 |
ผมว่ายุคนี้เป็นยุคที่ดีที่สุดของนักเขียนการ์ตูนไทย{แตกประเด็นจาก A10795746}
|
 |
กระทู้เสี่ยงชีพ :) คัดลอกจากบลอคตัวเองนะครับ http://sarunu.exteen.com/20110710/entry
ช่วงนี้ดูจะมีกระทู้ทำไมการ์ตูนไทยถึงได้ดีไม่เท่าญี่ปุ่น ทำไมการ์ตูนไทยดักดาน ทำไมการ์ตูนไทยขายไม่ดี ฯลฯ ออกมาค่อนข้างบ่อย เรียกได้ว่าเอาไปทำแมกกาซีนรายเดือนได้เลยทีเดียว แบบว่ามากันบ่อยจริงๆ เนื้อหาข้างในก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นัก คอมเมนต์ต่างๆก็วนเวียนอยู่แต่เพียงว่า เพราะผู้ใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องของเด็ก เพราะการ์ตูนไทยไม่สนุก เพราะการตลาดไม่ดี เพราะตลาดแคบ เพราะรัฐบาลไม่่ช่วยเหลือ เพราะโดนบลอคจินตนาการต้องไทยเท่านั้น เพราะ...เพราะ...เพราะ...
ในทางกลับกัน ผมกลับมองว่า การ์ตูนไทยปี 2011 นี่ล่ะ เป็นปีที่ดีที่สุดของการ์ตูนไทย อะไรทำให้ผมบอกแบบนั้น?
อย่างแรกคือ ช่องทางการกระจายผลงานที่มีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ เนื่องจาก สนพ ต่างๆ พร้อมใจกันเปิดตัว และออกหัวหนังสือเพื่อกระจายผลงาน ถ้านับแบบคร่าวๆ ก็น่าจะร่วมสิบ สนพ. นี่เฉพาะการ์ตูนไทยนะครับ ทั้ง VBK ที่รับการ์ตูนไทยอยู่แล้ว SIC ที่เปิดหัวหนังสือออกมาเรื่อยๆ ทั้งการ์ตูนทั่วไป การ์ตูนหนัง NED ที่เริ่มรับการ์ตูนไทยอีกครั้งหลังจากหากินกับมีดที่ 13 อภัยมณีซาก้ามานาน นี่เร็วๆนี้จะเปิดหัวหนังสือการ์ตูนแนวอีกแน่ะ บงกช เจ้าการ์ตูนผู้หญิงที่มีการ์ตูนไทยออกมาเรื่อยๆ EQ+ ที่ออกการ์ตูนความรู้ ออกซีรีย์มาเยอะแยะมากมาย จนแตกหน่อออกไปเป็น punica ที่ทำการ์ตูนและนิยายแนว dark fantasy และลิขิตจอมนครา Let's comic การ์ตูนแนว ของ บ.ก.ซันเจ้าของโรงพิมพ์ที่พิมพ์ starpic สำนักพิมพ์จ้ำอ้าว ที่พิมพ์การ์ตูนที่ได้รับความนิยมใน exteen อย่าง มุนิน , i-phan สำนักพิมพ์แซลมอน ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆนี้ บันลือบุค บริษัทลูกของ บรรลือสาสน์ เจ้าการ์ตูนไทย อย่างขายหัวเราะและมหาสนุก ที่เปิดตลาดการ์ตูนแนวมังกะโดยเฉพาะ จิณณาบุค ผลงานเด่นๆก็โอริณจินนาที่ตอนนี้ดูเงียบๆไป ไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง แต่ระดับ ONPA แล้ว ก็น่าจะยังอยู่นะ และยังมีพวกการ์ตูนความรู้อีกหลายสำนักพิมพ์ที่ผมจำชื่อไม่ได้ ออกมาอีกเพียบ ต้องลองไปเดินๆดูตามร้านหนังสือพวกซีเอ็ดดอกหญ้าครับ นี่ยังไม่รวมถึงพวกสำนักพิมพ์นิยายต่างๆที่รับนักเขียนไปวาดปกให้อีกเยอะแยะ ทำให้นักเขียนการ์ตูนมีสนามที่จะลงผลงานมากขึ้น มีทางเลือกที่จะไปมากขึ้น
ในขณะที่ วันนี้เมื่อ 10 ปีก่อน ที่ผมเข้าวงการใหม่ๆ ผมเห็นมีแค่ 2 - 3 ที่เท่านั้น คือ VBK และ SIC (แถมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว SIC ยังมีแค่ถนนนักเขียนดาวรุ่งด้วย ยังไม่มีหัวหนังสือที่จะกระจายการ์ตูนไทยออกมาด้วยซ้ำ )
อย่างต่อมายุคสมัยนี้ social network และเว็บบลอคต่างๆ มีบทบาทในการกระจายผลงานเป็นอย่างมากและยังมีส่วนที่ช่วยวัดความนิยมของผลงานเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจตีพิมพ์ ทำให้ค่าความเสี่ยงลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้เมื่อ 10 ปีก่อน ยังไม่มีครับ 10 ปีที่แล้ว คือ ปี 2001 สมัยนั้นยังเป็นเว็บบอร์ดง่อยๆอยู่เลย มีคนเริ่มทำ CG แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้นิยมอะไรมากมายนัก เมาส์ปากกาเป็นของหายากและแพงมาก ใครมีเมาส์ปากกาใช้นี่ถือว่ามีแรร์ไอเทมระดับตำนานเลยทีเดียว การโพสงานก็โพสแบบขำๆ เฮฮากันในกลุ่ม ไม่ได้มีเว็บบอร์ดจริงจังหรือเฉพาะทางอย่างทุกวันนี้ ซึ่งด้วยเหตุนี้ ทำให้ นักวาดไทยสมัยนี้ ไม่จำเป็นต้องง้อ สนพ เสมอไป หลายคนสร้างผลงานตัวเองได้แล้วค่อยไปให้สนพ.พิมพ์ให้ หรือพิมพ์ขายเอง มีหลายคนโกอินเตอร์ได้ รับงานจากต่างประเทศได้ ในขณะที่ 10 ปีก่อน DA เพิ่งเปิดด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่าสมัยนั้นเขามีรับคอมมิชชั่นผ่านเว็บมั้ย แต่สมัยนี้ คอมมิชชั่นเหมือนเป็นแฟชั่นใน DA ที่จะมีลูกค้าเจ้าประจำที่จะคอยจ้างนักเขียนที่ตัวเองถูกใจ วาด original character ของตนเอง และมีนักวาดไทยหลายท่านไปรับทำตรงนี้เหมือนกัน
รวมถึงค่าตอบแทนเองก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก (ซึ่งรายละเอียดขอละไว้ละกัน ) หัวหนังสือต่างๆที่เปิดมา ก็ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพึงพอใจ ถึงแม้ยอดขายจะไม่ได้ถึงระดับแสน แต่ก็อยู่ได้ มีทุนให้ออกหัวใหม่มาได้เรื่อยๆ และไม่ปิดตัวลงอย่างน่าเศร้า ( จริงๆเมื่อราวๆ 4 - 5 ปีก่อน ก็ปิดตัวกันระนาวนะ ทั้ง seed! , comic gamer , fusion , cx ถือเป็นยุคขาลงของการ์ตูนไทยจริงๆ )
ทั้งสมัยนี้ นักอ่านเองก็เปิดใจยอมรับการ์ตูนไทยมากขึ้น เหตุก็เนื่องมาจากมีการ์ตูนไทยที่ได้รับความนิยมมากขึ้นนั่นเอง พวกแบบ ต้องลายไทย ลายกนก บ้านไทยอะไรนี่ ผมว่าสมัยนี้ผมไม่ค่อยเห็นแล้วนะ คือเปิดกว้างกันมากขึ้น ไม่ได้บลอคติดแต่ว่ามันต้องไทยเท่านั้น ยิ่งสำนักพิมพ์สมัยนี้ ผมว่าหลายที่ก็เลิกพูดเรื่องมันต้องไทยไปแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลโดยรวมที่ทำไมผมถึงบอกว่า ยุคนี้เป็นยุคที่ดีของนักวาดการ์ตูนไทย จริงๆเอาแค่ออกงานได้ มี สนพ กระจายผลงานเยอะๆ นักเขียนการ์ตูนสามารถเลี้ยงตัวเองอย่างต่อเนื่องได้ ผมก็ว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีแล้ว หลังจากนี้มันก็ค่อยๆดีขึ้นไปเรื่อยๆ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมงงมากที่มักจะมีคนพูดว่าการ์ตูนไทยแย่ วงการมันห่วย ยอดขายมันไม่ดี ฯลฯ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ ช่วงหลังๆ bakuman ดูจะค่อนข้างได้รับความนิยมมาก จึงทำให้แนวคิดเกี่ยวกับการ์ตูนในบ้านเราค่อนข้างไปทางบาคุมังเยอะ กลายเป็นว่า ถ้าเทียบกับบาคุมังแล้วไม่ดี ก็เท่ากับวงการเราแย่ ซึ่งในความเป็นจริงผมว่าไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่เลยแม้แต่น้อย
สรุปว่า ถึงแม้วันนี้ การ์ตูนไทยอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมระเบิดอลังการเหมือนการ์ตูนจัมป์ ที่มียอดขายเป็นล้านเล่มทั่วโลก เป็นอนิเมโด่งดังไปทั่วโลก ยอดขายเป็นร้อยล้าน แต่วันนี้เราเริ่มมีการ์ตูนที่ได้รับความนิยม และมียอดขายสูงเป็นที่น่าพึงพอใจอยู่ในระดับหนึ่งหลายเรื่อง ทั้งมีด exe อภัยมณีซาก้า ขายหัวเราะ มหาสนุก ฯลฯ ซึ่งยอดขายเหล่านี้ก็กลับมาเป็นเงินที่ต่อชีวิตนักเขียนการ์ตูน ให้ออกผลงานสนุกๆออกมาได้เรื่อยๆ ผมว่านั่นก็เพียงพอแล้วที่จะบอกได้ว่าวงการนี้ไปได้และมันก็จะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ วันนี้ เทียบกับ 5 ปีที่แล้ว ดีกว่าแน่นอนครับ เทียบกับ 10 ปีที่แล้ว ดียิ่งขึ้นไปอีกครับ ตามที่ผมว่ามาทั้งหมด เทียบกับ 15 ปีที่แล้ว ลองบอกพ่อแม่สิครับ ว่าจะมาเป็นนักเขียนการ์ตูน ได้โดนตบกบาลแตก ยิ่ง 20 ปีที่แล้วนี่ บอกว่าการ์ตูนไทยยอดขายหมื่นเล่ม เป็นได้แค่ฝันลมๆแล้งๆด้วยซ้ำ ขายได้ถึงพันเล่มก็กราบแล้วครับ คำว่านักเขียนไส้แห้ง เมื่อ10-20 ปีก่อน มันเป็นเหมือนหนามยอกอกนักเขียนการ์ตูน หรือผู้ที่อยากจะประกอบอาชีพนี้ ซึ่งในปัจจุบันมีหลายคน ซื้อบ้านซื้อรถเลี้ยงลูกเมียด้วยการเขียนการ์ตูน ครับ รายได้นักเขียนรุ่นใหญ่บางคนได้เดือนนึงหลักแสน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอะไรมาไส้แห้ง..
รวมถึงหลายคนชอบบอกว่าการ์ตูนไทยนั้นไม่ได้เท่าวงการของญี่ปุ่นสักที ผมว่า 10 ปีแรกของฮอนด้ามันก็คงไม่ได้ยอดขายอลังการเหมือนทุกวันนี้เหมือนกัน ยิ่งไปเทียบกับรถฝรั่ง ยิ่งแล้วใหญ่ ซึ่งทุกอย่างต้องค่อยๆใช้เวลาพัฒนากันไป และถึงแม้ว่าเราจะเสียเวลาไปถึง 10 - 20 ปี เพื่อพัฒนาวงการนี้ไปอย่างช้าๆ เจอปัญหาบ้างอะไรบ้าง แต่ก็หวังว่า วงการเราจะยั่งยืนต่อไปในอนาคตครับ!
ป.ล.ส่วนตัวผมว่า การ์ตูนไทยยอดขายล้านเล่ม คงต้องรอไปอีกสัก 10 ปีเป็นอย่างเร็วสุดที่พอจะเป็นไปได้ครับ ผมก็จะรอดูว่าอีก 10 ปีจะมีการ์ตูนไทยที่ยอดขายล้านเล่มไหม :)
ป.ล.2 ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับข้อความเลยสักกะติ๊ด :)
จากคุณ |
:
Espionage
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ก.ค. 54 20:20:18
|
|
|
|  |