เมื่อ ร.ศ. ๑๑๒ (พ.ศ. ๒๔๓๖) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประชวรหนัก ไม่เป็นอันเสวยหรือบรรทมหลายวันหลายคืนติดต่อกัน อันมีสาเหตุมาจาก ทรงเจ็บช้ำพระราชหฤทัยเรื่องฝรั่งเศสรังแกสยาม (เพราะเอาเรือรบมาจอดอยู่ในน่านน้ำไทย เล็งปืนใหญ่มายังพระบรมมหาราชวัง) จึงทรงพระราชนิพนธ์บทกวีรำพึงถึงความกลัดกลุ้มทุกข์ร้อน อีกทั้งท้อพระทัยว่าพระนามจะถูกติฉินนินทาไม่รู้จบสิ้น เหมือนสองกษัตริย์ผู้ไม่สามารถจะปกป้องกรุงศรีอยุธยาเอาไว้ได้จากอริราชศัตรู บทกวีมีดังนี้
เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์ มะนะเรื่องบำรุงกาย
ส่วนจิตต์มิสบาย ศิระกลุ้มอุราตรึง
แม้หายก็พลันยาก จะลำบากฤทัยพึง
ตริแต่จะถูกรึง อุระรัดและอัตรา
กลัวเป็นทวิราช บ ตริ ป้องอยุธยา
เสียเมืองจึงนินทา บ ละเว้น ฤ ว่างวาย
คิดใดจะเกี่ยงแก้ ก็ บ พบซึ่งเงื่อนสาย
สบหน้ามนุษย์อาย จึงจะอุดและเลยสูญ
สองกษัตริย์ หรือ 'ทวิราช' ที่ทรงเอ่ยถึงเป็นพระนามซึ่งจดจำกันต่อๆมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๐ หมายถึง พระเจ้าอุทุมพร และพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา
ทำไมพระนามถึงเป็นที่ติฉินนินทากันต่อมายาวนานกว่าหนึ่งร้อยปี ก็เพราะคนไทยที่เหลือรอดมาตั้งอาณาจักรธนบุรี และรัตนโกสินทร์ถือกันว่า ทั้งสองพระองค์ควรรับผิดชอบยิ่งกว่าคนไทยอื่นๆในการเสียกรุงครั้งที่ ๒ ในฐานะที่ทรงเป็นผู้ปกครองและกำหนดชะตากรรมของบ้านเมือง