รีบเข้าบ้านก่อนที่ไฟฟ้าจะดับ ไม่รู้ว่าเรื่องนี้แปะไปแล้วรึยังนะคะ
คิมแจจุง (Kim Jaejoong) กล่าวว่า หลังจากถ่ายเสียไป 7 รอบในฉากที่ผมต้องพูด ผมก็เหงื่อตกแล้วครับ
เมื่อถูกถามว่าทำไม? คิมแจจุงก็ยิ้มเขินออกมา ทุกคนต่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงเข้ามาแสดงละครทั้งที่เขาได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในไอดอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเกาหลีและยังประสบความสำเร็จกับบทบาทผู้กำกับทั้งในงานชิ้นแรกและชิ้นที่สอง เขากล่าวว่า ผมมีความคิดที่จะแสดงละครอยู่ในหัวเสมอครับ ตั้งแต่ละครญี่ปุ่นที่ผมแสดงจบลง ผมก็อยากจะเล่นละครเกาหลี เมื่อตอบคำถามอย่างยาวมาให้กับคำถาม ทำไม? ดวงตาของคิมแจจุงก็มีประกายขึ้นมาเมื่อเขาพูดขำว่า แล้วทำไมคุณถึงอยากมาเป็นนักข่าวละครับ
จากตัวแทนของคิมแจจุงคนหนึ่ง เขาได้รับคำขอจากละครฟอร์มใหญ่มากมายแต่ต้องปฏิเสธไปเนื่องจากการถ่ายทำในต่างประเทศอันยาวนานนั้นชนกับเวิร์ลทัวร์ของ JYJ คิมแจจุงกล่าวว่า มันคงจะดีถ้าหากผมได้เริ่มแสดงละครเกาหลีก่อนหน้านี้ แต่เวลายังไม่ลงตัว
เขากล่าวว่า ตั้งแต่ผมตัดสินใจที่จะแสดงละคร ผมก็จะต้องทำให้ดีที่สุด และ ผมตั้งใจทำงานอย่างหนักกับการร้องเพลงของผม เช่นเดียวกับงานกำกับเวทีของผม และผมต้องการทำในสิ่งที่จะสามารถแสดงความสามารถของเราได้ดีที่สุด เพราะผมเชื่อว่าความสนใจที่จะเรียนรู้ของพวกเราคือพรสวรรค์ของเรา ผมคิดว่ามันคงจะดีหากเราพยายามสรรหาสิ่งใหม่ๆต่อไปเรื่อยๆและ เราก็ทำมันต่อไปเรื่อยๆ ระหว่างบทสนทนา เขาจะใช้คำว่า พวกเรา ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังพูดถึงตัวเขาเอง
เมื่อเราโยนคำถามว่า คุณมั่นใจหรือไม่ ไปที่คิมแจจุง เขาตอบว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากผมบอกว่าผมมั่นใจแต่ท้ายที่สุดแล้วทำได้ไม่ดีนักละครับ? เขากล่าวต่อไปว่า ผมไม่มั่นใจว่าผมจะแสดงให้ผู้ชมได้เห็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบในฐานะนักแสดง มันจะดีพอหรือเปล่ากับการที่ผมจะสามารถแสดงกลมกลืนไปกับนักแสดงในทีม?
เขายิ้มและกล่าวต่อไปว่า เราถ่ายทำตอนแรกและตอนที่สองไปแล้ว และการถ่ายทำครั้งแรกก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกับการถ่ายทำครั้งที่สอง มันเหมือนกับว่าผมค่อยๆ เคยชินกับมันมากขึ้นอย่างช้าๆ และไปอย่างทีละขั้นทีละตอน และ ดังนั้นผมคิดว่าในตอนแรก ผู้คมอาจจะรู้สึกถึงความแตกต่างในการแสดงของผมเนื่องจากผมทำได้ดีในบางส่วนแต่บางส่วนก็ทำไม่ได้ดีนัก เพราะผมเป็นอย่างนั้นจริงๆตอนที่ถ่ายทำ เขาเสริมว่า ผมอยากจะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาในแต่ละตอนและจนถึงตอนจบ ผมอยากจะกลายเป็นนักแสดงที่ก้าวอยู่ในแนวเดียวกับนักแสดงคนอื่นๆครับ
คิมแจจุงผู้ซึ่งไม่สามารถถ่ายทำฉากกลางแจ้งได้หลายครั้งเนื่องจากมีฝนตกอยู่เนืองๆ เลือกที่จะถ่ายทำฉากพูดซึ่งเขาได้ถ่ายเสีย (NG) ไปถึงเจ็ดครั้งเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในความทรงจำมากที่สุด เขากล่าวว่า บทของผมมันยาวมากจริงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบทของเขาเป็นการร้อยเรียงคำยากๆ ซึ่งก่อให้เกิดอาการลิ้นพันกัน
เมื่อถามเจาะลึกว่า มันยากขนาดนั้นจริงๆหรือ คิมแจจุงกล่าวว่า เมื่อช่างกล้องเริ่มถ่ายทำฉากที่เต็มตัว บทพูดออกมาจากปากผมอย่างลื่นไหล แต่ผมถึงตาผมต้องถ่ายฉากเจาะตรงหน้าหลังจากนักแสดงรุ่นพี่ทุกคน หัวผมก็ว่างเปล่าไปหมดเลยครับ การออกเสียงของผมพันกันมั่วไปหมดเหมือน ยักษ์ใหญ่ไล่ยักษ์เล็ก และพอผมเริ่มถ่ายเสียไปครั้งนึง มันก็จะตามมาเรื่อยๆ เลย ผมไม่เคยถ่ายเสียมากขนาดนี้ในฉากเดียวมาก่อน และ ผมตั้งใจไว้ว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ออกมาเพราะผมอายกับเรื่องนี้มากเลย
เขากล่าวว่า โชคดีที่ทีมงานต่างก็พูดให้กำลังใจผมอย่าง แจจุง พวกเราอยู่ข้างมูวอนนะ ดังนั้นบรรยากาศก็เลยสบายขึ้นเมื่อเราถ่ายทำ ถ้าหากผมเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์มากๆ ผมก็อยากจะขอให้หยุดการถ่ายทำและเริ่มเมื่อผมพร้อม แต่ผมรู้สึกแย่มากเลยครับเพราะผมอายุน้อยสุดเลย หลังจากครั้งที่ 4-5 ผมก็เริ่มเหงื่อตก พอ NG เป็นครั้งที่ 6 ผมก็ตะโกนออกมาว่า นี่มันยากเกินไป! พอผมถ่ายทำฉากนั้นเสร็จในที่สุด นักแสดงคนอื่นๆก็ตบมือให้ผมด้วย
พอถามถึงตัวละครที่เขาแสดงซึ่งค่อนข้างต่างจากตัวเขาเองว่า เขาต่างจากคุณบ้างนิดหน่อยใช่ไหม? คิมแจจุงยิ้มอย่างซุกซนและกล่าวว่า คุณรู้นิสัยของผมหรือครับ? เพราะว่าลักษณะที่ไม่เหมือนใครของเขา บทสนทนาของเราเลยดูเหมือนอยู่ในวงจิบน้ำชายาวว่างมากกว่าเป็นการสัมภาษณ์จริงจัง เขากล่าวว่า ผมค่อนข้างตลก และ ชามูวอนเป็นคนที่เข้าถึงได้แต่ไม่มีสิ่งใดท่เขาไม่รู้ เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกนี้และมีสายตาที่กว้างไกล เขาเป็นพวกรู้มากครับ
เขายังคงกล่าวต่อไปอย่างติดตลกว่า อีกอย่างหนึ่งคือ ผมไม่ใช่เจ้าชาย ผมเหมือนกับผู้ชายข้างบ้านมากกว่าในขณะที่เขาเป็นพวกเจนโลกมากจริงๆ เขาให้ความรู้สึกเหมือนคนในราชวงศ์ ท่าทางที่ประณีตของเขาก็ค่อนข้างต่างจากลักษณะนิสัยของผมอย่างมาก เนื่องจากผมไม่มีความสง่าแบบนั้นเลยครับ แต่เขากับผมหน้าตาเหมือนกันนะ
ถึงแม้ว่าจะทราบว่าเขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับตารางงานที่แน่นเอียดในช่วงสองสามเดือนข้างหน้าระหว่างที่เขาถ่ายทำละคร คิมแจจุงก็ยังแสดงความมุ่งมั่นเมื่อเขากล่าวว่า ความแข็งแกร่งของผมยังคงออกมาได้เรื่อยๆและผมก็มุ่งมั่นกับมัน ยูชอนเคยบอกผมแล้วว่าผมจะต้องมีช่วงเวลาที่ลำบาก และไม่สามารถนอนหลับได้
โชคดีที่บรรยากาศในกองถ่ายนั้นดีกว่าทั่วๆไป เขาได้รับการดูแลจากจีซองและปาร์คยองคยู เขากับคนอื่นๆต่างก็ผลัดกันเลี้ยงอาหารและขนมกันและกัน เมื่อไม่นานมานี้ คิมแจจุงก็ออกไปเที่ยวกับจีซองและถึงขั้นนอนที่บ้านของเขา ชเวคังฮีก็ไม่เคยลืมที่จะถามเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง และคอยดูแลเขา
เมื่อพูดถึงบรรยากาศอันดีเยี่ยมเช่นนี้ คิมแจจุงพูดซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งว่า มันดีมากจนผมกังวล เขาสารภาพ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นละครในประเทศและทีมงานรวมทั้งเพื่อนนักแสดงต่างก็ยอดเยี่ยมจนผมกังวลว่ามันจะไม่เป็นอย่างนี้ในละครเรื่องต่อไปของผม ถ้าหากคุณเห็นแต่สิ่งที่ดีๆ ที่จุดเริ่มต้น ต่อไปมันอาจจะลำบากก็ได้นะครับ
เขายังกล่าวเสริมด้วยว่า ผมคิดว่าผมโชคดีจริงๆ ผมโชคดีมากระหว่างการถ่ายละครญี่ปุ่นของผมเหมือนกัน เวลาที่คุณถ่ายทำละครเรื่องหนึ่ง ถ้าหากว่าเคมีระหว่างนักแสดงไม่ดีแล้ว ละครก็คงจะไม่ออกมาดีไปได้ แต่ทุกคนดีกับผมมากและมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวเลย
ซองที่รับบทเป็นทายาทบริษัทใหญ่ที่ซุกซน ขี้เล่น ไม่อยู่ในกฎ ชาจีฮอน ได้เคยพูดกับคิมแจจุงว่า ฉันจะทำเรื่องตลกเอง และนายก็ทำแต่สิ่งเท่ห์ๆ แต่คิมแจจุงกล่าวว่า ถึงแม้ว่าผมจะยอมรับว่าตัวละครของผมเย็นชาและก็พูดสิ่งที่เท่ห์ๆ ชาจีฮอนก็มีเสน่ห์มากและผมไม่คิดว่าผมจะดึงดูดใจชเวคังฮีหลังจากนี้ได้
คิมแจจุงกล่าวว่า ผมไม่เคยรู้สึกอยากว่าจะต้องได้รับบทนำเสมอ และผมก็ยังไม่อยากได้บทนำตอนนี้ สิ่งที่สำคัญคือการทำให้ตัวละครนั้นมีชีวิตขึ้นมา ผมอยากจะเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงสมทบที่สามารถทำให้ตัวละครมีชีวิตได้ก่อน ผมไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้ชื่อเสียงของผมให้ได้มาซึ่งบทนำครับ
Source: [newsen 1+2]
Translated & Shared by: dongbangdata.net
แปลไทย: 3rebelangels.wordpress