Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชีวิต แม่พุ่มพวงค่ะ ไปเจอมาเราว่าละเอียดที่สุดแล้วค่ะ ติดต่อทีมงาน

วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 คือวันที่คนลูกทุ่งหัวใจสลาย และเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของ ''ผึ้ง'' พุ่มพวง ดวงจันทร์ ราชินีลูกทุ่ง อย่างไม่มีวันกลับ

   วันที่ 13 มิถุนายน กำลังจะเวียนมาบรรจบอีกวาระ จากปี พ.ศ. 2535 มาถึงปีนี้ พ.ศ. 2551 เท่ากับว่า ''พุ่มพวง'' ได้จากแฟนเพลงไปนานถึง 16 ปีแล้ว แต่ ''พุ่มพวง'' ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็น ''ราชินีเพลงลูกทุ่งตลอดกาล'' ในใจของคนลูกทุ่งทุกคน

    แม้ว่าเรือนร่างของนักร้องผู้ครองใจแฟนเพลงลูกทุ่งได้จากไปกลายเป็นเถ้าธุลี แต่มิตรรักแฟนเพลงยังรู้สึกอยู่เสมอว่า ''เธอยังอยู่'' ไม่ได้จากไปไหน บทเพลงทุกบทเพลงที่ขับร้องเอาไว้ กลายเป็นเพลงอมตะ ทุกคนผู้มีใจรักในเพลงลูกทุ่ง ต้องร้องเพลงและจดจำทำนองของ ''พุ่มพวง'' ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่มีเนื้อหาผิดหวัง เศร้าสร้อย รวมถึงเพลงที่มีเนื้อร้องทำนองสนุกสนาน

    16 ปีที่จากไป ''พุ่มพวง'' ยังครองใจแฟนเพลงไว้ตลอดกาล สมกับสมญานามที่เธอได้รับการยกย่องว่า ''ศิลปินเพลงลูกทุ่งมหัศจรรย์'' และ ''ราชินีลูกทุ่งตลอดกาล'' ขอให้ดวงวิญญาน ''พุ่มพวง'' พบแต่ความสุข

    เพื่อรำลึกการจากไปของ ''พุ่มพวง'' ครอบรอบ 16 ปี ผู้เขียนเองมีความรู้สึกว่า อยากรำลึกถึง ''พุ่มพวง'' แบบลึกๆ มากกว่าย้อนไปกล่าวถึงประวัติ และเรื่องราวที่ถูกรวบรวมจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทันใดนั้นก็นึกถึง นางเล็ก จิตร์หาญ ซึ่งเป็นผู้เป็นแม่ของ ''พุ่มพวง'' ขึ้นมา และเชื่อว่า ''แม่เล็ก'' น่าจะกล่าวถึงลูกสาวได้ละเอียดครบถ้วนทุกช่วงชีวิตมากที่สุดกว่าทุกๆ คน

     จำได้ว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2550 เคยถาม ''โอ่ง'' สลักจิต ดวงจันทร์ น้องสาวของ ''พุ่มพวง'' ซึ่งไปขึ้นคอนเสิร์ตรำลึกการจากไปครบรอบ 15 ปีของพี่สาวที่ ''วัดทับกระดาน'' จ.สุพรรณบุรี ว่า ''ทำไมไม่เคยเห็นแม่มาร่วมงานรำลึกถึงลูกสาวบ้างเลย'' โอ่ง ตอบว่า ''แม่ไม่ค่อยสบาย อายุเยอะแล้ว ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้ลูกสาวที่บ้าน จ.กำแพงเพชร''  

    ผู้เขียนเลยตัดสินใจ โทร.หา ''โอ่ง สลักจิต'' เพื่อสอบถามว่าบ้านที่ ''แม่เล็ก'' อาศัยอยู่ตรงไหนของ จ.กำแพงเพชร เดินทางไปพบได้อย่างไร พอ ''โอ่ง สลักจิต'' อธิบายทางให้รู้อย่างละเอียดแล้ว ผมจึงไม่รอช้า รีบนำเสนอเรื่องนี้กับผู้บังคับบัญชา และได้รับอนุมัติให้ไปทำสกู๊ปมาฝากกันในวันรุ่งขึ้นทันที

    เช้าตรู่วันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผมขับรถยนต์เดินทางไปตามถนนสายเอเชียมุ่งหน้าสู่ บ้านเทพนิมิตร เลขที่ 211 หมู่ที่ 10 ตำบลสักงาม อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ตามที่ ''โอ่ง สลักจิต'' แจ้งไว้ว่าคือที่อยู่ของ ''แม่เล็ก'' ในปัจจุบัน ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 4 ชั่วโมง เวลาใกล้บ่ายโมง ก็เดินทางไปถึงเป้าหมาย

    เมื่อไปถึงพบว่า ''แม่เล็ก'' นั่งรอให้การต้อนรับอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ 2 ชั้น ด้านบนสร้างด้วยไม้สัก ด้านล่างเป็นปูน เพราะ ''โอ่ง'' ลูกสาวโทร.มาแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วว่าวันนี้จะมีนักข่าวจากรุงเทพฯ มาสัมภาษณ์เรื่องราวต่างๆ ของ ''พี่ผึ้ง''  

    สังเกตโดยรอบพบว่าบ้านหลังใหญ่นี้ปลูกอยู่ท่ามกลางไร่มัน อ้อย และต้นสักบนที่ดินประมาณ 100 กว่าไร่ เมื่อมองเข้าไปกลางไร่ พบว่ามีศาลาทรงไทยหลังคาสีแดงอยู่สองหลัง หลังหนึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นหุ่นผึ้งและไว้อัฐิของ ''พุ่มพวง'' อีกหลังห่างกันประมาณ 50 เมตร เป็นที่ตั้งรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้ง และที่เก็บข้าวของเครื่องใช้ และเก็บผลงานในวงการต่างๆ ของ ''พุ่มพวง'' ตั้งแต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

    พอแนะนำตัวกับ ''แม่เล็ก'' พักดื่มน้ำดื่มท่าจนหายเหนื่อยจากการเดินทาง ก็เริ่มงานทันทีด้วยการให้ ''แม่เล็ก'' เล่าถึงจุดเริ่มต้นของลูกสาว จนได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีลูกทุ่งตลอดกาลในวันนี้

    ''แม่เล็ก'' เริ่มเล่าย้อนไปว่า 4 สิงหาคม พ.ศ.2504 ''ผึ้ง'' รำพึง จิตร์หาญ ได้ลืมตาดูโลก ที่ บ้านหนองนกเขา ต.ไพรนกยูง อ.หันคา จ.ชัยนาท โดยบิดาคือ นายสำราญ หอมศรี มารดาคือตน นางเล็ก จิตร์หาญ ซึ่งแท้จริงมารดาของ ''แม่เล็ก'' นั้นเป็นคนสุพรรณฯ โดยกำเนิด แต่ได้ติดตามบิดา ''นายดอกรัก''  และนางประหยัด บุญรอด มาเติบโตจนได้แต่งงานกับ นายสำราญ หอมศรี ที่บ้านหนองนกเขา จนมีพยานรักด้วยกันรวมแล้วภึง 12 คน ''รำพึง'' หรือ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ได้เกิดเป็นบุตรสาวคนที่ 5 โดย ''แม่เล็ก'' เล่าว่าลูกๆ 5 คนแรกของครอบครัวเกิดที่ชัยนาท

    ''ตอนที่คลอดผึ้งแม่กำลังขับเกวียนอยู่ที่ อ.หันคา จ.ชัยนาท จะไปตลาด หรือคนสมัยนั้นเรียกว่าไปท่า เพราะสมัยก่อนแม่ทำไร่ทำนา สมัยนั้นแม่มีที่ประมาณพันกว่าไร่ ร่วมสองพันไร่ คนสมัยก่อนมีที่มีทางเยอะๆ ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนรวยนะ ก็ทำมาหากินกันลำบากนะ เพราะมันไม่ทันสมัยเหมือนสมัยนี้ ผึ้งเป็นลูกคนที่ห้าของแม่ แม่เป็นคนที่มีลูกแล้วแพ้ท้องน่ากลัวนะ แต่ตอนมีพุ่มพวงไม่แพ้ไม่อะไรเลย เฉยๆ เหมือนคนปกติเลยนะ แม่ไม่รู้เรื่องเลยว่าตั้งท้องเขา มารู้ก็ท้องได้หลายเดือนจนเขาดิ้นแล้ว ตอนท้องก็แทบจะไปคลอดกันกลางทาง เพราะไม่มีอาการบอกเลยว่าแม่จะคลอด ไม่เหมือนลูกคนอื่นๆ พอคลอดแล้วเลี้ยงก็ไม่ยากเหมือนคนอื่นเลยนะ ยังดีที่มาถึงบ้านแล้วเขาค่อยออกมา ตอนนั้นไม่มีหมอตำแยนะ ทำคลอดกันเอง ตัดสายสะดือกันเองเลยล่ะ''

     ''แม่เล็ก'' เล่าต่อว่า ตอนเด็ก ''พุ่มพวง'' นั้นมีลักษณะนิสัยเหมือนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ขนาดต่อยกับพี่ชาย จนพี่ชายขอยอมแพ้

     ''พุ่มพวงตอนเล็กๆ เลี้ยงง่ายนะ แต่พอโตขึ้นมาเขาจะซนเหมือนกับเด็กผู้ชายเลยล่ะ ถ้ามีคนสังเกตดีๆ ตอนที่เขามีชีวิตอยู่ปากเขาจะมีติ่งอยู่ เพราะเป็นแผลเป็นตอนที่ตกบันได ตามเนื้อตามตัวมีแต่รอยเป็นจุดๆ รถไถจอดอยู่ก็ขึ้นไปขับรถทั้งๆ ที่ขับไม่เป็น คิดดูเหมือนผู้ชายแค่ไหน เขาต่อยกับพี่ผู้ชายประมาณว่าซ้อมมวยกันน่ะ พี่ผู้ชายยังยอมแพ้เลย สู้พุ่มพวงไม่ได้''

     ด้วยความยากจน ''แม่เล็ก'' และ ''พ่อสำราญ'' ได้ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่ จังหวัด นครสวรรค์ และได้ให้กำเนิดลูกสาวคนที่ 6 คือ ไพรวัลย์ (ต้อย) จิตร์หาญ ไม่นานก็ย้ายมาอยู่มาอยู่ที่เพชรบรูณ์ ครอบครัวกำเนิดลูกสาวอีก 2 คน แรกเกิดยังไม่ทันตั้งชื่อ ก็มาเสียชีวิตลงก่อนมีอายุเพียง 7 วันเท่านั้น ไม่นานก็ให้กำเนิดบุตรชาย คือ นายนเรศ (แดง) จิตร์หาญ ตั้งรกรากอยู่ที่เพชรบรูณ์ ครอบครัวทำท่าจะมีอันจะกิน มีร้านขายของทั้งส่ง และปลีก แต่นายสำราญผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว ถูกกล่าวหาว่าจ้างวานฆ่า นายสง นามสุ  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาจับไปติดคุก ทำให้ตอนนั้นครอบครัวลำบากมาก

    เพราะมีเพียงลูกสาวคนโตชื่อ นิตยา (หนาม) จิตร์หาญ เท่านั้นที่ช่วยแม่ พี่ชายคนโตอีกคนของชื่อ นายเอนก (บอย) จิตร์หาญ  ก็ให้การช่วยเหลือครอบครัวบ้าง แต่ก็ไม่มาก ลูกชายคนที่ 3 ชื่ออำนาจ จิตร์หาญ ก็ยังเรียนอยู่แค่ชั้นประถมปีที่ 4 ลูกชายคนที่ 4 ชื่อนายมานพ จิตร์หาญ เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ รำพึง หรือ ''พุ่มพวง'' ก็เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กำลังจะสอบขึ้นชั้นประถมปีที่ 2 ลาออกจากการเรียนตั้งแต่ครั้งนั้น

    ''ผึ้งเป็นคนที่รักครอบครัวมาก เสียสละเพื่อครอบครัว ทำงานช่วยแม่เพื่อให้พี่ได้เรียนหนังสือ ผึ้งรักแม่มาก ใครว่าไม่ได้เลยนะ ตอนเด็กๆ เขาชอบไปโรงเรียนนะแต่ลาออกมาช่วยแม่ คงเห็นแม่ลำบากมั้ง ตอนเด็กๆ พุ่มพวงชอบไปโรงเรียนนะ ชอบทำกับข้าว เอาพวกดินสอไม้บรรทัดไปแจกครู แจกเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ก็ขโมยของที่แม่ซื้อมาขายไปนั่นแหละ เพราะเมื่อก่อนแม่ก็เปิดร้านขายของเล็กๆ ด้วย ส่วนตัวเองพอแจกเขาเสร็จก็ขึ้นโต๊ะร้องเพลง ตอนนั้นช่วงประถมหนึ่ง พุ่มพวงเนี่ยยิ่งโตขึ้นมายิ่งไม่ค่อยพูดนะ แต่ว่าเวลาเราให้เขาทำอะไรทำหมด ไม่เกี่ยงไม่งอแง เขาคงเห็นว่าแม่ลำบากมั้ง เพราะเห็นว่าพี่ๆ น้องๆ ยังเรียนอยู่ แม่เนี่ยเวลาทำงานเหนื่อยๆ มาถ้านอนหลับแล้วนะผึ้งจะไม่ปลุกแม่เลย ไปทำกับข้าวให้ทุกคนกินหมด แล้วก็เก็บไว้ พอเห็นว่าแม่พักพอสมควรแล้วก็จะมานั่งใกล้ๆ แม่ ทำเสียงให้ดังๆ พอเราตกใจตื่นมาก็จะเรียกเราให้มากินข้าว พอแม่กินข้าวเสร็จเขาก็จะเก็บสำรับคนเดียวเรียบร้อยเลยล่ะ แล้วก็ดูความเรียบร้อยของคนในบ้านก่อนเขาถึงจะนอน ใครจะเกาะแกะแม่ไม่ได้เลยนะ ผึ้งเขาไม่ยอมเลยล่ะ พี่ๆ ก็ว่าแม่ไม่ได้นะ ถ้าว่าเมื่อไหร่ตาเขียวใส่เลยล่ะ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเถียงแม่เลยนะ ตีก็ไม่เคยร้องไห้แบบปล่อยโฮ ตั้งแต่เกิดมาจนเขาเสียไป แม่จำได้ว่าตีเขาไปแค่สองครั้ง เวลาถูกตีน้ำตาเขาจะแค่ซึมๆ ไม่ฟูมฟายหรอกนะ'' แม่เล็กเล่าย้อนถึงลูกสาว

    ต่อมา ''แม่เล็ก'' ได้พาครอบครัวขึ้นเขา เพชรชมภู ทั้งๆ ที่กำลังตั้งท้องบุตรคนที่ 9 ไปอาศัยอยู่ทำไร่ข้าวโพด และทำฝ้ายอยู่บนพื้นที่บนเขา มีลูกๆ ที่โตแล้วช่วย จนเกิดเหตุการณ์ที่มีอยู่ครั้งหนึ่งทุกคนในบ้านป่วยกันหมดเลย มีอยู่ 2 คนที่ไม่ป่วยคือ ''แม่เล็ก'' กับ ''ผึ้ง-รำพึง'' จึงได้ช่วยกันต้มนำเพื่อฉีดยา โดยมี ''พ่อสำราญ'' ซึ่งเคยเป็น ทหารเสนารักษ์ หรือทหารหมอมาเป็นผู้ฉีด และ''พ่อสำราญ'' คือคนที่รู้ว่าทุกคนที่ป่วยนั้น เป็น ''ไข้ป่า'' เมื่อทุกคนหายดีก็กลับมาช่วยกันทำไร่ข้าวโพดต่อ

    แต่ไม่นานนักก็ต้องเกิดปัญหาอีก เพราะช่วงที่พ่อสำราญติดคุกนั้น มีชายหนุ่มอยู่คนหนึ่งมาชอบ ''แม่เล็ก'' ซึ่ง ''แม่เล็ก'' บอกว่าถ้ารักจริงก็ขอให้ช่วยกันทำมาหากิน ถ้าทำได้ก็จะยอมไปอยู่ด้วย และให้ลูกๆ อยู่กับ ''ปู่พร'' และ ''ย่าฟัต'' ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของนายสำราญ

    สำหรับผู้ชายคนที่มาชอบนั้น ''แม่เล็ก'' ยังจำได้ว่าชื่อ นายโทน พุ่มสุข แต่ยังไม่ได้ตกลงอะไรกัน ก็ได้มีการประกันตัวนายสำราญก่อน จึงทำให้นายโทนไม่พอใจ จึงเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้น

    ''วันนั้นช่วงเย็นพวกเรากำลังจะกินข้าว ขณะที่พ่อของผึ้งเขายำปลากระป๋อง แล้วผึ้งช่วยหุงหาข้าวปลาอย่างอื่น มีเสียงปืนดังขึ้นมา 1 นัด ถูกเอาเสื้อของปู่พรที่เสียชีวิตก่อนจะประกันพ่อผึ้งเขาออกมา ทุกคนพากันกระโดดหนีลงจากบ้านที่เป็นกระท่อมมุงแฝก พื้นไม้กระดานปูด้วยฟาก และคว้าปืนแก๊ปที่ทำไว้เพื่อยิงนก กวาง หรือหมูป่า ออกมายิงสวนคนที่มองไม่เห็นว่าเป็นใคร''

     ''แม่เล็ก'' เล่าย้อนกลับไปว่า ช่วงที่นายสำราญสามีตนติดคุกนั้น บางทีต้องมาเยี่ยมสามีทั้งที่ตั้งท้องจวนคลอดลูกอยู่แล้ว ที่ จ.เพชรบรูณ์ ก่อนที่ทางการจะย้ายไปอยู่ที่ จ.พิษณุโลก บางทีไม่มีรถไถ ก็เดินลงมาจากเขา

    ต่อมาได้ขายข้าวโพด และฝ้ายได้ จะเอาเงินไปประกันสามีลงจากเขาด้วยการโดยสารรถไถ ระหว่างทางเจ็บท้องอย่างหนัก แล้วก็คลอดลูกคนที่ 9 คือ อมรรัตน์ (จิ๋ม) จิตร์หาญ หรือ ดวงใจ ดวงจันทร์ เมื่อคลอดแล้วพักฟื้นจนแข็งแรงพอจึงไปประกันนายสำราญออกมาได้

    ''แม่เล็ก'' เล่าต่อไปว่า รุ่งขึ้นของวันหนึ่ง ตนและสามีได้เก็บข้าวของสำคัญภายในบ้าน พาลูกๆ ย้ายบ้านไปตายเอาดาบหน้าอีกหน

    ''ตอนย้ายลงจากเขาก็มีลูกๆ ช่วยขนของลงมา นิตยา เขาช่วยหาบเครื่องนุ่งห่ม นัทกับนวยก็หาบที่หุงหาอาหาร ส่วนตัวผึ้งก็อุ้มน้องคนที่ชื่อจิ๋ม พ่อกับแม่คอยระวังหลัง เพราะกลัวว่าจะมีคนที่ปองร้ายครอบครัวเราจะตามมา''

     เดินทางมาเป็นเวลานาน ''แม่เล็ก'' บอกว่าการย้ายถิ่นฐานครั้งนี้มาจบลงที่ บ้านชันสูตร จ.สุพรรณบุรี ก็หยุดพักออกรับจ้างชาวบ้านเกี่ยวข้าว พาลูกๆ อาศัยอยู่ใต้ต้นพุทรา ซึ่งเป็นร่มได้อย่างดี

    ''ตอนกลางคืนก็กลางมุ้งนอนกันใต้ต้นพุทรา ตื่นเช้ามาไม่ต้องไปเก็บพุทราไกลเลย เพราะมันหล่นลงมาเต็มมุ้ง แต่ว่ารับจ้างเกี่ยวข้าวไม่กี่วันก็ต้องย้ายอีก เพราะว่าผึ้งมีเรื่องชกต่อยกับเด็กผู้หญิงแถวนั้น จำได้ว่าชื่อนก เพราะเขามาด่าแม่ และแช่งแม่ให้คลอดลูกตาย ระหว่างนั้นแม่ท้องลูกคนที่สิบอยู่ด้วย ก็เลยต้องย้ายไปอยู่ที่ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณฯ ไปรับจ้างเขาตัดอ้อย จนแม่คลอดลูกคนที่สิบ คือ สลักจิต (โอ่ง) จิตร์หาญ หรือ สลักจิต ดวงจันทร์ สาเหตุที่ชื่อโอ่ง เพราะว่าตอนท้องแม่ปวดท้องมากจนต้องนั่งพิงโอ่ง แล้วก็คลอด''

     เมื่อคลอดลูกคนที่10 แล้ว ''แม่เล็ก'' และ ''พ่อสำราญ'' ได้พาลูกๆ ย้ายต่อไปอยู่ที่บ้าน หนองหัวคน จ.กาญจนบุรี รับจ้างทำงานทั่วไป ก่อนที่ ''แม่เล็ก'' จะให้กำเนิดลูกคนที่ 11 คือ ธนาภรณ์ (ไก่) จิตร์หาญ หรือ จันทร์จวง ดวงจันทร์ นั่นเอง แล้วก็ย้ายที่อยู่เรื่อยๆ จากบ้านพุไอดาว มาถึงบ้านตอนตำลึง ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี

    ''ผึ้งพี่คนที่ห้าเป็นพี่ที่ต้องเลี้ยงน้องๆ อยู่ที่บ้าน เพราะเป็นคนที่ไม่แข็งแรง คอยทำอาหารการกินไว้คอยท่าทุกคนที่กลับมาจากตัดอ้อย ที่มีพ่อ และแม่ ลูกคนอื่นๆ หนาม นวย นัท เป๋  (พี่ชายพุ่มพวงที่พิการขาเป๋ข้างหนึ่ง) ผึ้งกับต้อยจะช่วยกันดูแลน้องแทนแม่ถึง 4 คน คือ แดง, จิ๋ม, โอ่ง, ไก่ ตั้งแต่ออกจากท้องแม่ ผ้าเลือด ผ้าขี้ ผ้าเยี่ยว ผึ้งกับต้อยซักหมด'' แม่เล็กชื่นชมลูกสาว  


เครดิต ตามภาพค่ะ

 
 

จากคุณ : ปราการด่านสุดท้าย
เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 54 01:53:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com