Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'ละครไทย' ในแดนมังกร จังหวะก้าวสำคัญพา 'ที-วินด์' สู่ระดับสากล ติดต่อทีมงาน

'ละครไทย' ในแดนมังกร จังหวะก้าวสำคัญพา 'ที-วินด์' สู่ระดับสากล

ผู้จัดการรายวัน 10 สิงหาคม 2554


อาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหม่มากนัก สำหรับกระแสละครไทยที่กำลังเป็นที่คึกคักอยู่ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เพราะเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า 'ไทยวินด์ หรือ ที-วินด์’ (T-Wind) ที่สื่อจีนบางสำนักเคยขนานนามให้กระแสละครไทยที่เข้าไปสู่ตลาดจีนว่า เหมือนกับสายลมที่พัดมาแล้วผ่านไปอย่างรวดเร็ว

     
      แต่ใครจะไปนึกว่า ผ่านมาหลายปี สายลมที่พัดไปนั้นดูท่าจะเป็นที่ติดอกติดใจของชาวแดนมังกรยิ่งนัก เพราะยิ่งพัดก็ยิ่งดู ยิ่งมีละครหลายเรื่องมาให้ก็ยิ่งติดกันงอม จนกลายเป็นกระแสที่เรียกว่า ‘ที-ป็อป’ (T-Pop : Thai pop culture) เทียบชั้นกับความบันเทิงของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่เคยเข้ามาสร้างปรากฏการณ์ ‘เจ-ป็อป’ (J-Pop : Japanese pop culture) และ ‘เค-ป็อป’ (K-Pop : Korean pop culture) ในบ้านเราและที่ประเทศจีนก่อนหน้านี้ยังไงยังงั้น

     
      แต่อย่างว่า ปัญหาหนึ่งที่เชื่อว่าคงสร้างความฉงนสงสัยให้เกิดขึ้นในใจของผู้ชมละครมานานแสนนานอย่างหนึ่ง ก็คืออะไรกันหนอที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ละครไทยสามารถยืนทัดเทียบกับละครจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียได้เช่นนี้ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า สำหรับมุมมองคนไทยที่มีต่อละครไทยส่วนใหญ่แล้ว ต่างก็เห็นเป็นมุมเดียวกัน ละครไทยนอกจากจะทำหน้าที่คลายเบื่อ คลายเหงาแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะยืดเยื้อ เรื่องไม่ไปไหน ชนิดลืมดูไป 10 ตอนก็ยังเข้าใจเรื่องได้ไม่ยาก จนหลายคนถึงกลับบอกเป็นเสียงเดียวว่า

     
      'ละครไทยน้ำเน่าสุดๆ'
     
      เพราะฉะนั้นการการประสบความสำเร็จนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ที่มีความน่าสนใจไม่น้อย และดีไม่ดีนี่อาจจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ตลาดละครไทยก้าวไปสู่ตลาดบันเทิงในระดับนานาชาติอีกด้วย

     
      เหตุใดจึงติดละครไทย
     
      หากให้พูดถึงมูลเหตุที่ละครไทยได้รับความนิยมเช่นนี้ในประเทศจีน คงต้องย้อนกลับไปไกล เมื่อปี 2547 ที่บริษัทแอ็กแซ็กต์ จำกัด และบริษัทซีเนริโอ จำกัด ได้นำละครของตัวเอง อย่าง 'เลือดขัตติยา' เข้าไปฉายทางสถานีโทรทัศน์อานฮุย แน่นอนว่าแม้ตอนนั้นจะไม่โด่งดังเท่าที่ควร เนื่องจากกระแสละครเกาหลีกำลังได้รับความนิยมอยู่มาก แต่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่ทำให้คนจีนได้มีโอกาสได้สัมผัสกับละครไทย

     
      และหลังจากนั้นอีก 5 ปีละครไทยอย่าง 'สงครามนางฟ้า' ของผู้ผลิตเจ้าเดียวกัน ซึ่งว่ากันว่ามีบทและฉากที่หวือหวาและเน้นความสัมพันธ์แบบชิงรักหากสวาท ก็สามารถเอาชนะใจชาวแดนมังกรได้ในที่สุด และเป็นประตูสำคัญที่ทำให้ละครเรื่องอื่นๆ ของไทยที่ฉายผ่านทีวีจีน ไม่ว่าจะเป็น ‘รอยอดีตแห่งรัก’ ‘พรุ่งนี้ก็รักเธอ’ ‘บ่วงรักกามเทพ’ ‘แก้วล้อมเพชร’ ‘ดอกรักริมทาง’ และ ‘แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา’ ฮิตติดลมบนในเวลาต่อมา

     
      โดยจุดเด่นที่สำคัญที่ถูกสำคัญที่สุด ก็คือความหลากหลายของโครงเรื่องซึ่งมีอยู่เต็มไปหมดในละครไทย ขณะเดียวกัน สิ่งที่คนไทยมักจะคิดว่าเป็นจุดอ่อน อย่างความน้ำเน่าของละคร ที่มักจะมีบทประเภทชิงรักหักสวาท ตบตีด่าทอด้วยความรุนแรง ความรักที่ผิดหวัง หรือการทำลายร่างกายประเภทตบจูบ กลับกลายมาเป็นจุดเด่นที่สำคัญเวลาที่มาฉายในประเทศจีน เพราะบทเหล่านี้เป็นเครื่องสะท้อนภาพได้อย่างดีว่า ละครไทยนั้นไม่ซับซ้อนและเข้าใจได้ง่าย

     
      “เท่าที่ดูมาละครเกาหลีคอนเซ็ปต์มันจะหนีไม่พ้นเรื่องอุบัติเหตุ เจ็บป่วยเป็นโรค รักษาไม่ได้ แต่คนจีนจะรู้สึกว่า ละครไทยแตกต่างออกไป โดยจุดเด่นที่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องแง่มุมความรักมันดูหักมุมดี พล็อตไทยส่วนใหญ่ ผู้หญิงโหด ผู้หญิงจะไม่อ่อนหวาน แก่นๆ มีบทลักพาตัว บทร้ายๆ ต่างจากเกาหลีกับญี่ปุ่น พูดง่ายๆ คือดูแล้วได้อารมณ์กว่า แถมฉากละคร หน้าตาดารา การเเต่งหน้า มันให้ความรู้สึกเป็นเอเชียมาก” พิรญาณ์ แสงปัญญา นักศึกษาไทยที่ไปอยู่ในประเทศจีนอธิบายถึงภาพลักษณ์ของละครไทยที่เพื่อนๆ ชาวจีนเล่าให้ฟัง

     
     

แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 54 21:45:51

 
 

จากคุณ : Pikachu ร่าง 5
เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 54 21:39:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com