Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
***[[สะปอยเบาๆ]] ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาคศึกนันทบุเรง ติดต่อทีมงาน

ศุภมัสดุเท่าไร อย่าไปรู้เลย อันภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก็ลุมาเถิงจตุรภาค ในกาลนี้ เหมือนจะเพิ่งหาวนอนหวอดๆในโรงมหรสพ คราวภาคสามไปไม่กี่เพลา มาบัดนี้ก็ต้องรัดเครื่องไปชมตามประเพณี หาได้มีใครบังคับไม่ ก็ด้วยรักชอบฝีมือท่านผู้กำกับมาเปนปฐม อาจจะบ่นบ้างก็ตามประสาด้วยเป็นช่าง คือ “ช่างติ” ซึ่งง่ายกว่าช่างอื่นๆเปนไหนๆ ไปดูมาแล้วก็ต้องมา “ว่าร้าย” สู่กันฟังเบาๆประสาคนรักชอบพอกัน

ใครที่ยังไม่ได้ดูภาคสาม แล้วเกรงว่าจะดูภาคสี่ไม่เข้าใจ ขออย่าได้กังวล ด้วยเนื้อหานั้นแทบจะไม่เกี่ยวเนื่องส่งผลกระทบอันใดในภาคสี่เลย เหมือนเปิดหนังสืออ่านข้ามๆแล้วยังเข้าใจได้ อย่างตาจีนจันตุ ไต่ก๋งเรือสำเภาเจ้าเล่ห์ภาคขะโน้น มาภาคนี้ก็ไม่เห็นหน้า จะล้มหายตายจากด้วยฤทธิ์ยาฝิ่นหรือท่านก็มิได้แจ้ง หรืออย่างแม่นางจักจั่น แม่นางนุ่น แก่นเซี้ยวทั้งสอง ก็หามีบทไม่ เป็นตายร้ายดีประการใด ไม่ได้พูดถึง ดังนั้นท่านผู้เจริญทั้งหลายขอให้ไปชมกันมากๆอย่าได้เกรงเลย

ที่มีต่อๆจากภาคขะโน้นหน่อย ก็ตอนทัพเมืองละแวกถอนตัว ด้วยเคืองเขาเอาหัวผีตายโหงแลบลิ้นไปเสียบที่ท่าเรือเป็นเด๊กเคอเรทน่าจะพรึง  แต่ยังมีกะใจหิ้วมาโยนกลางพลับพลาที่ประทับ ไม่ยักกะแขยงมือ อนึ่งคงถูกใจผู้นิยมซาดีสม์อยู่ไม่น้อย ด้วยภาคนี้อุดมไปด้วยฉากฟันคอ จ้วงแทง ทะลวงฟัน เลือดพุ่งกระฉูดไหลโจ้กๆ แรงยิ่งกว่าน้ำประปานครหลวง อุตสาห์พากันสักเสกเลขยันต์กันแทบตาย โดยธนูเสียบฉึกตายแหง๋แก๋เสียนี่

มาจับความเอาตอนพระเจ้าหงสา จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ อดีตพระเอกซึ่งอ้วนเปนประมาณ ด้วยโผล่ฉากไหนก็เหนแต่แกกิน กับกิน แลเวลาพูดเหมือนลิ้นคับปากตลอดเวลา ธ ก็แผดสีหนาทบรรหารว่าต้องยกทัพกษัตริย์ไปปราบกรุงศรี ที่ประกาศอิสรภาพไปเมื่อภาคสองขะโน้น นี้แลเลยเปนที่มาของชื่อภาคนี้ แต่อย่าหวังจะได้ดูแกออกรบนะ จะเห็นแต่ทรงรัดเครื่องทองคล้ายเกล็ดปลา แล้วตรัสด้วยเสียงอันดังกึ่งตะคอกแลชิวหาคับปาก เดินตุ้มตุ้ยไปมา ก็เท่านั้น ที่จะเห็นดวลดาบ ดวลปืนนั้นรึ อย่าฝัน

แล้วทัพเจ้ากรุงหงสา ก็มากันเต็มอัตราศึก ล้อมกรุงศรีเอาไว้ องค์ดำซึ่งภาคนี้ยิ่งดูพระพักตร์แก่ขึ้นมาก เมื่อเทียบกับพระเจ้านก ฉัตรชัย ที่ทรงอ่อนเอ๊าะมาตั้งแต่ครั้งเรื่องสุริโยทัย ก็ดำรัสสั่งให้เกณฑ์ไพร่พลไปเกี่ยวข้าวมากักตุนสู้ศึก คุณท้าวโสภา ซึ่งมีผัวเปนพระยากำแพงเพชร ก็คงกลัวเจ้าคุณผัวตกกระป๋อง ยุให้ไปทูลอาสารบกับพระเจ้าฉัตรชัย ตามประสาหลังบ้านที่ดี ดูเอาเถิดทุกท่าน มันมีมาแต่ครั้งกรุงเก่าแล้วเรื่องทำนองนี้ แต่อย่างว่าเจ้าคุณผัวซึ่งเคยออกรบมาตั้งแต่ครั้งเรื่องสุริโยทัยโน่น มาบัดนี้ก็แก่เฒ่าเหลาเหย่ ไฉนจะมีแรงไปรบราได้ เลยถูกพม่าจับแก้ผ้าสักสาสน์เย้ยพระนเรศวร  ทั้งเจ็บทั้งอายซ้ำยังมาโดนพระราชอาญาฟันคอริบเรือน จะหนีไปดูไบรึก็ไม่พ้น ร้อนถึงคุณท้าวต้องวิ่งเต้นกระเซอะกะเซิงไปขอร้องให้มณีจันทร์ช่วย

ตอนนี้ข้าพเจ้าชอบมาก เพราะหนึ่งได้เห็นถึงความรักที่เมียมีต่อผัว ร้องไห้ปิ่มใจจะขาด ไม่รู้ว่ากลัวผัวตายหรือกลัวต้องไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้างทั้งๆที่เคยเป็นคุณหญิงชูคออยู่แหมบๆ  สองได้ยินดนตรีประกอบเป็นเสียงร้องเอื้อนแบบไทยๆชวนให้สลดเศร้า แต่ก็ตอนเดียวเท่านั้นแหละ ทั้งเรื่องมีแต่ดนตรีฝาหรั่ง ทั้งๆที่หนังเรื่องนี้ออกจะไท๊ยไทยโบราณ ออกปานนั้น ก็อย่างว่าแหละหนา คนทำเพลงประกอบแกเป็นฝาหรั่ง จะให้เข้าใจถึงรสแห่งดุริยะไทยได้ไฉน... อนึ่งตอนที่พระนเรศวรท่านอดโทษให้เจ้าคุณกำแพงเพชร ให้พระราชมนูปีเตอร์  ขี่ม้าถือดาบอาญาสิทธิ์ไประงับโทษตัดหัวนั้น ทำให้ข้าพเจ้าไพล่คิดไปถึงตอนประหารนางวันทองไม่มีผิด แลก็ลุ้นอยู่ว่าจะทันหรือไม่ ถ้าไม่ เจ้าคุณกำแพงจะกลายเป็นเปรตเหมือนนางวันทองไปหลอกพม่า คงสนุกพิลึก

พูดถึงคุณพระปีเตอร์ มาภาคนี้ช่วยให้หนังดูสนุก ไม่เป็นสารคดีเนชั่นแนลญีออกราฟิกได้มากโข หลังจากที่เง้างอดขึ้นหึงส์กับเจ้านางเลอขิ่นอินทิรามาแต่ภาคโน้น ก็มาได้กันเสียที แต่อย่างว่าได้เมียเป็นเจ้านางเมืองบนดอยที่จะรู้เสน่ห์ปลายจวักผัวรักจนตัวตายนั้นอย่าหมาย มีที่ไหนพากันเอาครัวไฟมาไว้กลางบ้าน หุงต้มทีนึงไม่สำลักกันทั้งบ้านให้มันรู้ไป  สงสารแต่ขรัวตาสรพงษ์ไม่รู้วันนั้นมารับบาตรแล้วจะฉันได้หรือเปล่า เรื่องมิได้แจ้งต่อมา

ในภาคนี้ที่ข้าพเจ้ารอชมก็คือวีรกรรมของพระนเรศวรที่ทรงอาจหาญ คาบพระแสงดาบปีนขึ้นปล้นค่ายพม่า  ซึ่งท่านผู้กำกับก็ถ่ายทอดออกมาได้น่าประทับใจไม่แพ้หนังเรื่องโจน ออฟ อาร์ค ของฝรั่งนั้นเทียว  เสียอย่างเดียวรีบรวบรัดตัดความไปหน่อย ประเดี๋ยวเดียวเสด็จมานอนซมที่พระตำหนักโชว์พระถัน แปลเป็นไทยว่านม ที่ใหญ่กว่ามณีจันทร์หรือเลอขิ่นเปนไหนๆ

พูดถึงฉากรบ ในภาคนี้ก็ทำได้น่าดูชม ทั้งค่ายคูประตูหอ ดูสมจริงสมจัง ทแกล้วทหารก็ดูขึงขังดำๆเขลอะๆเหมือนปลาดุกในกาละมังดีอยู่ ทั้งภาคนี้ฝ่ายพม่าก็มีการแต่งกล แปรขบวนเป็นค่ายกลดอกท้อ มีแต่ฝ่ายไทยนี้ซีที่ยังเหมือนกะภาคก่อนๆ คือขี่ม้าคึ่กๆ ไล่ฟันกัน พวกทหารราบก็วิ่งฟันกันไม่ต่างกะเด็กช่าง ที่จะสำแดงฝีมือเชิงดาบมือเดียว ดาบสองมือ กระบี่ กระบอง โล่ เขน อวดฝีมือให้เขารู้ว่าไทยนี้ร้ายใช่เล่นนะ แม้อาวุธหลุดมือ ยังแปลงเข่าศอก ปลิดชีพศัตรูมือเปล่า อย่างในพงศาวดารท่านว่านั้นหามีไม่ จะมีแต่สำแดงเทคนิคพิเศษ หัวขาด เลือดกระฉูดให้ต้องหลับตาปี๋ก็เท่านั้น การต่อสู้ของไทยแต่โบราณนั้นไม่ใช่สักแต่ว่าเอามีดดาบมาไล่ฟันกัน แต่ยังกอปรด้วยศิลปะลีลาชั้นเชิงหาชาติใดเหมือน ถึงกะมีการตั้งสำนักดาบมาตั้งแต่ครั้งโบราณก็ยังสืบมาจนทุกวันนี้  สิ่งเหล่านี้ถ้าถูกถ่ายทอดมาไว้ในภาพยนตร์แห่งสยามประเทศเรื่องนี้ ก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย

ยิ่งตอนที่พระนเรศวร ทรงพระแสงทวน สู้กับลักไวทำมูนั้น น่าเสียดายเปนที่สุด ด้วยสามารถจะอวดเชิงศิลปะการต่อสู้ของไทยเราให้เห็น แต่ก็กลับไม่ได้เห็น สักแต่เอาทวนฟาดกันพอให้เหนื่อย พลอยให้รู้สึกว่าที่พระนเรศวรทรงชนะนั้น ก็ด้วยตาเฒ่าลักไวทำมูนั้นหมดแรงเปลี้ยไปเอง ด้วยอยู่ในวัยเฒ่าชะแรปานนั้น

ภาคนี้ก็มีอันเอวัง ด้วยตาเฒ่าโดนพระแสงทวนเสียบตายแหงแก๋ ฉะนี้

ประการสุดท้ายที่ข้าพเจ้าชื่นชอบในภาคนี้ คือ ดนตรีเพราะๆตอนท้าย แม้จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องว่าร้องอะไร ได้ยินแต่ ดิ้นรน พวกเรา สงคราม สองสามคำ บรรเลงประกอบภาพจิตรกรรมฝาผนังพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรที่วัดสุวรรณดาราราม ฝีมือพระยาอนุศาสน์จิตรกร ซึ่งดูแล้วสมจริงกว่าในหนังบางตอนเสียอีก  ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าในภาคต่อไปท่านจะยังคงมีข้อบกพร่องบ้าง มิเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้าก็คงไม่มีอะไรมาว่าร้ายสู่กันฟังเยี่ยงนี้อีกแล

จากคุณ : cybrarian
เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 54 23:16:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com