ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้ถูกสูบอาจจะเพราะมีคำต้องห้ามด้วยรึเปล่า บางคำคิดว่าไม่น่าใช่ยังเจอเลย เคยโดนมาแล้ว จากคุณ : เอวันกะบีทู เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 11:59:33

ความคิดเห็นที่ 3 โดยในปีนี้ภาพเทพนิยายสู่จอภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดนั้น เริ่มเปิดตัวด้วยภาพของแม่หนูลิลลี่ คอลลินส์ ลูกสาวคนสวยของนักร้องเทพอย่างฟิล คอลลินส์ กับการเข้ามารับบทบาทสโนว์ไวท์ของปี 2012 ซึ่ง "กระแสการนำเทพนิยายมาขึ้นจอใหญ่ เป็นหนังคนแสดง ด้วยเทคนิคพิเศษตระการตา หรือไม่ก็ตีความเสริมมุมมองใหม่เข้าไปนั้น เริ่มต้นมีให้เห็นตั้งแต่ปีก่อนแล้ว กับ Alice In Wonderland (2010) ของ ทิม เบอร์ตัน ที่ทำเงินไปมหาศาลกว่า 1,000 ล้านเหรียญฯ ทั่วโลก ขณะที่ในปีนี้ก็มี Beastly (2011) และ Red Riding Hood (2011) ที่ดัดแปลงมาจาก “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” และ “หนูน้อยหมวกแดง” ตามลำดับ" จึงเหมือนเป็นนิมิตรหมายอันดี ที่เป็นตัวเบิกทางให้กับเรื่องอื่นๆ เริ่มย่องๆ มาออกสื่อเช่นกัน อีกทั้ง ในปีนี้ สโนวไวท์ก็ไม่ใช่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่มีแผนการจับคนมาปั้นเป็นเทพนิยาย วันนี้จึงจะพาทุกท่านไปชมเสียหน่อยว่าเริ่มมาตั้งแต่ Alice in Wonderland (2010) มีเรื่องใดที่ผ่านตาไปแ้ล้ว และกำลังจะพาเหรดตามมากันอีกติดๆ จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:02:53

ความคิดเห็นที่ 4 รอนะคะ จากคุณ : midnight train เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:05:58

ความคิดเห็นที่ 5 ให้กีบเพราะ "อีบ้าฆ่าไม่ตาย" นี่แหละ เห็นภาพ 555 รออ่านแล้วกันค่ะ 555 จากคุณ : ตามใจ อะไรก็ได้_แต่ เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:30:48

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีค่ะคุณ เอวันกะบีทู - - ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ วันนี้จะระวังอย่างเต็มที่ค่ะ สู้ ----------------- ขอเริ่มต้นด้วยรุ่นพี่ ที่การันตีความดัง เพราะคนรอดูมากเหลือเกินอย่าง Alice in Wonderland (2010) จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:32:21

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีค่ะคุณ midnight train / คุณ ตามใจ อะไรก็ได้_แต่ ------------------ อลิซผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์ หรือAlice in Wonderland หรือชื่อเต็ม Alice"s Adventures in Wonderland เป็นวรรณกรรมเยาวชนคลาสสิกของลูอิส แครอลล์ (Lewis Carroll) และยังนับเป็นต้นแบบของวรรณกรรมแนวแฟนตาซีก็ว่าได้ อลิซผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์ ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 1865 โดยสำนักพิมพ์ Macmillan โดยมีความยาวทั้งหมด 12 บท มีการแปลไปกว่า 125 ภาษา และมีการตีพิมพ์แล้วกว่า 100 ครั้ง แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 12:39:48 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:39:19

ความคิดเห็นที่ 8 Alice in Wonderland ถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครทีวี ละครทีวี ภาพยนตร์ และภาพยนตร์อนิเมชั่นมาแล้วหลายครั้ง แต่เวอร์ชั่นที่จขกท. จำได้ และคาดว่าน่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่หลายๆ ท่านเคยได้ชม น่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น หรือ ภาพยนตร์การ์ตูน โดยการสร้างของวอลท์ ดีสนีย์ ในปี 1951 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:47:57

ความคิดเห็นที่ 9 โดย Alice in Wonderland นับเป็นภาพยนต์การ์ตูนในลำดับที่ 13 ของชุด Walt Disney Animated Classics series (โดยสร้างหลังจาก Cinderella (1950) และสร้างก่อน Peter Pan (1953) ภาพยนตร์ได้เข้าฉายที่นิวยอร์คและลอนดอนในวันที่ 29 กรกฎาคม 1951 ซึ่งได้ Kathryn Beaumont มาให้เสียง Alice และ Ed Wynn มาให้เสียง the Mad Hatter จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:49:09

ความคิดเห็นที่ 10 และเมื่อปีที่ผ่านมา อลิซ สาวน้อยได้กลายมาเป็น อลิซ สาววัยรุ่นในภาพยนตร์แฟนตาซี Alice in Wonderland ภายใต้การสร้างของ alt Disney Pictures, Roth Films, Team Todd และการกำกับของผู้กำกับแนวคิดแฟนตาซีสุดๆ Tim Burton โดยใช้ทุนสร้าง $200,000,000 ซึ่งได้นักแสดงมากฝีมือหลายท่านมารับบทบาทในเรื่องไม่ว่าจะเป็น Johnny Depp ... Mad Hatter Mia Wasikowska ... Alice Kingsley Helena Bonham Carter ... Red Queen Anne Hathaway ... White Queen เป็นต้น จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:56:52

ความคิดเห็นที่ 11 โดยเนื้อเรื่องในเวอร์ชั่นนี้ อลิซ เติบใหญ่กลายเป็นสาวน้อยวัย 19ปี ที่ต้องเดินทางกลับสู่ดินแดนพิศวงอีกครั้ง หลังจากที่เธอเคยไปมาแล้วเมื่อครั้งยังเด็ก เธอยังได้พบกับเหล่าเพื่อนในวัยเด็ดของเธอไม่ว่าจเป็น “คุณกระต่ายขาว ไวท์แรบบิท”, “แฝดยักษ์อ้วนจอมป่วน ทวีเดิลดี กับ ทวีเดิลดัม”, “ดอร์เม้าส์ หนูตัวจิ๋ว”, “หนอนผีเสื้อ”, “แมว เชอร์ชายร์” และที่ขาดไม่ได้ “แมด แฮทเทอร์” การเดินทางสุดมหัศจรรย์ในครั้งนี้ อลิซ จะต้องยุติการครองบัลลังก์อันโหดร้ายของราชินีแดงลงให้ได้ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 12:59:27 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 12:57:40

ความคิดเห็นที่ 12 ซึ่งในภาคนี้ มีหลายกระแสว่า แหม โทนของเนื้อเรื่อง มันดูลึกล้ำ ดำมืดไปรึเปล่า บางคนก็บอกเป็นอลิซภาคเมายา กันบ้างอะไรบ้าง แต่ถึงกระนั้น จนถึงวันนี้ Alice in Wonderland ก็ได้รายรับทั่วโลกไปแล้วกว่า $1,024,299,904 แถมได้รับรางวัลออสการ์ 2 ใน 3 จากเข้าชิง ซึ่งได้แก่ Art Direction (WIN) / Costume Design (WIN) / Visual Effects Credit - boxofficemojo.com แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 13:11:01 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:09:48

ความคิดเห็นที่ 13 มาต่อกันที่เรื่องถัดมาอย่าง Beastly (2011) ที่สร้างจากนิทานสุดคลาสิค Beauty and the Beast หรือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ที่ทุกคนรู้จักกันดี จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:14:18

ความคิดเห็นที่ 14 Beauty and the Beast หรือ โฉมงามกับเจ้าชายอสูร หรือในชื่อฝรั่งเศส La Belle et la Bête เป็นนิทานโบราณดั้งเดิม ฉบับแรกซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ประพันธ์โดย มาดาม Gabrielle-Suzanne Barbot de Villeneuve ใน พ.ศ. 2283 ฉบับที่มีชื่อเสียงที่สุด คือฉบับที่ได้รับการย่อเรื่องของมาดาม Villeneuve ใน พ.ศ. 2299 โดย มาดาม Jeanne-Marie Leprince de Beaumont ฉบับภาษาอังกฤษฉบับแรกได้ออกมาใน พ.ศ. 2300 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:18:19

ความคิดเห็นที่ 15 เช่นเดียวกันกับ Alice in Wonderland ฺำBeauty and the Beast ก็ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ บทละคร ละครเทวี โอเปร่า มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ด้วยสมองเม็ดตัวเขียวของ จขกท. จขกท. กลับจำภาพการนำมาสร้างครั้งนี้ได้ติดตา ตรึงใจ คือเวอร์ชั่น ภาพยนตร์อนิเมชั่นในปี 1991 โดย Walt Disney Feature Animation จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:21:40

ความคิดเห็นที่ 16 รอชมนะคะ จากคุณ : นะโมยิ้มแป้น เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:23:06

ความคิดเห็นที่ 17 ภายใต้การกำกับของ Kirk Wise และ Gary Trousdale บทภาพยนตร์โดย Linda Woolverton และเพลงประกอบภาพยนตร์โดย Alan Menken และ Howard Ashman โดยเข้าฉายเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 1991 นับเป็นภาพยนต์การ์ตูนในลำดับที่ 30 ของชุด Walt Disney Animated Classics series (โดยสร้างหลังจาก The Rescuers Down Under (1990) และสร้างก่อน Aladdin (1992) หลังจากเข้าฉาย Beauty and the Beast ได้รายได้ไปกว่า $403 ล้านเหรียญ อีกทั้ง ชนะรางวัล Golden Globe Award ในสาขา Best Motion Picture - Musical or Comedy / Best Original Score และ Best Original Song ("Beauty and the Beast") รวมไปถึงรางวัลออสการ์ในสาขา Best Music, Original Score และ Best Music, Original Song ("Beauty and the Beast") โดยเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ได้เข้าเสนอชื่อรับรางวัลในสาขา Best Song และ Best Picture อีกด้วย นี่ยังไม่รวมถึงรางวัลที่ได้รับจาก Grammy Awards และการได้ติด 1 ใน 10 ภาพยนตร์อเมริกันคลาสสิคที่ดีที่สุดจาก American Film Institute แล้วเราจะไม่รักเวอร์ชั่นนี้ได้ยังไงเนาะ จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:35:09

ความคิดเห็นที่ 18 สวัสดีค่ะคุณ นะโมยิ้มแป้น ----- และเมื่อตอนต้นปี โฉมงามกับเจ้าชายอสูร ก็มาโลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์ม ซึ่งภาพยนตร์สร้างมาจากนิยายดัดแปลงชื่อเดียวกันของ Alex Flinn โดยนำโฉมงามกับเจ้าชายอสูรมาเล่าใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ของเมืองนิวยอร์ค ภาพยนตร์กำกับโดย Daniel Barnz โดยมี Vanessa Hudgens และ Alex Pettyfer รับบทนำ โดยเข้าฉายเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2011 ด้วยทุนสร้าง $17 ล้านเหรียญ จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 13:47:23

ความคิดเห็นที่ 19 โดยเล่าถึง หนุ่มหล่อ พ่อรวย สุดเฟอเฟ็ค แต่นิสัยเสีย หลงตัวเอง จนถูกสาวปริศนา สาปให้กลายเป็นอสูรหน้าตาอัปลักษณ์ เพื่อทดสอบให้เขาค้นหารักแท้ที่ไม่มองที่ภายนอกให้เจอ เพื่อที่จะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม จนได้มาเจอกับสาวสวย จึงต้องมาลุ้นกันว่า ทั้งสองคนจะเป็นรักแท้จนคลายคำสาปได้หรือไม่ ความจริงเนื้อเรื่องก็เดิมๆ แต่การดัดแปลงให้มาเป็นเรื่องแบบสมัยใหม่ที่ทำให้น่าดู ส่วนตัวเรื่องนี้ จขกท. ไม่เคยดู เพื่อนๆืัที่ดูแล้วว่าอย่างไรกันบ้างจ๊ะ จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:03:56

ความคิดเห็นที่ 20 อลิซไปแล้ว โฉมงามไปแล้ว คราวนี้สาวน้อยชุดแดงมาขอรายงานตัว กับ Red Riding Hood จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:12:47

ความคิดเห็นที่ 21 หนูน้อยหมวกแดง หรือ Little Red Riding Hood เป็นนิทานพื้นบ้านลำดับที่ 333 ในการจัดระบบนิทานพื้นทานของ Aarne-Thompson หนูน้อยหมวกแดง เป็นนิทานพื้นบ้านสำหรับเด็ก ที่แพร่หลายไปหลายประเทศ เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน ซึ่งเนื้อเรื่องก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เรื่องนี้ในฉบับภาษาเยอรมัน ถูกบอกเล่าให้แก่ พี่น้องตระกูลกริมม์ โดยคนพี่ (เจค็อบ กริมม์) ฟังมาจาก Jeanette Hassenpflug (ค.ศ. 1791-1860) ส่วนคนน้อง (วิลเฮล์ม กริมม์) ฟังมาจาก Marie Hassenpflug (ค.ศ. 1788-1856) พี่น้องทั้งสอง ได้รวมเนื้อเรื่องจากทั้งสองฉบับนั้น เป็นเรื่องเดียวในชื่อ Rotkäppchen ไว้ในหนังสือรวมเรื่อง Kinder- und Hausmärchen โดยในฉบับนี้ คุณยายและหนูน้อย ได้รับการช่วยเหลือจากนักล่าหมาป่า และภายหลัง หนูน้อยและคุณยายก็ได้ใช้ประสบการณ์ที่ได้รับในครั้งนั้น ในการจับและฆ่าหมาป่าอีกตัวหนึ่ง ในภายหลังพี่น้องทั้งสอง ได้ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่อง จนเป็นฉบับปี ค.ศ. 1857 ที่เป็นเนื้อเรื่องที่แพร่หลายในปัจจุบัน ซึ่งเนื้อเรื่องค่อนข้างจะมีจินตนาการสอดแทรกมากกว่าฉบับอื่น ๆ ที่ผ่านมา โดยทั้งหนูน้อยและคุณยายถูกหมาป่าจับกิน แต่ในภายหลังได้มีคนตัดไม้มาช่วย โดยการผ่าท้องหมาป่า ช่วยหนูน้อยและคุณยาย ออกมาได้อย่างปลอดภัย จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:17:41

ความคิดเห็นที่ 22 ในปี 2011 หนูน้อยหมวกแดง มาสะบัดเสื้อคลุมลงแผ่นฟิล์ม ภายใต้การสร้างของ Warner Bros. และการกำกับของ Catherine Hardwicke ภายใต้ชื่อว่า "Red Riding Hood" จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:22:37

ความคิดเห็นที่ 23 โดยเนื้อเรื่องเปลี่ยนจากสาวน้อยลั้ลลาหิ้วตะกร้าเข้าป่าเยี่ยมคุณย่าแล้วโดนหมาป่างับ มาเป็นเวอร์ชั่นที่ร่วมสมัยมากขึ้น โดยการที่หญิงสาวคนหนึ่งเกิดสงสัยทั้งคนรัก เพื่อนสนิท และคนในครอบครัวของเธอ ว่าเป็นหมาป่าจอมโหด โดยได้ Amanda Seyfried มารับบทเป็น หนูน้อยฮู้ดแดง Valerie ด้วยทุนสร้าง $42,000,000 เปิดฉายวันแรกด้วยรายได้ $14,005,335 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:27:51

ความคิดเห็นที่ 24 ตามมาพร้อมกดโหวตเช่นเคย ชอบจ้า ชอบ ^^b จากคุณ : g_maru เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:40:04

ความคิดเห็นที่ 25 มาต่อกันที่น้องใหม่ล่าสุดที่มีภาพแรกออกมาแล้ว นั่นคือ สโนว์ไวท์ (Snow White) จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:41:45

ความคิดเห็นที่ 26 ลงชื่ออ่านพร้อมเฝ้ากระทู้ค่ะ จากคุณ : อินทวา เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:43:46

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีจ้าคุณ g_maru ---------- โดยสาวน้อยวัย 22 ปี ลิลลี่ คอลลินส์ ลูกสาวคนสวยของฟิล คอลลินส์ จะมารับบทเป็น สโนว์ไวท์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Brothers Grimm: Snow White ภายใต้การสร้างของบริษัท Relativity Media ซึ่งสาวน้อยคนนี้อาจเคยผ่านตาคุณมาบ้างในบทของลูกสาวแซนดร้า บุลล็อกส์ ในภาพยนตร์เรื่อง The Blind Side ภาพยนตร์เรื่อง The Brothers Grimm: Snow White อิงเนื้อเรื่องจากเทพนิยายเดิม แต่จะมีความร่วมสมัยมากกว่า โดยให้บรรยากาศของหนังแอ็กชั่นตลก ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างถ่ายทำ ซึ่งมีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 16 มีนาคม 2012 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:54:02

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีค่ะคุณอินทวา ---------------- โดยผู้สร้างเปิดเผยว่าในภาคนี้จะได้ จูเลีย โรเบิร์ต มารับบท ราชินีผู้ชั่วร้าย จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:56:11

ความคิดเห็นที่ 29 และอาร์มี่ แฮมเมอร์ แห่ง The Social Network มารับบทเจ้าชายรูปงาม แอร๊ยยยยยยยยยยย สมชื่อเจ้าชายรูปงาม จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 14:57:37

ความคิดเห็นที่ 30 Snow White ดั้งเดิมเป็นนิทานพื้นบ้านของยุโรป ได้รับการเล่าขานกันมาต่าง ๆ กัน แต่เวอร์ชั่นที่เรารู้จักกันดีที่สุด มาจากบทประพันธ์ในภาษาเยอรมันของ พี่น้องตระกูลกริมม์ โดยพี่น้องตระกูลกริมม์ได้เพิ่มตัวละครส่วนประกอบที่ทำให้เรื่องราวน่าสนใจยิ่งขึ้น อาทิ กระจกวิเศษ และ คนแคระทั้งเจ็ด เป็นต้น ในบทประพันธ์ของพี่น้องตระกูลกริมม์ มีตัวเอกชื่อ สโนว์ไวต์ ด้วยกัน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องสโนว์ไวต์ และเรื่องสโนว์ไวต์กับดอกกุหลาบแดง แต่ทั้งนี้ตัวเอก ได้แก่ สโนว์ไวต์ในทั้งสองเรื่องนี้ มีบุคคลิก และลักษณะต่าง ๆ ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในการตีพิมพ์ครั้งที่ 1 นั้น เรื่องของสโนว์ไวท์ เป็นเรื่องความอิจฉาของแม่ ที่มีต่อลูกสาวของตนเอง และมีรายละเอียดปลีกย่อยบางประการที่แตกต่างจากการตีพิมพ์ในครั้งต่อ ๆ มา ซึ่งมีการเปลี่ยนบทจากแม่แท้ ๆ เป็นแม่เลี้ยงแทน ทั้งนี้คาดว่าน่าจะปรับแต่งเรื่องเพื่อให้เนื้อหาอ่อนลง เพื่อให้เป็นนิทานสำหรับเด็ก โดยสโนว์ไวท์ เป็นนิทานพื้นบ้านลำดับที่ 709 ในการจัดระบบนิทานพื้นบ้านของ Aarne-Thompson จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 15:10:46

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าถาม จขกท. เคยเห็นสโนว์ไวท์ในทีวีเป้นครั้งแรกก็จากการสร้างของวอลท์ ดีสนีย์ เนี่ยแหละ โดยในปี 1937 ทางดิสนีย์ได้ดัดแปลงเทพนิยายเรื่องนี้ในรูปแบบภาพยนตร์การ์ตูน โดยใช้ชื่อว่า สโนว์ไวต์กับคนแคระทั้งเจ็ด เหตุที่ทางดิสนีย์เลือกใช้ชื่อนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนกับเทพนิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์ เรื่องสโนว์ไวต์กับดอกกุหลาบแดง ซึ่งการเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง สโนว์ไวต์กับคนแคระทั้งเจ็ด เป็นครั้งแรกที่มีการตั้งชื่อให้แก่คนแคระทั้งเจ็ด จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 15:20:32

ความคิดเห็นที่ 32 Snow White and the Seven Dwarfs เริ่มฉายครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ Carthay Circle เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 1937 และเริ่มฉายทั่วสหรัฐอเมริกาในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 1938 โดย RKO Radio Pictures ด้วยทุนสร้าง $1,488,423 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รายได้รวม $184,925,486 นับเป็นภาพยนต์การ์ตูนในลำดับที่ 1 ของ Walt Disney Animated Classics series (โดยสร้างก่อน Pinocchio (1940) โดยมี Adriana Caselotti ให้เสียงสโนว์ไวท์ / Lucille La Verne ให้เสียงราชินีผู้ชั่วร้าย และ Harry Stockwell ให้เสียงเจ้าชาย แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 17:28:20 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 15:25:40

ความคิดเห็นที่ 33 ที่บอกว่าดีสนีย์ได้ตั้งชื่อให้คนแคระทั้ง 7 เป็นครั้งแรก ใครรู้บ้างว่า ชื่อไหน ใครเป็นใคร Doc Grumpy Happy Sleepy Bashful Sneezy Dopey จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 15:30:07

ความคิดเห็นที่ 34 ว่าที่กระทู้แนะนำแหง่มๆ^^ จากคุณ : Piccalo_koz เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:00:45

ความคิดเห็นที่ 35 ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดเผยมาลิลลี่ คอลลินส์ มารับบทสโนว์ไวท์ ก็มีคนพูดกันว่าลิลลี่ปาดหน้าเค้กคริสเต็น สจ๊วร์ต สาวงามจากทไวไลท์ ในการรับบทเดียวกัน ถูกครึ่งผิดครึ่งจ้า ถูกที่คริสเต็น สจ๊วร์ต ได้รับบทสโนว์ไวท์ เช่นกัน ผิดที่เค้าไม่ได้ปาดหน้าเค้กกันนะจ๊ะ เพราะว่าปีหน้า เราจะได้ดูภาพยนตร์เรื่องสโนว์ไวท์ถึง 2 เรื่อง จาก 2 ผู้สร้าง โดยคริสเต็น สจ๊วร์ตนั้น จะมารับบทสโนว์ไวท์ในภาพยนตร์เรื่อง Snow White and the Huntsman จาก Universal Pictures จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:21:49

ความคิดเห็นที่ 36 สวัสดีค่ะคุณ Piccalo_koz --------------------- โดยในเวอร์ชั่นนี้จะออกไปในแนวแอ๊คชั่น ซึ่งเนื้อเรื่องสโนว์ไวท์จะหนีจากการถูกไล่ล่าโดยราชินีใจร้าย และได้เรียนรู้ศาสตร์แห่งการรบจากนายพรานผู้ที่ความจริงแล้วควรจะฆ่าเธอ ซึ่งดาราในเวอร์ชั่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยกว่าเวอร์ชั่นบน โดย Charlize Theron จะมารับบทราชินีใจร้าย แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 16:46:48 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 16:31:21 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:29:46

ความคิดเห็นที่ 37 ราชินีจงมา จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:32:15

ความคิดเห็นที่ 38 โดยบทนายพราน ตอนแรกมีการวางตัวไว้เป็น Viggo mortensen แต่นักแสดงหนุ่มจาก The Lord of The Rings ได้บอกปัดข้อเสนอดังกล่าวไป จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:34:38

ความคิดเห็นที่ 39 ส้มจึงมาหล่นที่ Chris Hemsworth จาก Thor จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:38:14

ความคิดเห็นที่ 40 และนี่คือภาพแรกของสโนว์ไวท์แห่ง Snow White and the Huntsman . . . . . . จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:39:46

ความคิดเห็นที่ 41 โดยมีกำหนดฉายในวันที่ 1 มิถุนายน 2012 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:41:34

ความคิดเห็นที่ 42 ภาพนักแสดงรวมจากการสัมมนา 2011 San Diego Comic-Con เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:44:19

ความคิดเห็นที่ 43 มาต่อกันที่เจ้าหญิงนิทรา ในเร็วๆ นี้เจ้าหญิงขี้เซาจะตื่นจากการหลับไหล มามีชีวิตบนแผ่นฟิล์ม ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างเตรียมงาน และเดินหน้าถ่ายทำ โดยได้สาวน้อยดาวรุ่งพุ่งแรง เฮลี สไตเฟลด์ จาก True Grit มาสวมบทบาทเป็น เจ้าหญิงนิทรา ซึ่งขณะนี้โปรเจ็คหนัง Sleeping Beauty ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินการสร้าง ที่ยังไม่ได้การเปิดเผยถึงรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงเรื่องที่ว่าใครจะมากำกับหนังเรื่องนี้แต่อย่างใด จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:51:22

ความคิดเห็นที่ 44 มาลงชื่อว่าตามอ่านอยู่คะ ได้ความรู้เยอะเลย โหวตคะ จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 16:55:23

ความคิดเห็นที่ 45 โดยผู้รับผิดชอบเขียนบทเรื่องนี้ ลินด์ซีย์ เดฟวิน เล่าถึงเรื่องราวคร่าวๆ ว่าในเรื่องนี้ เจ้าหญิงไม่ได้นอนเฉยๆ ให้เจ้าชายมาช่วยอย่างแน่นอน โดยเรื่องจะเล่าจากมุมมองของเจ้าหญิง โดยเฉพาะตอนที่เธอนิทรา ล่องลอยอยู่ในความฝัน และหาทางที่จะหลุดออกมาสู่โลกความเป็นจริงด้วยตนเอง จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:00:53

ความคิดเห็นที่ 46 จขกท โพสเสร็จเมื่อบอกด้วยนาาาา เดี๋ยวจะมาเซฟเก็บ จากคุณ : soulmachine เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:02:54

ความคิดเห็นที่ 47 ดั้งเดิมนั้น นิทานเรื่องเจ้าหญิงนิทรา หรือชื่อภาษาอังกฤษ: Sleeping Beauty และชื่อภาษาฝรั่งเศส: La Belle au Bois dormant คือเทพนิยายโบราณของพี่น้องกริมส์เช่นกัน โดยตีพิมพ์ฉบับแรกเป็นภาษาฝรั่งเศสในปี 1697 โดยชาร์ลส แปร์โรลต์ (Charles Perrault) โดยหนังสือแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาค 1 - ซึ่งเป็นไปตามหนังสือนิทานที่เราเคยอ่านทั่วไป ภาค 2 - เมื่อสมรสอย่างลับๆโดยนักสังคมสงเคราะห์หลวงที่เพิ่งฟื้นตื่น เจ้าชายจอห์นก็ยังไปเยี่ยมเจ้าหญิงอยู่ ซึ่งพระนางได้มีบุตร 2 คนให้เจ้าชาย มีชื่อว่า โลรอร์ (ฝรั่งเศส: L'Aurore แปลว่า เช้ามืด) และ เลอ จูร์ (ฝรั่งเศส: Le Jour แปลว่า วัน) ซึ่งเจ้าชายเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจากมารดาของเขา ผู้ที่มีเชื้อสายยักษ์ เมื่อเจ้าชายได้ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ก็พาบุตรและพระชายาไปที่นครหลวงของพระองค์ ซึ่งในไม่ช้าพระองค์ได้ออกจากนครหลวง โดยให้มารดาเป็นผู้สำเร็จราชการ ในขณะที่พระองค์ไปทำศึกกับกษัตริย์เพื่อนบ้าน ผู้มีนามว่า จักรพรรดิ์คองทาลาบุทท์ มารดาราชินียักษ์ส่งราชินีสาว และลูกของพระนางไปที่เรือนที่แยกตัวจากวัง ซึ่งอยู่ในป่า และได้สั่งให้พ่อครัวหลวงของเธอไปที่นั่น เพื่อที่จะเอาบุตรชายของพระนางสาวมาเป็นอาหารค่ำ โดยให้ปรุงด้วยซอสโรเบิร์ท(มัสตาร์ดสีน้ำตาลของฝรั่งเศส) พ่อครัวหลวงผู้นั้นสงสารเลยใช้เนื้อลูกแกะแทน ซึ่งทำให้ราชินียักษ์โปรดโดยไม่รู้ว่าเป็นเนื้อลูกแกะ จากมื้อนี้เธอก็ได้ให้คำสั่งอีกว่าอยากรับประทานลูกสาวของพระนางสาว แต่พ่อครัวหลวงก็แอบเอาลูกแกะมาแทนเหมือนเดิมด้วยซอสโรเบิร์ทรสเลิศ เมื่อนางยักษีได้สั่งให้พ่อครัวหลวงนำพระนางสาวมาเป็นอาหารมื้อต่อไป พระนางสาวจึงอาสาเสนอมอบคอพระนางให้พ่อครัวเชื่อด โดยที่คิดว่าพระนางจะได้ไปอยู่กับบุตรทั่ง 2 ที่พระนางคิดว่าตายไปแล้ว มีการกลับมารวมกันใหม่แบบลับที่เศร้าโศกในบ้านของพ่อครัวหลวง โดยขณะที่มารดาราชินียักษ์กำลังรับประทานเนื้อกวางตัวเมียกับซอสโรเบิร์ทอย่างเอร็ดอร่อย ในไม่ช้านางยักษีก็รู้ความลับ และเธอก็เตรียมอ่างที่เต็มไปด้วยงูพิษและสัตว์ร้ายอื่นๆ ในสนามหลวง กษัตริย์ได้กลับมาพอดีกับในขณะเวลาที่นางยักษีกำลังดำเนินการนี้ และเมื่อนางโดนจำได้ในการกระทำชั่ว เธอก็กระโดดลงอ่างเอง และตายอย่างสาหัส และทุกๆ คนก็อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดนิรันดร เมื่อสมรสอย่างลับๆโดยนักสังคมสงเคราะห์หลวงที่เพิ่งฟื้นตื่น เจ้าชายจอห์นก็ยังไปเยี่ยมเจ้าหญิงอยู่ ซึ่งพระนางได้มีบุตร 2 คนให้เจ้าชาย มีชื่อว่า โลรอร์ (ฝรั่งเศส: L'Aurore แปลว่า เช้ามืด) และ เลอ จูร์ (ฝรั่งเศส: Le Jour แปลว่า วัน) ซึ่งเจ้าชายเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจากมารดาของเขา ผู้ที่มีเชื้อสายยักษ์ เมื่อเจ้าชายได้ขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ก็พาบุตรและพระชายาไปที่นครหลวงของพระองค์ ซึ่งในไม่ช้าพระองค์ได้ออกจากนครหลวง โดยให้มารดาเป็นผู้สำเร็จราชการ ในขณะที่พระองค์ไปทำศึกกับกษัตริย์เพื่อนบ้าน ผู้มีนามว่า จักรพรรดิ์คองทาลาบุทท์ มารดาราชินียักษ์ส่งราชินีสาว และลูกของพระนางไปที่เรือนที่แยกตัวจากวัง ซึ่งอยู่ในป่า และได้สั่งให้พ่อครัวหลวงของเธอไปที่นั่น เพื่อที่จะเอาบุตรชายของพระนางสาวมาเป็นอาหารค่ำ โดยให้ปรุงด้วยซอสโรเบิร์ท(มัสตาร์ดสีน้ำตาลของฝรั่งเศส) พ่อครัวหลวงผู้นั้นสงสารเลยใช้เนื้อลูกแกะแทน ซึ่งทำให้ราชินียักษ์โปรดโดยไม่รู้ว่าเป็นเนื้อลูกแกะ จากมื้อนี้เธอก็ได้ให้คำสั่งอีกว่าอยากรับประทานลูกสาวของพระนางสาว แต่พ่อครัวหลวงก็แอบเอาลูกแกะมาแทนเหมือนเดิมด้วยซอสโรเบิร์ทรสเลิศ เมื่อนางยักษีได้สั่งให้พ่อครัวหลวงนำพระนางสาวมาเป็นอาหารมื้อต่อไป พระนางสาวจึงอาสาเสนอมอบคอพระนางให้พ่อครัวเชื่อด โดยที่คิดว่าพระนางจะได้ไปอยู่กับบุตรทั่ง 2 ที่พระนางคิดว่าตายไปแล้ว มีการกลับมารวมกันใหม่แบบลับที่เศร้าโศกในบ้านของพ่อครัวหลวง โดยขณะที่มารดาราชินียักษ์กำลังรับประทานเนื้อกวางตัวเมียกับซอสโรเบิร์ทอย่างเอร็ดอร่อย ในไม่ช้านางยักษีก็รู้ความลับ และเธอก็เตรียมอ่างที่เต็มไปด้วยงูพิษและสัตว์ร้ายอื่นๆ ในสนามหลวง กษัตริย์ได้กลับมาพอดีกับในขณะเวลาที่นางยักษีกำลังดำเนินการนี้ และเมื่อนางโดนจำได้ในการกระทำชั่ว เธอก็กระโดดลงอ่างเอง และตายอย่างสาหัส และทุกๆ คนก็อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดนิรันดร จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:10:53

ความคิดเห็นที่ 48 สวัสดีค่ะคุณ soulmachine ยินดีค่ะ ---------------- ซึ่งเวอร์ชั่นที่ทุกคนจำได้ รวมถึง จขกท. ด้วย คือเวอร์ชั่นที่สร้างโดยวอลท์ ดีสนีย์ในปี 1959 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:12:50

ความคิดเห็นที่ 49 ฉายครั้งแรกวันที่ 29 มกราคม 1959 ใช้ทุนสร้างทั้งหมด $6 ล้านเหรียญ และรายได้รวมทั้งสิ้น $51,600,000 โดยใช้เวลาสร้างกว่า 10 ปี และเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นในลำดับที่ 16 ของวอลท์ ดีสนีย์ (สร้างหลัง Lady and the Tramp (1955) และก่อน One Hundred and One Dalmatians (1961) Princess Aurora/Briar Rose ให้เสียงโดย Mary Costa Maleficent ให้เสียงโดย Eleanor Audley Flora ให้เสียงโดย Verna Felton Fauna ให้เสียงโดย Barbara Jo Allen Merryweather ให้เสียงโดย Barbara Luddy Prince Phillip ให้เสียงโดย Bill Shirley แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 17:27:00 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:21:13

ความคิดเห็นที่ 50 และได้รับรางวัลดังนี้ Academy Awards - Best Scoring of a Musical Picture (George Bruns) Grammy Awards - Best Soundtrack Album, Original Cast - Motion Picture or Television Young Artist Award - Best Musical Entertainment Featuring Youth - TV or Motion Picture จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:22:53

ความคิดเห็นที่ 51 ปอลอ ใครรู้บ้างว่านางฟ้าสามสีชื่ออะไรกันบ้าง แล้วใครให้พรอะไร . . . . . . . . Flora - นางฟ้าสีแดง - ให้พรเรื่องความงาม Fauna - นางฟ้าสีเขียว - ให้พรเรื่องเสียงเพลง Merryweather - นางฟ้าสีน้ำเงิน - ยังไม่ทันให้พร เพราะถูกแม่มดใจร้ายเหวี่ยง เลยให้พรขอให้เจ้าหญิงตื่นจากคำสาปด้วยจุมพิตจากรักแท้ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 17:36:21 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:35:02

ความคิดเห็นที่ 52 เราจำได้ว่าเมื่อก่อนที่ปราสาทแดนเนรมิต มีห้องจำลองเจ้าหญิงนิทราด้วย จขกท. เข้าไปเห็นปุ๊บ ร้องไห้จ๊ากเลยจ้า เพราะกลัวเจ้าหญิงนิทราที่นอนหายใจพะเงิบๆ อยู่บนเตียง 55555 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:38:02

ความคิดเห็นที่ 53 หากใครยังจำสองพี่น้องเดินตามเศษขนมปังหาทางกลับบ้านได้ ตอนนี้เค้าทั้งสองโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วนะจ๊ะ และจะกลับมาใน Hansel & Gretel: Witch Hunters ซึ่งเล่าเรื่องในอีก 15 ปีต่อมาของเหตุการณ์ใน “บ้านขนม” เมื่อสองพี่น้อง แฮนเซล กับ เกรเทล ที่รอดชีวิตมา ได้เปลี่ยนตัวเองกลายเป็นนักล่าค่าหัว ที่มีเป้าหมายในการกำจัดเหล่าแม่มดให้สูญพันธ์ โดยหนังเป็นโครงการที่ถูกพูดถึงมาพอสมควรแล้ว ซึ่งนักแสดงที่อยู่ในรายชื่อมีดังนี้ Gemma Arterton เป็น Gretel จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:46:56

ความคิดเห็นที่ 54 Jeremy Renner เป็น Hansel จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:48:08

ความคิดเห็นที่ 55 และ Femke Jensen เดาเอาว่าเป็นแม่มด จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:49:57

ความคิดเห็นที่ 56 รู้สึกเหมือนกลับไปอ่านนิยายเรื่อง Prince charming company เมื่อหลายปีจังเลยคะ เอาเทพนิยายมาดัดแปลงออกมาในแนวโหดเลือดสาด 55555 น่าสนใจดีจัง ชอบๆๆๆๆ จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:54:43

ความคิดเห็นที่ 57 "Hansel and Gretel" เป็นเทพนิยายดั้งเดิมของเยอรมัน ซึ่งถูกบันทึกไว้โดยพี่น้องกริมส์ื และตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี 1812 เป็นนิทานพื้นบ้านลำดับที่ 327เอ ในการจัดระบบนิทานพื้นทานของ Aarne-Thompson จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 17:56:38

ความคิดเห็นที่ 58 มาต่อกันที่หนุ่มน้อยนามว่าแจ๊ค ซึ่งในปี 2012 เขาจะกลับมาฆ่ายักษ์ Jack the Giant Killer จะถูกนำมาสร้างโดย Warner Bros. / New Line และ Legendary Pictures ภายใต้การกำกับของ ไบรอัน ซิงเกอร์ โดยจะเล่าเรื่องของชาวนา ผู้ต้องรับภารกิจช่วยเหลือเจ้าหญิง ซึ่งถูกอาณาจักรยักษ์ลักพาตัวไป รายชื่ิอนักแสดงมีดังนี้ Nicholas Hoult จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:00:45

ความคิดเห็นที่ 59 Eleanor Tomlinson จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:02:07

ความคิดเห็นที่ 60 Ewan Mcgregor จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:02:56

ความคิดเห็นที่ 61 Stanley Tucci จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:05:48

ความคิดเห็นที่ 62 Bill Nighy จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:06:09

ความคิดเห็นที่ 63 และ Ian Mcshane จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:10:28

ความคิดเห็นที่ 64 โดยแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์นี้ เป็นคนละเรื่องกับแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ ที่ปีนต้นถั่วนะคะ โดยแจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ที่ปีนต้นถั่วใช้ชื่อ Jack and the Beanstalk ซึ่งเป็นเรื่องเ่ล่าโดยนักประวัติศาสตร์อังกฤษชื่อ Francis Palgrave แต่แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ใน Jack the Giant Killer เป็นเทพนิยายอังกฤษที่เล่าเรื่องชายหนุ่มผู้กล้าหาญที่ฆ่ายักษ์ในช่วงการปกครองของกษัตริย์อาเธอร์ จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:20:33

ความคิดเห็นที่ 65 Oz: The Great and Powerful ผลงานของ แซม ไรมี่ ที่จะเป็นปฐมบทของเรื่องราวใน “พ่อมดออซ” กับเรื่องราวของนักมายากลหนุ่ม (เจมส์ ฟรังโก้) ที่เดินทางด้วยบอลลูนขนาดยักษ์ จนถูกพายุทอนาโดพัดไปตกยังดินแดน “ออซ” ที่เต็มไปด้วยแม่มดผู้วิเศษ ขณะที่ มิล่า คุนิส จะสวมบทบาทเป็นหนึ่งในแม่มดฝ่ายดี ที่เข้าสู่ด้านมืด หลังจากถูกตัวละครของ ฟรังโก้ สบัดรัก จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:22:25

ความคิดเห็นที่ 66 Mila Kunis จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:22:39

ความคิดเห็นที่ 67 The Wonderful Wizard of Oz เป็นวรรณกรรมเยาวชนเขียนโดย L. Frank Baum ภาพวาดโดย W. W. Denslow ตีพิมพ์ครั้งแรกโดย George M. Hill เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 1900 จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:25:45

ความคิดเห็นที่ 68 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เรื่องไหนจะรุ่ง เรื่องไหนจะร่วง เราคงต้องติดตามชมกันต่อไป ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมค่ะ จากคุณ : Hellbluegirl เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:28:09

ความคิดเห็นที่ 69 เยอะมาก ขอบคุณมานะคะ จากคุณ : นะโมยิ้มแป้น เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:41:47

ความคิดเห็นที่ 70 ความจริงรอลุ้นว่าจะมีเจ้าไหนทำเรื่องเงือกน้อยไหม ไม่มีแฮะ เสียดายจัง ฮันเซลกับเกรเทลน่าดูที่สุด ชอบแนวนี้จัง แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 18:54:50 จากคุณ : fukaze เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:42:09

ความคิดเห็นที่ 71 ได้อ่านแล้วครับ ลุ้นท่านอื่นๆต่อไปจะได้อ่านไหม ขอให้โชคดี แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 54 18:46:13 จากคุณ : crookshanks เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 18:45:12

ความคิดเห็นที่ 72 ในที่สุดก็ครบสมบูรณ์ ยินดีกับจขกท. ด้วย อยากดูสโนไวท์ฉบับคริสเป็นนายพราน แอร๊ยยย จากคุณ : g_maru เขียนเมื่อ : 26 ก.ค. 54 20:33:27

ความคิดเห็นที่ 73 ขอแจมด้วยได้ไหมคะ แต่หนังที่จะเล่าให้ฟังนี้ ไม่ได้เป็นหนังฮอลลีวูดยุคปัจจุบันค่ะ.. แต่เป็นในอดีตหลายสิบปีมาแล้ว... จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:13:17

ความคิดเห็นที่ 74 เรื่องแรก.. คาดว่าจะมีคนได้ดูไม่มาก และน่าจะมีคนจำได้น้อยนิด.. นั่นคือ Snow White : A Tale Of Terror หรือชื่อไทยว่า สโนไวท์กับเจ็ดจอมโจร / สโนว์ไวท์ ตำนานสยอง สร้างขึ้นในปี 1997.. นำแสดงโดย Sigourney Weaver รับบทเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย Sam Neill Monica Keena กำกับโดย Michael Cohn .. รูปโปสเตอร์ .. แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 54 10:23:06 จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:20:10

ความคิดเห็นที่ 75 อีกแบบหนึ่ง.. จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:21:41

ความคิดเห็นที่ 76 และ..คล้ายๆข้างบน (แต่กลับด้าน) จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:22:21

ความคิดเห็นที่ 77 trailer หนัง.. จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:24:23

ความคิดเห็นที่ 78 ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึง ลิเลียนหรือลิลลี ฮอฟแมน เด็กน้อยที่ถือกำเนิดท่ามกลางหิมะ แต่แลกมาด้วยชีวิตของมารดา เธออาศัยอยู่ในปราสาทใหญ่โตของผู้เป็นพ่อ หลายปีผ่านไป พ่อของเธอ..เฟรดเดอริกได้แต่งงานใหม่กับคลอเดีย  เมื่อแรกพบนั้นแม่เลี้ยงของเธอไม่ได้เกลียดชังลิลลีเลยแม้แต่น้อย แต่ยังเอ็นดูเธอด้วย 9 ปีต่อมา ลิลลีนั้นชอบพออยู่กับหมอหนุ่มรูปงาน และมีโครงการจะแต่งงานกันในไม่ช้า ในขณะที่คลอเดียตั้งครรภ์บุตรคนแรก แต่ในที่สุดก็แท้งไป คลอเดียโทษว่าเป็นความผิดของลิลลี เธอจึงสั่งให้น้องชายไปฆ่าลิลลีซะ แต่เด็กสาวก็หนีไปได้ และเจอเข้ากับกลุ่มคนทำเหมือง (ซึ่งไม่ใช่คนแคระ) การตามล่าของแม่มดจึงเริ่มขึ้น.. ความเห็นส่วนตัว.. คิดว่าเรื่องนี้วางพล็อตเรื่องได้ดี และตอนจบนั้นก็หักมุมไปจากเวอร์ชันเทพนิยายพอดู  จะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปดูได้ในยูทูปค่ะ จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:40:34

ความคิดเห็นที่ 79 เรื่องถัดมา.. เรื่องนี้คงมีคนได้ดูเยอะกว่าเรื่องแรก A Cinderella Story วัยฝัน....ตำนานรักนิรันดร์ จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:45:32

ความคิดเห็นที่ 80 กำกับโดย: Andy Tennant นำแสดงโดย:Drew Barrymore, Anjelica Huston and Dougray Scott เรื่องราวของแดเนียล  เด็กสาวที่กลายเป็นคนรับใช้ในบ้านหลังจากที่พ่อเสียชีวิตไป ชีวิตตกอยู่ภายใต้เงาของแม่เลี้ยงและพี่สาวอีก 2 คนที่คอยกดขี่ข่มแหง แต่แดเนียลก็เติบโตมาได้อย่างเข้มแข็ง จนกระทั่งเธอได้ไปงานเลี้ยงของเจ้าชาย โดยความช่วยเหลือของ ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี (แทนที่จะเป็นนางฟ้า) ชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป.. จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:53:09

ความคิดเห็นที่ 81 trailer.. จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:53:54

ความคิดเห็นที่ 82 ขอจบการปาดแต่เพียงเท่านี้ค่ะ.. ปล. ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้ที่ทำกระทู้นี้ขึ้นมาค่ะ (ติดกิ๊ฟไว้ก่อนนะคะ หมดตั้งแต่กลางเดือนเลย) จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 10:55:43

ความคิดเห็นที่ 83 อัดฉีดกิฟท์พร้อมกดโหวตให้จขกท จากคุณ : นะโอ เขียนเมื่อ : 27 ก.ค. 54 13:58:04