 |
ปีติในหลวง ทรงงานตลอด เชื่อมระบบคอมพ์ ถึง"ห้องประทับ" ติดตามงานชลประทาน
|
 |
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขา ธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เผยในหลวงทรงงานตลอดเวลาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ราษฎรที่เดือดร้อน แม้พระองค์จะยังประทับอยู่ที่ร.พ.ศิริราช โดยในห้องประทับติดตั้งคอมพิวเตอร์และระบบไอทีเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของกรม ชลฯ กรมอุตุฯ และระบบสารสนเทศการเกษตร คอยติดตามความเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศตลอด 24 ชั่วโมง เช่น หากมีข่าวพายุก่อตัวที่ไหน พระองค์จะมีรับสั่งและทรงชี้แนะแนวทางแก้ปัญหา พร้อมทั้งให้หน่วยงานในพระองค์เตรียมพร้อมทันที นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นห่วงเรื่องการทำลายธรรมชาติ เพราะในที่สุดสามารถย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์ได้ ปัจจุบันสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ แทนพระองค์ และทรงกลับมาถวายรายงานอยู่เป็นประจำ ด้านโมเดิร์นไนน์เตรียม ออกอากาศสารคดีชุดพิเศษ "ประโยชน์สุขของแผ่นดิน" ถ่ายทอดพระราชกรณียกิจของในหลวง
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ห้องกมลทิพย์ โรงแรมสยามซิตี กทม. สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา สำนักราชเลขาธิการ สำนักงบประมาณ และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวเปิดตัวโครงการผลิตสารคดีชุดพิเศษ "ประ โยชน์สุขของแผ่นดิน" โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เลขาธิการ กปร. นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ รองเลขาธิการ กปร. พร้อมด้วยนายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงข่าว
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า โครงการนี้มีศิลปินดาราที่มีชื่อเสียงมาร่วมถ่ายทอดพระราชกรณียกิจของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่ นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, รถเมล์-คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์, ทราย เจริญปุระ, ปอ-ภัคพร ภูวะปัจฉิม, กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, ลีโอ พุฒ, ฝันเด่น จรรยาธนากร และฟอร์ด-สบชัย ไกรยูรเสน
นาย เฉลิมเกียรติกล่าวว่า พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพัฒนาตามโครงการต่างๆ เป็นการพัฒนาเพื่อความกินดีอยู่ดี หรือพออยู่พอกิน ให้แก่ประชาชนชนบทที่อยู่ห่างไกลทุรกันดารและยากจนอย่างแท้จริง เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ในปี 2554 รวมทั้งสร้างจิตสำนึกให้คนไทยทุกคน ทุกวัย โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ได้สัมผัส เข้าถึง และมีประสบการณ์ร่วมในเหตุการณ์และแนวพระราชดำริในการทรงงานเพื่อพัฒนา ประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพื้นที่และปัญหาที่แตกต่างกันของแต่ละภูมิภาค โดยสารคดีชุดพิเศษ "ประโยชน์สุขของแผ่นดิน" ความยาว 20 นาที จำนวน 52 ตอน ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ทุกวันอาทิตย์ เวลา 20.20 น. เริ่มออกอากาศวันที่ 12 มิ.ย.เป็นต้นไป
โอกาสนี้ ดร.สุเมธให้สัมภาษณ์ถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ตลอดเวลา 65 ปี พระองค์ท่านเสด็จฯ เป็นระยะทางหลายล้านกิโลเมตร ไปทั่วทุกมุมของประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนผู้เดือดร้อน ทุกวันนี้พระองค์ท่านแม้จะยังประทับอยู่ที่ร.พ.ศิริราช แต่ทรงงานไม่ได้หยุด ในห้องประทับติดตั้งคอมพิวเตอร์และระบบไอทีเชื่อมโยงฐานข้อมูลของ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยม วิทยา และระบบสารสนเทศเพื่อการเกษตรตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ หากมีแม้ข่าวพายุก่อตัวที่ไหนสักแห่งพระองค์ท่านจะมีรับสั่งและทรงชี้แนะ แนวทางการแก้ปัญหา พร้อมทั้งให้หน่วยงานในพระองค์เตรียมพร้อมทันที
"ขณะ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ทรงใส่พระทัยเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา บางครั้งพายุก่อตัวที่แปซิฟิก ก็ทรงติดตามอยู่เสมอ ดังจะเห็นได้ว่าทุกครั้งพอเกิดเหตุการณ์บ้านเมืองเรา ความช่วยเหลือของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์จะไปถึงก่อน อันเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงติดตาม ซึ่งขณะนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ ก็ได้มาถวายรายงานอยู่เป็นประจำ และพระราชทานข้อแนะนำ รวมถึงมีพระราชดำริเพิ่มเติมว่าจะแก้ไขสิ่งใด เมื่อมีกระแสรับสั่งพระองค์ได้ถ่ายทอดมายังหน่วยปฏิบัติการอย่างพวกเราให้ รับไปทำต่อ จึงทำให้มีงานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา" ดร.สุเมธกล่าว
ผู้ สื่อข่าวถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยเรื่องใดเป็นพิเศษ ดร.สุเมธกล่าวว่า ในยุคนี้เป็นเรื่องของดินน้ำลมไฟ ซึ่งเรื่องนี้ทรงเตือนมาก่อนล่วงหน้าหลายสิบปีแล้วว่าพวกเราชอบรังแก ธรรมชาติ เราอยู่กับดินน้ำลมไฟโดยไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่ ใช้อย่างสิ้นเปลือง พระองค์ทรงรับสั่งว่า เรารังแกเขามากๆ วันหนึ่งเค้าโกรธและจะลงโทษเรา เวลานี้เราเจอหมดแล้ว ทั้งพายุและน้ำท่วม ภูเขาก็ระเบิดแล้ว มีการเตือนหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องช่วยกันดูแลประเทศ ไม่ใช่หน้าที่สำหรับพระองค์ท่านเท่านั้น แม้กระทั่งการเอาต้นไม้ลงในแผ่นดินก็เป็นการต่อชีวิตให้กับแผ่นดินแล้ว อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ หน้าที่รักษาแผ่นดินเป็นหน้าที่ของเรา อย่าดูเรื่องเกินเลยที่ตัวเองทำไม่ได้
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNVEV3TURZMU5BPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdOaTB4TUE9PQ==
จากคุณ |
:
McLovin
|
เขียนเมื่อ |
:
10 มิ.ย. 54 09:50:54
|
|
|
|  |