ตอนวันนี้ ฉากที่เรียวม่าน้ำตาไหล สงสัยอันนี้ตาแปะอินกับบทเกิน เลยแหมะลงมา อารมณ์มันดูเหมือนไม่น่าจะอยู่ในสคริปมากเลยอะ lol แล้วผู้กำกับก็ใช้ทั้งอย่างนั้นเลย (เดา)
เมื่อกี๊แอบไปแว้บอ่านหนังสือช่วงไคเอ็นไตมา ยังไม่มีเวลาอ่านแบบเต็ม ๆ แต่จับประเด็นคร่าว ๆ ได้ว่า การที่บาคุฟุเป็นฝ่ายพ่ายแพ้โชชูในครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นศักราชแห่งความเสื่อมอย่างแท้จริง บรรดาแคว้นต่าง ๆ เริ่มไม่เกรงกลัวและไม่คิดว่าต้องเกรงใจบาคุฟุอีกต่อไป เริ่มทำอะไรเป็นอิสระเองมากขึ้น เรื่องนี้ส่งผลกระทบถึงคาเมะยามะซะจูของเรียวม่าด้วยเหมือนกัน เพราะเมื่อแคว้นสามารถทำอะไรได้เองโดยตรงแล้ว นายหน้าอย่างพวกเรียวม่าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป อนาคตข้างหน้าของคาเมะยามะซะจูก็ดูท่าว่าจะลำบากอีกครั้ง
เรียวม่าเลยนึกถึงเรื่องการได้รับการอภัยโทษจากแคว้น เพราะทุกคนจะได้กลับเข้าสู่ฐานะเดิม มีหลักประกัน ไม่ได้เป็นโรนิน รวมถึงมีโอกาสที่จะได้เข้ามารับใช้แคว้นอย่างเป็นทางการ มีการซับพอร์ตทางด้านการเงิน และเรือ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่พวกของเรียวม่าไม่มี
สิ่งที่น่าสนใจ คือ จดหมายของเรียวม่าที่มีไปถึง มิตโซบุจิ ฮิโรโนโจะ เรียวม่าติดต่อกับมิตโซบุจิเพื่อนเก่าอยู่ และได้รับข่าวคราวการเคลื่อนไหวของแคว้นจากคน ๆ นี้ ในจดหมายได้บรรยายถึงความรู้สึกของเรียวม่า ที่ไม่คิดว่าจะได้รู้ ก็ได้รู้ ปกติจดหมายในทุก ๆ สถานการณ์จะเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น และร่าเริง หรือโกรธบ้าง แต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า แต่มีฉบับนี้ที่เจ้าตัวยอมรับว่าเหนื่อย และออกจะท้อแท้กับชีวิตการเป็นโรนิน และปัญหาที่ว่าจะทำยังไงให้กิจการค้าของตนไปได้ ไม่ยากไร้แบบนี้ และมิตโซบุจิเป็นคนที่เรียวม่าเลือกที่จะพูดให้ฟัง จากฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงการตัดสินใจที่จะต้องกลับไปเป็นมิตรกับแคว้นให้ได้ คนที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้า และเชื่อว่าสิ่งที่ตนคิดสวนทางกับแคว้นนั้นถูกต้อง ถึงได้ดิ้นรนออกมาตายดาบหน้า กลับต้องหาทางไปคืนดีกับแคว้น เหมือนคนกลืนน้ำลายตัวเอง ซึ่งคงจะเป็นสิ่งที่เจ็บปวดมากทีเดียว
แต่นั่นก็คือ ชีวิตจริงที่ต้องยอมรับ ถ้าอยากไปต่อข้างหน้า ก็ต้องลดอัตตาของตัวเองลงมา เพื่อให้ก้าวต่อไปได้ ทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ยืดหยุ่นกับชีวิตพอสมควรเลย ซึ่งถ้าสถานการณ์นี้เป็นทาเคจิ เขาคงจะคิดอีกอย่างผู้ชาย 2 คนนี้อุดมการณ์ส่วนตัวต่างกันจริง ๆ อ่านสาเหตุตรงนี้จบ ก็ทำให้เก็บเอามาคิดเป็นข้อคำนึงถึงส่วนตัวอยู่เหมือนกัน (เผื่อวันหนึ่งข้างหน้า อาจตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แล้วเราจะเลือกแบบไหน จะทำอย่างเรียวม่า หรือจะทำอย่างทาเคจิ?)
ตอนนี้นึกถึงเรื่องของฟุคุยามะซังอีกอย่างหนึ่งด้วยค่ะ ฟุคุยามะซังก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ สมัยก่อนที่เพิ่งเข้าวงการใหม่ ๆ ยังไม่ดัง เค้าก็จะมีอีโก้ของนักดนตรีว่า อยากดังได้ด้วยเพลงของตัวเองจริง ๆ ไม่ใช่ว่าดังเพราะหน้าตา หรือไปเล่นหนังเล่นละคร แต่ผลงานเพลงชุดแรก ๆ ไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะคนไม่รู้จัก เรื่องนี้เจ้าตัวก็ยอมรับว่า เจ็บปวดเหมือนกัน ที่พองานเพลงชุดต่อไปก็ต้องลดอัตตาลงมา ถูกเอาไปใช้เป็นเพลงประกอบโฆษณาที่มีดาราสาวชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ได้ชื่อของดาราสาวคนนี้ แล้วก็ cm ที่เปิดบ่อย ๆ ช่วยโปรโมทเพลงให้ แต่เพื่อที่จะให้ไปต่อในวงการได้ ความตั้งใจแบบเพียว ๆ อย่างเด็ก ๆ อย่างเดียว มันก็ไม่พอที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้
ส่วนโกโต้เองก็ต้องการใช้งานโรนินพวกนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะโกโต้กับเรียวม่ามีจุดประสงค์เดียวกัน คือ ต้องการการค้าเสรี อิสระที่จะค้าขายได้โดยไม่ผ่านรัฐบาล เมื่อความต้องการตรงกัน และโกโต้เห็นว่าโรนินพวกนี้มีค่าพอจะใช้ การเจรจาจึงเกิดขึ้น โดยไม่มีการเอ่ยเรื่องความหลังอันบาดหมางกรณีสังหารโทโยและทาเคจิเลยแม้แต่น้อย เรียกว่าต่างฝ่ายต่างก็ยอมกล้ำกลืนอีโก้ส่วนตัว เพื่อผลประโยชน์อันลงตัวร่วมกัน ไม่ว่าจะด้านการค้าหรือการเมือง (เรียวม่าหวังเรื่องให้โทสะเข้าร่วมกับพันธมิตร Sat-Cho ด้วย)
จากคุณ |
:
molecularkitten
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ค. 54 00:59:11
|
|
|
|