ความคิดเห็นที่ 1 ชอบเรื่องจัน ดารา จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 12:53:18

ความคิดเห็นที่ 2 sam sara จ้ะ หนังของค่ายอีวีเอส ลองหาดูเผื่อยังมี แต่เก่าแล้ว จากคุณ : monster's ball เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 12:57:58

ความคิดเห็นที่ 3 samsara จากคุณ : เย็นสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 12:58:03

ความคิดเห็นที่ 4 หนังเรื่องนั้นคือ "Samsara" (รักร้อนแผ่นดินต้องจำ) ที่ออกฉายในปี 2001 ครับ ^_^ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 12:59:13

ความคิดเห็นที่ 5 ผมมีแผ่นด้วย แต่หายังไม่เจอ จากคุณ : the hulk เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 13:05:06

ความคิดเห็นที่ 6 หนังของเธอ มักจะมีแต่แนวอีโรติกนะคะเนี่ย เรื่องด้านบน เป็นเรื่องของนักบวช แต่ฉากหวือหวาเพียบเลย จัน ดารา เป็นหนังที่ทำให้คนไทยรู้จักเธอ กับฉากเอาน้ำแข็งลูบหลัง ว่ากันว่า บทนี้ ผกก.ทาบทามดาราไทยไว้หลายคนนะคะ(ไม่รู้ว่ามีใครบ้าง เพราะเป็นมารยาทของเขาที่ขอสงวนชื่อค่ะ)แต่ไม่มีคนตอบตกลงที่จะมาเล่นเลย เพราะบทแรงมาก แถมฉากเปลือยก็เยอะค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 54 13:07:19 จากคุณ : คนสุภาพ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 13:06:24

ความคิดเห็นที่ 7 เออ เข้าใจหาแง่มุมมาทำนะ จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 14:01:47

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องนี้ถ้าตัดเรื่องอีโรติกออกไป เราว่าเนื้อเรื่องมันเองก็ดีทีเดียวนะ จากคุณ : แมวเหมียวเขี้ยวทอง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 14:05:28

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าคนที่ทำหนังเรื่องนี้คิดแบบจขกท.บอก และคนวิจารณืหลายๆคน รวมทั้งจขกท.คิดแบบนั้น แสดงว่าไม่เข้าใจประวัติของพระพุทธศาสนา เลยแม้แต่น้อย พระราหุล และพระนางยโสธรา ซึ่งเป็นพระราชโอรสและพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะตามลำดับ  พระองค์ทั้งสองภายหลังก็ตามพระพุทธเจ้าออกบวช และบรรลุนิพพานทั้งสองพระองค์   จะบอกว่าสมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงละทิ้งลูกเมีย  ให้อยู่กันตามลำพัง เป็นการกล่าวของคนที่ไม่รู้เรื่องราวในศาสนาพุทธเลย ดังนั้นเรื่องนี้จะเสียดสีใครก็ไม่รู้ แต่ไม่ใช่การเสียดสีพระพุทธเจ้าแน่นอน แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 54 14:30:25 จากคุณ : seven-elephant เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 14:27:08

ความคิดเห็นที่ 10 เราว่าเรื่องนี้เนื้อหาดีทีเดียวนะคะ เราไม่ได้ดูจากแผ่นนะคะ แต่บังเอิญไปเจอในยูทูปก็เลยนั่งดู ปรากฎว่าสนุกมาก แต่ก็ยังดูไม่จบนะคะ ได้แค่ครึ่งเรื่องเอง เราชอบดูหนังประเภทนี้ ไม่ได้เพ้อฝัน เวิ่นเว่อ แต่มันคือเรื่องจริงที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง หนังสอนให้เราคิด ให้เรารู้ว่า เราจะต้องใช้ชีวิตอย่างไรและปฏิบัติตัวอย่างไรให้ถูกต้อง ไม่รู้ว่านานขนาดนี้แล้ว ยังจะมีแผ่นขายอยู่หรือเปล่า อยากได้มาก จากคุณ : sandhurst เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 14:50:37

ความคิดเห็นที่ 11 ถูกใจให้ re.9 3 กีบเลยค่ะ เจ้าของกระทู้ควรหาหนังสือพระพุทธประวัติอ่านบ้างนะคะ แนะนำหนังสือ คือเมฆสีขาวทางก้าวเก่าแก่ ค่ะ เล่มนี้อ่านเพลินๆและไม่เน้นปฏิหาริย์ค่ะ อ่านเข้าใจง่าย อ่านแล้วสบายใจดีค่ะ อ้อ.. เคยฟังพระพยอมท่านบอกไว้ค่ะ ว่าคนที่จะบวชตลอดชีวิต คือคนที่ไม่มีใครต้องการแล้ว คือไม่ต้องดูแลหาเลี้ยงครอบครัว ไม่ใช่หัวหน้าครอบครัว ไม่มีใครห่วงหาอาวรณ์แล้ว จากคุณ : == พิ้งค์กี้ == เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 15:43:09

ความคิดเห็นที่ 12 กล่าวเพิ่มจากคห.9 อีกนิด หรือจะกล่าวให้เข้าใจง่ายๆคือ  การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเรื่องที่เป็นทุกข์ครับ เพราะเราต้องเจอะเจอเรื่องทุกข์กันตลอดชีวิต พระพุทธเจ้าจึงออกไปค้นหาหลักธรรมเพื่อความสุขที่แท้จริง จนพระองค์ค้นพบ และจึงเผยแพร่สิ่งที่ค้นพบแก่บุคคลทั่วไป รวมทั้ง พระราชโอรส และพระชายาของพระองค์ ซึ่งภายหลังก็เข้าใจซาบซึ้ง จนสามารถบรรลุนิพพาน ซึ่งเป็นหนทางพ้นทุกข์ที่แท้จริงได้ ทั้งสามพระองค์ ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ทรงออกบวช และอยู่กันเป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ทั้งสามก็เป็นทุกข์กันต่อไป ตามวีถีมนุษย์ปุถุชน ทั่วไป  ดังนั้นการออกบวชของ พระพุทธเจ้า เปรียบเสมือนการช่วยเหลือลูกเมีย ไม่ใช่การละทิ้งครับ จากคุณ : seven-elephant เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 16:56:32

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าท่านเจ้าของกระทู้ ดูเรื่องนี้จบ แล้วยังจับประเด็นได้อย่างนี้ รบกวนให้ดูซ้ำอีกรอบครับ เพราะ ความเป็นมาของพระในเรื่อง กับเจ้าชายสิทธัตถะ เริ่มต้นไม่เหมือนกัน พระในเรื่องเป็นเณรมาแต่เด็กน้อย ไม่เคยสัมผัสโลกภายนอกดั่งเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อได้มาเจอทุกข์ของโลก เลยทนไม่ได้ต้องหนีกลัีบไปบวช พระในเรื่องเห็นมาร เห็นทุกข์จากหนังสือและคำสอน ได้รับรู้ แต่ไม่สามารถรู้สึกได้ จากคุณ : Bugtoi เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 18:17:41

ความคิดเห็นที่ 14 เค้าหุ่นดีค่อดๆ นะเราว่า อิอิ จากคุณ : เซียวลี้ปวยตอ มิเคยพลาดเป้า เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 20:30:41

ความคิดเห็นที่ 15 หนังไม่เสียดสีพุทธประวัติ   หนังเหมือนเสนอด้านกลับของพุทธประวัติครับ พุทธประวัติคือ  คนที่อยู่ใน  โลกียะ  แล้วค่อยไปสู่โลก โลกุตตระ ส่วนในหนังคือ  คนที่อยู่ใน โลกุตตระ แล้วไปสู่โลก โลกียะ  (แล้วไปไหนต่อก็ไม่รู้...) ถ้าเคยอ่านนวนิยายเรื่อง "สิทธารถะ" ก็จะเข้าใจว่า พล็อตมันคล้ายหนังเรื่องนี้มาก จากคุณ : ole (trufa) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 22:01:54

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่รู้ทุกข์ไหนเลยจะรู้สุข จากคุณ : Asklepios เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 22:48:31

ความคิดเห็นที่ 17 จขกท ตีความของหนังผิดไปนะคะเราว่า  มันไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับพระพุทธเจ้านะ  เพราะ "ความจริง"ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าค้นพบนั้นมันเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่เหนือนิวรณ์ทั้งปวง   เรื่องนี้คล้ายกับเรื่อง สินธารถะ มากกว่า  อย่างที่ คคห อืนๆกล่าวมา   เข้าใจว่าคงเน้นฉากนั้นอ่ะนะ  แต่ถ้าลองดูเนื้อหนังดีๆ พ่วงด้วย อาจปรับความเข้าใจใหม่นะ จากคุณ : นู๋จุ๋มมาใหม่ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 00:34:01

ความคิดเห็นที่ 18 เออ เราไม่ได้นึกถึง ประวัติเจ้าชายสิทธัตถะนะ แต่นึกถึง สิทธารัตถะ ที่เป็นหนังสือมากกว่า จากคุณ : SICKHEART เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 02:34:42

ความคิดเห็นที่ 19 ยอมรับว่าไม่ได้ลึกซึ้งในพระพุทธศาสนาเหมือนหลาย ๆ ท่านที่เข้ามาแนะนำ อันนี้ต้องขอบคุณ แต่....... บทพูดของนางเอกตอนจบมันสื่อแบบนั้นครับ ก็เลยตีความหนังผิดไป ยังไงก็ขอบคุณที่ชี้แนะ และแม้จะไม่ลึกซึ้งในศาสนา แถมยังชอบดูฉากอีโรติค แต่ก็ยืนยันครับว่าไม่เคยทำให้ศาสนาเสื่อมเสียแน่นอนครับ ส่วนที่แนะนำให้อ่านหนังสือธรรมะนั้นคงยากสำหรับผม ก็กระทู้นี้ยังมาตามหาหนังโป๊อยู่เล้ย ฟ้าวววววววววว............ แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 21:42:40 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 21:41:45 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 54 21:40:18 จากคุณ : ultraman_yo เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 54 21:38:16

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าหนังไม่ได้สื่อถึงพระพุทธเจ้าแต่สื่อถึุงไทยพุทธหลายๆคนปัจจุบันนี้เหตุการ์ณแบบนี้มีเยอะคิดไรไม่ออกทำมาหากินไรไม่ได้แล้ว บวช ผมเห็นมาหลายคนแล้วใครไม่เคยเห็นก็แปลกมาก จากคุณ : สายน้ำสีเดิม เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 02:56:16