 |
2. วิกฤติ DISNEY กับหนังเจ๊งราคาแพง MARS NEEDS MOMS !!
ปีที่แล้ว วอลต์ ดิสนี่ย์ ยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง เพราะหนังแต่ละเรื่อง ทำเงินมหาศาลชนิดที่เรียกได้ว่า พลิกล็อกถล่มทลาย Toy Story 3 ขึ้นแท่นเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับหนึ่งของปี ด้วยรายรับ 415 ล้านดอลล่าร์ในอเมริกา (ส่วนรวมทั่วโลก 1063 ล้านดอลล่าร์) ยังไม่พออันดับที่ 2 ก็เป็นของ ดิสนี่ย์อีกเช่นกันกับปรากฎการณ์เซอร์ไพรส์เหนือนิมิต Alice In Wonderland กวาดในอเมริกาไป 334 ล้านดอลล่าร์ (รวมทั่วโลก 1024 ล้านดอลล่าร์) แค่นี้ก็ทำให้รายรับรวมของสตู ฯ พุ่งสูงชะลูดอย่างไม่เคยมีมาก่อน ตามด้วย 200 ล้านดอลล่าร์ของหนังอย่าง Tangled, 172 ล้านดอลล่าร์ของ Tron Legacy ก็ถือว่าเป็นอีกปีที่น่าพอใจ ...แต่พอก้าวข้ามมาปี 2011 ประวัติศาสตร์ดูเหมือนจะไม่เดินตามซ้ำรอยเดิมซะแล้ว ดิสนี่ย์เริ่มตระหนักว่าปีนี้เส้นทางกลีบกุหลาบจะไม่สวยหรูเหมือนที่ผ่านมา จริงอยู่ต้นปี ดิสนี่ย์ประสบความสำเร็จไปกับการจัดจำหน่ายหนัง Gnomeo And Juliet การ์ตูนแอนิเมชั่นสีสันสดใส ที่เก็บไป 189 ล้านดอลล่าร์ทั่วโลก นั่นก็สร้างความปลาบปลื้มให้กับสตู ฯ ได้ไม่นาน หลังจากนั้นการมาของหนังเรื่องถัดไปถือว่าเป็นความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับสตู ฯ เป็นอย่างยิ่ง
Mars Needs Moms หนังในเครืออิเมจมูฟเวอร์ สตูดิโอผลิตงานแอนิเมชั่นโมชั่นแคปเจอร์ในอดีตของ โรเบิร์ต เซเม็กคิส อาทิ The Polar Express, Monster House, Beowulf, A Christmas Carol ในขณะที่เรื่องก่อนๆเป็นผลงานที่มาพร้อมความสำเร็จในตัว แต่กับหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้ที่ได้ ไซม่อน เวลส์ แห่ง The Time Machine มากำกับ กลับพบกับความล้มเหลวรับประทานแบบหาอะไรมาเปรียบปานไม่ได้ ตลอดการฉายในอเมริกาหนังเก็บไป 21 ล้านดอลล่าร์ (นั่นสมวควรจะเป็นรายรับเปิดตัวซะมากกว่า) รวมทั่วโลกแล้วหนังเก็บไปทั้งหมด 38 ล้านดอลล่าร์ !!!! OMG จะไม่อะไร ถ้าหนังไม่ได้เป็นเจ้าของทุนสร้างในระดับ 150 ล้านดอลล่าร์ ขาดทุนสนั่นหวั่นโลกาแบบนี้ จะเอาที่ไหนมาชดเชย ยังไม่รู้เลยจริงๆ --- และด้วยเหตุที่หนังล้มเหลวสุดพลังแบบนี้ ดิสนี่ย์ เลยประกาศระงับการสร้างหนังโมชั่นแคปเจอร์เรื่องต่อไปของ สตู ฯ ผู้สร้างนี้ นั่นก็คือเรื่อง The Yellow Submarine ที่เดิมทีมีชื่อของ เซเม็กคิส เป็นผู้กำกับ และนำเสนอเรื่องราวการผจญภัยของสมาชิกวง เดอะ บีทเทิลส์ !!~
ความล้มเหลวในระดับเล็กๆของ ดิสนี่ย์ ยังเกิดขึ้นอีกครั้งด้วยการที่อยากจะสร้างสรรค์หนังแนวเต้น + เพลงให้มากระหึ่มเหมือนครั้งแจ้งเกิด High School Musical แต่ Prom หนังที่วอนนาบีที่จะเป็นกลับไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควรเมื่อออกฉาย หนังทุนสร้าง 8 ล้านดอลล่าร์เรื่องนี้ เลยเป็นเจ้าของรายรับในอเมริกาเพียงแค่ 9 ล้านดอลล่าร์ แบบไม่ต้องไปคิดเปิดฉายในตลาดต่างประเทศให้เสียดุลย์ไปมากกว่านี้ งานนี้หนังต้องมาหวังฟันกำไรเอาในช่วง DVD ออกแล้วล่ะ
แต่ตอนนี้ ดิสนี่ย์ กำลังยิ้มออกกับหนังบล็อกบัสเตอร์เรื่องล่าสุด Pirates of The Carribean : On Stranger Tides ที่แม้จะเป็นของเกลียดของนักวิจารณ์มากน้อยแค่ไหน แต่หนังก็เดินหน้าฟัดรายรับระห่ำทั่วโลกไปได้อย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้หนัง กวาดไปแล้ว 886 ล้านดอล่าร์ กำลังจะเดินหน้าเข้าสู่หลัก 900 ล้านดอลกันในเร็ววันนี้ ยังไงก็เอาใจช่วยแล้วกัน อย่างน้อยก็ได้ทุน 250 ล้านดอลล่าร์ คืนมาเข้ากระเป๋าให้เบาใจ แม้ในอเมริกาจะล้มเหลวหนักแคไหนก็ตาม !!! ....หลังจากนี้บอกได้คำเดียวว่าทิศทางของดิสนี่ย์ไปจนถึงปลายปียังลูกผี ลูกคน เพราะหนังที่เหลือส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่หนังการ์ตูนหรือไม่ก็หนังเน้นกลุ่มเป้าหมายครอบครัวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น Cars 2, Winnie The Pooh, The Lion King 3D, Real Steel, The Muppets หรือหนังที่จะปิดท้ายปีด้วยงานของ สตีเว่น สปีลเบิร์ก อย่าง War Horse ดูท่าจะไม่หวังสร้างปรากฎการณ์อะไรต่อจากนี้ เก็บแบบเบาๆ สบายกระเป๋าไป จะมีที่น่าห่วงหน่อยก็ Cars 2 ที่ไม่รู้จะเป็นภาคต่อของพิกซาร์ที่เปรี้ยงได้อีกครั้งหรือไม่ แต่หนังแอนิเมชั่นก็น่าจะได้รับการตอบรับดีในตลาดโลกมากอยู่แล้ว กับอีกเรื่อง Real Steel ที่เน้นทุนสร้างระดับ 80 ล้านดอลล่าร์ แต่หน้าหนังและตัวหนังจะดึงดูดความน่าสนใจได้มากแค่ไหน จะรอดหรือไม่รอด ต้องติดตามกันต่อไป ~
จากคุณ |
:
Filmzlap
|
เขียนเมื่อ |
:
13 มิ.ย. 54 22:06:40
|
|
|
|
 |