ความคิดเห็นที่ 1 Part 2 จะจบที่ $400-450 ล้าน...(เดาเอา^^") จากคุณ : I AM OVERLORD เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 00:55:19

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเอาของทั่วโลกมาด้วยนะ จะเพ้อฝันกว่านี้อีกอ่ะ เวลาเห็นรายได้ทั่วโลกแล้วอยากเป็นเจ้าของ WB 555+ จากคุณ : pry_is เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 01:34:04

ความคิดเห็นที่ 3 มันตลกดีนะที่คนชอบยกให้ภาค 3 เป็นภาคที่ดีที่สุด เริ่ดที่สุด อะไรๆก็อัลฟองโซๆ แต่ภาคนี้กลับทำรายได้ทั้งในบ้านและรอบโลกน้อยสุดในทุกภาค น้อยแบบด้อยสุดๆไปเลยด้วย ทั้งที่มีเวลาในการฉายรอบต่อวันได้เยอะที่สุดในทุกภาคด้วย เนื่องจากภาคนี้ยาวแค่สองชั่วโมงหน่อยๆเอง เหอๆๆๆ อยากจะรู้จริงคนที่ชอบว่าเยตกำกับแย่ยังไงก็ได้ เพราะคนก็ไปดูซีรียส์นี้อยู่แล้วมันหมายความว่าไงนะ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 02:34:09 จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 02:27:59

ความคิดเห็นที่ 4 ภาค 3 เป็นภาคที่ชอบน้อยที่สุดเลย ตัดอะไรไม่ตัด ดันตัดการคว้าถ้วยควิชดิชครั้งแรกของกริฟฟินดอร์ ฮือๆ รายได้เยอะจริงอะไรจริง รอดูว่าภาคสุดท้ายจะปิดตัวที่เท่าไหร่ค่ะ จากคุณ : โฉมงามรอเจ้าชายอสูร เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 06:42:45

ความคิดเห็นที่ 5 คุ้มยิ่งกว่าคุ้มที่ได้ LC ทำแฮรี่ ขายได้ทุกภาค จากคุณ : หมูผีตีลังกา เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 09:16:42

ความคิดเห็นที่ 6 ที่คนเค้าชอบภาค 3 ก็เพราะ มันเป็นภาคแรกที่เปลี่ยนสไตล์จากภาค 1-2 ไปเลย และภาพมันสวย มุมกล้องมันดูแตกต่างจาก 2 ภาคแรก การลำดับภาพก็ดูมีชั้นเชิงขึ้น มันเกิดความแปลกใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรก ซึ่งแรกๆ คนอาจจะยังไม่ชอบ หรือเป็นเพราะ 2 ภาคแรกเป็นรายได้ที่ถอยลง หรือคนดูมา 2 ภาคแล้วอาจจะรู้สึกว่ามันเล่าเรื่องได้อิงหนังสือ เกินไปทำให้หนังดูตรงๆ เกินไป ภาค 3 บางคนเลยตัดสินใจไม่ดู แต่หลังจบจากภาค 3 รายได้ไปเพิ่มขึ้นที่ภาค 4 เราคิดว่านั่นเป็นผลพวงจากภาค 3 ที่เรียกคอหนังกลับมาได้อีก และการที่หนังภาคนี้ได้รายได้น้อยที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่าหนังภาคนี้แย่ รายได้ก็ส่วนรายได้ ถึงคนดูจะน้อย แต่กลับได้รับการกล่าวถึง และคะแนนมากที่สุด (ถ้าไม่นับ 7.2) ส่วนเดวิด เยตส์ นั้นสำหรับเราเค้าก็ถือว่าทำได้ดี ภาคล่าสุดคนก็ชอบกันเยอะ ยังไงๆ ซีรีย์แฮร์รี่ ก็ไม่แย่อยู่แล้วสำหรับเรา และใน คห.4 ฉากเพราะเค้าเล่นควิดดิชกันมา 2ภาคแล้วนี่ และภาค 3 เค้าคงเห็นว่ามันไม่ได้ช่วยเล่าเรื่องอะไร และก็เห็นกันมา 2 ภาคแล้ว จะให้เล่นควิดดิชทุภาคเลยเหรอ จากคุณ : พอตตี้ กับ วีเซิล เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 09:31:59

ความคิดเห็นที่ 7 ยอมรับว่าภาค 3 มุมกล้องสวย แต่ในแง่บท ไม่ดีเลย ตัดในส่วนที่ไม่น่าตัดหลายส่วน อย่างควิดดิช เราอยากให้มีนะ แม้จะไม่ใช่สาระสำคัญอะไรมากมาย แต่มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รู้สึกดี เพราะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่แฮร์รี่จะได้มีความสุขกับการชนะการแข่งขัน อย่างภาคแรกก็ไม่ได้แข่งเพราะนอนเจ็บอยู่ ภาค 2 ถูกยกเลิก ภาค 4 ไปแข่งประลองเวทมนตร์ไตรภาคี ภาค 5 ก็ถูกสั่งห้ามเล่น ภาค 6 โดนกักบริเวณ และภาคสุดท้ายไม่ได้กลับไปโรงเรียน และอีกอย่างที่เราไม่ชอบภาค 3 คือ เริ่มต้นเลิกใส่ชุดเครื่องแบบของโรงเรียนอ่ะ แต่โดยเนื้อหาของนิยาย เราก็ไม่ได้ชอบภาค 3 ซักเท่าไหร่อยู่แล้ว อาจเพราะมีความเชื่อมโยงไปถึงลอร์ดโวลเดอร์มอร์ค่อนข้างน้อย มีแต่เรื่องของซีเรียส ที่สงสัยมันตลอดเรื่องว่า ตกลงเป็นคนดีหรือไม่ดีแน่ แต่ในหนัง เรารู้สึกว่าเน้นตรงนี้น้อยไปหน่อย แล้วก็อาจจะน่าสนใจที่คำพยากรณ์ตอนท้าย แต่มันคือจุดเริ่มต้นเลย เป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังจะมีเรื่องเลวร้ายตามมา จากคุณ : howk_ky เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 11:08:54

ความคิดเห็นที่ 8 โอววว...รายได้จากภาค 3 น้อยกว่า ภาค 2 อีกหรือเนี่ย...T_T ภาค 3 นี่ผมไปดูมาหลายรอบเหมือนกันนะ แต่จริงๆก็อย่างว่าแหละ ภาค 3 มีดีที่มุมกล้อง รวมกับ ความกล้าคิด กล้าทำของ ผกก. ที่จะเปลี่ยนอารมณ์จากแฮรี่ แฟนตาซี ไปสู่ แฮรี่ ภาควัยรุ่นผสมผสานความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อแนวคิดเปลี่ยน ธีมในการทำหนังก็เปลี่ยน นอกจากนี้ ผกก. ยังดัดแปลงบทภาพยนต์ ต่างจากเนื้อหาในหนังสือไปอย่างสิ้นเชิง แต่ยังดีที่คงประเด็นสำคัญๆไว้ครบและมีเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง แต่ผมว่าแกคงจะลืมไปว่า... กลุ่มเป้าหมายของ Harry Potter ไม่ใช่ นักดูหนังนะ หากแต่เป็นแฟนๆนิยายที่มีอยู่ทั่วโลก เพราะฉะนั้น จะเอาใจคอหนังอย่างเดียวคงไม่ได้ นอกจากนี้ ยังตีความในประเด็นที่ยัดเยียดใส่ตัวละครที่ไม่ปรากฏในหนังสือเข้ามาและตัดความสำคัญของบางเรื่องออกไป เืพื่อให้หนังดูกระชับ แถมยังลำดับขั้นตอนของหนังไม่ตรงกับเนื้อหาในหนังสือ ซึ่งแทนที่จะดี กลับเป็นผลเสีย ภาคนี้ ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกสำหรับคอหนัง แต่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบ สำหรับคนอ่านหนังสือ เพราะค่อนข้างจะบิดเบือนเนื้อหาจากหนังสือมากที่สุด แต่สิ่งที่ผมชอบในงานของ ผกก. คนนี้คือ เรื่องของการลำดับภาพ และมุมกล้อง การเล่าเรื่องที่มีความเป็นศิลป์ในตัว (แต่มากไป) ถ้าแกเพิ่มความสำคัญของตัวละครในหนังสือเข้าไป(เช่น ดีน เชมัส แครป กอลย์ ฯลฯ ) และเพิ่มเนื้อหาบางฉากเข้ามา(ฉากควิดดิช) และไม่ลำดับเนื้อหาผิด(ฉากไฟรโบลต์) และเน้นเนื้อหาที่ตรงประเด็นมากขึ้น( กริม, ซีเรียสแบล็ก มิตรหรือศัตรู รวมทั้งความสัมพันธ์ของเขากับลูปินและเจมส์ ) เพิ่มฉากน่าประทับใจเข้าไปและตัวหนังยาวขึ้นอีกนิด แกน่าจะได้กำกับภาคต่อๆมาแน่นอน นอกจากนี้ ที่ค่อนข้างจะผิดหวังหน่อยๆ คือ การแคสติ้ง นักแสดงมาเล่นเป็น อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ซึ่งโดยรวมก็ไม่ถือว่าแย่มากมาย แต่แย่ที่ไปตีความดัมเบิลดอร์ กลายเป็นคนแก่ที่เงียบขรึม สุขุม เยือกเย็น ดุดัน ไม่ขี้เล่น ไม่ติดอารมณ์ขันเหมือนในหนังสือ ที่มีอารมณ์ขันแต่ดูฉลาดล้ำลึกเหมือนกับดัมเบิลดอร์คนก่อนหน้า และยิ่งคนหลังๆมากำกับ ยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่ ถึงขนาดเอา ศจ.ฟลิตวิกที่สอนวิชาคาถา (ในศิลาอาถรรพ์) ผันตัวเองไปเป็น อจ.สอนวิชาดนตรี รวมไปถึงโต๊ะที่นั่งของบรรดาอาจารย์ ที่แตกต่างไปจากสองภาคก่อนทำให้เหมือนดูไม่ปะติดปะต่อกับสองภาคแรก ถ้ายิ่งพอเอามาดูไล่ๆกันไป เหมือนกับดูหนังกันคนละเรื่อง ด้วยเหตุนี้สี่ภาคหลังสุด จึงต้องใช้ ผกก. คนเดิมในการทำหนังเพื่อให้เรื่องราวมันปะติดปะต่อกัน (จริงๆ ถ้า แกไม่แหกแหวกแนวมากเกินไป ผมว่า..งานของแกยังดูเข้าท่ากว่า เดวิต เยตส์ อีกนะ) แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 54 11:59:11 จากคุณ : Cho_shang เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 11:51:22

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้วววว คุณ Cho_shang มาพูดถึงเรื่องคัดนักแสดงมาเป็น ศ.ดัมเบิลดอร์ นี่ตรงใจมากเลยค่ะ เราชอบดัมเบิลดอร์ 2 ภาคแรก มากกกกกก มันแบบหลุดออกมาจากหนังสือเลย เสียดายที่เค้าเสียชีวิตไปซะก่อน จากคุณ : howk_ky เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 12:26:42

ความคิดเห็นที่ 10 สมัยก่อนภาคแรก ๆ ตั๋วหนังราคา 80 บาท เดี๋ยวนี้ ตั๋ว 3D 200 กว่าบาทมีผลไหมครับ ต่อรายได้ (ค่าตั๋วของอเมริกาก็น่าจะขึ้นคล้าย ๆ ของไทย หรือของไทยขึ้นแพงประเทศเดียวนะ) เค้าน่าจะคิดเป็นจำนวนที่นั่งนะ ดีกว่าคิดเป็นรายรับ จากคุณ : งงงันวูบ เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 12:37:53

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่า ตอนนั้น แฮร์รี่ภาค3 มันไปเปิด กลางซัมเมอร์มากกว่า ซึ่งดันไปชนกับการโกยเงินของ shrek 2 รวมกับการเปลี่ยนสไตล์ ตัดฉากสำคัญ มืดหม่น แต่ผมให้น้ำหนักรายได้น้อยเพราะไปเปิดกลางซัมเมอร์นั่นแหละ ทำให้แม้จะเปิดตัวสวย แต่มันมีเรื่องอื่นมาแบ่งเยอะ หนังใหญ่ๆทั้งนั้น ซึ่งแม้ถาคหลังอย่างภาค 5 หรือ 6 จะเปิดซัมเมอร์เหมือนกัน แต่เพราะอานิสงค์ที่คนเริ่มจะชินว่า มันไม่ใช่หนังเด็กอีกต่อไป และคำชมจากภาค 3 นั่นแหละ จากคุณ : Barca'naL_uffy เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 14:34:52

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเลิกยึดติดหนังสือ แล้วจะรู้ว่าภาค 3 ก็มีดีในตัวเอง ไม่งั้นคะแนนวิจารณ์ภาคนี้คงไม่สูงกว่าภาคอื่นๆ หรอก อีกอย่างนึง เราไม่คิดว่าการดัดแปลงเรื่องราวจากหนังสือสู่จอภาพยนตร์ นี่ต้องเอาใจแฟนหนังสือนะ ถึงแม้จะดัดแปลงจากหนังสือที่ขายดีที่สุดในโลกก็เถอะ เราว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่หนังหรอก แต่อยู่แฟนหนังสือที่ยึดติดตัวหนังสือมากกว่านะ ลองพวกคุณไม่ได้อ่านหนังสือกันมาก่อน หรือหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ขายดีขนาดนี้ มีแฟนหนังสือทั่วโลก คุณลองคิดดีๆ นะ ว่าหนังภาคนี้มีปัญหาจริงหรือ เราว่าถ้าจะเอาใจแฟนหนังสือนะ มาช่วยกันทำให้ เจ เค โรว์ลิ่ง เค้าเขียนเล่มแปดดีกว่า จากคุณ : พอตตี้ กับ วีเซิล เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 54 16:39:38

ความคิดเห็นที่ 13 ผมก็เพิ่งเห็นคนบ่นเยตไปในกระทู้ก่อนๆนี่เองว่าไม่ชอบ 5  6 ตรงที่ว่าทำไม่ตรงกับหนังสือ 7.2 นี่ยังมีคนบ่นว่าทำไคลแมกซ์ไม่ตรงกับในหนังสือเลย ผมว่าส่วนใหญ่ผมก็เห็นคนบ่นหนักๆเนี่ยเป็นคนอ่านหนังสือด้วยดูหนังด้วยมากกว่าดูหนังอย่างเดียวนะ เหมือนเป็นร่างทรงว่าชั้นในฐานะคนอ่านหนังสือไม่ชอบ คนดูหนังอย่างเดียวก็ต้องไม่ชอบตามไปด้วยแน่ๆเลย ตกลงภาค 3 ไม่ทำเงินเพราะแฟนหนังสือไม่ชอบที่มาดัดแปลงเยอะเนี่ยนะ แน่ใจนะครับ??? แล้วไหงภาคหลังๆที่ก็ไม่เห็นทำตามหนังสือตรงไหนก็ยังทำรายได้สูงกว่าล่ะ ทำไมภาค1-2ที่ทำตามหนังสือเด๊ะๆก็ยังทำรายได้สูงกว่าล่ะ ตกลงคนกลุ่มไหนกันแน่ครับที่ทำให้หนังภาคนี้ไม่ทำเงิน มันลักลั่นกันเองไปรึเปล่า และถ้าลองเอาคำว่า ดัดแปลงไม่เกรงใจแฟนเป็นที่ตั้ง ผมว่างั้นภาค 5-7.2 ก็ไม่สมควรโดนรุมด่าว่าห่วยบ้าง กำกับแย่บ้างเหมือนกัน เพราะผมว่าการดัดแปลงหนังสือเป็นหนังของเยตมีความเข้าท่ากว่าอังฟอลโซตั้งเยอะ ทำเงินก็ทำได้ด้วย ไม่เห็นจะมีที่น่าติตรงไหน ครับ หนังทำเงินน้อยไม่ได้แปลว่าแย่ แต่หนังที่ทำเงินได้เยอะก็ไม่ได้แปลว่าแย่เหมือนกันนะครับ ถ้ามันไม่ดีจริงใครจะไปดู หือ? คนที่ติดใจภาค 3 ก็เลยไปดูภาค 5 จนรายได้สูงกว่าเหรอ แล้วถ้าภาค 5 แย่จะยังไปทนดูภาค 6 อีกเหรอ ถ้ามันแย่มันด้อยขนาดนั้นจริงๆ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่คนจะทนดูหนังห่วยๆแบบนี้จนทำเงินมหาศาลน่ะ บอกตามตรงยิ่งฟังคำอวยเวอร์ๆของอังฟองโซกับภาค 3 สุดพิลึกของเขาแล้วผมยิ่งคลื่นไส้ครับ ผู้ช่วยชีวิตหนังซีรี่ยส์ชุดนี้บ้าง ผู้ทำให้ึคนหันมาดูบ้าง โอยยยย...ถ้าขาดเขาไปสักคนคงแย่เลยนะครับเนี่ย เป็นบุญคุณเหลือเกิน โถๆๆๆๆ อะไรจะเทพปานนี้ แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 54 21:32:12 จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 54 21:27:09

ความคิดเห็นที่ 14 คห.10 มันคิดได้หลายแง่ครับ ถ้าหนังยังตะบี้ตะบันขายตั๋วราคา 80 บาทอยู่ ทั้งๆที่เทคโนโลยีก็ลำ้หน้าขนาดว่าไม่ต้องเข้าโรงหนัง ก็สามารถดูเรื่องนั้นได้ รับรองแป้กกระจายครับ อุตสาหกรรมภาพยนตร์ต้องมีการเติบโตตามกาลเวลาครับ  จะจมอยู่ที่เดิมก็ไม่ไหวนะ แต่ถ้าให้นับยอดตั๋ว มันก็มีบางประเทศที่ทำมาตั้งแต่แรกครับ แต่สำหรับเมกา ไม่ได้ทำครับ แล้วกลัวเสียหน้า เลยออกชาร์ตการปรับค่ามาบังหน้า คนที่ไม่รู้เรื่อง Boxoffice ก็จะเชื่อกันทั้งนั้น ทั้งๆที่ชาร์ตนี้ Error กระจาย  (แค่นี้ก่อนครับ ไม่อยากเม้าเยอะ 555+)ครับ จากคุณ : ChaiGimme เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 54 22:59:46

ความคิดเห็นที่ 15 จริงๆ เรื่องทำเงินน้อยนี่ มันมีหลายปัจจัยนะครับ จะมาเหมาะรวมว่า หนังไม่ทำเงินเพราะแฟนหนังสือไม่ชอบทั้งหมดนี่คงเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็มีเหตุผลด้วยส่วนนึง ...ด้วยเพราะว่ารายได้ของหนังทำเงินส่วนใหญ่ มักเกิดจากคนดูหนังไปดูกันซ้ำๆหลายๆรอบ อย่าง เช่น ไททานิค เป็นต้น ซึ่งการที่แฟนๆหนังสือแฮรี่ ไปดูหนังแฮรี่กันหลายรอบๆนั้นก็เพราะว่าเค้าชอบ.. แต่การที่เค้าจะเลือกไปดูกันกี่รอบนั่นมันก็อาจมีหลากหลายเหตุผลด้วยเช่นกัน ประเด็น ทำไม ผกก. ภาค 3 กับ ผกก. ภาค 4 ถึงไม่กำกับต่อ ? และทำไม เดวิต กำกับต่อ อีก 5 ภาคที่เหลือล่ะ ? จริงๆ ก็เพราะเหตุผลนี้แหละครับ คือมันมีข้อจำกัดเยอะทำให้ ผกก. ไม่สามารถถอดบทตีความออกมาตามใจได้อย่างอิสระ และในแง่ของ ผกก. ผมว่่า ใครๆก็อยากทำหนังตามใจ ตัวเองทั้งนั้น !!! ดังนั้น ผมว่า ประเด็นและน้ำหนัก งานดี หรือไม่ดี มันอาจไม่ได้มาจากรายได้ทำเงินของหนัง..อย่างเดียว  แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่มาของรายได้ ก็มาจากแฟนๆหนังสือ ใช่มั้ยล่ะ? อย่างที่ผมเคยแสดงทรรศนะเอาไว้ งานของ ผกก. คนดังกล่าว ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากนิยายแฟนตาซีที่ถอดแบบจากหน้าหนังสือ ไปสู่การตีความของ ผกก. แล้วถอดบทดัดแปลงเป็นบทภาพยนต์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ แฟนๆ หนังสือต้องรู้แล้วล่ะ!ว่ามันจะเป็นอย่างนี้สำหรับภาคต่อๆมาอย่างแน่นอน(เพราะมันได้รับการตอบรับที่ดีจากคนทีี่ดูหนังแต่ไม่อ่านหนังสือด้วย) และก็แน่นอนว่า.... การที่หนังมันจะไปได้(ได้ตังค์) หรือ ไม่ได้ มันไม่ได้อยู่ที่ว่า หนังดีหรือไม่ดี แต่มันอยู่ที่ว่าทำอย่างไรจะทำให้คนส่วนใหญ่ (แฟนๆหนังสือ และแฟนหนัง ) OK ...เท่านั้นเอง ! ปล. ถ้าลองเทียบรายได้จากภาค 2 - 7.1 จะพบว่า มันก็ไม่ได้ทิ้งห่างไปกว่ากันเท่าไหร่เลย แต่ทำไม ภาค 1 กับ 7.2 รายได้ถึงก้าวกระโดดล่ะ? มันมีปัจจัยอะไร? แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 54 13:02:58 จากคุณ : Cho_shang เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 12:21:20

ความคิดเห็นที่ 16 ค.ห.3  คุณ Berserk Rabbit คุณไม่ชอบที่คนอื่นกระแนะกระแหนคนชอบภาค 5-6 แต่คุณก็กระแนะกระแหนคนชอบภาค 3 เองเนี่ยนะ หึ ตลกดี และถ้าลองเอาคำว่า ดัดแปลงไม่เกรงใจแฟนเป็นที่ตั้ง ผมว่างั้นภาค 5-7.2 ก็ไม่สมควรโดนรุมด่าว่าห่วยบ้าง กำกับแย่บ้างเหมือนกัน ---- คุณบอกไม่สมควรโดนกระแนะกระแหน บอกตามตรงยิ่งฟังคำอวยเวอร์ๆของอังฟองโซกับภาค 3 สุดพิลึกของเขาแล้วผมยิ่งคลื่นไส้ครับ----- แล้วคุณเองล่ะสมควรกระแนะกระแหนคนอื่นไหม หึ ๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 14:07:58

ความคิดเห็นที่ 17 ขำ รายได้ 2-7.1 ไล่เลี่ยกันไม่ทิ้งห่าง ขำ รายได้ภาค 1 กับ ภาคสุดท้ายได้เยอะสุดเพราะปัจจัยอะไร(อ๋อ แฟนๆยังไงก็ต้องไปดูกันอยู่แล้วนี่เอง แล้วทำไมเขาถึงไม่ไปดูภาค 3 กันเนอะ) หัดดูแบบ Worldwide นิดนึงนะครับ ก่อนจะพูดอะไร Harry Potter and the Sorcerer's Stone $974,733,550 Harry Potter and the Chamber of Secrets $878,643,482 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban $795,634,069 Harry Potter and the Goblet of Fire $895,921,036 Harry Potter and the Order of the Phoenix $938,212,738 Harry Potter and the Half-Blood Prince $933,959,197 Harry Potter and the Deathly Hallows Part 1 $954,501,070 กล้าพูดเนอะว่ามันไม่ทิ้งห่าง ไม่ก้า้วกระโดดกันมาก แล้วคงไม่ต้องบอกซ้ำนะว่าทำไมผมถึงกล้าพูดว่ารายได้รวมภาค 3 มันด้อยกว่ามากๆน่ะ เขาถึงมีคำว่า จะพูดอะไรก็หาข้อมูลให้แน่ใจก่อนไงครับ ไม่งั้นมันก็เป็นเหตุผลข้างๆคูๆไปเรื่อยล่ะ อ่ะ...เดี๋ยวก็ต้องมีคนมาแก้อีกว่า ตั๋วหนังสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เท่ากันอีก เชื่อสิ ไปเรื่อยน่ะ แล้วไง ค่าตั๋วถูกกว่า งั้นภาค 3 ยังด้อยกว่า 2 ที่ตั๋วถูกกว่าอีกล่ะ ไม่น่าอายกว่าเหรอ แล้วไงครับ การทำหนังที่คนดูหนังก็สนุกแล้วคนอ่านหนังสือก็สนุกมันไม่ดียังไง หือ? ตกลงหนังขายไม่ออกก็โทษบทดั้งเดิม ไปยันคนแต่งอีกซะงั้น เอ้อ ไปเรื่อยจริงๆ ที่สำคัญนะครับ ไอ้คำว่านักวิจารณ์ยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่ชอบยกมาอ้างอะไรเนี่ย ผมจะบอกให้ว่า BFCA (Broadcast Film Critics Association) ยังยกให้ภาค 6 ดีกว่าภาค 3 ด้วยซ้ำไป แต่ถ้าจะเอาแบบเวปมะเขือเน่าอะไรงี้ ภาค 3 อาจจะได้สูงกว่าก็จริง แต่ภาค 6 ก็ได้ทิ้งห่างกันแค่ 2-8% เองครับ และที่สำคัญ หึๆๆๆ มันเป็นหนังที่คำวิจารณ์ดี และได้เงินด้วยสิ(กลับไปดูยอดรวมซะนะ) หนังแฮรี่ของอังฟอลโซก็ไม่ได้แย่หรอก แต่ก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนาเหมือนกัน ของเยตกำกับยังจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ มีแต่นักดูหนังอ่านหนังสือพิลึกๆบางกลุ่มนี่ล่ะที่จงเกลียดจงชังยกมาข่มนั่นนี่เหลือเกิน เทพอย่างงั้นอย่างงี้ น่ารำคาญน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 04:29:44 แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 54 04:13:15 จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 04:08:31

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าเป็นหนังสือผมชอบภาค 3 ถ้าเป็นหนังชอบภาค1-2 แต่ในบรรดาผู้กำกับ ชอบภาค3ที่สุด แค่แกไม่เหมาะกับแฮรี่แค่นั้นเอง children of men เทพมากๆ จากคุณ : ไม่มีเธอ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 06:41:20

ความคิดเห็นที่ 19 Rep. 17 ที่บอกว่า ภาคแรกกับภาคสุดท้าย มีรายได้สูงกกว่าภาคอื่นๆ มีปัจจัยอะไร? ... ภาคแรกที่รายได้รวมเยอะสุด มาจากแฟนๆหนังสือและคนดูหนัง หนังสือวรรณกรรม ชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์  พิมพ์ออกมาได้สี่เล่มแล้วและยังกลายเป็นวรรณกรรมที่ขายดีติดอันดับโลก แล้วหนังสือขายดีติดอันดับ พอมีข่าวจะทำเป็นหนังฉาย มันจะไม่สร้างปรากฏการณ์แบบถล่มทลายได้อย่างไร ? ส่วนภาคต่อๆมา....  แน่ละ ยังไงก็มีแฟนๆหนังสือไปดูกันเยอะมากๆอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ไม่งั้นเค้าไม่ติดตามแฮร์รี่มาตั้งแต่ต้นหรอก แต่ที่ภาคต่อๆมารายได้ลดลง เพราะ บางคนไม่ชอบหนังแนวนี้ บางคนไม่ได้ติดตามต่อ ฯลฯ ส่วนภาค 7.2 รายได้เยอะ มาจากตั๋ว 3D ด้วยส่วนนึง (หรือจะปฏิเสธ!!!) อีกส่วนนึงมาจากแฟนๆที่ต้องการปิดตำนานแฮร์รี่ไปพร้อมๆกันในภาคสุดท้าย แต่อย่างไรก็ตาม ผมไม่รู้ว่ารายรับหนังมันจะไปจบที่เท่าไหร่ ? และ ทำไม ภาค 3 ถึงมีรายได้น้อย ล่ะ?  (ถ้าดูตามเนื้อผ้า มันอาจเปิดตัวพร้อมๆกับหนังเรื่องอื่นๆที่มีความสนใจมากกว่า กับสอง..หนังยืนระยะในโรงฉายน้อย และมันก็มีเหตุผลมากมายที่อาจเป็นแบบนั้น ) ส่วนการวิเคราะห์ ผมก็ดูไปตามเนื้อผ้าอีก ผมไม่ได้บอกว่า งานของ อัลฟองโซ่ดีกว่า เยตต์ มากมาย หรือ เยต์ ดีกว่า ผกก. คนอื่นๆ หากแต่ บอกว่า งานกำกับ ของแต่ละคน มีความเป็นเอกเทศแตกต่างกันไป ถ้าไปหยิบมาดูแบบรวดเดียวจบจะรู้เลยว่า เอกลักษณ์ ของ ผกก. แต่ละคน มันเป็นอย่างไร บางทีอันใหนไม่ดี ผมยังติด้วยซ้ำ เช่น การคัดเลือกนักแสดง เป็นต้น ((( การที่ ผกก. ภาค 3 กับ ภาค 4 ไม่ทำต่อ ก็เพราะ เค้ามีข้อจำกัดในการทำหนังอิสระตามใจตัวเอง แต่ทว่า เดวิด เยต์ ผกก.โนเนมได้สร้่างชื่อกับภาพยนต์แฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยสามารถลบข้อจำกัดดังกล่าวทิ้ง เพราะเขาสร้างความสมดุลระหว่างแฟนหนังกับแฟนหนังสือ ได้อย่างลงตัว และเขายินดีที่กำกับต่อมาอีก 5 ตอนที่เหลือ ซึ่งก็ต้องชมในจุดนี้นะครับ เพราะภาพยนต์แฮร์รี่ พอตเตอร์นั้น ไม่ใช่ว่าใครอยากจะทำก็ทำได้ เพราะว่าหนังแฮร์รี่ไม่อาจทำตามใจฉันได้ อีกทั้งหนังมีรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนที่เราไม่เห็นเยอะมากกกๆ ครับ ))) และถ้าถามผมซึ่งเป็นแฟนนิยาย ผมก็ไม่อาจตอบได้หรอกครับว่า ภาคใหนดีกว่ากัน เพราะมันอยู่ที่ความชอบส่วนตัวและสไตล์ของแต่ละคน และทั้งหมดต่างก็เป็นภาพยนต์ชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ เหมือนกันครับ ยังไงก็ขอบคุณนะครับ ที่เอารายรับรวมทั่วโลกมาให้ดู.... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 16:39:56 จากคุณ : Cho_shang เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 16:35:23

ความคิดเห็นที่ 20 ผมไม่ได้อ่านหนังสือ และชอบภาค1-2 น้อยสุด แฟนผมอ่านหนังสือ เธอว่า1-2 สนุกมาก ชอบดัมเบิลดอคนนี้ ไม่ชอบภาค3 บ่นว่าภาพมันมืดไป และโดนดัดแปลงเยอะ และสุดท้าย เราไม่เคยทะเลาะกันเพราะความชอบที่แตกต่าง จากคุณ : เขียนบน iPhone (kittenishly) เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 11:25:04