Green Lantern สนุกมาก! (Review + สปอย)
|
 |
ตอนแรกที่เห็นคะแนนจาก Rotten Tomato เราถึงกับจิตตก ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ใจนึงก็ไม่อยากใหัมันเจ๊ง เพราะ DC ทุ่มสุดตัวกับหนังเรื่องนี้ ถึงกับเตรียมสร้างอีก 2 ภาคต่อไว้แล้ว ถ้าหนังเป็ก JLA อาจเจอโรคเลื่อนได้อีก อีกใจนึงกลับคิดว่า เจ๊งซะก็ดี แต่ไหนแต่ไรมาเราเกลียดฮาล จอร์แดน และไม่เคยเข้าใจว่าซีรี่ชุด Green Lantern มันมีอะไรดี การที่ DC ดัน GL ในทุกสื่อทำให้เราค่อนข้างเซ็ง เราไปดูเพื่อจะกลับมาเขียนรีวิวแบบ ถ้าห่วยชั้นจะด่าให้สะใจ ประมาณนั้น
พอหนังเริ่มเราก็แอบกรี๊ดเล็กๆกับโลโก้ DC ถ้าดูไม่ผิดมันคือภาพ GL ที่มีหน้ากากปิดตา ดีใจที่ DC ใช้ภาพจาก comics เรื่องนั้นๆแทนที่จะใช้ภาพจาก Batman มันซะทุกเรื่อง เปิดเรื่องได้เชยๆไสตล์ตำนานอวกาศยังกะหนังสมัยเดียวกับ Star War ภาคแรก การใช้เสียงเล่าเรื่องราวแบบนี้ ให้อารมณ์เหมือนนิทาน หรือตำนานอวกาศ ซึ่งถ้าคุณอ่านออริจินอลคอมมิค ก็จะได้อารมณ์แบบเดียวกัน เป็นหนึ่งในหลายสิ่งของซีรี่ GL ที่เราไม่ชอบ
มันก็ถูกอย่างที่หลายคนว่าไว้ คือหนังเดินเป็นเส้นตรงตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ได้มีความซับซ้อนในเนื้อเรื่อง แต่ขณะดูเรากลับไม่ได้รู้สึกรำคาญ หรือเบื่อหน่ายสักนิดเดียว
การเล่าเรื่องแบบง่ายๆ กลับเป็นเรื่องดี เพราะเราใช้เวลาส่วนใหญ่สนุกไปกับเสน่ห์ของคู่พระคู่นาง มุขตลกเสียดสีที่ฮาได้ใจ และขบคิดถึงสารดีๆที่หนังนำเสนอ ความมุ่งมั่น และ ความกลัว ในแง่มุมที่เราไม่เคยนึกถึง พลังในการสร้างสรรสิ่งต่างๆของคนเรานั้น มาจาก 2 แหล่งใหญ่ คือ ความอยากมีอยากเป็น และความไม่อยากมีไม่อยากเป็น หรือในทางพุทธเรียกว่า ภวตัณหา และ วิภวตัณหา ความอยากมีอยากได้ เป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นทำสิ่งต่างๆ ขยันเรียน ขยันทำงาน หาเงินๆ ไต่เต้าตำแหน่งสูง เพื่อหน้าตา ชื่อเสียง แม้แต่การทำบุญเอาหน้า หรือทำบุญทุ่มสุดตัว หวังสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน ความกลัวเป็นอุปสรรค์ต่อความมุ่งมั่น ทำลายความมั่นใจ และกำลังใจ และความมุ่งมั่นที่แรงกล้า จะเอาชนะความกลัวได้ แต่ความจริงแล้ว โลกมนุษย์ขับเคลื่อนด้วยพลังของความกลัวแทบทั้งนั้น กลัวสอบตก จึงต้องขยันอ่านหนังสือ กลัวแฟนทิ้ง จึงต้องคอยเอาใจ ไม่มีใครในจักรวาลนี้ที่ไม่มีความกลัว สิ่งสำคัญคือ รู้จักมองเข้ามาข้างใน สำรวจใจของเรา และยอมรับ ถ้าคุณยอมรับว่ากลัวสิ่งใด คุณจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน สามารถเฝ้าดู และควบคุมไม่ให้มันลุกลาม ยังสามารถใช้เป็นพลังสร้างสรรค์สิ่งที่คุณยอมรับว่าดีได้ด้วย แต่คนส่วนมากมักปฏิเสธความจริง ไม่ยอมรับว่าตัวเองกลัว มองเห็นว่า ถ้ากลัวก็คืออ่อนแอ ความกลัวจึงขยายใหญ่โตขึ้นเหมือนมะเร็งร้าย ในที่สุดควบคุมทุกการกระทำของเรา จนแม้เรื่องแลวร้ายที่สุดยังสามารถทำได้ เหมือนซินเนสโตร และฮาล จอร์แดน ฮาลในที่สุด ยอมรับว่าตัวเองกลัว เรียนรู้ที่จะเข้าใจว่า ความกลัวเป็นเรื่องธรรมดา และสามารถควบคุมได้ เอาชนะได้ แต่ซินเนสโตร GL ที่เก่งที่สุดรองจากอาร์บิน เซอร์ เขาคิดว่าตัวเองไม่มีความกลัวใดๆ เขาจึงถูกความกลัวครอบงำในที่สุด การเข้าใจตนเอง และความคุมอารมณ์ที่เกิดขึ้น เปรียบในทางพุทธก็เหมือนการดูจิต ที่เรากำลังศึกษาอยู่พอดี ทำให้เราสนุกกับหนังได้มากกว่าปกติ ได้ดูหนังเรื่องนี้ ทำให้เราเข้าใจ และชื่นชอบในความลึกซึ้งของ Green Lantern Comics ขึ้นมากทีเดียว นอกจากข้อคิดดีๆแล้ว ไอเดียในการใช้พลังเขียวของฮาลก็ทำออกมาได้ดีและน่าสนใจ เรามักดูแคลนคนเขียน Green lantern comics อยู่เสมอ เรื่องที่ไม่สามารถใส่จินตนาการและความสร้างสรรลงไปในสิ่งก่อสร้างของ GL ทั้งหลาย การ์ตูนที่ทำในส่วนนี้ได้ดี ให้ดู The Mask ฉบับอนิเมชั่นเป็นตัวอย่าง แต่พอมาเป็นหนัง ที่เน้นความสมจริงมากขึ้น มันกลับดูสมเหตุสมผลดี ที่ฮาลเลือกสร้างรางให้ฮอลิคอปเตอร์วิ่ง เพื่อชะลอความเร็วจนค่อยๆหยุด และอีกฉากที่สร้างน้ำมารองรับเจ้าหน้าที่หญิงที่ตกลงมา เป็นคอมม่อนเซ็นท์ของมนุษย์บอบบางอย่างเราๆแต่ใช้ได้ผล ในการป้องกันอันตรายจากการแทก จากผลของแรงดึงดูดและแรงเฉื่อย ซึ่งเฮียซุปไม่ค่อยจะมีในจุดนี้ เพราะเฮียเกิดมาก็เป็นซุปเปอร์แมนทันที ความสร้างสรรในการสร้างอาวุธไม่มาก ก็ตรงกับนิสัยและความสามารถของฮาล ฉากจบที่ฮาลเลือกทะลวงผ่านกลางหมอกของพาลาแรกซ์ไปก็นับว่าฉลาด และใจถึง เพราะมันช่วยดึงความสนใจทั้งหมดมาที่ฮาลทันที อย่างที่เขาต้องการ ฉากจัดการพาลาแร็กซ์ทำเราอึ้งเล็กน้อย หนังทำได้ดี ในการค่อยๆใส่รายละเอียดไอเดียนี้มาให้ฮาล และคนดู ว่ามาจากประสบการณ์และการฝึก ไม่ใช่อยู่ๆฉลาดขึ้นมาไม่มีปี่ไม่มีขลุย แต่ยอมรับว่า วิธีนี้เรานึกไม่ถึงจริงๆ เป็นวิธีปราบตัวร้าย สไตล์คอมมิคส์ คือใช้หัว ไม่ต้องสู้ักันมาก ซึ่งเราชอบนะ พอเป็นหนัง เราก็ชอบอีกแหละ แต่กับหลายๆคนที่เค้าอยากดูสู้กันมันส์ๆเขาคงไม่ชอบ ส่วนนี้หนังต้องปรับปรุงให้มาตรฐานดีขึ้นสมกับหน้าหนังด้วย
ฉากบินขึ้นท้องฟ้าของฮาลในตอนจบ ทำเราแทบละลาย เกือบไม่ได้ออกจากโรงหนังซะแล้ว (ขออยู่รอดูรอบต่อไปเลยได้ไหม?) เท่อะไรจะขนาดนั้น ไรอัน เรย์โนลด์ ทำให้ฮาล จอร์แดน คือฮีโร่ที่มีเสน่ห์ น่าจับกดเป็นที่สุด เหนือกว่าบรูซเวย์นซะอีก (เฉพาะเวอร์ชั่นหนัง) คงไม่ต้องตอบละนะ ว่าสอบผ่านหรือเปล่าในบทบาทนี้ เสียดายอย่างเดียว ฉากแปลงร่างนั่นเรามัวแต่มองสูงไปนิด เลยไม่เห็นเลย ว่าใหญ่จริงสมคำร่ำลือรึเปล่า รอ DVD อย่างเดียวค่ะตอนนี้
อ้อ รอดูภาค 2 ด้วยความ "มุ่งมั่น" ด้วย แต่ก็ "กลัว" จะไม่ได้ดู :P
จากคุณ |
:
แมวเก้าแต้ม
|
เขียนเมื่อ |
:
28 มิ.ย. 54 21:20:35
|
|
|
|