมที่อื่นทำได้กันทุกที่ แต่เมเจอร์ทำไม่ได้แค่ที่เดียว ? จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:22:54

ความคิดเห็นที่ 34 ก่อนคอมเมนท์ ขอกดโหวตก่อน 1 จึกครับ อ่านคำตอบแล้วมันรู้สึก idiot มากๆๆ มันเรียกว่าแถมากกว่า หรือไม่ก็ตอบแบบหน้าด้าน ไม่ตรงคำถามซักข้อ ##### การปรับเปลี่ยนราคาบัตรชมภาพยนตร์ เป็นไปตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าวัตถุดิบต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงและเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพให้โรงภาพยนตร์มีมาตรฐาน #####   ต้นทุนอะไรเพิ่มขึ้นครับ ค่าน้ำมัน ค่ารถขนส่งฟิล์มหนังหรือ ? ค่าเช่าพื่นที่นี่เค้าปรับขึ้นลงทุกวัน เหมือนราคาน้ำมัน ราคาทองคำหรือครับ ค่าวัตุดิบต่างๆ อย่างเช่นอะไรบ้างละครับ ป๊อบคอร์ก้เหมือนเดิมมานานสิบปี ไม่เห็นว่าจะทองคำโปรยหน้าป๊อบคอร์นซักหน่อย ##### สำหรับ ประเด็น โฆษณาในโรงภาพยนตร์นั้น  เราได้มีการควบคุม และ มาตรฐานในการ ฉายโฆษณา ไม่เกิน 10 นาที รวมตัวอย่างภาพยนต์ที่น่าสนใจที่กำลังจะเข้าฉาย อีกไม่เกิน 15 นาที #####     ไม่รู้ว่าคุณใช้นาฬิกายี่ห้ออะไรมันถึงช้ากว่าชาวบ้านเค้า ทุกครั้งที่ผมไปดู รวมโฆษณากะตัวอย่างหนัง (ซึ่งน้อยกว่าโฆษณาซะอีก)มันเกิน 20 นาทีทุกครั้งเลย ถ้าคุณยืนยันว่าไม่เกิน 15 นาที คุณจะยอมให้คนดูเอานาฬิกาไปแขวนหน้าจอในโรงหนังมั้ยครับ ######## เครื่องดื่มภายในโรงภาพยนตร์นั้น จะมีรูปแบบคล้ายคลึงกับ Theme Park หรือสวนสนุก ต่างๆ ทั่วโล ########      ทำไมต้องไปแถ อ้างไปถึงต่างประเทศ แล้วธุรกิจโรงหนัง มันไม่ได้เกียวอะไรกับธุรกิจสวนสนุกเลย มันเกียวกันด้วยหรอครับ ถ้าคุณจะเทียบทำไมไม่เทียบกับธุรกิจโรงหนัง อย่าง Apex หรือ SF ล่ะ ######## ทั้งนี้ นโยบายการนำอาหารภายนอกเข้าโรงภาพยนตร์ เป็นนโยบายสากล ของโรงภาพยนตร์ และธุรกิจบริการทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อรักษาบรรยากาศในการชมภาพยนตร์ของลูกค้าทุกท่านภาพในโร ง ให้ได้รับความบันเทิงสูงสุดในการชม โดยไม่เกิดกลิ่นรบกวน ผู้ชมรอบข้าง อีกด้วย   ดังเช่น ธุรกิจบริการอื่นๆ อาทิ ร้านอาหาร ต่างๆ ก็มิให้นำอาหาร ภายนอกเข้ามารับประทานในร้าน เป็นต้น #########      ถ้าห้ามนำอาหารเครื่องดื่มเข้าโรงหนัง แล้วที่เมเจอร์ขายนั้นมันเป็นอะไรครับ ทำไมถึงเอาเข้าโรงได้ หรือว่ามันไม่ใช่อาหารเครื่องดื่ม และธุรกิจร้านอาหารที่ไหนครับที่เค้าห้ามเอาอาหารเข้าไป คุณกินแต่มาม่าอยู่ที่บ้านรึไงครับ ถึงบอกว่าร้านอาหารเค้าห้ามเอาอาหารเข้าไปในร้าน เพราะเวลาบางทีเราซื้ออาหาร จากข้างนอกเข้าไปทานในร้าน ไปขอจานที่ร้านมาใส่ เค้ายังจัดให้เลยครับ (ฟังดู Non sense ฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้น ) จากคุณ : ชายกลาง (mytohn) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:27:50

ความคิดเห็นที่ 35 ระดับ "โลก" หรอ(วะ)คะ .. จินตนาการไปเองปะ .. นี่สภาพโรงหนังระดับ"โลก" จิงเดะ?? ทั้งการบริการ ทั้งนู่นทั้งนี้ คุณไม่ถึงหรอกคะ ช่วยเชื่อด้วย จากคุณ : ปอปลานั้นหายาก (ปอปลานั้นหายาก) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:30:59

ความคิดเห็นที่ 36 ###### ภาพยนตร์ แต่ละเรื่อง และ โรงภาพยนตร์ แต่ละแห่ง มีต้นทุนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับ ที่ตั้ง วัสดุอุปกรณ์ที่เลือกใช้ คุณภาพ ในการผลิต เฉกเช่น ธุรกิจบริการทางเลือก ประเภทอื่นๆ อาทิ โรงแรม และ สายการบิน ที่มีราคาที่หลากหลาย แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ เวลา สาขา และ ที่ตั้ง ที่หลากหลาย และ แตกต่างกันไป เพื่อให้ผู้บริโภค มีทางเลือกในการใช้บริการด้วยตัวเอง ######          นี่ก็แถไปได้แม้กระทั่ง โรงแรม สารการบิน แล้วมันเกี่ยวข้องกันยังไง อ้างไปได้เนอะ แล้วภาพยนตร์แต่ละเรื่องต้นทุนต่ำๆ ผมก็เห้นเมเจอร์ขายตั๋วราคาปกติอยู่นี่ครับ ไม่เห็นว่าตั๋วมันจะถูกตามต้นทุนหนังเลยนิ สรุปที่ตอบมาแต่ละข้อ ไม่ตรงกับคำถามเลยซักข้อ แถมอ้างนู่นอ้างนี่ ซึ่งไม่เห็นว่ามันจะเกียวข้องอะไรกันเลย อ่านดูแล้วรู้สึกไม่ต่างกับเกรียนที่ไม่ยอมรับอะไรเลยซักนิด จากคุณ : ชายกลาง (mytohn) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:34:59

ความคิดเห็นที่ 37 แถขั้นเทพ จากคุณ : kodindy เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:39:53

ความคิดเห็นที่ 38 แถ-ลง ได้ชัดเจนมาก คิดถูกที่เลิกคบเมเจอร์แล้ว หึหึ จากคุณ : Paladay เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:40:25

ความคิดเห็นที่ 39 คนตอบใช้พรรณาโวหารได้ดีนะคะ แต่เรื่องการเขียนตอบอัตนัยให้ตรงประเด็นนี่ดูท่าจะตก = = จากคุณ : fern-eva เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:41:11

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านขอชี้แจงแถ...ลง ของ เมเจอร์แล้ว อยากจะพูดดังๆ เลยว่า " อะไรของ เมิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!" จากคุณ : redgarudon เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:47:52

ความคิดเห็นที่ 41 การที่จะเป็นโรงหนังระดับโลก ต้องมีโฆษณาเยอะๆ แล้วบวกค่าตั๋วหนังแพงๆ เอาเปรียบคนดู ???? ตรงกันข้ามผมกลับเข้าใจมาตลอดว่าบริการอะไรก็แล้วแต่ ในระดับโลก คือการบริการลูกค้าที่ดี มีมาตรฐาน ผมว่าอย่าเป็นเลยครับ  ถ้าระดับโลกเป็นแบบที่คุณว่า แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 22:52:39 จากคุณ : ชายกลาง (mytohn) เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:52:06

ความคิดเห็นที่ 42 เราไม่ได้ไปดูเครือนี้มา 3 เดือน แล้วคะ เพราะเข็ดที่ต้องทนดูโฆษณานาน มาก ช่องขายตั๋วน้อย  คิวก็ยาว ยืนรอนานมากกว่าจะได้ซื้อตั๋ว จากคุณ : ระบายฝัน เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 22:58:36

ความคิดเห็นที่ 43 แถ !!!! จากคุณ : nutji เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:02:46

ความคิดเห็นที่ 44 แถจริงๆ ไปดู SF ดีกว่าสบายใจเรา จากคุณ : ข้าวมันไก่ไข่ดาวจานนึง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:09:41

ความคิดเห็นที่ 45 :-) จากคุณ : pichet152 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:09:58

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านแล้ว....  ทำไมมีแต่ความรู้สึกว่า แถ โบ้ย ไม่ตรงประเด็น -*- ' การเก็บค่าที่จอดรถ เป็นหลักการสากล ที่ไม่ได้เกิดขึ้นที่โรงภาพยนตร์ แต่เพียงอย่างเดียว อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือแม้กระทั่งโรงพยาบาล ฯ เพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย กับผู้บริโภคเป็นสำคัญ ทั้งนี้ นโยบายการเก็บค่าที่จอดรถ ขึ้นอยู่ กับข้อตกลง ของพื้นที่ตั้งนั้นๆ ' -*- -- ห้างสรรพสินค้า ซื้อของจอดฟรี4+ชม.  โรงแรมใช้บริการไปงานแต่ง แสตมป์บัตรจอดฟรี โรงพยาบาล ไปรักษา ไปเยี่ยมจอดฟรี.... โรงหนังมันเอง ไปดูหนัง เสียตังเพิ่มนะจ๊ะ สากลโลก !!!! แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 23:14:49 จากคุณ : nGeab_12 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:10:22

ความคิดเห็นที่ 47 "น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง" คำเดียวพอ จบ ไม่ต้องสาธยายต่อ จากคุณ : LINGNISM เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:13:20

ความคิดเห็นที่ 48 เหอะๆ เหมือนไปนั่งคุยกับคนบ้ายังไงอย่างงั้น ถามอย่าง แถไปชมบริการตัวเองซะงั้น สะดวกอย่างงี้ ดีอย่างงั้น ขอแซวหน่อย อิอิ ข้างล่างอ่านกันขำๆนะ คำถามที่ 1 การ ขึ้นราคาอย่างสวนความ เป็นจริง โดยอ้างว่าต้นทุนสูงขึ้น บลาๆๆๆ ตอบ ฉันทำดีที่สุดแล้ว ฉันไม่เปลี่ยน คำถามที่ 2 การพยายามยัด เยียดขายบัตรซื้อตั๋วตามตู้อัตโนมัติ ตอบ เรื่องของฉัน ฉันจะขายบัตรนี้ต่อไป โดยเอาพนักงานขายตั๋วมาขายบัตร จบมั้ย คำถามที่ 3 ป็อปคอร์น เครื่องดื่มราคาสูงกว่าความเป็นจริง 3-4 เท่า ตอบ ต้องกินของของฉันเท่านั้น ใครๆก็ทำกัน ( ใครว้าาาา ) คำถามที่ 4 โรงภาพยนต์เมเจอร์ แบบแสตนอะโลน ตอบ เจ้านายไม่ให้เก็บค่าเข้าห้องน้ำเพิ่มก็บุญแล้วนะคะ คำถามที่ 5 พนักงานแก้ปัญหาแบบขอไป ที เวลาถามว่า โฆษณานานไหม ตอบ ขณะนี้ เรามี การเพิ่มระยะเวลาของการฉายโฆษณาภายในโรงอย่างชัดเจนแล้ว เพื่อให้ผู้บริหารมีกำไรสูงสุดค่ะ คำถามที่ 6 กำหนด ราคาหนังเอง ตามทุนสร้างและฟอร์มของหนังตลอดจนหนังฮิต ปี 2553 ตอบ ค่าใช้จ่ายแต่ละที่ไม่เท่ากันคะ ยิงโฆษณาเยอะ ที่นั่งเล็ก ทางเดินแคบ ค่าเข้าชมยิ่งแพงคะ จากคุณ : หล่อสงบ สยบนิชคุณ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:14:16

ความคิดเห็นที่ 49 สีข้างคงถลอกน่าดู???????? จากคุณ : hyacin เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:16:20

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบคำถามแต่ละข้อ แถจนสีข้างไม่เหลือแล้วมั้งเนี่ย ตรูไม่ใช่ฟายนะเว้ยเฮ้ย ตอบแบบนี้ไม่ต้องตอบดีกว่าไหม ดีนะที่แถวบ้านมีหลายโรงให้เลือก จำได้ว่าไม่ได้เข้าดูโรงเมเจอร์มาหลายปีแล้ว จากคุณ : phraram2006 เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:18:14

ความคิดเห็นที่ 51 "ไปไหนมา สามวาสองศอก" คิดได้อีกสำนวน จากคุณ : LINGNISM เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:19:14

ความคิดเห็นที่ 52 ขออณุญาติ ก๊อปความเห็นจากกระทู้ ก่อนหน้านี้มาลงและเพิ่มเติมในหลายจุดครับ เพราะเห็นว่าเป็นเนื้อหา แย้งกับคำชี้แจงของเมเจอร์ทั้งสิ้น เปรียบกับร้านอาหารไม่ได้ครับ เพราะร้านอาหารนั้นมีหลากหลายรูปแบบหลากหลายร้านหลากหลายระดับ ตามใจเลือก ไม่ได้มีกระแสการแข่งขันรุนแรงแบบฆ่ากันให้ตายผูกขาดตลาด ในวงแคบ แบบโรงหนัง ดังนั้นร้านอาหารจึงมีทางเลือกอยู่มากมาย ถามหน่อยครับว่าพวก บิ๊กซี โลตัส คาฟูร์ทั้งหลาย ของใช้ในห้างเขา ก็มีทั้งสิ่งที่จำเป็นและไม่จำเป็น มีทั้งคุมราคาและไม่คุมราคา และก็มีทั้ง สิ่ง "ฟุ่มเฟือย" อยู่ในห้างนั้น แต่ทำไมเขายังต้องโดน รัฐบาล ทำการกีดกัน ไม่ให้เกิดการผูกขาด ตลาดและ ให้ไปเปิดได้เฉพาะในเขตุโซนนิ่งเท่านั้น ทำไมล่ะครับ? นั่นล่ะ โรงหนังของคุณใช้ยุทธวิธีรวมพลังทุน ด้วยการลงทุนที่เหนือกว่า ทำให้ได้เปรียบในหลายๆเรื่อง และก็เริ่มด้วยการทำราคาให้สูสีกับโรงอื่นๆ พอโรงอื่นตายกันหมด ตัวเองยึดตลาดได้ ทีนี้ก็ อัดราคาแพงกระฉูดเข้าไปเลย ถ้าธุรกิจต่างๆใช้วิชาแบบคุณกันหมด บ้านเมืองน่าอยู่ไหมครับ? สำหรับโรงหนัง มันคือสิ่งจำเป็นครับไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย เพราะมันคือสิ่งที่ช่วย สร้างความผ่อนคลาย สร้างสุขภาพจิตที่ดีให้กับพลเมืองได้ แท้ที่จริงแล้วโดยนัยยะของมัน มีความต่างจากสินค้าและธุรกิจฟุ่มเฟือยประเภทอื่นๆอยู่มาก อีกทั้งยังเป็นที่ ใช้บริการตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดง  ไปจนถึงแก่เฒ่า มันควรเป็นที่ให้บริการสำหรับชนทุกระดับชั้น มันคนละอย่างกับผับบาร์ จะเอาไปเปรียบบริบทเดียวกันมิได้ อีกทั้งโรงหนังก็ยังแข่งขันกันในวงแคบๆ และมีลักษณะจ้องทำลายคู่แข่งขัน แล้วผูกขาด อีกทั้งยังคิดจะจัดทำราคาโรงหนังให้เป็นระดับไฮโซ ไม่ใช่โรงหนังเพื่อประชาชนคนทั่วไป ในขณะที่ตัวเลือกมีน้อยแบบนี้ คุณจะสร้างมิติใหม่ของวงการโรงหนังใช่ไหมครับ ว่าต่อไปนี้โรงหนังคือที่พักผ่อนของคนมีระดับเท่านั้น  คนใจไม่ถึงอย่าสะเออะ? อีกทั้งจะอ้างว่าฆ่าโฆษณา แบ่งเบาภาระค่าตั๋วได้นั้น เรื่องนี้ได้รับการตรวจสอบแบบละเอียดยิบแล้วหรือยังว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ อย่าว่าแต่ดูพฤติกรรมการขายขนมและน้ำก็น่าจะพอรู้ถึงสันดานได้ไม่ยาก ว่าประกอบธุรกิจด้วยความสมเหตุสมผลหรือไม่ อีกทั้งจะไปยกอ้างราคาค่าตั๋วของเกาหลีหรือของประเทศเจริญอื่นๆไม่ได้เพราะนั่นค่าครองชีพต่างกัน มีปัจจัยอื่นๆเข้ามาร่วมอีกมาก ส่วนกรณีการขายอาหารเกินราคานั้น ทำไมร้านขายขนมและน้ำทั่วไปที่ขายราคาแพงเกินจริง ทำไมจึงมีสิทธิโดนฟ้องจับได้ แต่ทำไมร้านขายขนมน้ำหน้าโรงหนังใครทำอะไรไม่ได้? ถ้าจะอ้างว่าไม่พอใจซื้อก็อย่าซื้อทำไม ไม่ให้ร้านอื่นๆทำแบบนี้ด้วยได้? โดยเฉพาะน้ำเปล่าซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการรักษาสุขภาพของร่างกาย ไม่ควรเป็นสินค้าที่จะมีผู้ใดจะถือดีมากีดกันห้ามนำยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้เข้าไป และต้องซื้อแต่ยี่ห้อตัวเองที่ตัวเองทำการขูดรีด ในขณะเดียวกันจะไปเปรียบกับพวก สินค้าไฮเอนด์ สินค้าไฮโซของแพงนั้นคนละเรื่องเลย เพราะมันมีบริบทที่ต่างกันมากมายหลายจุด การทำตลาดการสร้างชื่อสินค้า และเอกลักษณ์ของสินค้า และความเป็นมาในธุรกิจ  มันยังดูมีศิลปมีโครงสร้างอยู่บ้าง แต่สิ่งที่โรงหนังนี้กำลังทำ มันคือการหน้าเลือดเห็นๆ ไม่มีศิลปอะไรทั้งสิ้น อาศัยการขูดรีดราคาเข้าไปตรงๆ อาศัยการสับปรับเล่นกล เล่นแง่เทคนิคแพรวพราว ที่วิสัยโจรพึงกระทำ  มันไม่ใช่เรื่องที่จะไปเปรียบกับพวกสินค้าธุรกิจแบรนด์อื่นๆที่เขาพยายามที่จะรักษาภาพพจน์สินค้าของเขากันสุดชีวิต หรือถ้าจะอ้างว่า บริษัทโรงหนังแห่งนี้ทำทุกอย่างไม่ผิดกฏหมาย โกงในเกมได้แนบเนียน แต่ก็ต้องเข้าใจเช่นกันว่า ประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิ์ที่จะด่าได้ มันคือสิทธิที่ประชาชนจะบ่นจะด่า แม้ว่าสิ่งนั้นจะชอบด้วยกฏหมายก็ตาม เพราะกฏหมายเป็นกลไกลที่ต้องได้รับการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ มันยังมิใช่สิ่งชอบธรรมร้อยเปอร์เซนต์ที่จะชี้ถูกชี้ผิดในสัญชาติญาณมนุษย์ ในขณะที่บางคนอาจออกมาห้ามปราม ว่าพวกคนที่ไปต่อว่าโรงหนังทำไม อย่างงู้นอย่างงี้ ประจานเขาต่อต้านเขาแอนตี้เขาแล้วได้อะไร เหนื่อยเปล่าๆ บางที คุณเอง คุณไม่แปลกใจตัวเองบ้างหรือว่า แล้วคุณมาเป็นเหนื่อยห้ามปราม คนที่เขาด่าเพื่ออะไร? ที่ใดมีแรงกดที่นั่นก็มีแรงผลัก อย่างน้อยแม้นว่าบริษัทนั้นจะยังมี คนดูอยู่เช่นเดิม เสียงต่อต้านไม่อาจทำอะไรได้ ซึ่งผมก็เห็นว่ามันก็เป็นไปได้ เพราะชาติเราก็มีคนรวยที่เป็นประเภทที่จ่ายโดยไม่คำนึง เยอะอยู่ซะด้วย และมันก็จะเป็นโรงหนังสำหรับคนชั้นสูง ที่จ่ายเงินสนับสนุนบริษัทนี้ให้ผูกขาดโรงหนังและกดหัวคนจนๆอย่าได้สะเออะมาเรียกร้องอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแม้ว่าโรงหนังจะไม่เจ๊งหรือิไม่เปลียนอะไรทั้งนั้น เพราะมีปัจจัยที่ว่าคอยให้ท้ายอยู่ แต่เสียงต่อต้านก็ยังควรมีต่อไป ให้ได้ชื่อที่รู้กันทั่วว่า  ชื่อนี้มันคือ โรงหนังชั้นยอดที่ขายดิบขายดี โดยมีประชาชนตามสาปแช่ง คุณจะขายดีก็ดีไปแต่ภาพพจน์ของคุณในสังคมไม่สง่างามหรอกครับ เป็นแค่คนบางคนยังทนให้คุณกดขี่เท่านั้น แต่ไม่ได้รักคุณจากใจเลย แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 54 23:21:05 จากคุณ : ตึ๋งนิวเครียร์ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:19:19

ความคิดเห็นที่ 53 โถ ทำไปได้ จากคุณ : ไม่ได้ดูแต่รู้ทุกเรื่อง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:21:57

ความคิดเห็นที่ 54 อันนี้เพิ่มเติมกรณี สิทธิในการตรวจค้นกระเป๋า และสิทธิในการห้ามเรื่องขนมน้ำ เรื่องการห้ามนำอาหารจากที่อื่นเข้าไปนี่ผมมีความคิดเห็นว่า ในข้อกฏหมายแล้วมันไม่น่าจะทำได้นะครับ เพราะนี่มันเป็นโรงหนัง ไม่ได้จดทะเบียนเป็นร้านอาหาร ไม่ได้จดทะเบียนเป็นผับบาร์ คือหมายถึงว่า คุณไม่มีสิทธิ์ห้ามอาหารของเรา (อาหารที่ไม่รบกวนคนรอบข้างตามมาตรฐานของโรงหนัง) และถ้าเราไม่ยอมให้คุณยึดคุณก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธการให้บริการเรา  ตามกฏหมายแบบเดียว กับร้านอาหาร ถ้าไม่ขายอาหารให้ก็มีความผิด และในกรณีคิดจะผูกขาดขนมน้ำของตัวเองนั้น เหมือนคุ้นๆว่าเคยเกิดเรื่องทำนองนี้มาแล้วกับสนามบอล ของทีมไหนสักทีมในเมืองไทย ผมจำเนื้อข่าวไม่ได้ชัดเจน แต่ทำนองว่าสนามบอลนั้นมีบริษัทอาหารฟาสฟู๊ดชื่อดังคิดจะมากีดกัน ห้ามแฟนบอลเอาอาหารอย่างอื่นเข้าไป และต้องซื้อแต่ยี่ห้อนี้เท่านั้น  และท้ายที่สุด บริษัทนี้ก็ไม่สามารถมีอำนาจที่จะทำได้ โรงหนังเองก็น่าจะเช่นกัน ถ้าโรงหนังห้ามนำน้ำและขนมจากที่อื่นเข้าไปได้ล่ะก็ เห็นที โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ห้างร้าน ตลาด มีหวังห้ามได้หมดล่ะครับ ทีนี้ล่ะก็จะเกิดการแบ่งเขตุ กันเป็นก๊กๆเลย เขตุนี้ พกขนมยี่ห้อนี้ได้ไหมนะ? ตึกนั้นอาคารนี้พกขนมยี่ห้อนั้นได้ไหมนะ? ถ้าการทำอย่างนี้มันถูกกฏหมายล่ะก็ มีหวังสถานที่ต่างๆ ซึ่งมีหลายประเภทเลยทีเดียวที่จะสามารถห้าม ประชาชน ดื่มน้ำ! ยี่ห้อที่ไม่ได้ซื้อจากเขตุของตัวเองได้ แล้วก็พากันขายน้ำขูดรีดประชาชนราคาแพงเว่อร์ๆ คุณลองนึกภาพ คุณไปนั่งที่สถานีรถไฟ รถทัวร์ สนามบิน โรงเรียน โรงบาล แล้วหิวน้ำใจจะขาด แต่ก็กินไม่ได้เพราะเจ้าของสถานที่ ขายขวดละเป็นร้อย และห้ามเอาน้ำจากที่อื่นเข้ามา! ผมเชื่อมั่นว่าถ้ามันถึงขั้นขึ้นศาลตีความล่ะก็ โรงหนังไม่มีสิทธิกีดกัน เรื่องนี้ครับ เพราะผู้บริโภค หวังเข้าไปดูหนังเป็นหลัก และนั่งกันเป็นสามชั่วโมง คุณไม่ให้ดื่มน้ำนี่เป็นอะไรที่โหดมาก ที่อาศัยช่องทางนี้ขูดรีดให้ไปซื้อสินค้าราคาเว่อร์ของตนเอง ซึ่งไม่ได้มีส่วนผสมอะไรแตกต่างมีเอกลักษณ์พิเศษเลย เป็นเพียงสินค้าชนิดเดียวกัน กับสินค้าข้างนอก กระทั่งขนมน้ำในโรงพยาบาลหรูๆหรือในโรงแรมหรูๆ เขาขายราคาแพงได้แต่เขาไม่ได้กีดกันไม่ให้ซื้อจากข้างนอก ถ้าเป็นร้านอาหารหรือผับบาร์ว่าไปอย่าง เพราะมันมีเหตุผลเหมาะสมเต็มๆ แต่นี่ไม่ใช่ อีกทั้งกรณีเรื่องการค้นตัวนั้น สิ่งนี้ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวอย่างสิ้นเชิง แท้ที่จริงแล้ว การค้นตัวนั้น ควรเป็นในระดับของความมั่นคง ปลอดภัยเช่นค้นอาวุธ โดยรูปแบบการตรวจค้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละระดับสถานที่ เจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิค้นได้ในรูปแบบนึงนั้นต้องมีตำแหน่งหน้าที่อย่างไรจึงจะค้นได้ในระดับใดเป็นต้น เช่นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงในสนามบินที่มีสิทธิตรวจค้นแบบถึงลูกถึงคน ถึงขั้นล้วงร่างกาย ถ้ามีเหตุจำเป็น หรือรองลงมาก็ ตรวจในสถานที่ที่เสี่ยงต่อภัยร้ายก่อการร้าย เช่นสถานทูต หรือสถานที่สำคัญต่างๆที่ มีการแสกน หรือหากจำเป็นก็ถึงขั้นตรวจจับลูบตามร่างกายได้ในระดับนึง หรือสนามกีฬา หรือสถานผับบาร์ คนที่ตรวจค้นต้องมีวุฒิภาวะหน้าที่ที่เหมาะสมจะมาทำการตรวจค้น แต่พฤติกรรมในการตรวจค้นจะเข้มข้นน้อยลงมาจากสถานที่อื่นเป็นลำดับ ซึ่งแต่ละสถานที่ก็มีข้อกำหนด ในการมีสิทธิที่จะละเมิดความเป็นส่วนตัวในระดับใดได้บ้าง การที่คุณจะทำการตรวจค้นผู้คนนั้น คุณต้องได้รับอำนาจ และอำนาจนั้นจะต้องเหมาะสมกับเหตุผลด้วย  อย่างผับบาร์เองก็ทำได้เพียงแค่ จับต้องได้ในขอบเขตุ ที่ไม่มีสิทธิจะตรวจได้เข้มข้นเท่า สนามบิน เป็นต้น เรียงไปตามลำดับความสำคัญต่อความมั่นคง? แต่อย่างไรก็ตามพวกผับบาร์ก็มีจุดประสงค์หลีกเลี่ยงการวิวาทอันถึงแก่ชีวิตจากการใช้อาวุธ แต่กับโรงหนังนั้น จุดประสงค์เพราะแค่เพราะกลัวคนแอบเอาขนมเข้ามา จึงถึงกับแลกด้วยการ ละเมิดล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้คน! เรื่องนี้ถ้าพิจราณา ความสมเหตุสมผลที่กระทบต่อสิทธิมนุษย์ชนแล้วมันไม่ มีอำนาจที่จะทำได้ถึงขนาด  นั้น ผมเห็นบางคนถึงกับล้วงเอามือควานกระเป๋า บางคนแทบจะยกเทดู ดุจดั่งมีธุรกิจที่ ไปตั้งข้อกำหนดว่า ขอชะโงกหน้ามองดูกระโปรงผู้คนจึงจะให้เข้า  ถ้าไม่ให้ชะโงกมองดูกระโปรง ก็ไม่ให้เข้าเพราะนี่คือเขตุของข้า อย่าลืมว่าของในกระเป๋าถือของหลายๆคนหลายอย่าง มีของส่วนตัว มีความเป็นส่วนตัวอยู่ในนั้น ผมเชื่อว่าถ้าพิจราณาข้อกฏหมายให้ลึกซึ้งจริงๆแล้ว อำนาจของพนักงานโรงหนัง มีสิทธิตรวจค้นประชาชนได้ไหม? ด้วยจุดประสงค์นั้นๆได้ไหม? ด้วยรูปแบบพฤติกรรมการค้นในระดับนั้นได้ไหม? นี่คือคำถามที่อยากถามทุกคนว่าแน่ใจแล้วหรือว่าสิ่งที่เขาทำกับเรามันชอบด้วย กฏหมาย และต่อให้เป็นกฏหมายก็ตาม แต่กฏหมายแบบนี้ชอบธรรมไหม? ส่วนในกรณีที่เอะอะอะไรก็อ้าง ความเป็นเจ้าของกิจการแล้วจะถือสิทะทำอะไรก็ได้นั้น แท้ที่จริงสังคมเราต้องพิจราณาจากหลายองค์ประกอบ สังคมโลกเรามิใช่เรื่องของการจับจองเฉือนโลกแบ่งกัน นั่นเขตุข้า นี่เขตุข้า  นั่นของข้า  ของข้า ของข้า ของข้า ข้าจะทำยังไงก็ได้! นั่นมันไม่ใช่หรอกครับ การที่ใครจะไปตัดสินด้วยข้อสรุปว่านั่นที่ของใครบริษัทของใครกิจการของใครแล้วจะทำยังไงก็ได้นั้น คิดแบบนี้มันสุดโต่งเกินไป  แท้ที่จริงกฏหมายพยายามพัฒนาที่จะตั้งให้รองรับความเป็นสุขในสังคม มิได้ตั้งขึ้นเพื่อรองรับว่าอะไรของใคร อย่างเช่นกฏหมายได้พัฒนาขึ้นมาว่า รถแท๊กซี่ถ้ามีผู้โดยสารโบกต้องไป ถ้ามันอยู่ในเขตุที่กำหนดต้องไปหากไม่ไป ก็ผิดทางกฏหมาย หรือร้านอาหาร  มีลูกค้ามาซื้อก็ต้องขาย ถ้าไม่ขายให้ ผิดกฏหมาย! เหล่านี้เป็นต้น  อย่าไปคิดว่าอะไรเป็นของตนเองแล้วจะชอบธรรมไปเสียทุกอย่างเพราะหากตีความด้วยบริบทที่ลึกซึ้งทางประชาธิปไตยแล้ว สารพัดสิ่งในผืนแผ่นดินนี้มีมากมายเลยที่ไม่ใช่เป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียว กระทั่งที่ดินปล่อยรกร้างรัฐยังมีสิทะยึดคือได้ด้วยซ้ำ ทุกวันนี้หากสิ่งใดยังอาศัยช่องว่างของกฏหมาย ประชาชนก็ยังมีสิทธิที่จะผลักดันตีความแก้กฏหมายได้ ดังนั้น ในประเด็นเรื่องกีดกันอาหารในโรงหนัง นี้ ผมเชื่อจริงๆว่าถ้ามีการพิจราณาตีความกันจริงๆแล้ว มันไม่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง มันไม่ใช่เรื่องของคนดูหนังแต่มันว่ากันในแง่มุมของการเรียกร้องที่จะยกระดับสิทธิมนุษย์ชนกันเลยทีเดียว จากคุณ : ตึ๋งนิวเครียร์ เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:24:33

ความคิดเห็นที่ 55 คุณตึ๋งนิวเคลียร์ตอบดีมากครับ ช่วยกันโหวตแนะนำอีกสักดระทู้ เพื่อความเป็นธรรมว่าเมเจอร์ได้มาชี้แจงแล้วละกันครับ จากคุณ : ikkru เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:30:19

ความคิดเห็นที่ 56 ตอบแบบนี้ ถ้ายึดหลักอ.ทึ่คณะ เอา F ไปกินเลยค่ะ ป.ล. คณะเราเน้น สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ ไม่ตรงประเด็น 0 ไป จากคุณ : kapmajang เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:33:22

ความคิดเห็นที่ 57 การปรับเปลี่ยนราคาบัตรชมภาพยนตร์ เป็นไปตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าวัตถุดิบต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงและเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพให้โรงภาพยนตร์มีมาตรฐานและ บริการ อยู่ในมาตรฐานระดับโลก อยู่เสมอ   -------- หนังใหม่ โรงเก่า เบาะเก่า (เคยเข้าไปดูหนังใหม่แต่เบาะพังก็มีมาแล้ว) เหม็นอับด้วย นี่คือการรักษามาตรฐานของทางเมเจอร์สินะคะ จากคุณ : MOnKEy_PrAi เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:33:47

ความคิดเห็นที่ 58 อ่านแล้วปวดหัว ไม่ตรงคำถามซักข้อ >_<  เหมือนจะทำรายงานแล้วก๊อปปี้มาจากเนตเพราะเห็นว่าหัวข้อมันใช่ โดยที่ไม่ได้อ่านก่อนว่ามันเรื่องเดียวกันรึปล่าว...... จากคุณ : เมฆน้อยลอยผ่านมา เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:44:44

ความคิดเห็นที่ 59 เรื่องหนังแพงยังพอเข้าใจ พยามถูไถจนเข้าใจได้ ลิขสิทธิ์แพง เก้าอี้เบาะหนังสุดหรูอะไรก็ตามแต่ แต่ป๊อบคอร์นกับเป๊บซี่ ยังไงก็ไม่เข้าใจ จะแพงห่าไรนักหนา(วะ)ครับ ชุดนึงร้อยกว่าบาทอัพ ป๊อบคอร์นผมให้เต็มที่เลยต้นทุนต่อถุง 30 บาท รวมค่าถุงด้วยเอ้า เป๊บซี่แก้วเท่านั้นอ่ะ 30 บาท ค่าแก้วหรูๆ เอาไว้สะสม (ตามที่เขาแถมา) เต็มที่เลย 30 บาท เต็มที่แล้วเนี่ย 90 บาท ทำไมขายตั้งร้อยกว่าบาทเกือบ 200 บาท (จำราคาไม่ได้ เพราะโดนหลอกตามโปรโมชั่นประจำ) เอากำไรมากไปป่าวครับ หรือว่าขับเฟอร์รารี่มาส่ง ค่าขนส่งมันเลยแพง..... จากคุณ : incubusboyd เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:48:35

ความคิดเห็นที่ 60 ผู้บริหารเมเจอร์ เป็นได้ทุกอย่างค่ะ ยกเว้น... "สัปปะรด" จากคุณ : หมีน้อยพูจัง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:50:59

ความคิดเห็นที่ 61 ชอบคำตอบข้อแรกขอ major มากครับ   ขอตอบแยกเป็น 2 ประเด็นนะคะ การปรับเปลี่ยนราคาบัตรชมภาพยนตร์ เป็นไปตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าวัตถุดิบต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงและเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพให้โรงภาพยนตร์มีมาตรฐานและ บริการ อยู่ในมาตรฐานระดับโลก อยู่เสมอ  และทำให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดกับผู้บริโภค เมื่อเข้ามาใช้บริการ อีกทั้ง ราคาบัตรชมภาพยนตร์ยังมีความหลากหลาย เพื่อเป็นบริการทางเลือกให้กลุ่มลูกค้า แตกต่างกันไป ตามสถานที่ตั้ง เวลาการชม และ กลุ่มเป้าหมาย สำหรับเด็ก และ ผู้สูงอายุ เราก็จะมี บัตรชมภาพยตร์ Senior Ticket , Kids Ticket   ตั้งแต่มีเริ่มมีการปรับราคาแล้วก็ระบบราคาตั๋วใหม่มาเนี่ย มีส่วนไหนของผู้บริโภคที่พอใจหรือครับ คิดว่าน่าจะพิมพ์ผิดกับคำว่ากำไรสูงสุดของผู้ถือหุ้นรึเปล่า แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 00:03:36 แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 00:00:27 จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 54 23:58:52

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่พอใจบริการเมเจอร์ ก็อย่าให้เอาเปรียบครับ ไปดูโรงอื่นๆแทน ถ้าทำได้ ไม่ได้ก็รอแผ่นออกครับ ถ้าพร้อมใจกันทำทุกคน ยังไงเมเจอร์ก็ต้องยอมครับ (ซึ่งผมคิดว่า เป็นไปไม่ได้ มีแต่คนบ่น สุดท้ายก็ไปดูอยู่ดี) จากคุณ : Manuel Rui Costa เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:03:00

ความคิดเห็นที่ 63 ตั๋วหนังต้องขึ้นราคากับหนังฟอร์มใหญ่ที่มีทุนสร้างเยอะ..... ไม่ทราบว่า เมเจอร์ฯ ไปร่วมทุนสร้างกับเค้าด้วยหรอครับถึงต้องเพิ่มราคา? เรื่องกลิ่นของอาหาร ไอ้ป๊อปคอร์นรสชีส รสซาวครึมหัวหอม นั่นล่ะ ที่สุดแห่งกลิ่นรบกวนการชมเลย ธุรกิจที่ทำเพื่อหวังกำไรโดยไม่คิดในเรื่องการที่จะให้บ้าง ลูกค้าเค้าไม่ประทับใจหรอกนะครับ เข้าใจว่าทำธุรกิจ แต่อย่าทำให้ลูกค้าของคุณรู้สึกว่ากำลังถูกเอาเปรียบให้มากนักเลย จากคุณ : rockn เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:07:56

ความคิดเห็นที่ 64 แสบสีข้างแทน จากคุณ : coffee_m เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:08:20

ความคิดเห็นที่ 65 1. การขึ้นค่าตั๋ว ทั้งๆที่ โฆษณาบาน เมเจอร์บอกว่าเพราะต้นทุนสูงขึ้น ก็เลยจะขึ้นเป็นคำตอบที่ อืม... เจ้าอื่นเค้าโฆษณาน้อยกว่าท่านในบางที่ แต่เค้าก็ ไม่ได้ราคาเท่าท่านนะครับ 2. การขายบัตร m generation นี่คือ เพราะทางเมเจอร์เองไม่ใช่หรอ ที่ทำให้เคาท์เตอร์ขายบัตร เหลือแค่ไม่กี่ช่องเพื่อจะขายบัตร m generation และตั๋วหนังพร้อม popcorn และ น้ำ คนที่เราไม่อยากต่อคิวเพราะช่องขายตั๋วเหลือไม่กี่ช่อง ก็ต้องจำใจใช้บริการของท่าน ยังมีหน้ามาบอกว่า เพิ่มทางเลือกอีกหรอครับ 3. popcorn และเครื่องดื่มแพง และไม่ให้เอาขนมจากข้างนอกเข้า อันนี้ก็ตอบไม่ตรงประเด็นอีก เพราะที่อื่นเค้าเอาเข้าได้ ผมเห็นด้วย ถ้าห้ามเอา ส้มตำ ไก่ย่าง หมูกระทะ เข้าไปกิน แต่ น้ำเปล่า มันฝรั่ง ขนมคบเคี้ยว ที่ไม่มีกลิ่นไม่น่าห้ามนะ เพราะคุณบอกเองว่า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า 4. ไอ้ค่าจอดรถนี่อีกอย่าง ผมว่าเก็บอะได้ แต่ถ้าลูกค้าไปลงเวลาในบัตรหรือ สแตมป์ ไปแล้ว ก็ควรจะจอดฟรีนะ เพราะเค้าคือผู้มาใช้บริการ แบบนี้ ผมไปดูหนังเรื่อง นึง หนังก็ ชม. กว่าล่ะ ไหนจะโฆษณาแสน นาน รวมๆ ก็ ราว2ชม. ไหนจะรอหนังเข้าอีก ไม่ว่ายังไง เกิน 3 ชม. แน่ๆ ถ้าไม่ฟรีไปเลยก็ควรจะฟรี สัก 4 ชม. นะครับ 5. อันนี้ผ่าน ล่ะกัน... 6. ถ้าคุณอ้างว่า หนังต้นทุนสูง ขอขึ้นราคา คือ โรงหนังก็โรงเดิม ต้นทุนหนังสูง แล้วโรงหนังเกี่ยวอะไรด้วยอะครับ .... งงจริงๆ ถ้าเมเจอร์ ยังจะบอกว่าหนังต้นทุนสูง จริงๆ งั้นคำถาม ? - หนังต้นทุนสูง ทางเมเจอร์ขึ้นราคา แล้วหนังต้นทุนต่ำ เมเจอร์ ก็ต้องลดราคา จากปกติ ด้วยนะครับ ตามต้นทุนของหนัง .. แฟร์ๆ สุดท้าย...การตอบของเมเจอร์ เป็นคำตอบที่สร้างภาพว่าเมเจอร์เป็นโรงหนังระดับโลก ยกระดับตัวเองน่าดู อะไรๆ ก็เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคแล้วแหละครับ ว่าจะเลือกทางเลือกนี้หรือป่าว จากคุณ : จอมมารไร้รัก เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:14:00

ความคิดเห็นที่ 66 อยากให้ดูหนังแท้ถูกลิขสิทธิ์ สนับสนุนของแท้ ไหนจะตรวจกระเป๋า นี่ นั่น นู้น เพื่อป้องกันการลักลอบถ่าย แต่ก็ไม่วายมีหนังหลุดจนได้ เพราะอะไร ก็เพราะยังตั้งราคาสูงแบบนี้ ขัดแย้งกับนโยบายใครเล่าจะสนับสนุน ปล. ดูหนังตัวอย่างตั้งแต่เรื่องแรก เคลิ้มหลับไปตื่นมาอีกที หนังยังไม่ฉายเลยอ่ะ   - -" จากคุณ : ชาตรีแองเจิ้ล เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 00:39:09

ความคิดเห็นที่ 67 ขอตอบข้อ 1. -:-) ขอตอบข้อ 2. -:-)ล ขอตอบข้อ 3. -:-)ลล ขอตอบข้อ 4. -:-)ลลล ขอตอบข้อ 5. -:-)ลลลล ขอตอบข้อ 6. -:-)ลลลลล สุดท้ายนี้ ... :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) :-) ....ว๊ากกกกก ว๊ากกกกก ว๊ากกกกก ว๊ากกกกก ว๊ากกกกก ว๊ากกกกก...เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ จากคุณ : casinopia เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 01:00:28

ความคิดเห็นที่ 68 ตอบดีในฐานะ PR แต่ผลลัพธไม่โดนใจผู้บริโภคครับ จากคุณ : granun เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 01:14:37

ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อวานนี้ (วันพุธ) ที่ผ่านมา ผมแวะไป Majorรัชโยธินมาครับ (ไม่ได้ไปดูหนังนะครับ แวะไปเดินเล่น) ช่วง 5 โมงเย็นที่ผมไป ซึ่งปรกติคนจะเยอะมากๆ เยอะแบบหนาตาเลยทีเดียว แต่ผมก็แอบสงสัยนะครับ ทำไมคนบางลงไปถนัดตา ซึ่งมันก็เป็นเวลาที่คนจะเยอะแล้ว.. หลังจากนั้นผมก็ไปที่ The mall งามวงศ์วาน ซึ่งมีโรงหนัง SF ที่ผมชอบเข้าไปดูประจำ เนื่องจากคนน้อย และโฆษณากินเวลาไม่นาน ไม่ต้องต่อคิวยาวๆ ค่าตั๋วถูก ค่า่อาหารถูกกว่า major ซึ่งปรากฎว่าเมื่อวานนี้ทำผมตกใจมาก เพราะ SF คนดูหนาแน่นกว่าปรกติ ไม่รู้ว่ามากันจากไหน แต่พอผมเข้าไปอ่านเว็ป Pantip เมื่อวานตอนกลางคืน และมาเห็น Fanpageนี้ ก็พอเข้าใจได้ในทันทีเลยครับ นี่แหละครับพลังของพวกเราชาวNetทุกท่าน สู้ต่อไปนะครับ ^_^ จากคุณ : ohm_hacker เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 01:53:19

ความคิดเห็นที่ 70 ชัดเจนจากความเห็นที่5 "เพื่อให้ผู้บริโภค มีทางเลือกในการใช้บริการด้วยตัวเอง" หมายความว่า ถ้าคิดว่าแพง เมริงก็เลือกไปดูที่อื่นสิ จากคุณ : kriza เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 02:16:39

ความคิดเห็นที่ 71 เอะอะก็ค่าเช่าที่ ค่าที่ตั้งแพง มาตรฐานสากล เฮ้อ เรื่องที่จอดรถผมพูดรวมๆแล้วกันว่า ในเมื่อคนต้องมาดูหนังที่นี่ ทำไม่ให้จอดฟรี3ชั่วโมงล่ะครับ ถ้าเกินกว่านั้นค่อยเก็บตัง ใครอยู่เกินเพื่อกินข้าว รอรอบหนัง ก็ใช้ใบเสร็จแลกจอดรถฟรีกี่บาทก็ว่าไป อย่างนี้ผมว่าเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากกว่า เรื่องป๊อปคอร์น มันฝรั่งทอด คุณเมเจอร์ไม่ต้องมาตอบแบบแถๆเลยว่ามีปัญหาเรื่องกลิ่น เรื่องอะไร เพราะคุณห้ามเอาน้ำ เอาขนมแบบเดียวกับที่คุณขายเข้าไป ตอบแบบนี้มันเฟคไปในสายตาผม ตอบตรงๆไปเลยก็ได้ว่าสถานที่แบบนี้คุณบังคับให้ซื้อแต่ของที่คุณขายก็จบ ผมก็เห็นด้วยกับคนในนี้อย่างนึงว่าน้ำ ขนมขายแพงเกินไป แต่ในเมื่อมันคือของฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อครับ เพราะเขาไม่ได้บังคับให้คุณต้องกินขนมในขณะดูหนัง ข้อ5นี่คำถามค่อนข้างหาเรื่องมากๆในสายตาผมนะ เพราะผมเคยดูหนังที่เมเจอร์ ที่SFเขามีเวลาเป๊ะๆทั้งนั้นว่าหนังจะฉายในกี่นาที พนักงานที่ขายตั๋วเขาเช๊คได้ เวลาผมไปซื้อตั๋วหน้าโรงที่เลยเวลาแล้ว ผมก็ถามทุกครั้งว่าอีกกี่นาทีหนังฉาย เขาก็เช๊คให้แล้วก็บอกเวลาเป๊ะๆมาให้ ว่าเหลือโฆษณากับหนังตัวอย่างอีกกี่นาที จากคุณ : Nutonline เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 02:44:18

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่เห็นจะได้รับคำตอบอะไรเลย โบ้ยให้คนอื่นอย่างเดียว นี่มันในห้องประชุม หรืออะไรเนี่ย จะดูนะครับ ว่าโฆษณา เหลือ 15 นาทีจริงหรือเปล่า จากคุณ : radio (Radio) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 07:59:38

ความคิดเห็นที่ 73 เพราะฉะนั้นจงเลือกไปดูที่อื่นกันเถอะ!! แต่เสียดายอ่า....ที่อื่นไม่มี CN Blue ขนาดบิ๊กบึ้มให้ดู(โฆษณาสก็อตเท็นเบอร์รี่) จากคุณ : Argen Prince เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 08:02:21

ความคิดเห็นที่ 74 เท่าที่ทราบนะครับ โดยปกติแล้วโรงหนังกับค่ายหนังจะแบ่งรายได้จากค่าตั๋วกันที่ 50% คือแบ่งกันครึ่งๆ แต่กับหนังฟอร์มใหญ่ๆ ทางค่ายหนังจะทำสัญญาด้วยส่วนแบ่ง 60%:40% ทางโรงหนังไม่ต้องการให้รายได้ลดลงจึงบวกค่าตั๋วเพิ่ม 20 บาท จากคุณ : เกาเหลาต้มยำไม่เผ็ด เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 08:08:03

ความคิดเห็นที่ 75 ตอบแบบนี้ แสดงว่าเอาฝ่าย Marketing มาตอบหรือครับ ตอบไม่ตรงคำถาม มาแค่โฆษณาว่าอยากบอกอะไร กรณีนี้ ไม่มาตอบยังจะดีซะกว่าครับ หากยังคิดกันแบบนี้ ผมว่าท่าทางเมเจอร์คงได้เจอพลังกลุ่มผู้บริโภคแน่ๆ ทางเลือกมันมีครับ จากคุณ : Mr. Coffee เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 08:29:28

ความคิดเห็นที่ 76 อยากเห็นหน้าตาคนที่มาตอบจริง ๆ ก่อนนอนเอาปูนมาทาหน้า แทนครีมรึเปล่า ถึงได้ หนา ทน ด้าน ได้ขนาดนี้ จากคุณ : Bassie เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 08:32:18

ความคิดเห็นที่ 77 แปลก ถ้าอยากจะตอบ แต่ตอบได้ออกมาแบบนี้ เป็นผม ผมไม่ตอบให้อายซะเปล่า ๆ อ่ะ .. อยู่เฉย ๆ ไม่แคร์สื่อซะยังดีกว่า จากคุณ : pocketclan เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 08:53:49

ความคิดเห็นที่ 78 สาก๊ลสากลเนอะ -  -* มาตรฐานสากลเรา เห็ฯทีจะไม่เท่ากันซะแ้ล้ว จากคุณ : นางฟ้า ชากังราว เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 08:54:16

ความคิดเห็นที่ 79 อาจจะตอบไม่ตรงคำถามนะ แต่คำถามแต่ละคำถามก็นะ จากคุณ : Rachkhun เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 09:13:15

ความคิดเห็นที่ 80 ตอบมาแบบนี้ คนยิ่งด่ากันเข้าไปใหญ่ ถ้าจะแถโง่ๆแบบนี้มา อยู่เฉยๆดีกว่านะเมเจอร์ จากคุณ : Wednesday Afternoon เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 09:18:56

ความคิดเห็นที่ 81 ผมรู้จักผู้อยู่เบื้องหลังการขึ้นราคาครั้งนี้ 55555555 บอกได้คำเดียวว่า มันคือธุรกิจครับ เหมือนกับบีทีเอส ขึ้นค่าโฆษณาก็ไม่มีคนซื้อ ขึ้นค่าตั๋วก็มีคนด่า ธุรกิจมันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจริงๆ จนอาจจะทำให้รายได้ลดลง (และแน่นอนครับ ค่าใช้จ่ายเค้าเยอะกว่า SF ด้วย) เค้าเลยต้องหาวิธีที่ทำให้รายได้และกำไรคงที่ หรือเพิ่มขึ้น และการขึ้นราคาครั้งนี้ ได้มีการทำสำรวจเรียบร้อยแล้วครับ ว่ายังไงก็ต้องมีคนด่า มีคนไม่พอใจ ... จนถึงมีคนเลิกดู หรือไปดูที่อื่นแทน แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีคนส่วนหนึ่ง ... จริงๆไม่ส่วนหนึ่งหรอก เยอะด้วย ที่รับได้กับราคาที่ขึ้น และในระยะยาวคนที่บ่นก็จะชินกับราคาไปเอง เหมือนแต่ก่อนที่ 60 70 80 แล้วดันทะลึ่งขึ้นมา 100 บาท ... สุดท้ายคนก็รับได้ ถ้าลูกค้ามองว่าถูกเอาเปรียบ ... ลูกค้าก็กำลังเอาเปรียบเค้าเช่นกัน อย่าลืมว่านี่คือธุรกิจทำกำไร ไม่ใช่องค์กรการกุศลนะครับ มีทางเดียวที่จะทำให้เค้าเลิกขึ้นราคา คือ คุณต้องเลิกดูหนังของเค้าครับ ในเฟสบุคนั้น มีคนต่อต้านอยู่ 10000 กว่าคน ... อ่ะ ผมตีให้ 20000 คนเลย ลองคิดดูนะครับ 20000 คนนี้ จะมีกี่คนที่เลิกดูเมเจอร์เพราะขึ้นราคา อย่ามองระยะสั้น มองระยะยาว ยาวแบบว่าชาตินี้จะไม่กลับมาดูเมเจอร์อีก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเค้าถึงยังกล้าขึ้นค่าตั่วอยู่อีก ... ก่อนจะบอกว่าเขาเห็นแก่ได้ เอาเปรียบผู้บริโภค โวยวายนั่นนี่ ให้ลองหยุดนิ่งๆ แล้วคิดดู ว่าเพราะอะไรเค้าถึงขึ้นราคา?? จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 09:25:20

ความคิดเห็นที่ 82 โหวต จากคุณ : โฮล่า เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 09:27:23

ความคิดเห็นที่ 83 คห 81, ธุรกิจ ก็ ธุรกิจครับ ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ธุรกิจก็ต้องมีกำไร แต่พวกผมก็ไม่ได้ ไม่ต้องเสียเงินเข้าไปดูนี่ครับ เรายอมจ่ายเงิน เพื่อบริการที่ดี จริงใจ กับลูกค้าครับ     เทียบกันกับเจ้าอื่น   กันจะๆ เลยไหม? โฆษณา  ยาวกว่า ค่าตั๋ว     แพงกว่า ทำเล     ไม่ได้ดีกว่ามาก แต่ได้เปรียบตรงมี มากกว่า และครอบคลุมพื้นที่มากกว่า บริการ    แย่กว่ามากๆ promotion  เอาเปรียบผู้บริโภคสุดๆ เจ้าอื่นเขาอยู่ได้ กำไร อาจจะไม่เท่า major แต่ได้ใจลูกค้าครับ และผมมองว่าจะอยู่ได้ในระยะยาวครับ ถ้า major ยังไม่ปรับตัว   ก็รอวันเจ๊งได้เลยครับ จากคุณ : Kunetzov เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 09:39:18

ความคิดเห็นที่ 84 ผมเลิกดูของเมเจอร์มานานมากล่ะ เพราะ SF อยู่ใกล้บ้านกว่า ^^ จากคุณ : Houdini เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 09:51:35

ความคิดเห็นที่ 85 อีกไม่นานโรงอื่นก็ขึ้นราคาแล้วครับ^^ จากคุณ : อย่ามาห้ามผม เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 10:05:00

ความคิดเห็นที่ 86 เอ๊ะ เขาตอบข้อไหนมั่งรึเปล่าผมอ่านแล้วสรุปคำตอบไม่ได้เลย เห็นมีแต่แอบเนียนโฆษณาโรงตัวเอง บอกมาได้ระดับโลก งั้นสร้างโรงหนังให้ทั่วโลกเลยสิครับคงได้กำไรดีน่าดู นี่ประเทศไทยครับประเทศไทยจะบริการอะไรนึกถึงมั่งว่าลูกค้าคุณเป็นคนไทย จะไปอ้างระดับโลกทำไมผมไม่เข้าใจ ในเมื่อคุณไม่ได้เอาข้อดีของระดับโลกมาให้บริการเลย จากคุณ : Zaikimaru เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 10:05:30

ความคิดเห็นที่ 87 คนตอบแสดงภูมิความรู้ อ้างอิงหลักการต่างๆ ในลักษณะการสื่อสารแบบยกตน(ข่มท่าน) เพื่อตอบโต้ข้อขัดแย้ง โดยไม่เลือกมองในมุมของผู้บริโภค(สักนิด) แบบแบ่งรับแบ่งสู้ที่สามารถทำได้.. ซึ่งอาจได้ใจมากกว่า   แต่เลือกจะสุดลิ่มทิ่มประตู เพื่อจะปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทฯ ในลักษณะที่ยอมทุกอย่าง แม้จะแถ หรือตอบอะไรที่ไม่ตรงกับคำถามก็ตาม..   ทั้งหมดนี้ ทำให้คำตอบฟังดูไม่มีน้ำหนัก มีแต่สำบัดสำนวนคล้ายลิเกหลงโรง และผู้อ่านก็ไม่สามารถจะคล้อยตาม แล้วพึงพอใจในคำตอบได้เลย *แปลกใจที่เครือหนังอันดับหนึ่งอย่างเมเจอร์ เลือกคนที่มีทัศนคติแบบนี้ มาจัดการปัญหา จากคุณ : bProtect เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 10:15:35

ความคิดเห็นที่ 88 อ่านความเห็นที่ 81  ถึงจะรู้สึกปวดใจ แต่ต้องยอมรับว่ามีส่วนจริงเยอะครับ คนมาเห็นด้วยในนี้ไม่กี่คนเอง  แต่คนข้างนอกที่ยังไปดูอยู่ หรือไม่รับไม่รู้ไม่ได้ทราบด้วยซ้ำว่ามีเพจนี้อยู่ซึ่งน่าจะเป็นคนส่วนใหญ่ด้วย จะเป็นรายได้หลักของเมเจอร์   นึก ๆ ไปก็เหมือนตอนขึ้นทางด่วนใหม่  ๆ  น่ะครับ คุณสรยุทธก็เอาไปออก แล้วผมก็จำได้ว่า คำตอบจากทางด่วนประมาณว่ายังไงก็จะปรับขึ้นเพราะลดราคาให้มานาน ถ้าคิดว่าแพงก็ไปใช้ข้างล่าง เดี๋ยวรถติดเยอะ ๆ คนก็ขึ้นมาใช้ทางด่วนเอง  สรุปเรื่องนี้ก็เงียบไปในที่สุด ถ้าผู้บริโภคอย่างเรายังนอนหลับทับสิทธิแบบนี้ (ผมหมายถึงคนส่วนใหญ่ที่ไง ๆ ก็จะไปดูเมเจอร์อยู่ดี)  ผมว่าอีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะเงียบไป หรือเปล่า ?? เฮ้ออ  ชาตินี้ไม่รวยบ้างให้มันรู้ไปนะ จากคุณ : ^~~--BeeR_ChimarO--~~^ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 10:16:30

ความคิดเห็นที่ 89 เอะอะ อะไรก็สากล สากล จากคุณ : TEsPatA เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 10:26:39

ความคิดเห็นที่ 90 เคยกด "like" เพจของเมเจอร์ เพื่อติดตามข่าวสาร ตอนนี้กด "ลบ" ไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อกันไม่ให้เค้าเข้าใจผิดว่ามีคนชอบเยอะ ถ้าเมเจอร์บอกว่าเป็นบริการ "ทางเลือก" เราคนนึงที่จะของเลือกไม่ดูแล้วล่ะ เกลียดมากกับนโยบายเพิ่มค่าตั๋ว และงดร่วมรายการวันพุธสำหรับหนังดังๆ อ่ะ จากคุณ : จะงอนฯ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 10:27:17

ความคิดเห็นที่ 91 มีประเทศไหนในโลกที่โรงหนังฉายโฆษณา ? ฉายโฆษณาไม่พอ ยังขึ้นราคาตั๋วอีก!!! จากคุณ : isunsunsun (QuickSun) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 10:36:38

ความคิดเห็นที่ 92 จำได้ขึ้นใจ วันพุธดูฟาส5 ไม่ลดราคา จากคุณ : I-FAM เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 11:02:22

ความคิดเห็นที่ 93 มันเป็นธุรกิจ ตอนนี้เมเจอร์ผูกขาดตลาดก็เอาตีนเหยียบหัวลูกค้า รีดเงิน ถ้า ลูกค้าพร้อมๆใจกัน ไม่จ่ายเงินให้เมเจอร์ ดูsf แผ่นผี อะไรก็ว่าไป พอยอดรายได้ลดหนักๆ เมเจอร์ก็มาเลียตีนลูกค้าเอง --- ใจจริงผมอยากให้เมเจอร์เจ๊งไปซัก60% แล้วให้sfขยายตลาดขึ้นมา ในระบบทุนนิยม อะไรที่ผูกขาด ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบเสมอ -- ยกเว้นapex โรงหนังในดวงใจ จากคุณ : tanakeme เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 11:46:01

ความคิดเห็นที่ 94 ส่วนตัวแล้วโฆษณาเยอะ ผมไม่มีปัญหา ไม่ให้เอาน้ำเอาขนมข้างนอกไปกิน ผมก็ไม่มีปัญหา ซื้อบัตรเข้าคิวช้า ก็ไม่มีปัญหา ปัญหาผมมีอย่างเดียว... เมิงจะขึ้นราคาบัตรเวอร์ไปไหน จนทุกวันนี้กรูขี้่เกียจเข้าไปดูหนังในโรงแล้ว เมื่อก่อนพาแฟนไปดูทุกสัปดาห์ บางสัปดาห์ดู 2 วันติด เดี๋ยวนี้ต้องนานๆ ทีดูที ไม่ไหว..แพงเหลือหลาย ไปดูลิโด้ทีไร ใจหายทุกที แหม 100 เดียวเขาก็ยังฉายได้ 180 อ่ะ จ้างซูเปอร์แมนมาเป็นพนัีกงานหรือคร้าบคุณ แถมดูๆ อยู่ เิดินมาจ้อง ดูๆ อยู่ เดินมาจ้อง รู้สึกไม่เป็นส่วนตัวเอาซะเลย --" จากคุณ : น้องหยิก เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 11:47:13

ความคิดเห็นที่ 95 "อิฉันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องปรับปรุงอะไร เพราะอิฉันมีระดับ เป็นมาตรฐานสากล" ....เราอ่านแล้วตีความได้ประมาณนี้นะ ไม่รู้คนอื่นคิดเหมือนเราป่าว ปล. เราใช้บริการเครือ SF นะ เพราะตั๋วเมเจอร์มันแพงเกินจ่าย จากคุณ : วอแวน้อย เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 11:48:09

ความคิดเห็นที่ 96 ตอนนี้ SF ไม่ขึ้นราคา ในขณะค่าครองชีพสูงขึ้น พยุงไว้.... เอ้า  พยุงราคาไว้นะครับ ซักพัก...ผมว่า  ครือกันแน่ ไม่เชื่อลองดู จากคุณ : ABSOLUTE YODA PARADISE เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 11:59:13

ความคิดเห็นที่ 97 รอขึ้นราคาเท่าๆกันค่ะ จะได้หนีไปดูแผ่นผี  ฮ่าๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : มะลิลาไซรับ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 12:15:33

ความคิดเห็นที่ 98 เิริ่มรู้สึกสงสารเครือนี้แล้วซิครับ ตอบก้อโดนด่า ... เงียบก้อโดนด่า คิดถึงเพลงของไมโครเลยทีเดว ถึงยังไงก้อโดน ว่าแล้วก้อหนีไปรอดูละครช่อง 3 ตอนดึกดีกว่า ไม่เสียตังค์ 5555555 จากคุณ : Mai Marshall เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 12:26:13

ความคิดเห็นที่ 99 ในฐานะคนดูหนังแผ่น ผมไม่รู้สึกเจ็บใจอะไรกับเครือนี้เลย และรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคงประมาณนี้แน่นอน เพราะผู้บริโภคไม่ได้มีทางเลือกขนาดนี้ มันเกือบจะผูกขาดอยู่แล้ว ถ้าเขายึดเครือ SF ได้เมื่อไหร่ วันนั้นราคาตั๋วคง 300 พิเศษ 350 ข้าวโพดราคาชุดละ 300 แน่นอน ทุกวันนี้ซื้อแผ่นมาดูสบายใจกว่า ราคาแผ่นต่อให้ 500 ผมดูได้ทั้งบ้าน 10 คน ให้เพื่อนยืมดูได้ด้วย อีกต่างหาก ถูกกว่าดูในโรงซะอีก จากคุณ : ป๊าม้าออนเซน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 13:06:00

ความคิดเห็นที่ 100 #98 ครับ ถ้าเขาตอบตรงคำถามและคนถามเข้าใจคำตอบก็คงไม่โดนด่าแล้วครับ แต่แนวทางการตอบคำถามแบบนี้คนถามยังงงเลยว่าเขาตอบอะไร เพราะไม่ได้ความกระจ่างเลย ถามอย่างหนึ่ง ตอบไปอีกอย่างหนึ่งเหมือนให้คนถามงงไปเล่นๆแล้วถือว่าตอบแล้ว จากคุณ : WingZo เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 13:16:43

ความคิดเห็นที่ 101 เพิ่งรู้ว่าทุกวันนี้ดูหนังที่โรงหนังระดับโลก  !! ขึ้นราคาที่มาตรฐานของทุกอย่างมีแต่เลวลง  เฮ้ออ  เหนื่อย จากคุณ : Dalalin เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 13:50:19

ความคิดเห็นที่ 102 เหมือนให้ควายมาตอบ จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 14:02:51

ความคิดเห็นที่ 103 อยากให้ ชี้แจง เรื่อง ดูหนังที่เมเจอร์ วันพุธ ตั๋วราคา 60 บาทด้วยค่ะ ว่าตกลงยังมีอยู่หรือ  เค้ายกเลิกไปแล้ว ล่าสุด  วันพุธที่ผ่านมา จะไปดู X-Men ที่เมเจอร์เพชรบูรณ์ ก่อนไปก็ทำใจแล้วว่าคงไม่ได้ราคานี้ เพราะวันพุธสัปดาห์ก่อน ไปดู 2 เรื่ิอง ลัดดาแลนด์ กับ fastfive เรื่องแรกได้ราคาหกสิบบาท แต่เรื่องที่สอง หนังเพิ่งเข้า(คิดว่างั้นนะคะ) ราคา 80 บาท  เราก็ กะแล้วว่า เรื่อง X-Men (หนังใหม่) คงจะราคา 80 บาท พอไปถึง เราไปเข้าห้องน้ำ แล้วให้แฟนไปซื้อ พอกลับออกมา แฟนบอกว่า ตั๋วหนัง มีราคา 100 กับ 120 เราอึ้ง ไปพัก (จริงๆ ก็ซื้อได้ แต่พอมาคิดดูแล้ว สองคน ก็ 200 เงิน 200 เราเอาไปซื้อข้าวกิน ก็อิ่มเป็นวันสองวัน หรือถ้าหนังแผนออกมา ซื้อมาเรายังได้เก็บแผ่นไว้ดูอีกหลายปี  คิดตามประสามนุษย์เงินเดือน) แล้วก็ตัดสินใจ บอกว่าไม่ต้องดูละ เสียความรู้สึก ก็ไหนบอกว่าดูหนังวันพุธ 60 บาท จะขึ้นราคาหรือทำอะไรก็ไม่แจ้งกันก่อน เราไม่รู้หรอกว่า การที่เมเจอร์จะเอาหนังแต่ละเรื่องมาฉายได้ เค้าซื้อหากันยังไง ก็คิดกันเล่นกับแฟนว่า คุณบอกว่าต้นทุนหนังที่สูงขึ้น ทำให้ต้องขึ้นราคา แล้วโรงหนังอื่น อย่าง ธนา ขายบัตร 70 บาท ทำไมเค้ายังอยู่ได้ ค่าน้ำ กับปอปคอร์น ก็ถูกกว่า  โรงอาจเล็กกว่า แต่เนื้อหาหนังก็ครบถ้วน เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าราคา 70 แล้วเค้าจะตัดหนังออกไป ก็เลยพากันกลับบ้าน และก็คิดว่าคงไม่มาดูแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้อีก คนเราก็มีทางเลือกเหมือนกัน รอแผ่นออก (หรือไม่ก็หาโหลดตามเว็บบิท ฮ่าๆๆ ) เรารอได้ค่ะ ถึงแม้มันจะช้า แต่สุดท้าย ก็จะได้ดูเหมือนกัน ดีกว่าที่จะต้องมาเสียความรู้สึกกับโรงหนังแทนที่จะได้ความบันเทิงจากการดูหนัง ปล. แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 16:25:26 แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 54 16:20:43 จากคุณ : คนต้นน้ำ เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 16:17:27

ความคิดเห็นที่ 104 ตกลงที่มาตอบ นี่เป็น"คน" หรือ เป็น "บอท" จากคุณ : เกี๊ยวหมู (เกี๊ยวหมู) เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 16:19:12

ความคิดเห็นที่ 105 หลักๆ ก็คือ บ่นๆ แต่ก็ดู .....  ถ้ายังมีกำไร ทางเมเจอร์เค้าไม่แคร์หรอกครับ จากคุณ : คุณปลาทอง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 16:25:54

ความคิดเห็นที่ 106 งั้นขอเรียกร้องให้ เครือ SF หรืออะไรก็ได้มาสร้างโรงหนังที่่เชียงใหม่ได้มั้ยค๊าาาา เพราะว่าทุกคนนี้ไม่ไปเมเจอร์เชียงใหม่เหมือนกันค่ะ  ได้แต่ดู วิสต้า กาดสวนแก้ว   ซึ่งบางเรื่องไม่มีซาวแทรก  มีแต่ภาคไทย  T^T  เลยไม่ได้ดู  รอแผ่นออกอีกไป ช่วงนี้วิสต้าคนเยอะ  ชอบ ๆ ไม่เปลี่ยวเกินไปสำหรับผู้หญิงที่ชอบดูหนังคนเดียว จากคุณ : pajingo เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 14:19:18

ความคิดเห็นที่ 107 เมเจอร์ เขาขาดทุนจาก California Wow มาน่ะ ก็อาจจะมาเอาคืนที่ตั๋วหนัง จากคุณ : zaffer เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 15:18:43

ความคิดเห็นที่ 108 ฟังจากการตอบคำถามแล้ว สรุปได้คำเดียวว่า "กรูจะไม่เปลี่ยนพฤติกรรมใด ๆ ทั้้งสิ้น มีอะไรม๊ะ" จากคุณ : zaffer เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 15:21:15

ความคิดเห็นที่ 109 เมื่อไรเชียงใหม่จะมี SF! !!!!!!?! >.< จากคุณ : อัจฉริยะในชุดดำ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 19:09:32

ความคิดเห็นที่ 110 เพิ่งได้มีโอกาสไปดูโรงลิโด้... ผมชอบมาก ทุกอย่างดีกว่าที่คิดไว้(ยกเว้นห้องน้ำ 5 บาท!!) แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 54 20:16:08 จากคุณ : มิ่งกลิ้ง เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 54 20:15:10

ความคิดเห็นที่ 111 110 มีตั๋วเข้าฟรีครับ จากคุณ : chiji09 เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 09:39:23