Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กำลังใจที่ไม่ใช่แค่ลมปาก ติดต่อทีมงาน

ไปเจอมาจากมติชน  เขียนไว้ดีมากๆเลยครับ
เลยอยากนำมาฝากกัน



กำลังใจที่ไม่ใช่แค่ลมปาก
แพทย์หญิง วินิทรา  นวลละออง

คอลัมภ์ มหัสจรรย์ การ์ตูน  หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2554


เวลาเจอคนที่ท้อแท้เรามักอยากให้กำลังใจเขาใช่ไหมคะ
สมัยเป็นจิตแพทย์มือใหม่ไฟแรงก็คิดว่าการให้กำลังใจ
เป็นยาดีอีกขนานที่ต้องให้คู่ไปกับการรักษาด้วยยาเลยค่ะ
ยกตัวอย่างเช่นผู้หญิงที่สามีเสียชีวิตจนท้อแท้ไม่อยากมีชีวิตอยู่
เราอาจจะให้กำลังใจด้วยการชี้ให้เห็นว่าถึงสามาจะไม่อยู่แล้ว
แต่เขาก็ยังมีคุณค่าในตัวเองอีกมากมาย  เขาเป็นแม่ที่ดีของลูก
แถมญาติทุกคนยังยินดีช่วยเหลือ  ดังนั้นไม่ต้องท้อแท้ไปหรอก
การให้กำลังใจแบบนี้มีหลักว่าให้เขามองเห็นคุณค่าของตนเอง
และรู้จักชื่นชมตัวเองแทนที่จะจมอยู่กับความสิ้นหวัง
ดูแล้วน่าจะตรงไปตรงมาแต่ที่จริงกลับขาดขั้นตอนที่สำคัญที่สุด
โดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ

เรายังไม่ได้ถามเลยสักคำว่าเขาท้อแท้เพราะอะไร

คนทั่วไปทึกทักเอาเองว่าผู้หญิงที่สามีเสียชีวิตอาจจะท้อแท้
เพราะไม่มีเสาหลักของครอบครัว  หรือกลัวว่าจะไม่มีใครเลี้ยงดู
เราจึงให้กำลังใจไปว่าถึงสามีไม่อยู่แต่คุณก็เป็นเสาหลักได้
ในฐานะแม่  หรือญาติที่ยินดีช่วยก็มีอีกหลายคนไม่ต้องกังวลไปหรอก
ทั้งหมดที่ว่ามาไม่ได้ถามเขาสักคำ
เราคิดเอาเองและคนส่วนใหญ่ก็มักจะเชื่อว่าความคิดของเรา
ถูกต้องที่สุดเสียด้วย

งานของ อ.โยชิดะ  อาคิมิ  เรื่องทางลาดใต้แสงอาทิตย์
ชวนให้จี๊ดเรื่องการให้กำลังใจแบบทึกทักเอาเองมากค่ะ
มีตอนหนึ่งที่ ยูตะ เด็กหนุ่มกัปตันทีมฟุตบอลมัธยมต้นอนาคตไกล
ต้องตัดขาข้างขวาออกเพราะโรคร้าย  เขาใช้เวลา 10 เดือนทำกายภาพบำบัด
และฝึกใช้ขาเทียมจนคล่อง  เมื่อกลับมาลงสนามอีกครั้ง
เพื่อนร่วมทีมทุกคนฝากความหวังว่าอดีตกัปตันจะกลับมาฉายฟอร์มร้อนแรงอีกครั้ง
แต่เมื่อลงสนามครั้งแรก  ทุกคนก็ทำสีหน้าผิดหวังจนปิดไม่อยู่  แม้จะเผื่อใจไว้บ้างว่ายูตะ
ยังใช้ขาเทียมไม่คล่องและติดขัดอยู่  แต่การเล่นโดยรวมถือว่าแย่กว่าที่คิดมาก
ในที่สุดนักฟุตบอลแข้งขวาทองคำที่ตอนนี้กลายเป็นขาเทียมจึงเหลือแต่ตำนาน

เพื่อนร่วมทีมทุกคนยังคงให้กำลังใจยูตะโดยบอกว่า
“ให้ขยันฝึกนะ  พยายามเข้านะ  สักวันต้องลงสนามได้อีกแน่”
คำให้กำลังใจพวกนี้เราคิดเอาเองว่าอดีตนักกีฬาใส่ขาเทียมแล้วฟอร์มแย่
คงเสียกำลังใจเพราะเคลื่อนไหวไม่คล่อง  ดังนั้นถ้าขยันฝึกก็น่าจะคล่องขึ้น
จนเลิกกังวลและอาจจะเดาว่าเพราะพยายามไม่มากพอถึงได้เล่นไม่ดี
ดังนั้นถ้าพยายามมากกว่านี้ต้องดีขึ้นแน่ๆ  สุดท้ายถึงไม่รู้ว่าจะลงสนามได้อีกหรือเปล่า
แต่คิดว่าถ้าได้ลงสนามจริงๆ ยูตะคงดีใจ  ดังนั้นให้กำลังใจว่าสักวัน
ต้องได้ลงสนามอีกดีกว่า  กลไกการให้กำลังใจระดับลมปากแบบนี้เร็วเหมือนฟ้าผ่าเลยค่ะ
ถ้าแค่อยากหาคนรับฟังก็คงไม่ได้คิดอะไร  แต่ถ้าเขาต้องการกำลังใจจากคนที่ห่วงเขาจริงๆ
(โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคนๆนั้นคือพ่อแม่) การทึกทักให้กำลังใจแบบคิดเอาเอง
เป็นโทษมากกว่าที่คิดนะคะ

เทคนิคการให้กำลังใจที่ไม่ใช่แค่ให้คำหวานมีหลักการง่ายมากๆเลยค่ะ
“เพียงแค่เราฟังเยอะๆ ถามเยอะๆ แนะนำน้อยๆ” เท่านั้นเอง

ทั้งที่ทุกคนทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีแต่ทักจะเลี่ยงไปทึกทักและโปรยคำหวานกันเสียก่อน
เพราะมักจะรับมือกับ “อารมณ์” ไม่ถูกค่ะ  มนุษย์เราเป็นถังเก็บอารมณ์ที่แน่นหนามาก
แต่มักจะแตกเวลาโดนอารมณ์ด้วยกันเข้ามาชน
ดังนั้นจะให้รับฟังซีนดราม่าไปเรื่อยๆ เห็นทีจะอึดอัดตาย  
จะให้ถามเรื่องที่เกิดขึ้นก็ดันถามไม่เป็นอีก  บวกลบคูณหารแล้ว
เอาเป็นว่าให้กำลังใจไปเลยแล้วก็โดยมีตั้งแต่พูดเรื่องดีขึ้นมาลอยๆ
(เช่นสู้ๆนะ)หรือให้คำแนะนำด้วยความห่วงใย
(เช่น เธอไม่ต้องไปแคร์มันหรอก)

คำพูดเหล่านี้ไม่ผิดนะคะ  เพียงแต่ถ้าจู่ๆ โผล่มาไม่มีปี่มีขลุ่ย
ไม่ได้ถามเลยสักคำว่าเธอไม่สู้หรือเธอแคร์มากแค่ไหน
คนที่เราให้กำลังใจก็อาจจะตอกลับมาว่า
“เธอไม่ยอมฟังฉันเลย” ก็ได้ค่ะ

จากคุณ : กำเนิดจากน้ำที่หน้าห้องน้ำ
เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 01:41:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com