ความคิดเห็นที่ 1 "สำหรับทีวี สิ่งที่เหมาะกับทีวีจริงๆ คือการเข้าถึงคนส่วนใหญ่ เพราะว่าเรามีทีวีเครื่องเดียว มีคนตั้งแต่เด็กจนถึงคนแก่ดูทีวีเครื่องเดียวกัน มีคนตั้งแต่มีการศึกษาสูงมากๆ จบด็อกเตอร์ไปจนถึงคนที่ไม่ได้มีการศึกษามากนักต้องการเข้าใจอะไรง่ายๆ ดูทีวีเครื่องเดียวกัน เพราะฉะนั้นทวิภพก็จะถูกตีความสำหรับแมส(Mass)จริงๆ สำหรับมวลชนจริงๆ เพื่อให้ทุกคนที่ไม่ได้อ่านนวนิยาย เพราะต้องยอมรับจริงๆ นะว่าคนไทยอ่านนวนิยายน้อยมาก แต่ว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงทวิภพได้เท่ากับคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นสื่อโทรทัศน์ก็จะออกมาเพื่อตอบสนองคนกลุ่มนี้ คือกลุ่มเด็ก กลุ่มที่ไม่เคยมีแบ็คกราวน์ของทวิภพมาก่อน กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่การอ่านนิยายไม่ใช่พฤติกรรมปกติของเขา จุดมุ่งหมายรวมๆ ของทวิภพก็คือเพื่อสืบต่ออายุของวรรณกรรม"             "เอาง่ายๆ เลยถ้าสมมุติมีคนไปอ่าน ไปซื้อหนังสือทวิภพมากขึ้นเพราะละครเรื่องนี้ หรือว่าเด็กอายุต่ำกว่า 20 -30 รู้สึกว่าอยากเดินเข้าห้องสมุดเพื่ออ่านทวิภพเวอร์ชั่นออริจินัล อย่างนี้ถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จแล้วล่ะ แต่ว่าสิ่งที่เขากำลังถกเถียงกันอยู่ เรื่องประวัติศาสตร์ถูกต้องไหม ทวิภพเวอร์ชั่นนี้มีความคลาสสิคพอไหม พวกนี้เป็นจุดประสงค์ของเราหมด เพราะละครควรจะทำให้คนคิด ให้คนวิจารณ์ ทีนี้ของสำคัญสี่อย่างเกี่ยวกับทวิภพก็คือ คุณทมยันตี(นามปากกาของคุณหญิงวิมล เจียมเจริญ) หนังสือวรรณกรรมทวิภพ ร.ศ. 112 และก็บรรพบุรุษไทยที่อยู่ในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ทวิภพต้องทำหน้าที่ 4 อย่าง เวลามีการถกเถียงกันทำให้ของสี่อย่างนี้ถูกพูดถึง ทุกครั้งที่ถูกพูดถึงเป็นเรื่องที่ดีหมดเลยสำหรับละคร เพราะทำให้ทุกคนอยากรู้ว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร แล้วก็จะไปค้นหามากขึ้น ไปค้นหาประวัติศาสตร์มากขึ้น ไปค้นหาหนังสือตัวจริงมาอ่านมากขึ้น เพราะคนไทยจริงๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ร.ศ. 112 ได้รู้มากขึ้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะฉะนั้นจุดประสงค์จริงๆ ของการตีความเวอร์ชั่นนี้โดยสรุปก็คือก็ให้เหมาะสมกับยุคสมัย และเหมาะสมกับสื่อประเภททีวีที่ต้องการเข้าถึงคนจำนวนมาก แล้วก็อาจจะมีสีสันที่ฉูดฉาดเพราะต้องยอมรับว่าสื่อทีวีเป็นสื่อที่มีการ แข่งขันสูง เราก็ต้องมีการแย่งชิงพื้นที่จากคู่แข่งบ้าง(หัวเราะ) นี่คือเหตุผลน่ะค่ะ" จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:38:03

ความคิดเห็นที่ 2 + โจทย์ที่ยากที่สุดสำหรับการตีความทวิภพให้ออกมาเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบันคืออะไร?       "สิ่งที่กลัวที่สุดสำหรับโปรดักชันทวิภพเวอร์ชั่นนี้ ดิฉันเข้าใจว่าเป็นการที่คนไทยเกือบทั้งประเทศรู้จักทวิภพอยู่แล้วว่าดำเนินเรื่องอย่างไร จบอย่างไร เริ่มต้นอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุดที่จะทำให้คนเปิดดูละครที่ตัวเองรู้เรื่องอยู่แล้ว เพราะมันออกมาในทุกสื่อ แล้วปมเรื่องของเขาก็เป็นเรื่องที่ง่ายๆ แล้วแถมยังต้องเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ที่เป็นเรื่องที่ยากที่จะอธิบายอีก นี่เป็นโจทย์ที่ยากมากที่จะทำให้คนไม่รู้สึกเบื่อทวิภพที่จะกลับมาดูใหม่ จริงๆ ทางช่องก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าพูดจริงๆ ก็ไม่ได้หวังว่าจะเรตติ้งสูงอะไรมาก แต่ทางช่องถือบทประพันธ์ทวิภพมาตั้งนานแล้ว ในเมื่อเวอร์ชั่นเก่ากับเวอร์ชั่นนี้ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ได้เวลาที่จะเอากลับมาให้คนรุ่นนี้ได้ดูอีกทีนึง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ทางช่องก็มีเจตนาที่ดีนะคะ"             + สรุปว่าจุดประสงค์ของคนเขียนบทก็คือต้องการจะสื่อสารในวงกว้างโดยเน้นที่เด็กและคนที่ไม่เคยอ่านทวิภพ?       "ถูกต้อง"             + แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าคนที่เคยอ่าน คนที่คุ้นเคยกับทวิภพกำลังวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบมากๆ?       "ดิฉันไม่รู้สึกผิดคาดอะไรนะ(หัวเราะ) เพราะว่าดิฉันเป็นคนอ่านนิยายทวิภพมาก่อน ตอนเด็กๆ ก็จะอ่านซ้ำๆ เหมือนกับเขา ทวิภพติดอันดับนิยายที่มีคนอ่านเยอะที่สุด แล้วอ่านซ้ำกันด้วย เพราะทวิภพไม่เหมือนคู่กรรม คู่กรรมมีความเศร้าอยู่ ทวิภพมีแต่ความสุข คนอ่านทวิภพมีโอกาสสูงมากที่เขาอ่านแล้วจะยึดติดเพราะเขาอ่านหลายรอบ เพราะฉะนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าพูดถึงดีกว่าไม่พูดถึง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการเงียบไปเลย(หัวเราะ) สำหรับคนทำสื่อ เรื่องด่าจริงๆ เป็นสิทธิ์ของเขา เขาจะบ่นยังไงก็ได้ แต่เขายังดูอยู่" จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:38:34

ความคิดเห็นที่ 3 "คนไทยเนี่ยพอดูละครเสร็จตอนเช้าไปร้านอาหาร ร้านข้าวแกงต้องเม้าท์เรื่องละคร เป็นเรื่องธรรมดามาก ทีนี้ในมุมที่เขาเม้าท์ก็อาจจะมีบางคนที่เขารับไม่ได้เลย อันนี้เราก็ต้องเคารพความคิดเขา แต่ก็มีบางคนที่รับไม่ได้แต่ก็ยังดูอยู่อย่างเหนียวแน่น ดูไปบ่นไป นี่ก็จะเป็นคาแรกเตอร์อีกประเภทหนึ่งที่เราว่าเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องไม่ดี ยิ่งพูดกันมากๆ ก็ยิ่งดู เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เขาพูดกันเนี่ย ละครเพิ่งฉายไปไม่ถึงครึ่งเลย อย่างเช่นเขาพูดในมุมที่ว่ามณีจันทร์ดูติ๊งต๊องเกินไป มันยังมาไม่ถึงครึ่ง ผู้หญิงอย่างมณีจันทร์อาจจะมีมุมที่คุณคาดไม่ถึงอยู่ก็ได้ซึ่งอยู่ในครึ่งหลังของเรื่อง เพราะฉะนั้นถ้าเปิดใจดูต่อไปอีกนิดนึงก็จะเห็น"             "ทวิภพเวอร์ชั่นนี้ตอนที่ดิฉันเขียน ดิฉันก็ตัดเอาบทประพันธ์มาใส่หรือบางทีก็ใช้ทั้งฉากเลย ก็เข้าใจเขานะเขาก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเรายำอะไรมากมาย เพราะแก่นของเรื่องก็ยังอยู่หมด ฉากสำคัญของเรื่องก็แทบจะอยู่หมดเลย เพราะว่าทวิภพเหมาะที่จะเอามาทำเป็นละครโทรทัศน์อยู่แล้ว วิธีเล่าของคุณหญิง(ทมยันตี)เป็นสถานการณ์ที่สนุกอยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องไปดัดแปลง ก็เอาสถานการณ์ของเขามาใช้ ดิฉันก็เปิดนวนิยายแล้วก็พิมพ์ตามเลยบ่อยนะคะเพราะฉะนั้นเวอร์ชั่นนี้ที่เขาบอกว่าไม่เหมือนบทประพันธ์จริงๆ ดิฉันว่าเยอะไปนิดนึง จริงๆ แล้วก็ค่อนข้างเหมือน เพียงแต่ว่ามีการตีความบางอย่าง อย่างเรื่องคาแรกเตอร์ให้มีสีสัน แต่จริงๆ คนที่บ่นเขาก็เข้าใจแหละ เพียงแต่ว่าดูไปบ่นไปจะสนุกกว่าดูเฉยๆ มั้ง ไม่รู้เพราะอะไร(ยิ้ม)" จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:38:59

ความคิดเห็นที่ 4 + คุณต้องการจะบอกว่าคาแรกเตอร์ที่ต่างจากบทประพันธืคือสีสันที่คุณใส่เข้ามา?       "ใช่ค่ะ แล้วก็มีการเพิ่มตัวละครหรือการเพิ่มเส้นเรื่องของตัวรอง สาเหตุก็เป็นเพราะเป็นเรื่องปกติของนวนิยาย เพราะนวนิยายสำหรับการทำละครจะสั้นเกินไป หมายความว่ามันจะเล่าประมาณสักแปดตอนจบ ถ้ายึดตามหนังสือ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการเพิ่มเส้นเรื่อง เช่น เพิ่มตัวละครอย่างคุณอาณัติ(หลวงเจนพาณิช) ปุ๊กลุ๊ก (ประยงค์)หรือการเปลี่ยนเรื่องของกุลวรางค์กับตรองอย่างนี้จะอยู่ในหมวดเดียวกัน ก็คือไม่ใช่ว่าเราต้องการไปยำบทประพันธ์หรอก แต่เป็นการเพิ่มสตรอรี่(Story)เข้าไปเพื่อให้บทประพันธ์สามารถยืนโรงอยู่ได้สักสิบกว่าตอนออกอากาศ"             + ล่าสุดมีบทความในมติชนสุดสัปดาห์ที่วิจารณ์ทวิภพซึ่งเน้นไปที่ตัวมณีจันทร์ที่ดูเหมือนจ้องจะจับผู้ชาย คุณจะตอบบทความดังกล่าวว่าอย่างไร(อ่านบทความนี้ได้ในตอนท้าย)?       "ก็เป็นสิทธิของเขา แต่เขาตีความเร็วไปนิดนึง เพราะว่าตัวละครมณีจันทร์มีพัฒนาการ พอเข้าครึ่งเรื่องหรือเข้าท่อนหลังของเรื่องจะเห็นมณีจันทร์ชัดเจนขึ้นในเรื่องความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ของเธอ ซึ่งการเข้าหาผู้ชายของมณีจันทร์เป็นนิสัยขี้เล่นแบบเด็กๆ ของเขา ไม่ใช่นิสัยบ้าผู้ชาย(หัวเราะ) เพราะมณีจันทร์ไม่ได้มีนิสัยบ้าผู้ชาย ในความคิดดิฉันนะคะ ที่เป็นแบบนั้นเพราะมณีจันทร์ติดนิสัยความเป็นเด็ก ซึ่งในบทประพันธ์ก็มี อย่างเช่นมณีจันทร์เข้าไปในห้องเขาจะสนใจตุ๊กตา มีอยู่ฉากหนึ่งในบทประพันธ์ เราอธิบายคาแรกเตอร์ของเขาด้วยการขยายบางมุมเท่านั้นเอง" จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:39:26

ความคิดเห็นที่ 5 "ส่วนคำว่าผู้หญิงสมัยใหม่ จริงๆ มณีจันทร์มีความเข้าใจในเชิงประวัติศาสตร์ แล้วก็การทำงานอยู่บ้าง เพียงแต่ช่วงต้นๆ ยังไม่ได้ออก บทความนี้ก็จะตีความเร็วไปนิดนึงว่าเขาบ้าผู้ชาย แต่ในความหมายจริงๆ ที่ดิฉันสื่อออกไปเป็นเรื่องของความที่เขาเป็นคนมีนิสัยเด็กๆ ขี้เล่น ขี้แกล้ง ขี้อำคน ประเดี๋ยวพอเขาเลิกอยู่กับคุณหลวงจะเห็นว่าเขาไปอำคนอื่นด้วย เขาอำคนไปหมดทุกคนเลย เพราะความที่เขาเป็นคนนิสัยแบบนี้ จะเห็นว่าแก๊งค์เพื่อนเขาก็จะเป็นคนนิสัยแบบนี้ คือคนสดใส แต่เป็นคนฉลาดหมดเลย เพราะฉะนั้นการตีความว่าบ้าผู้ชายก็เกินไปนิดนึง ในความรู้สึกดิฉันก็คือเขาแค่เป็นคนที่ขี้เล่น ขี้หยอกคน แต่บังเอิญช่วงต้นที่เราเล่าเรื่อง เขายังติดอยู่ในห้อง ซึ่งมีคนๆ เดียวให้เขาเล่นก็คือคุณหลวง แต่ประเดี๋ยวจะเห็นชัดขึ้นว่าพอออกไปจากห้องแล้วเขาจะขี้เล่นไปหมดเลยกับทุกๆ คน กับทุกๆ อย่างที่เขาได้เจอด้วย"             "พอเข้าตรงกลางจะเห็นพัฒนาการของมณีจันทร์ซึ่งเขาเป็นผู้หญิงยุคสมัยใหม่ที่น่าภาคภูมิใจอีกคนหนึ่งนะ ในความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกัน เขาเป็นคนที่มีความสามารถ มีความตั้งใจที่จะใช้ชีวิตเพื่อประเทศชาติ มุมนี้ของมณีจันทร์ยิ่งใหญ่กว่าการที่เขาบ้าหรือไม่บ้าผู้ชาย นี่คือเรื่องใหญ่เลยที่ตัวมณีจันทร์จริงๆ ในหนังสือมี ในละครก็มี แต่จะมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงกลางๆ และช่วงท้ายของเรื่อง" จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:39:52

ความคิดเห็นที่ 6 + คุณรู้สึกอย่างไรที่มีบางคนแซวว่าทวิภพเวอร์ชั่นนี้เป็นซี่รี่ย์เกาหลีไปแล้ว?       "(หัวเราะ)ก็ขำนะ เพราะว่าจริงๆ ดิฉันก็มีชื่อทางด้านเขียนเรื่องโรแมนติกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทางผู้ใหญ่เลือกคนเขียนบทกลางๆ แทนที่จะเลือกคนเขียนบทระดับผู้ใหญ่ สาเหตุนี่เขาไม่เคยบอกแต่เชื่อว่ามาจากการที่ต้องการให้ทวิภพอยู่ในโซนของคนวัยกลางๆ คือคนยุคใหม่จริงๆ ซึ่งพี่ก็รู้สึกชอบ โมเมนต์ที่มีคนพูดว่าเริ่มเป็นซี่รี่ย์เกาหลีอะไรแบบนั้นนะ เพราะว่าจริงๆ แล้วเวลาเราตีความคุณค่าของของสิ่งหนึ่งไม่ได้หมายความว่าถ้ามันสดใสขึ้นแล้วจะแปลว่าลดคุณค่าลง ดิฉันไม่ได้ตีความแบบนั้น ในความรู้สึกของดิฉันคิดว่านี่เป็นคำชื่นชมนะ"             + ตั้งแต่เห็นทวิภพเวอร์ชั่นนี้ออกมาเป็นละครคุณพอใจมากน้อยขนาดไหน?       "พอใจมากนะคะ เพราะว่าละครเรื่องนี้เขาตั้งใจทำมาก จะเห็นว่าเป็นละครที่ปิดกล้องก่อนออกอากาศ แล้วแค่มีหน้าละครก็ขายให้ประเทศจีนได้แล้ว แสดงว่าคุณภาพของมันต้องผ่านตาคนดูพอสมควรถึงขายออกได้ทันที แล้วตัวสตรอรี่(Story)เวลาที่ออกมา นานแล้วที่เราไมได้ดูพีเรียด(Period)แบบดาราวิดีโอ ถามว่าพีเรียดอย่างดาราวิดีโอเกิดขึ้นเนื่องจากผู้กำกับทั้งสองท่านแล้วก็คนที่ทำงานอยู่เป็นคนรุ่นเก่าที่ทำทวิภพเวอร์ชั่นเดิม ทำละครสายโลหิต อย่างโรงถ่ายก็เป็นโรงถ่ายเดิมที่คนรุ่นดิฉันรู้สึกคุ้นแล้วก็คิดถึง ตัวแสดงหลักทั้งสองคนเขาตั้งใจมากรวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย"       " เพราะฉะนั้นเราจะเห็นเลยว่าการสื่อสารของการเป็นคุณหลวง มณีจันทร์ คุณหญิงแสร์อะไรเนี่ยออกมาชัดมากแล้วก็น่าดู รวมโปรดักชันที่ทำโดยคนปัจจุบันท่านก็อายุเยอะกันแล้วนะ อย่างคุณเพ็ญลักษณ์ ป๋ามานพ(มานพ สัมมาบัติ)นี่ก็เสียชีวิตแล้ว เพราะฉะนั้นทวิภพเวอร์ชั่นหน้าก็ยังพูดกันเลยว่าพี่ติ๋ม(เพ็ญลักษณ์ อุดมสิน)จะอยู่ทำให้ไหม(หัวเราะ) เพราะจริงแล้วทวิภพเกี่ยวข้องกับยุคสมัย อย่างตัวดิฉันเองก็ไม่รู้ทุกเรื่องเพราะเป็นคนยุคตรงกลาง ต้องใช้คนที่อายุเยอะๆ หน่อยถึงจะเข้าใจว่าไอ้ที่แปรงฟันของมณีจันทร์หน้าตาเป็นอย่างไร ทีนี้ถ้าเลื่อนไปในอนาคตข้างหน้าดิฉันก็ไม่รู้ว่าเราจะได้เห็นกันอีกไหม เพราะพูดจริงๆ คนที่ทำท่านก็อายุเยอะกันหมดแล้ว ท่านรีไทร์ไปเราก็จะไม่ได้ดูแล้ว" จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:40:24

ความคิดเห็นที่ 7 + ได้ยินมาว่าแท้จริงแล้วคุณตั้งใจเขียนบทละครเรื่องทวิภพเป็นอย่างมาก?       "ก็ถ้าถามว่ามีความพิเศษอะไรก็ตรงที่ว่าดิฉันอ่านนวนิยายครั้งแรกตอนเด็ก ดิฉันอ่านคู่กรรมของคุณทมยันตี เพราะฉะนั้นดิฉันถือว่าคุณทมยันตีเป็นไอดอลของการเป็นนักเขียน แล้วทวิภพเป็นเรื่องหนึ่งอย่างที่เล่าว่าอ่านตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วจะอ่านทุกปิดเทอม ทีนี้การที่ได้เข้ามาเขียนทวิภพทั้งๆ ที่ตัวเองอายุยังกลางๆ อยู่แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นของขวัญ เป็นเรื่องที่ดีของชีวิต ถือเป็นเกียรติ นี่คือความประทับใจส่วนตัว รู้สึกว่าได้มาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทวิภพเป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่ ก็เป็นเกียรติ เป็นเรื่องภูมิใจ อันนี้เป็นความพิเศษของทวิภพในส่วนตัวของดิฉันค่ะ"             + ฝากถึงคนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ทวิภพเวอร์ชั่นนี้อยู่ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ?       "ทุกครั้งที่มีการวิจารณ์เป็นเรื่องดีหมดเลย อย่างที่ดิฉันบอกมันทำให้ชื่อของทวิภพ ชื่อของรศ. 112 ชื่อของบรรพบุรุษไทยได้กระจายออกไป เพราะฉะนั้นดิฉันก็รู้สึกขอบคุณกับคำวิจารณ์ต่างๆ ทั้งบวก ทั้งลบ แล้วก็อยากให้ดูไปจนจบ จริงๆ แล้วในหมวดของละคร ละครนี้เป็นละครค่อนข้างสร้างสรรค์สังคมนะ ยิ่งมีคนวิจารณ์ ยิ่งมีคนดูมากขึ้นเรื่อยๆ คำวิจารณ์จะส่งคืนมาที่สถานี ทำให้เขารู้สึกว่ามีกำลังใจที่จะทำละครเชิงสร้างสรรค์สังคมหลังข่าวน่ะ เพราะว่าถ้าสมมุติว่ามันเงียบมาก เขาก็อาจจะรู้สึกว่าเรากลับไปทำน้ำเน่าหรือตบจูบดีกว่าไหม (หัวเราะ) นี่คือสิ่งที่ดิฉันกังวลว่าเวลามีละครสร้างสรรค์สังคมขึ้นมาสักที ให้คนพูดถึงเยอะๆ ให้คนช่วยกันดู ช่วยกันรักษาเรทติ้งให้เขามีกำลังใจว่าเขายังสามารถที่จะทำงานสร้างสรรค์สังคมอยู่บนการแข่งขันสูงๆ ได้ ก็เป็นเรื่องที่อยากฝากไว้มากกว่า ก็มันมายังไม่ถึงครึ่งเรื่องแล้วก็ช่วยอุปถัมถ์ให้มันครบทั้งเรื่องด้วยนะคะ" จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 14:40:58

ความคิดเห็นที่ 8 อ้อ...หน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง   ไม่ชอบอยู่ดีครับ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 15:16:09 จากคุณ : ผู้ชายซอยสิบ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:14:55

ความคิดเห็นที่ 9 เสียดายบางฉากเมื่อคืนที่นางเอกกระโดลงจากรถ น่าทำกราฟิกให้สวยกว่าการตัดภาพไปมา คิดว่าดาราวิดีโอมีของทำได้อยู่แล้วแต่ก็ไม่ทำแล้วก็ไม่ได้รีบแบบถ่ายไปออนไปด้วย จากคุณ : iMNiN เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:16:11

ความคิดเห็นที่ 10 คนเขียนบทเขาบอกว่า เขาขยายความในความเป็นมณีจันทร์ มาจากบางมุมเท่านั้น อืม...น่าคิด ขยายมาจากมุมไหนหนอถึงออกมาผิดเพี้ยนแบบนี้ ความจริงน่าจะบอกไปเลยว่า ตั้งใจเปลี่ยนแปลงคาแรคเตอร์ของตัวละครให้เป็นไปตามแบบที่ตัวเองตีความ (เอาเอง) จากคุณ : หนุนตาว เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:28:02

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ความคิดเขาไม่ต่างจากพิงลำพระเพลิง 'เมิงด่าแต่เมิงก็ดูละครกุทุกคน' ทำละครให้แมส ดูง่าย ง่ายไปหมด ลวกๆ ชุ่ยๆ เอาฮาเข้าว่า ขอให้เรตติ้งดีๆแย่งชิงพื้นที่คู่แข่ง ดูเมื่อคืนก็ฮาจริงๆนะ ตอนไอ้ขาบเอาแกงแม่ประยงค์ไปดับไฟน่ะ แต่คุณภาพมันระดับละครก่อนบ่ายคลายเครียดเท่านั้นเอง คนสมัยนี้เขาไม่รู้สึกรู้สากับการทำลายคุณค่าของสิ่งดีๆเดิมๆแล้วล่ะมั้ง เห็นแก่เงินอย่างเดียว แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 15:43:21 จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:28:09

ความคิดเห็นที่ 12 "ยิ่งมีคนวิจารณ์ ยิ่งมีคนดูมากขึ้นเรื่อยๆ คำวิจารณ์จะส่งคืนมาที่สถานี " ค่ะ เข้าใจค่ะ เฮ้ออออออ ที่พูดมาทั้งหมด ก็เพื่อหวังเรตติ้ง นี่เอง จากคุณ : ผุดผ่องเป็นยองใย เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:28:45

ความคิดเห็นที่ 13 เอ่อ ก่อนตอบคำถามนี่ คนเขียนบทเขาได้อ่านบทความ ของคุณหญิงหรือยังคะเนี่ย เจ้าของ บทประพันธ์ เขายังช้ำใจเลยที่คุณทำของเขาเสียหายหลายแสนแบบนี้อ่ะคะ อ่านต่อๆมา ก็เหมือนจะเข้าใจได้ว่า คุณ ชื่นชมยินดีที่จะแปลงนวนิยายของเขาเป็น ซีรี่ย์เกาหลี ??   เ่อ่อ นวนิยายอมตะ เอามาแปลงเป็นซี่รี่ย์เกาหลี ซะงั้น  เศร้าใจ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 15:29:32 จากคุณ : KiGoJuNg เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:28:46

ความคิดเห็นที่ 14 ตอนแรกคิดว่าดาราวีดีโอให้เขาเขียนแบบนี้ แสดงว่ามันเ็ป็นความต้องการของคนเขียนเองด้วยสินะ เฮ้ออออออออออ จากคุณ : Metaphysics เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:41:14

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นหน้าซักที.... คนที่ทำให้แม่มณีของชั้นปัญญาอ่อนได้ถึงเพียงนี้ ยิ่งเด็กรุ่นใหม่ดู คุณควรยิ่งใส่ความถูกต้องเข้าไปให้มากกว่านี้ บอกได้คำเดียว สงสารคุณทมยันตีค่ะ อนาถความคิด คุณนันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์ จากคุณ : love mom so much เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:44:20

ความคิดเห็นที่ 16 ทั้งผู้กำกับ และคนเขียนบท ตอบมาเหมือนกันว่าทำดีที่สุด พอใจแล้วกับผลงานตรงนี้   สงสัยเราคงไม่เหมาะกับทิวภพเวอร์ชั่น 2554 จริงๆ เรทติ้งมันสำคัญกว่าการตีความในประพันธ์มากขนาดนี้ ก็อย่าเอาบทประพันธ์มาทำเลยค่ะ เขียนเองใหม่ แต่งเองใหม่ ดีกว่าค่ะ จากคุณ : พอกันที (PooN@DRG) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:51:07

ความคิดเห็นที่ 17 เอิ่ม...พูดไม่ออก คืออย่าได้อ่านเล่มละ25 บาทนะคะ จะพบว่าหลังๆ ที่คนเขียนบทบอกว่ามณีจันทร์จะดูดีขึ้นนั้น สำหรับเรา มันไม่ใช่เลยค่ะ รู้ค่ะว่าคนเขียนบทต้องการสื่อให้คนสมัยก่อนสอนคนสมัยใหม่ แต่ทำไมต้องทำให้แม่มณีดูเหมือนเด็กไม่รู้ภาษาด้วยล่ะคะ ที่เรียนจบมาเพื่อเข้าสังคม(พื้นหลังแม่มณี) นี่หล่นหายไปเลย ตั้งใจสอนคนดูแต่ทำให้แม่มณีดูไม่มีการศึกษาเหมือนไม่ได้รับการอบรมแบบนี้ไม่ไหวนะคะ อยู่ในตระกูลที่ออกงานสังคมจนเคยชิน ร่ำเรียนมาเพื่อเป็นเลดี้ แต่บทโทรทัศน์เขียนเหมือนกับว่าแม่มณีเป็นเด็กแก่นเซี้ยว กะโหลกกะลามากเลย ปล.อย่าสักแต่จับคำพูดดีๆ ยัดใส่ปากตัวละครแต่คนเขียนบทควรคำนึงถึงพื้นฐานตัวละครที่เจ้าของบทประพันธ์ปูพื้นไว้ด้วยค่ะ เพิ่มเติมข้อความจากที่พูดไม่ออกค่ะ   แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 15:59:40 แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 15:58:58 จากคุณ : ตะวันข้างจันทร์ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:51:32

ความคิดเห็นที่ 18 ดัดแปลงได้ แต่อย่าดัดแปลงแบบชุ่ยๆ จากคุณ : ViolinViolaCello เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:52:03

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วจะดูต่อกันดีไหมเนี่ยะ? จากคุณ : @Love_ที่รัก เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:56:59

ความคิดเห็นที่ 20 ใส่ความไร้สาระ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเด็กและ วัยรุ่น???? คุณใส่คาเลคเตอร์มณีจันทร์แรดขนาดนี้เพื่อเข้าถึงเยาวชนเนี้ยนะ???? ใช้ส่วนไหนคิด???? แบบนี้นี่เองที่เรียกว่า ไม่ได้คิดอะไร...ผลงานที่ออกมาเลยดูไม่มีความคิด มุ่งเน้นเรตติ้งอย่างเดียว ยอมรับนะค่ะว่า เวอร์ชั่นเก่าดีกว่าเยอะมาก เวอร์ชั่นนี้ก็สนุกดี ดูเอาฮา แต่เมื่อวานอ่ะ ไม่ไหว เอาทวิภพมายำเป็นละครตลาด น่าเกลียดเกินไปค่ะ จากคุณ : nn_hunter เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 15:58:35

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่เป็นไร ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายอย่างที่เค้าว่า ก็เลยต้องไม่ดูมันซะเลย จะได้เป็น "ติ และไม่ดูต่อเลย" จากคุณ : ไม้ยมก&แหนมมัด เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:00:08

ความคิดเห็นที่ 22 คิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้ แล้วต่อไปจะมีใครกล้าจ้างไปเขียนบทให้ล่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 16:20:35 จากคุณ : คนทรงเจ้า เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:03:43

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่รู้ทำไม... อ่านแล้วรู้สึกว่าคนเขียนบทโทรทัศน์เรื่องนี้ค่อนข้างดูถูกคนดูทีวี จากคุณ : นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:06:25

ความคิดเห็นที่ 24 แม่มณี เป็นลูกสาวท่านฑูตที่ แ_ด มาก จากคุณ : จะอยู่ยังไงถ้าไม่มีหัวใจ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:08:43

ความคิดเห็นที่ 25 "คุณนันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์" คุณรักที่จะอ่าน รักที่จะทำ แต่ไม่ได้รักและเข้าใจความเป็นทวิภพเลย จากคุณ : อโหสิกรรม เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:09:14

ความคิดเห็นที่ 26 * * * จากคุณ : T.Charinchat เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:10:58

ความคิดเห็นที่ 27 เขาทำให้เด็กดู แม่จ้าว แม้แต่เด็กคุณ ผู้จัด ผู้กำกับยิ่งต้องคำนึงที่เขียนจะใส่อะไรลงไป อ่านแล้วเพลียจริงๆ เสียดายของดีกลายเป็นของไร้ค่าราคาได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากคุณ : กาดกองน้อย เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:13:22

ความคิดเห็นที่ 28 แม่มณียุคนี้เหมือนคนที่ไม่มีอะไรดีเลย นอกจากได้หลายภาษา กระโหลกกะลาไปวันๆ แถมไม่รู้จักกาลเทศะ นึกจะเล่นตอนไหนก็เล่น ดูบ้าๆบอๆยังไงรู้ ฯลฯ ผู้เขียนบท แม่มณีเป้นคนยุคนี้ กำลังดูถูกคนสมัยนี้มากเกินไปหรือเปล่าค่ะ คนดีๆก็มีเยอะนะคะ.... จากคุณ : Decemberka เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:20:46

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านแล้วยิ่งนับถือคนเขียนบทเวอร์ชั่นเก่า เค้าทำยังไงนะที่สามารถยืดตอน แถมใส่สีสันตัวละครให้ดูสนุก แต่ยังคงความงดงาม ชัดเจน ทำให้คนดูเข้าใจผู้แต่งโดยไม่ต้องรีบไปหาอ่านหนังสือเลย   ถือเป็นงานชั้นครูจริงๆ เค้าชื่ออะไรคะ มีใครจำได้บ้าง จากคุณ : love mom so much เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:22:29

ความคิดเห็นที่ 30 เราอ่านแล้วแทบไม่อยากเชื่อว่า คนเขียนบทคนนี้เคยอ่านและประทับใจกับทวิภพมาก่อนจริงๆ  คุณพูดเหมือนไม่รู้เลยว่าเสน่ห์ของทวิภพคืออะไร แถมพยายามยัดเยียดคาแรกเตอร์สวยใสไร้สมองให้ตัวละครเอก โดยอ้างว่าเพื่อให้เข้ากับคนดูในปัจจุบัน...... ซึ่งมันถูกเสมอไปหรือ?   ทำไมไม่ให้คนรุ่นใหม่ได้ซาบซึ้งกับทวิภพในแบบที่มันควรจะเป็นล่ะคะ?   แล้วที่บอกว่า  "เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการเพิ่มเส้นเรื่อง เช่น เพิ่มตัวละครอย่างคุณอาณัติ(หลวงเจนพาณิช) ปุ๊กลุ๊ก (ประยงค์)หรือการเปลี่ยนเรื่องของกุลวรางค์กับตรองอย่างนี้จะอยู่ในหมวดเดียวกัน ก็คือไม่ใช่ว่าเราต้องการไปยำบทประพันธ์หรอก แต่เป็นการเพิ่มสตรอรี่(Story)เข้าไปเพื่อให้บทประพันธ์สามารถยืนโรงอยู่ได้สักสิบกว่าตอนออกอากาศ" ขอโทษเหอะค่ะ..... เท่าที่มีในบทประพันธ์มันไม่ยาวพอจริงๆเหรอ?  แล้วเวอร์ชั่นก่อนก็ไม่เห็นต้องจับ ดร.ตรอง กับ กุลวรางค์ มาเป็นแฟนกันเลย???   อ่านแล้วเพลียกว่าเดิมค่ะ....    จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:24:36

ความคิดเห็นที่ 31 "ดูทวิภพเวอร์ชั่นนี้แล้วปวดตับ" เป็นคำสรุปรวมความรู้สึกของผู้ชมที่มีต่อละครโทรทัศน์เรื่องทวิภพ โดยก่อนหน้าที่จะอาการ 'ปวดตับ' จะเกิดขึ้น ความรู้สึกซึ่งดังก้องอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตนั้นมีตั้งแต่ “บทละครเวอร์ชั่นนี้นำบทประพันธ์ของทมยันตีมายำเสียจนไม่เหลือเค้าเดิม” , “ตัวละครมณีจันทร์ก๋ากั๋นเกินงามและบ้าผู้ชายเกินเหตุ” , “ตัวละครอื่นๆ ตั้งแต่ดร. ตรองไปจนถึงคุณหญิงแสร์ก็ผิดเพี้ยนไปจากคาแรกเตอร์ในบทประพันธ์ชนิดที่ที่เหมือนกันแค่ชื่อเท่านั้น” ฯลฯ              ความรู้สึกไม่ได้ดั่งใจกับทวิภพเวอร์ชั่นนี้ลุกลามไปจนเกิดการตำหนิไปถึงทุกองค์ประกอบแต่ศูนย์รวมความไม่สบอารมณ์ตกไปอยู่ที่ “คนเขียนบทโทรทัศน์” ซึ่งผู้ชมหลายคนยกความผิดให้เธอแบกรับไปเต็มๆ หลังจากนิ่งฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์มานาน 'นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์' นักเขียนบทละครโทรทัศน์ชื่อดังผู้อยู่เบื้องหลังทวิภพเวอร์ชั่น 2011 ซึ่งถูกยกให้เป็น “ละครที่ถูกสับเละที่สุดในรอบปี” อย่างไม่เป็นทางการไปแล้วก็ขอลุกขึ้นมาบอกกล่าวถึงที่มาที่ไปของปรากฏการณ์ 'ทวิภพ -ทวิเพี้ยน' ให้ผู้ชมได้รับรู้กันสักที             + เพราะอะไรคุณถึงตีความทวิภพออกมาในกลิ่นรสที่แตกต่างไปจากเดิมถึงขนาดนี้?       "เนื่องจากผู้ที่ทำทวิภพในเวอร์ชั่นที่แล้วก็เป็นดาราวิดีโอ ถ้าเราคิดง่ายๆ ว่าถ้าดาราวิดีโอจะใช้บทเก่าที่ตัวเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อยู่ก็ได้ แต่ดาราวิดีโอเลือกที่จะทำทวิภพให้เป็นสมัยใหม่ ยุค พ.ศ. 2554 จริงๆ เราจะสังเกตว่านางเอกก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองมาจากพุทธศักราชสองพันห้าร้อยยี่สิบกว่าซึ่งเป็นปีที่บทประพันธ์เกิดขึ้น มณีจันทร์บอกว่าตัวเองมาจากปี พ.ศ. 2553 ก็คือปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นทวิภพเป็นบทประพันธ์ที่อันตรายในการที่จะได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง สาเหตุเพราะว่าคนไทยทั่วประเทศจะรู้จักทวิภพอยู่แล้ว และเป็นบทประพันธ์ที่แน่นอนเลยว่าจะมีการรีเมคอีกเรื่อยๆ ในทุก 10 ปีที่ผ่านไป เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องทวิภพในแต่ละเวอร์ชั่นควรจะมีเอกลักษณ์ส่วนตัวที่ไม่เหมือนกัน เช่นละครเวทีต้องเล่าให้สั้น ภาพยนตร์ก็ต้องเล่าในมุมที่ทันสมัย ล้ำไปเลย" ส่วนนี้เราเข้าใจนะคะตามบทประพันธ์มณีจันทร์มาจากปี 2529 เพราะฉะนั้นบุคลิกลักษณะตามบทประพันธ์ส่วนประกอบอะไรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในบทประพันธ์จะมีการตีความใหม่หรือเพิ่มเติมใหม่ให้เกิดเอกลักษณ์ว่านี่นะ ตัวละครหลักในยุคปัจจุบันมาจากปีปัจจุบันนี้จริง ๆ ไม่ย้อนกลับไปที่ 2529 การเสริมสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างอินเตอร์เนต บีบี สิ่งออนไลน์ทั้งหลายก็เป็นการเสริมเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่สมัยก่อนไม่มี มณีจันทร์ในยุคนี้อาจไม่ได้ไปร้านหนังสือแต่ค้นอินเตอร์เน็ตผ่านบีบี เข้าห้องสมุดออนไลน์แล้วเปิดไฟล์ pdf ไม่ได้ทำให้ค้นข้อมูลสมัยก่อนไม่เจอ อาจไม่ได้ไปดูละครที่โรงละครแห่งชาติแต่คลิปละครมันแวบผ่านยูทูปขึ้นมา การแต่งบุคลิกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็เป็นอีกอย่างที่ทำได้ บุคคลิกมั่นใจของมณีจันทร์อาจไม่ได้มั่นใจแบบสาวสมัยก่อนที่ขับรถได้แต่งตัวเก๋ ๆ เที่ยวกลางคืนก็เปรี้ยวสุดใจขาด อันนี้ขึ้นอยู่กับการตีความของคนเขียนบทแต่มันก็ต้องดูกรอบกว้างเอาไว้บ้างว่า “ความมั่นใจ” ตั้งอยู่ในขอบเขตอันควรที่ “ลูกสาวคนที่ได้รับการอบรมอย่างผู้ดี” พึงจะแสดงออก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องพวกนี้หลุดกรอบไป “ความมั่นใจ” กับ “ความล้น” ไม่เหมือนกัน การสร้างเอกลักษณ์เป็นเรื่องจำเป็นเพราะสร้างให้ตรงกับที่เคยเป็นมาทุกกระเบียดนิ้วคงไม่มีใครมานั่งดู แต่การสร้างเอกลักษณ์นั้นควรคำนึงถึงกรอบกว้างที่บทประพันธ์มีให้ไว้ด้วย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือว่าจะปั้นคาแรคเตอร์ให้แสดงออกได้แค่ไหน การเปลี่ยนโทนของเรื่องก็ทำได้ โทนเรื่องจะขายอะไร มุมไหนต้องการนำเสนอ โรแมนติคไหม ? คอเมดี้ไหม? ดราม่าไหม? แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโทนเรื่องที่ว่าก็แบ่งออกได้เป็นหลายแนวต้องย้อนกลับไปดูบริบทของเรื่องโดยรวมด้วยเพราะมันมีกรอบกว้างอยู่ทั้งเรื่องเวลาที่มีทั้งอดีต ทั้งปัจจุบัน ที่มันส่งผลถึงแนวคิด ธรรรมเนียนประเพณี ถ้าโรแมนติคนำฉากหวานแหววถึงเนื้อถึงตัว สะดุดล้มทับกัน จับมือถือแขนบ่อยครั้ง หึงหวงออกหน้า แบบนี้มีได้รึเปล่า ? ฉากแบบนี้เกิดขึ้นที่ไหนอดีต หรือ ปัจจุบัน ถ้าเกิดที่อดีตมันขัดต่อแนวคิดของเรื่องไหมขัดบุคคลิกแนวความคิดคนสมัยก่อนหรือไม่ เช่นเดียวกันถ้าเป็นคอเมดี้ เอาล่ะจะขำขำแนวไหน บ้าบอ silly comedy ไหม หรือ ตลกร้าย หรือ ขำแบบฉลาด ๆ ประชดเฉียบ ๆ แบบไหนปรับให้เข้ากับเรื่องเข้ากับแนวคิดได้มากกว่ากัน             "สำหรับทีวี สิ่งที่เหมาะกับทีวีจริงๆ คือการเข้าถึงคนส่วนใหญ่ เพราะว่าเรามีทีวีเครื่องเดียว มีคนตั้งแต่เด็กจนถึงคนแก่ดูทีวีเครื่องเดียวกัน มีคนตั้งแต่มีการศึกษาสูงมากๆ จบด็อกเตอร์ไปจนถึงคนที่ไม่ได้มีการศึกษามากนักต้องการเข้าใจอะไรง่ายๆ ดูทีวีเครื่องเดียวกัน เพราะฉะนั้นทวิภพก็จะถูกตีความสำหรับแมส(Mass)จริงๆ สำหรับมวลชนจริงๆ เพื่อให้ทุกคนที่ไม่ได้อ่านนวนิยาย เพราะต้องยอมรับจริงๆ นะว่าคนไทยอ่านนวนิยายน้อยมาก แต่ว่าเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงทวิภพได้เท่ากับคนอื่นๆ เพราะฉะนั้นสื่อโทรทัศน์ก็จะออกมาเพื่อตอบสนองคนกลุ่มนี้ คือกลุ่มเด็ก กลุ่มที่ไม่เคยมีแบ็คกราวน์ของทวิภพมาก่อน กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่การอ่านนิยายไม่ใช่พฤติกรรมปกติของเขา จุดมุ่งหมายรวมๆ ของทวิภพก็คือเพื่อสืบต่ออายุของวรรณกรรม"             "เอาง่ายๆ เลยถ้าสมมุติมีคนไปอ่าน ไปซื้อหนังสือทวิภพมากขึ้นเพราะละครเรื่องนี้ หรือว่าเด็กอายุต่ำกว่า 20 -30 รู้สึกว่าอยากเดินเข้าห้องสมุดเพื่ออ่านทวิภพเวอร์ชั่นออริจินัล อย่างนี้ถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จแล้วล่ะ แต่ว่าสิ่งที่เขากำลังถกเถียงกันอยู่ เรื่องประวัติศาสตร์ถูกต้องไหม ทวิภพเวอร์ชั่นนี้มีความคลาสสิคพอไหม พวกนี้เป็นจุดประสงค์ของเราหมด เพราะละครควรจะทำให้คนคิด ให้คนวิจารณ์ ทีนี้ของสำคัญสี่อย่างเกี่ยวกับทวิภพก็คือ คุณทมยันตี(นามปากกาของคุณหญิงวิมล เจียมเจริญ) หนังสือวรรณกรรมทวิภพ ร.ศ. 112 และก็บรรพบุรุษไทยที่อยู่ในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ทวิภพต้องทำหน้าที่ 4 อย่าง เวลามีการถกเถียงกันทำให้ของสี่อย่างนี้ถูกพูดถึง ทุกครั้งที่ถูกพูดถึงเป็นเรื่องที่ดีหมดเลยสำหรับละคร เพราะทำให้ทุกคนอยากรู้ว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร แล้วก็จะไปค้นหามากขึ้น ไปค้นหาประวัติศาสตร์มากขึ้น ไปค้นหาหนังสือตัวจริงมาอ่านมากขึ้น เพราะคนไทยจริงๆ ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ร.ศ. 112 ได้รู้มากขึ้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะฉะนั้นจุดประสงค์จริงๆ ของการตีความเวอร์ชั่นนี้โดยสรุปก็คือก็ให้เหมาะสมกับยุคสมัย และเหมาะสมกับสื่อประเภททีวีที่ต้องการเข้าถึงคนจำนวนมาก แล้วก็อาจจะมีสีสันที่ฉูดฉาดเพราะต้องยอมรับว่าสื่อทีวีเป็นสื่อที่มีการ แข่งขันสูง เราก็ต้องมีการแย่งชิงพื้นที่จากคู่แข่งบ้าง(หัวเราะ) นี่คือเหตุผลน่ะค่ะ" ยิ่งแล้วใหญ่เลยการจะให้คนกลุ่มใหญ่ได้ดูได้เข้าถึงทวิภพก็ควรให้เขาเข้าถึงในสิ่งที่เป็น Original สิคะ ให้เข้าใจให้ถูกต้องว่าตัวละครตัวไหนเป็นอย่างไรตามที่ “เจ้าของบทประพันธ์” เขาต้องการจะสื่อ ข้อนี้เรามั่นใจนะว่าเวลาคนกลุ่มที่ไม่เคยอ่านแล้วไปอ่านทวิภพหลังดูละครแก่นเรื่องรักชาติคงเข้าใจ แต่บุคคลิกตัวละครนี่ไม่น่าจะเข้าใจถูกต้องตรงกันกับที่บทประพันธ์สื่อ เราคิดว่าไหน ๆ จะนำเสนอเรื่อง “ทวิภพ โดย ทมยันตี” ก็ต้องเล่าให้แง่มุมที่ต้องการนำเสนอให้ครบถ้วนไม่ผิดเพี้ยนมากนัก แก่นเรื่องรักชาติ รากฐานความคิดของแต่ละยุค คาแรคเตอร์ตัวละครในแต่ละยุค นี่คือสารที่ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อ หากเลือกนำเสนอเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหลือเปลี่ยนหมดแล้วมันจะเป็นการสืบสานวรรณกรรม “ทวิภพ โดย ทมยันตี” ได้อย่างไร             + โจทย์ที่ยากที่สุดสำหรับการตีความทวิภพให้ออกมาเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบันคืออะไร?       "สิ่งที่กลัวที่สุดสำหรับโปรดักชันทวิภพเวอร์ชั่นนี้ ดิฉันเข้าใจว่าเป็นการที่คนไทยเกือบทั้งประเทศรู้จักทวิภพอยู่แล้วว่าดำเนินเรื่องอย่างไร จบอย่างไร เริ่มต้นอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุดที่จะทำให้คนเปิดดูละครที่ตัวเองรู้เรื่องอยู่แล้ว เพราะมันออกมาในทุกสื่อ แล้วปมเรื่องของเขาก็เป็นเรื่องที่ง่ายๆ แล้วแถมยังต้องเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ที่เป็นเรื่องที่ยากที่จะอธิบายอีก นี่เป็นโจทย์ที่ยากมากที่จะทำให้คนไม่รู้สึกเบื่อทวิภพที่จะกลับมาดูใหม่ จริงๆ ทางช่องก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าพูดจริงๆ ก็ไม่ได้หวังว่าจะเรตติ้งสูงอะไรมาก แต่ทางช่องถือบทประพันธ์ทวิภพมาตั้งนานแล้ว ในเมื่อเวอร์ชั่นเก่ากับเวอร์ชั่นนี้ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ได้เวลาที่จะเอากลับมาให้คนรุ่นนี้ได้ดูอีกทีนึง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ทางช่องก็มีเจตนาที่ดีนะคะ" เรากลับเห็นว่านี่เป็นจุดแข็งนะคะ จากชื่อชั้นของนิยายและเนื้อเรื่อง เล่ามาแล้วก็หลายครั้งทั้งหนังทั้งละครคนดูรู้หมดแล้วก็จริง แต่เขาก็ยังอยากดูอยากเห็นฉากนั้นอยากเห็นฉากนี้ ฉากที่เป็นจุดพีค เราว่าทำให้ผู้เขียนบทรู้เสียอีกว่าตรงไหนควรเน้นให้ตื่นเต้น ตอนไหนเน้นดราม่าเรียกน้ำตา หรือ เรียกความฮีกเหิม เมื่อไหร่เมณี่จะผ่านกระจก เมื่อไหร่เมณี่จะเจอคุณหลวง เมื่อไหร่จะมีบทพูดตรงนั้นตรงนี้ ตอนที่เมณี่แสดงความสามารถทางภาษาให้คุณหลวงได้เห็น ฯลฯ             + สรุปว่าจุดประสงค์ของคนเขียนบทก็คือต้องการจะสื่อสารในวงกว้างโดยเน้นที่เด็กและคนที่ไม่เคยอ่านทวิภพ?       "ถูกต้อง" อ้างอิงนิดนึงที่ว่าต้องเน้นสีสันฉูดฉาดตีความใหม่เพราะต้องการสื่อสารในวงกว้าง เราว่างานละเมียดละไมมันก็น่าจะสื่อสารในวงกว้างได้เหมือนกันนะคะ หรือ หากคิดว่าต้องฉูดฉาดจริง ๆ ก็ควรจะฉูดฉาดให้มีระดับ(แรงไปไหมหว่า แรงไปก็ขอโทษนะคะ ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนที่ความหมายใกล้เคียงคำนี้) นิดนึง ไอ้เรื่องที่จะเปลี่ยนบุคคลิกไปจากเดิมแบบที่เป็นอยู่แล้วบอกว่าฉูดฉาดน่ะ เราว่ามันไม่ใช่มันทำให้เหตุให้ผลของเรื่องทำให้สารให้เหตุผลของเรื่องเสียไปในบางส่วน เช่น คุณหญิงแสร์ดูแล้วใครจะไปเชื่อว่าคนที่สั่งลงโทษบ่าววิธีแปลก ๆ แล้วยกเท้าขึ้นถีบบ่าวไพร่นั่นเป็นคุณหญิงที่คนทั้งบ้านเคารพยำเกรงใช้ทั้งพระเดชพระคุณในการปกครองคนจนเมณี่เห็นมาดแล้วยังอยากขอถ่ายวิชา             + แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าคนที่เคยอ่าน คนที่คุ้นเคยกับทวิภพกำลังวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบมากๆ?       "ดิฉันไม่รู้สึกผิดคาดอะไรนะ(หัวเราะ) เพราะว่าดิฉันเป็นคนอ่านนิยายทวิภพมาก่อน ตอนเด็กๆ ก็จะอ่านซ้ำๆ เหมือนกับเขา ทวิภพติดอันดับนิยายที่มีคนอ่านเยอะที่สุด แล้วอ่านซ้ำกันด้วย เพราะทวิภพไม่เหมือนคู่กรรม คู่กรรมมีความเศร้าอยู่ ทวิภพมีแต่ความสุข คนอ่านทวิภพมีโอกาสสูงมากที่เขาอ่านแล้วจะยึดติดเพราะเขาอ่านหลายรอบ เพราะฉะนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าพูดถึงดีกว่าไม่พูดถึง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการเงียบไปเลย(หัวเราะ) สำหรับคนทำสื่อ เรื่องด่าจริงๆ เป็นสิทธิ์ของเขา เขาจะบ่นยังไงก็ได้ แต่เขายังดูอยู่"             "คนไทยเนี่ยพอดูละครเสร็จตอนเช้าไปร้านอาหาร ร้านข้าวแกงต้องเม้าท์เรื่องละคร เป็นเรื่องธรรมดามาก ทีนี้ในมุมที่เขาเม้าท์ก็อาจจะมีบางคนที่เขารับไม่ได้เลย อันนี้เราก็ต้องเคารพความคิดเขา แต่ก็มีบางคนที่รับไม่ได้แต่ก็ยังดูอยู่อย่างเหนียวแน่น ดูไปบ่นไป นี่ก็จะเป็นคาแรกเตอร์อีกประเภทหนึ่งที่เราว่าเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องไม่ดี ยิ่งพูดกันมากๆ ก็ยิ่งดู เพราะจริงๆ แล้วสิ่งที่เขาพูดกันเนี่ย ละครเพิ่งฉายไปไม่ถึงครึ่งเลย อย่างเช่นเขาพูดในมุมที่ว่ามณีจันทร์ดูติ๊งต๊องเกินไป มันยังมาไม่ถึงครึ่ง ผู้หญิงอย่างมณีจันทร์อาจจะมีมุมที่คุณคาดไม่ถึงอยู่ก็ได้ซึ่งอยู่ในครึ่งหลังของเรื่อง เพราะฉะนั้นถ้าเปิดใจดูต่อไปอีกนิดนึงก็จะเห็น" ตามท้องเรื่องนั้นมณีจันทร์เป็นผู้หญิงที่พกแพ็คเอาความแปลกใหม่ทันสมัยเอาความรู้ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงสมัยนั้นไม่มีเข้าไปทำให้คนทึ่งกันตั้งแต่ทีแรกเลยค่ะ ไม่ได้มาแนวติงต๊องให้ใครต้องส่ายหัวแต่อย่างใด งานบ้านงานเรือนมณีจันทร์อาจจะไม่คล่องแต่คุณหญิงก็พอใจที่เมณี่พอทำกับข้าวได้ตอนที่พูดถึงสลัดแล้วบอกว่ายำอเมริกาคุณหญิงก็ถามว่าหล่อนหล่อนทำกับข้าวเป็นรึแล้วก็ทำหน้าพอใจเล็ก ๆ ยิ่งกว่านั้นเมณี่มีความกล้าไม่ได้กลัวผู้ใหญ่ลนลานช่างอยากรู้อยากเห็น อะไรที่ทำไม่เป็นพวกจีบพลูทำขนมทำแป้งเม็ดงานลูกผู้หญิงก็เข้ามาตั้งใจหัดเองด้วยความสนใจ ความกล้าที่มีก็ไม่ได้แสดงออกอย่างล้นมาตั้งแต่แรกกล้าแบบพอดี ๆ ทำให้คุณหญิงนิยมค่ะ พื้นฐานมันควรจะเป็นแบบนี้ คือ ปรากฎความเอางานเอาการความเปิ๊ดสะก๊าดมาตั้งแต่ที่แรกแล้วเพียงแต่ตอนหลังมาเพิ่มความเป็นกุลสตรีไทยเข้าไปด้วย ส่วนเมณี่ในละคร ยุคปัจจุบันก็เอางานเอาการดีมีอุดมการณ์แต่พอผ่านกระจกไปทำไมกลายเป็นเด็กน้อยอย่างนั้นไม่เข้าใจ             "ทวิภพเวอร์ชั่นนี้ตอนที่ดิฉันเขียน ดิฉันก็ตัดเอาบทประพันธ์มาใส่หรือบางทีก็ใช้ทั้งฉากเลย ก็เข้าใจเขานะเขาก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเรายำอะไรมากมาย เพราะแก่นของเรื่องก็ยังอยู่หมด ฉากสำคัญของเรื่องก็แทบจะอยู่หมดเลย เพราะว่าทวิภพเหมาะที่จะเอามาทำเป็นละครโทรทัศน์อยู่แล้ว วิธีเล่าของคุณหญิง(ทมยันตี)เป็นสถานการณ์ที่สนุกอยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องไปดัดแปลง ก็เอาสถานการณ์ของเขามาใช้ ดิฉันก็เปิดนวนิยายแล้วก็พิมพ์ตามเลยบ่อยนะคะเพราะฉะนั้นเวอร์ชั่นนี้ที่เขาบอกว่าไม่เหมือนบทประพันธ์จริงๆ ดิฉันว่าเยอะไปนิดนึง จริงๆ แล้วก็ค่อนข้างเหมือน เพียงแต่ว่ามีการตีความบางอย่าง อย่างเรื่องคาแรกเตอร์ให้มีสีสัน แต่จริงๆ คนที่บ่นเขาก็เข้าใจแหละ เพียงแต่ว่าดูไปบ่นไปจะสนุกกว่าดูเฉยๆ มั้ง ไม่รู้เพราะอะไร(ยิ้ม)" แก่นรักชาติยังอยู่ค่ะ ไม่เคยเถียงในข้อนี้เลย แต่รากของแนวคิด รากของวัฒนธรรมสมัยร.5 แก่นของตัวละครมันหายไปแล้ว แก่นรักชาติบ้านเมืองเราว่ามันก็หาได้ในบทประพันธ์เรื่องอื่น แต่แก่นอื่น ๆ ที่ทำให้ละครเรื่องนี้เป็นทวิภพมันหายไปไหนล่ะคะ             + คุณต้องการจะบอกว่าคาแรกเตอร์ที่ต่างจากบทประพันธืคือสีสันที่คุณใส่เข้ามา?       "ใช่ค่ะ แล้วก็มีการเพิ่มตัวละครหรือการเพิ่มเส้นเรื่องของตัวรอง สาเหตุก็เป็นเพราะเป็นเรื่องปกติของนวนิยาย เพราะนวนิยายสำหรับการทำละครจะสั้นเกินไป หมายความว่ามันจะเล่าประมาณสักแปดตอนจบ ถ้ายึดตามหนังสือ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการเพิ่มเส้นเรื่อง เช่น เพิ่มตัวละครอย่างคุณอาณัติ(หลวงเจนพาณิช) ปุ๊กลุ๊ก (ประยงค์)หรือการเปลี่ยนเรื่องของกุลวรางค์กับตรองอย่างนี้จะอยู่ในหมวดเดียวกัน ก็คือไม่ใช่ว่าเราต้องการไปยำบทประพันธ์หรอก แต่เป็นการเพิ่มสตรอรี่(Story)เข้าไปเพื่อให้บทประพันธ์สามารถยืนโรงอยู่ได้สักสิบกว่าตอนออกอากาศ" จะเพิ่มตัวละครไหนมามันก็ไม่ผิดหรอกค่ะ แต่คุณต้องดูบริบทของเรื่องราวด้วย ตัวร้ายอย่างหลวงเจนฯเอาล่ะพอทำเนามาเป็นคู่แข่งของพ่อเทพอันนี้ไม่มีอะไรบังคับมากมายเพราะเพิ่มขึ้นมาใหม่จะทำยังไงก็แล้วแต่ผู้เขียนบท แม่ประยงค์เองก็เป็นตัวละครที่เพิ่มบทบาทได้ แต่เพิ่มมาแบบลดคุณค่าตัวละครยังไงไม่รู้ สาวชาววังแสนเพียบพร้อมที่ใคร ๆ ก็อยากได้ไปร่วมเรือน เก่งงานบ้าน งานเรือน มีครบทั้งน้ำมือน้ำคำน้ำใจ สมเป็นเบญจกัลยาณี คุณแม่พามาเยือนเรือนชายเทียวไปเทียวทั้งที่เป็นท้าวทางข้างไหน มันจะดีหรือคะ หญิงผู้ดีเข้าไม่ได้พยายามหนักขนาดนั้นนา ดูไม่งามเอาเลยเสียด้วย บ้านคุณหญิงสรเดชตามบทประพันธ์เขาก็ไม่ได้คิดจะเร่ขายลูกสาวแบบนี้นา ถ้าจะเพิ่มกันเนียน ๆ ก็สร้างสถานการณ์ให้ออกงานคู่กัน หรือ ให้แม่มณีได้ตามเข้าไปดูในวังยังจะเข้าท่ากว่าให้แม่ประยงค์มาเยือนเรือนชายนะคะ       + ล่าสุดมีบทความในมติชนสุดสัปดาห์ที่วิจารณ์ทวิภพซึ่งเน้นไปที่ตัวมณีจันทร์ที่ดูเหมือนจ้องจะจับผู้ชาย คุณจะตอบบทความดังกล่าวว่าอย่างไร (อ่านบทความนี้ได้ในตอนท้าย)?       "ก็เป็นสิทธิของเขา แต่เขาตีความเร็วไปนิดนึง เพราะว่าตัวละครมณีจันทร์มีพัฒนาการ พอเข้าครึ่งเรื่องหรือเข้าท่อนหลังของเรื่องจะเห็นมณีจันทร์ชัดเจนขึ้นในเรื่องความเป็นผู้หญิงยุคใหม่ของเธอ ซึ่งการเข้าหาผู้ชายของมณีจันทร์เป็นนิสัยขี้เล่นแบบเด็กๆ ของเขา ไม่ใช่นิสัยบ้าผู้ชาย(หัวเราะ) เพราะมณีจันทร์ไม่ได้มีนิสัยบ้าผู้ชาย ในความคิดดิฉันนะคะ ที่เป็นแบบนั้นเพราะมณีจันทร์ติดนิสัยความเป็นเด็ก ซึ่งในบทประพันธ์ก็มี อย่างเช่นมณีจันทร์เข้าไปในห้องเขาจะสนใจตุ๊กตา มีอยู่ฉากหนึ่งในบทประพันธ์ เราอธิบายคาแรกเตอร์ของเขาด้วยการขยายบางมุมเท่านั้นเอง"             "ส่วนคำว่าผู้หญิงสมัยใหม่ จริงๆ มณีจันทร์มีความเข้าใจในเชิงประวัติศาสตร์ แล้วก็การทำงานอยู่บ้าง เพียงแต่ช่วงต้นๆ ยังไม่ได้ออก บทความนี้ก็จะตีความเร็วไปนิดนึงว่าเขาบ้าผู้ชาย แต่ในความหมายจริงๆ ที่ดิฉันสื่อออกไปเป็นเรื่องของความที่เขาเป็นคนมีนิสัยเด็กๆ ขี้เล่น ขี้แกล้ง ขี้อำคน ประเดี๋ยวพอเขาเลิกอยู่กับคุณหลวงจะเห็นว่าเขาไปอำคนอื่นด้วย เขาอำคนไปหมดทุกคนเลย เพราะความที่เขาเป็นคนนิสัยแบบนี้ จะเห็นว่าแก๊งค์เพื่อนเขาก็จะเป็นคนนิสัยแบบนี้ คือคนสดใส แต่เป็นคนฉลาดหมดเลย เพราะฉะนั้นการตีความว่าบ้าผู้ชายก็เกินไปนิดนึง ในความรู้สึกดิฉันก็คือเขาแค่เป็นคนที่ขี้เล่น ขี้หยอกคน แต่บังเอิญช่วงต้นที่เราเล่าเรื่อง เขายังติดอยู่ในห้อง ซึ่งมีคนๆ เดียวให้เขาเล่นก็คือคุณหลวง แต่ประเดี๋ยวจะเห็นชัดขึ้นว่าพอออกไปจากห้องแล้วเขาจะขี้เล่นไปหมดเลยกับทุกๆ คน กับทุกๆ อย่างที่เขาได้เจอด้วย"             "พอเข้าตรงกลางจะเห็นพัฒนาการของมณีจันทร์ซึ่งเขาเป็นผู้หญิงยุคสมัยใหม่ที่น่าภาคภูมิใจอีกคนหนึ่งนะ ในความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกัน เขาเป็นคนที่มีความสามารถ มีความตั้งใจที่จะใช้ชีวิตเพื่อประเทศชาติ มุมนี้ของมณีจันทร์ยิ่งใหญ่กว่าการที่เขาบ้าหรือไม่บ้าผู้ชาย นี่คือเรื่องใหญ่เลยที่ตัวมณีจันทร์จริงๆ ในหนังสือมี ในละครก็มี แต่จะมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงกลางๆ และช่วงท้ายของเรื่อง ภาพมันสื่อนะค่ะ มันเกินคำว่าขี้เล่นกลายเป็นล้นแล้ว จะโดดนั่งตัก จะแกล้งล้มทับจับมือ กระเง้ากระงอดหึงหวง ให้มณีจันทร์ขี้เล่นยังไงเขาก็มีลิมิต คือ เขาจะแค่ขู่แต่ไม่ทำจริง แกล้งทำท่าว่าถึงเนื้อถึงตัว แค่นี้คุณหลวงก็ส่ายหัวระย่อแล้ว ด้านเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มณีจันทร์ไม่ได้แสดงชัดด้วยซ้ำออกจะสนใจอย่างอื่นมากกว่าตัวคุณหลวงเสียอีก เรื่องแม่ประยงค์ก็เอามาล้อบ้างขำจับไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหึงหรือไม่หึง คุณหลวงเองยังจับสังเกตไม่ได้เลยรู้แต่ว่าตัวเองชอบผู้หญิงคนนี้ ส่วนพัฒนาการของมณีจันทร์ตามเรื่องเราคิดว่ามันควรจะเป็นการผสมผสานระหว่างข้อดีที่เธอมีอยู่กับข้อดีที่เธอในอดีตมากกว่า อย่างที่เราบอกไม่มีใครมองว่ามณีจันทร์ติงต๊องมาตั้งแต่แรกนะคะในบทประพันธ์อย่างน้อยก็ไม่ใช่ติ๊งต๊องที่มาจากกริยาท่าทาง แต่คำว่า “วิปลาส” ที่คุณหลวงว่าคือ การที่มณีจันทร์พูดถึงที่ไม่ยังไม่เกิดยังไม่มีเสียเป็นคุ้งเป็นแคว มีเครื่องบินที่ไปยุโรปได้ภายใน 9 หรือ 10 ชั่วโมงไม่ใช่การนั่งเรือ พูดถึงสิ่งประดิษบ์เครื่องใช้ในอนาคต แล้วพูดอย่างมั่นใจ มันไม่ได้มาจากบุคลิกมณีจันทร์เลย มณีจันทร์ในบทประพันธ์ทั้งรักชาติทั้งไม่ติงต๊องและไม่ได้บ้าผู้ชายด้วยค่ะ เธอเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่ยังไม่ค่อยเป็นกุลสตรีในมากนักในตอนแรกมีดีที่ความกล้าความมั่นมีมาดลูกสาวท่านฑูตมีความรู้เอางานเอาการ แต่พอตอนหลังเธอกลายเป็นผู้หญิงที่ผสานความดีของทั้งสองยุคไว้ด้วยกันได้ทั้งงานบ้านงานเมืองสมกับตำแหน่งว่าที่คุณหญิงฑูตทุกประการ             + คุณรู้สึกอย่างไรที่มีบางคนแซวว่าทวิภพเวอร์ชั่นนี้เป็นซี่รี่ย์เกาหลีไปแล้ว?       "(หัวเราะ)ก็ขำนะ เพราะว่าจริงๆ ดิฉันก็มีชื่อทางด้านเขียนเรื่องโรแมนติกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทางผู้ใหญ่เลือกคนเขียนบทกลางๆ แทนที่จะเลือกคนเขียนบทระดับผู้ใหญ่ สาเหตุนี่เขาไม่เคยบอกแต่เชื่อว่ามาจากการที่ต้องการให้ทวิภพอยู่ในโซนของคนวัยกลางๆ คือคนยุคใหม่จริงๆ ซึ่งพี่ก็รู้สึกชอบ โมเมนต์ที่มีคนพูดว่าเริ่มเป็นซี่รี่ย์เกาหลีอะไรแบบนั้นนะ เพราะว่าจริงๆ แล้วเวลาเราตีความคุณค่าของของสิ่งหนึ่งไม่ได้หมายความว่าถ้ามันสดใสขึ้นแล้วจะแปลว่าลดคุณค่าลง ดิฉันไม่ได้ตีความแบบนั้น ในความรู้สึกของดิฉันคิดว่านี่เป็นคำชื่นชมนะ"   บทมันจะสดใสกว่าเดิมดราม่ากว่าเดิมตลกกว่าเดิมโรแมนติคกว่าเดิมก็ไม่มีใครว่าอะไรตำหนิอะไรหรอกค่ะ ถ้ามันจะกลมกลืนไปกับกรอบกว้าง ๆ ของบทประพันธ์แต่นี้มันมีหลายอย่างที่เปลี่ยนแล้วจัดว่าไม่เข้าพวกน่ะค่ะ             + ตั้งแต่เห็นทวิภพเวอร์ชั่นนี้ออกมาเป็นละครคุณพอใจมากน้อยขนาดไหน?       "พอใจมากนะคะ เพราะว่าละครเรื่องนี้เขาตั้งใจทำมาก จะเห็นว่าเป็นละครที่ปิดกล้องก่อนออกอากาศ แล้วแค่มีหน้าละครก็ขายให้ประเทศจีนได้แล้ว แสดงว่าคุณภาพของมันต้องผ่านตาคนดูพอสมควรถึงขายออกได้ทันที แล้วตัวสตรอรี่(Story)เวลาที่ออกมา นานแล้วที่เราไมได้ดูพีเรียด(Period)แบบดาราวิดีโอ ถามว่าพีเรียดอย่างดาราวิดีโอเกิดขึ้นเนื่องจากผู้กำกับทั้งสองท่านแล้วก็คนที่ทำงานอยู่เป็นคนรุ่นเก่าที่ทำทวิภพเวอร์ชั่นเดิม ทำละครสายโลหิต อย่างโรงถ่ายก็เป็นโรงถ่ายเดิมที่คนรุ่นดิฉันรู้สึกคุ้นแล้วก็คิดถึง ตัวแสดงหลักทั้งสองคนเขาตั้งใจมากรวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย"       " เพราะฉะนั้นเราจะเห็นเลยว่าการสื่อสารของการเป็นคุณหลวง มณีจันทร์ คุณหญิงแสร์อะไรเนี่ยออกมาชัดมากแล้วก็น่าดู รวมโปรดักชันที่ทำโดยคนปัจจุบันท่านก็อายุเยอะกันแล้วนะ อย่างคุณเพ็ญลักษณ์ ป๋ามานพ(มานพ สัมมาบัติ)นี่ก็เสียชีวิตแล้ว เพราะฉะนั้นทวิภพเวอร์ชั่นหน้าก็ยังพูดกันเลยว่าพี่ติ๋ม(เพ็ญลักษณ์ อุดมสิน)จะอยู่ทำให้ไหม(หัวเราะ) เพราะจริงแล้วทวิภพเกี่ยวข้องกับยุคสมัย อย่างตัวดิฉันเองก็ไม่รู้ทุกเรื่องเพราะเป็นคนยุคตรงกลาง ต้องใช้คนที่อายุเยอะๆ หน่อยถึงจะเข้าใจว่าไอ้ที่แปรงฟันของมณีจันทร์หน้าตาเป็นอย่างไร ทีนี้ถ้าเลื่อนไปในอนาคตข้างหน้าดิฉันก็ไม่รู้ว่าเราจะได้เห็นกันอีกไหม เพราะพูดจริงๆ คนที่ทำท่านก็อายุเยอะกันหมดแล้ว ท่านรีไทร์ไปเราก็จะไม่ได้ดูแล้ว" หา ... คุณเชื่อจริง ๆ เหรอคะว่าการสื่อสารบุคลิกตัวละครออกมาชัดแล้ว มาบรรทัดนี้ขอบอกว่าอกอีแป้นจะแตก(ฮา) เขียนต่อไม่ถูกเลย มณีจันทร์แทนที่จะไปเติมเต็มความว่างเปล่าในใจของตัวเองพอกลับไปอดีตเข้าจริงกลับทำตัวเป็นเด็กน้อยหอยสังข์แง้ว ๆ ไป ไรวัตจากนายทหารที่มีข้อดีคือความติดดินอาจวางอำนาจบ้างกลายเป็นเกรียนนิสัยเสียบ้าอำนาจที่ไหนไม่รู้ คุณหญิงแสร์นายของบ้านที่น่าเกรงขามคงไว้ซึ่งพระเดชพระคุณกลายเป็นคุณนายในละครสมัยใหม่ไป เราว่ามันไม่ได้ตรงได้ชัดเลยนะคะมันเพี้ยนพิลึกไปหมดแล้วอ่ะ T T เรียกว่าตรงกันแค่ชื่ออ่ะค่ะ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับยุคสมัย ถ้าทำการบ้านถ้าศึกษาค้นคว้าเราว่ามันไม่น่ายากขนาดนั้นนะ             + ได้ยินมาว่าแท้จริงแล้วคุณตั้งใจเขียนบทละครเรื่องทวิภพเป็นอย่างมาก?       "ก็ถ้าถามว่ามีความพิเศษอะไรก็ตรงที่ว่าดิฉันอ่านนวนิยายครั้งแรกตอนเด็ก ดิฉันอ่านคู่กรรมของคุณทมยันตี เพราะฉะนั้นดิฉันถือว่าคุณทมยันตีเป็นไอดอลของการเป็นนักเขียน แล้วทวิภพเป็นเรื่องหนึ่งอย่างที่เล่าว่าอ่านตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วจะอ่านทุกปิดเทอม ทีนี้การที่ได้เข้ามาเขียนทวิภพทั้งๆ ที่ตัวเองอายุยังกลางๆ อยู่แบบนี้ ก็ถือว่าเป็นของขวัญ เป็นเรื่องที่ดีของชีวิต ถือเป็นเกียรติ นี่คือความประทับใจส่วนตัว รู้สึกว่าได้มาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทวิภพเป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่ ก็เป็นเกียรติ เป็นเรื่องภูมิใจ อันนี้เป็นความพิเศษของทวิภพในส่วนตัวของดิฉันค่ะ"             + ฝากถึงคนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ทวิภพเวอร์ชั่นนี้อยู่ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ?       "ทุกครั้งที่มีการวิจารณ์เป็นเรื่องดีหมดเลย อย่างที่ดิฉันบอกมันทำให้ชื่อของทวิภพ ชื่อของรศ. 112 ชื่อของบรรพบุรุษไทยได้กระจายออกไป เพราะฉะนั้นดิฉันก็รู้สึกขอบคุณกับคำวิจารณ์ต่างๆ ทั้งบวก ทั้งลบ แล้วก็อยากให้ดูไปจนจบ จริงๆ แล้วในหมวดของละคร ละครนี้เป็นละครค่อนข้างสร้างสรรค์สังคมนะ ยิ่งมีคนวิจารณ์ ยิ่งมีคนดูมากขึ้นเรื่อยๆ คำวิจารณ์จะส่งคืนมาที่สถานี ทำให้เขารู้สึกว่ามีกำลังใจที่จะทำละครเชิงสร้างสรรค์สังคมหลังข่าวน่ะ เพราะว่าถ้าสมมุติว่ามันเงียบมาก เขาก็อาจจะรู้สึกว่าเรากลับไปทำน้ำเน่าหรือตบจูบดีกว่าไหม (หัวเราะ) นี่คือสิ่งที่ดิฉันกังวลว่าเวลามีละครสร้างสรรค์สังคมขึ้นมาสักที ให้คนพูดถึงเยอะๆ ให้คนช่วยกันดู ช่วยกันรักษาเรทติ้งให้เขามีกำลังใจว่าเขายังสามารถที่จะทำงานสร้างสรรค์สังคมอยู่บนการแข่งขันสูงๆ ได้ ก็เป็นเรื่องที่อยากฝากไว้มากกว่า ก็มันมายังไม่ถึงครึ่งเรื่องแล้วก็ช่วยอุปถัมถ์ให้มันครบทั้งเรื่องด้วยนะคะ" เราว่าข้อนี้คงเป็นไปดังคุณบ๊วยว่าล่ะค่ะ บางส่วนที่เลิกดูคงมี แต่ส่วนที่ด่าไปดูไปก็คงมีอีกเหมือนกัน ถ้ามีฉากอะไรที่แปลก ๆ ออกมาอีกก็คงมีกระทู้ชมชอบกระทู้วิจารณ์ออกมาจนกว่าจะจบเรื่อง แต่มันจะดีกว่ารึเปล่าถ้าทำละครซักเรื่องแล้วคงสารทุกประการที่ผู้ประพันธ์เขาอย่างจะสื่อออกมาให้ครบถ้วน ถ้าอยากจะสร้างเอกลักษณ์ขอให้ช่วยศึกษาและพิจารณานิดนึงว่าอะไรที่ใส่เพิ่มเข้าไปได้ไม่เสียหาย ก้อนอิฐจะได้น้อยลง ดอกไม้จะได้มากขึ้นค่ะ เราว่าการที่มีคำวิจารณ์มาก ๆ มันไม่ได้ทำให้คนสร้างละครดีใจเท่าไหร่หรอก อาจจะบอกว่าอย่างน้อยก็มีกระแสแต่มีกระแสลบแบบนี้ไม่ห่วงบ้างหรือคะว่าจะมีผลระยะยาว ต่อไปหากมีแบบนี้อีกมันอาจจะไม่จุดกระแสวิพากษ์แต่จะกลายเป็นไม่ดูแทน ด้วยความเคารพ       ................................................... แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 16:29:37 จากคุณ : วรินทร์รตา เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:28:29

ความคิดเห็นที่ 32 อ่านดูแล้วไม่สนใจอะไรนอกจากต้องการเรตติ้ง กระแสละคร จะมาแบบไหนก็ได้ เหมือนปัจจุบันยิ่ง ฉาวยิ่งดัง เราก็ไม่ดูไม่แสดงความเห็น ให้เรื่องมันตายไปเงียบๆ จากคุณ : vanity เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:31:08

ความคิดเห็นที่ 33 อยากรู้จักที่มาของคนเขียนบทคนนี้มากเลยค่ะ อ่านที่ชีสัมภาษณ์แล้วไม่ชอบใจอย่างแรง เรียนจบมาจากสำนักไหนไม่ทราบ สงสารสถาบัน จากคุณ : Patisserie Lover เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:31:42

ความคิดเห็นที่ 34 + สรุปว่าจุดประสงค์ของคนเขียนบทก็คือต้องการจะสื่อสารในวงกว้างโดยเน้นที่เด็กและคนที่ไม่เคยอ่านทวิภพ?      "ถูกต้อง" **** คุณทำให้เด็กรุ่นใหม่เข้าใจแก่นเรื่องที่แท้ของบทประพันธ์ชิ้นนี้ผิดไปอย่างมาก *** ถ้าจะสื่อสารให้เด็กๆ ก็ต้องสื่อสารให้ถูกต้อง ตีความผิดไปมากเช่นนี้ ตัวละครทุกตัว ไร้ซึ่งวุฒิภาวะไปหมด ดูสติไม่สมประกอบ ซึ่งมันจะสอนอะไรเด็กๆลูกๆของเราได้ ??? จากคุณ : แป๊ะซะ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:35:23

ความคิดเห็นที่ 35 ดูถูกคนดูมากไปรึเปล่าคะ? ทำไมเหรอคะ...มวลชนไม่สามารถเข้าถึงความละเมียดละไม ความดีงามตามแบบฉบับเก่าๆ ได้เลยเหรอ คุณบอกเองว่าเป้าหมายของคุณอยู่ที่คนที่ไม่ได้อ่านบทประพันธ์ ไม่ได้มีแบคกราวน์ว่าจะอ่านนิยายบ่อย เป็นเด็ก เยาวชน คุณก็เลยคิดว่าจะยัดเยียดสิ่งที่เรียกได้ว่า "บิดเบือนวรรณกรรม" และถึงขั้น "บิดเบือนขนบประเพณีที่ดีงาม" ได้อย่างนั้นเหรอคะ? ทุกคนเคยบอกว่าคนในอดีตไม่ควรเปลี่ยนแปลง เพราะอย่างนั้นมันจะเหมือนกับแม่ปูพยายามสอนให้ลูกปูเดินให้ตรง ในเมื่อต้นแบบก็ไม่ได้ประพฤติดีงาม แล้วจะมีหน้ามาสอนใครให้เขาทำตัวดีล่ะ? มณีจันทร์จะเกรงคุณหญิงได้ยังไง จะเอาคุณหญิงเป็นแบบอย่างได้ยังไง ถ้าคุณหญิงท่านเล่นใช้พระเดชกับบ่าว หงอกับผู้มีศักดิ์เสมอกัน นี่ดีนะที่ไม่เปลี่ยนบทประยงค์ให้เข้าหาผู้ชายขนาดนั้น เด็กจะคิดยังไง มวลชนกลุ่มเป้าหมายของคุณจะคิดยังไง เมื่อเห็นฉากคุณหญิงสรเดชกราดเกรี้ยว ตัวสั่นอยากให้ลูกสาวออกเรือนซะขนาดนั้น ถึงขั้นโกรธกระชากสร้อย กระทืบเท้าร้องไห้เร่าๆ กลางเรือน นี่คือสิ่งที่มวลชนของคุณจะได้เห็นจากทวิภพเวอร์ชั่นนี้ใช่มั้ยคะ? คือสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายที่คุณบอกว่า "เขาไม่ได้อ่าน ไม่ได้มีแบ็คกราวน์" จะได้รับรู้ว่า อ้อ...ทมยันตีเขียนนิยายแบบนี้ หรือหนักไปกว่านั้น อาจคิดไปถึงว่า อ้อ...นี่คือพฤติกรรมของคนรุ่นก่อนสินะ นี่ใช้ตรรกะว่าเขาจะไม่ไปแสวงหาแหล่งความรู้อื่นนะคะ เพราะคุณบอกเองว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณนั้น "ไม่อ่าน ไม่รู้เรื่องมาก่อน" ดิฉันในฐานะคนที่เขียนหนังสือคนหนึ่ง ขอบอกไว้เลยว่าหากการที่บทประพันธ์ของดิฉันจะโด่งดังได้ด้วยการนำเอาไปดัดแปลงถึงขนาดนี้ แล้วส่งสารแบบนี้ให้ "มวลชน" ดู ดิฉันขอเพียงคนอ่านกลุ่มเล็กๆ ที่จะประทับใจกับเรื่องราวที่ดิฉันเขียนขึ้น และให้จดจำตราตรึงไปในแบบนวนิยาย ที่ต่อให้มันจะดีหรือร้ายยังไง ก็เป็นเพราะดิฉันเป็นคนทำเอง ไม่ใช่ใครเอาไปยำใหญ่ใส่สารพัดแล้วเอาไปแร่ขายตามตลาดอย่างนี้! ปล. อ่านบทสัมภาษณ์ทมยันตีด้วยก็ดีนะคะคุณบ๊วย จะได้รู้ว่าผู้แต่งนวนิยายที่คุณรักและเอามายำนั้นท่านรู้สึกยังไง จากคุณ : ส้มเช้งเองจ้า เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:40:32

ความคิดเห็นที่ 36 ก็เข้าใจว่าทุกคนเมื่ออยู่ในสถานการณ์เป็นเป้าโจมตีอย่างนี้ก็ต้องพูดเพื่อปกป้องตัวเอง แต่วิธีการให้เหตุผลในการปกป้องตัวเองแบบนี้....ไม่พูดซะเลยจะดีกว่า เพราะคนที่ไม่ชอบอยู่แล้ว เค้าจะยิ่งรู้สึกลบไปใหญ่ แค่บอกว่า"จุดประสงค์ของคนเขียนบทก็คือต้องการจะสื่อสารในวงกว้างโดยเน้นที่เด็ก และคนที่ไม่เคยอ่านทวิภพ" ก็เข้าใจแล้ว .....เพราะเราไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของเค้านี่เอง เค้าถึงได้ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาอย่างเรา ขอไว้อาลัยให้กับความคิดของคนเขียนบทละครเรื่องนี้ 1 นาที แล้วเดินจากไปเงียบๆ...... จากคุณ : Black Forest Sundae เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:42:15

ความคิดเห็นที่ 37 คห. 29 เปิดไปดูใน Youtube เห็นว่าเป็นคุณ จิตราภา เขียนค่ะ จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:50:12

ความคิดเห็นที่ 38 คุณนันทวรรณ แน่ใจแล้วหรือคะว่าเข้าใจบทประพันธ์เรื่องนี้อย่างแท้จริง อ่านตั้งแต่เด็กๆ อ่านหลายรอบ ชอบมาก   ถ้าเป็นแบบนั้นจริง แสดงว่าคุณเป็นคนที่ตีความได้แย่มาก . . . จบอะไรมา เราอ่านแค่รอบเดียว ก็เข้าใจแล้วว่าเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไร ซึ่งมันผิดเพี้ยนจากที่คุณนำเสนอมาก หรือแท้จริงแล้ว คุณเกลียดนิยายเรื่องนี้ ถึงได้ทำซะเละไม่มีดี แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 16:52:43 จากคุณ : latics1 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:51:11

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนแรกดีใจที่ ผู้เขียนบทละคร ออกมาชี้แจงซะที และ คาดว่า คงจะได้รับคำชี้แจงที่อ่านแล้วทำให้เข้าใจทวิภพ2011 และ คนทำงานมากขึ้นกว่านี้..... แต่นี่..ไม่เลย.. T_T ดิฉันปวดตับกับคำสัมภาษณ์ของคุณมากกว่านวนิยายที่คุณยำเละซะอีก  ไม่รู้ดิฉันรู้สึกไปเองรึเปล่า ดิฉันรู้สึกว่า คุณไม่ได้แคร์ผู้บริโภค ที่รู้สึกแย่กับบทที่คุณเขียนเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม คุณกับรู้สึกขำ และ ออกจะดูถูก ภูมิปัญญาของคนติ และ พอใจในสิ่งที่ตนเองทำลาย.. และ ยึดเป็นอีโก้สั่วๆ ว่า เป็นแนวคิดแบบใหม่ เป็นแนวของคุณ .....พอใจดูก็ดู ไม่พอใจดู ก็ไม่ได้ขอให้ดูนี่จ๊ะ  -*- ดิฉันคิดมากไปเองรึเปล่าเนี้ย เฮ้ออออออออออออออออออออออ จากคุณ : chabby เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 16:59:29

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านแล้วสรุปได้ว่า ผู้เขียนบทคนนี้ซ 1. ดูถูกคนดูทั้งที่เคยและไม่เคยอ่านบทประพันธ์ 2. ดูถูกผู้ประพันธ์ 3. อ่านบและ"ขบ"บทประพันธ์ไม่แตก 4. มือยังไม่ถึง เป็นมือสมัครเล่น ที่ยังไม่พร้อมรับคำวิจารณ์ จากคุณ : แว่นอ้วนจำนรรจา (แว่นอ้วนจำนรรจา) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:06:21

ความคิดเห็นที่ 41 รสนิยม สะท้อนถึงตัวตนของเจ้าของรสนิยมนั้น ดังนั้น การสร้างงานที่ไร้รสนิยม ไร้ความละเมียดละไม ก็สะท้อนถึงเจ้าของผู้สร้างงานนั้นเช่นกัน จากคุณ : 2AM เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:08:50

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ชอบคนเขียนบท คนนี้อยู่แล้ว จากคุณ : ณวลิน เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:10:37

ความคิดเห็นที่ 43 เราว่าเค้าเก่งนะ  แต่เค้าเหมาะจะเขียนบทละครที่มาจากพล็อตเรื่อง   ไม่ใช่นวนิยายอมตะดังๆที่สร้างมาหลายๆเวอร์ชั่น แบบเรื่องนี้   เพราะมาถึงเวอร์ชั่นเค้า.....เค้าจะฉีกแนว จากคุณ : อยากให้ทุกคนมีความสุข เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:11:23

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านบทสัมภาษณ์คุณนันทวรรณจนจบแล้ว  เหมือนเธอพยายามสะกดจิตหลอกตัวเองตลอดเวลาว่า "ไม่ได้ยำบทประพันธ์นะ" แล้วก็พยายามจะหลอกคนดู (ที่อ่านนวนิยาย) อีกต่อหนึ่งด้วย   แต่ไม่สำเร็จหรอกครับ และไม่อยากจะเชื่อคำพูดของคุณนันทวรรณ ประโยคนี้เลยครับ "ดิฉันถือว่าคุณทมยันตีเป็นไอดอลของการเป็นนักเขียน แล้วทวิภพเป็นเรื่องหนึ่งอย่างที่เล่าว่าอ่านตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วจะอ่านทุกปิดเทอม" ถึงตอนนี้  ก็ขอนับละคร ทวิภพ (2554)  เข้าไปอยู่ในกลุ่มละครเรื่องต่อไปนี้ได้แล้วครับ - น้ำใสใจจริง (2543)  บทโทรทัศน์โดย  พิง ลำพระเพลิง - คู่กรรม (2547)  บทโทรทัศน์โดย  พิง ลำพระเพลิง - ดั่งดวงหฤทัย (2550-2551)  บทโทรทัศน์โดย  อ้อยควั่น - ด้วยแรงอธิษฐาน (2553)   บทโทรทัศน์โดย  พิง ลำพระเพลิง ฝากถึงคุณนันทวรรณ 2 ข้อละกันครับ ละคร ทวิภพ ปี 2537  เป็นละครในล็อตแรกของช่อง 7 ที่เพิ่มเวลาออกอากาศเป็น 2 ชั่วโมง โดยมีข่าวสั้นคั่นกลางละคร...(แต่อาจจะไม่ได้เพิ่มเวลาตั้งแต่ตอนที่ 1) ออกอากาศตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม 2537  นับแล้วได้ 26 ตอน ที่สามารถระบุวันออกอากาศได้ ก็เพราะผมจดบันทึกไว้เองกับมือ โชคดีที่สมุดบันทึกยังอยู่รอดมาถึงวันนี้ ซึ่งละครสมัยนั้นก็ยาวกว่าละครยุคปัจจุบันนี้เสียอีก ไม่เห็นว่าผู้เขียนบท (จิตราภา) จะต้องเติมเรื่องราวให้ มันผิดเพี้ยนไปจากบทประพันธ์ตรงไหนเลย อ.ศัลยา เคยกล่าวไว้ประมาณว่า   "ตราบใดก็ตาม มีตัวละครที่เป็นรูปเป็นร่างอยู่ในหนังสือ เราสามารถเขียนให้มีบทบาทเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งสามารถทำได้อย่างเต็มร้อยด้วย  แต่เราจะต้องไม่ออกนอกกรอบของบุคลิก ลักษณะนิสัยใจคอ วิธีการพูด วิธีการคิด ของตัวละครตัวนั้น เราต้องเก็บไว้ให้ได้" จากคุณ : อนาฆิส เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:11:29

ความคิดเห็นที่ 45 คห. 44 คุณอนาฆิส ขอติดกิฟท์ไว้เดือนหน้านะคะ  เดือนนี้ให้หมดไปแล้วจริงๆค่ะ  ^^ จากคุณ : Nymphadora เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:14:26

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านความคิดของยายคนเขียนบทแล้วยิ่งปวดตับยิ่งกว่าเดิม จากคุณ : ทะเลดาวอาบแสงจันทร์ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:14:39

ความคิดเห็นที่ 47 ทางที่ดีก็เดินตามเกม ที่เค้าวางไว้คะ ไว้อาลัยทุกวันจันทร์-อังคาร อย่าได้เลื่อนไปที่ช่อง เรตติ้งจะได้ตก วูบๆๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งคนเขียนบท ผู้จัด จะได้รู้สึกบ้างว่าที่เค้าคิดมันผิดจริงๆ ไม่ใช่ว่ามีคนด่าแล้วเรตติ้งจะสูงขึ้นตามที่เค้าต้องการ จากคุณ : jipp (jips) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:16:46

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านจบ ก็ต้องโบกมือลา ทวิภพ 2554 อย่างถาวร จากคุณ : 12บาท เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:17:37

ความคิดเห็นที่ 49 อ่านบทสัมภาษณ์ของผู้เขียนบทโทรทัศน์แล้ว อึ้งและเหวอ... มายก้อดดดด... ถ้าไม่คิดว่าบทประพันธ์ดั้งเดิมเค้าดีจริงจนต้องเอามาตีความใหม่ซะเอง อิชั้นว่าแต่งใหม่ เปลี่ยนชื่อ แล้วทำเป็นละครพวกแฟนฟิคไปเลยยังจะฟังขึ้นกว่า จากคุณ : Angle Lily เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:22:03

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านแบบต้นฉบับ2520 ก็ชอบได้ ดูฉบับละคร2554 ก็ชอบแบบที่มันเป็น ทำไมต้องเอา 2520 มาเป็นเกณฑ์ถูกต้อง ดีเยี่ยม วรรณกรรม ต้องมีชีวิต มีบุคลิกของมัน  หากบันเทิงได้ก็ดี ขอบคุณที่มีทวิภพใหม่ และทวิภพเก่า จากคุณ : anonyS เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:25:18

ความคิดเห็นที่ 51 คุณบ๊วยเหมาะสำหรับ เรื่องสมัยใหม่ ที่แต่งขึ้นเอง และ เขียนบทเองค่ะ ในความรู้สึกส่วนตัว คุณบ๊วยเอง ก็เป็นทั้งนักเขียน และ ผู้เขียนบทโทรทัศน์ แต่ยังไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้ประพันธ์ด้วยกันเองเลย - การทำการบ้าน บท การนำเสนอ โครงเรื่อง - ประวัติศาสตร์สับสน เวลาคลาดเคลื่อน     - เมณี่ข้ามกลับไปปี รศ ไหนกันแน่         - คดีพระยอดเมืองขวางสิ้นสุด รศ 113 เมณี่ข้ามกลับไปหลังเจ้าคุณวิศาลป่วยหนักหลังตัดสินคดีพระยอดเมืองขวางเสร็จ แต่คุณหลวงบอกเมณี่ว่าเป็นปี รศ 112 ??????????????????????                    - วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี คลาดเคลื่อน     - คำว่าสวัสดี เริ่มใช้สมัย จอมพล ป ที่ต้องการให้ประเทศไทย ทันสมัยทัดเทียมอาณาอารยประเทศ        - การหลุดคำภาษาต่างประเทศ     - การวางตัวของ นายและบ่าว ในสมัยรัชกาลที่ 5  ผิดหวังจริง ๆค่ะ กับทัศนคติ ของผู้เขียนแบบนี้  อยากจะเรียกว่า "ชุ่ย" ได้ไหมคะ   จากคุณ : panmile_pink เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:26:06

ความคิดเห็นที่ 52 เราก็ต้องดูต่อไป เพราะชื่อละคร ทวิภพ และ ชื่อผู้ประพันธ์ว่า ทมยันตี แบบไม่มีเหตุผล... จากคุณ : PERTUSSIS เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:37:58

ความคิดเห็นที่ 53 ต้นฉบับ 2520 มันก็คือของต้นแบบ ของที่มีเอกลักษณ์ในตัว ก้เรียกได้ว่าเป็นมาตรฐาน เป็นบรรทัดฐาน สำหรับการนำมาปรุงแต่ง  ซึ่งถ้าคนปรุงแต่งสักแต่อ่านผ่านๆ แล้วเหมาเอาว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ ปรุงออกมาเป็น 2554 แล้วก็บอกว่านี่คือ แบบ2554 ชอบก็รับไม่ชอบก็อย่ารับ มันจะต่างอะไรกับการไม่กตัญญูกตเวทีต่้อผู้มีพระคุณ ตัวอย่างเหมือนข้าวซอย คุณก็รู้ว่าต้นฉบับมาจากทางเหนือ คุณแค่ชิมนิดๆหน่อยๆ แล้วก็เหมาเอาเองว่ารสชาติมันต้องมาจากการผสมโน่นนี่นั่น แล้วคุณก็ปรุงแต่งออกมา่ขายทั่วประเทศ คุณเที่ยวไปป่าวประกาศว่านี่คือข้าวซอยรสชาติปัจจุบัน พอคนมาชิมมากๆแล้วติว่ามันไม่ใช่ข้าวซอย คุณกลับบอกใครชอบก็มาซื้อ ไม่ชอบก็อย่าซื้อ ถ้าเป็นยังงี้คุณยังจะเอาำคำว่าข้าวซอยมาใช้เพื่ออะไร ก็แค่เพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง จากคุณ : nightdoc เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:39:51

ความคิดเห็นที่ 54 คุณคนเขียนบทครับ เขาไม่ได้แอนตี้เรื่องการตีความบทประพันธ์ใหม่ให้ร่วมสมัยมากขึ้นนะ แต่เขาแอนตี้ที่คุณตีความ concept ของเรื่องและตัวละครย่ำแย่เกินไป จากคุณ : natefang เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:41:17

ความคิดเห็นที่ 55 ขายเมืองจีน ??? บทสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่อ่ะคะ ทำไมขัดแยังกับข่าวสัมภาษณ์ผู้บริหารของช่องอ่านเจอจากในนี้ บอกว่าจีนไม่ซื้อทวิภพแล้ว เพราะเป็นละครแนวข้ามภพ มีประเด็นประวัติศาสตร์ ให้ตายเหอะทวิเพี้ยน รุ่นตอกฝาโลงจริงๆ เห็นด้วยว่าดูละครว่าเสียความรู้สึกแล้ว อ่านสัมภาษณ์คนเขียนบท หนักกว่า นี่ขนาดตอบคำถามออกสื่อที่ต้องแต่งคำพูดให้ดูดีแล้ว เราว่ากระบวนการทางความคิดของเขาออกแนวผิดๆ เพี้ยน ๆ ไม่แปลกเลยที่ละครจะออกมาเป็นแบบนี้ ดีใจกับช่องหลายสีที่ได้คนเขียนบทคุณภาพ เหมาะสมกับทีมงานคุณภาพแล้วล่ะค่ะ ขอให้เรตติ้งทะลุดาวอังคารไปเลยค่ะ... จากคุณ : newaugust เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 17:56:17

ความคิดเห็นที่ 56 เหมือน จะเก่ง นะ แต่ จริงๆ แล้ว ดูกลวงๆ แถๆ ยังไงไม่รู้ จำชื่อนี้ เอาไว้ ถ้าเสนอหน้ามาเขียนบท อีก จะ ไม่ขอติดตามผลงาน จากคุณ : ทุเรียนสีชมพู เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:01:48

ความคิดเห็นที่ 57 เข้าใจแล้วค่ะ ว่าทำไมมันถึงได้ออกมา เละ อย่างนี้ เพราะผู้เขียนบทโทรทัศน์มีความคิดที่ดูถูกคนดูอย่างนี้นี่เอง คิดว่าคนดูไม่มีสมอง ดูเอาความสนุก เฮฮา อย่างเดียว แม่มณีจันทร์ ผู้งดงาม ทั้งรูปโฉม จริต และปัญญาตามบทประพันธ์ จึงได้ออกมาเป็น แม่มณีจันทร์ ที่เราเห็นกัน ใน ทวิภพ 2554 ที่ต่างจากแม่มณีจันทร์ ตามบทประพันธ์ อย่างสิ้นเชิง.... ถือว่าคุณนันทวรรณ ประสบความสำเร็จนะคะ ที่ทำให้ทั้งแม่มณีจันทร์ และทวิภพ 2554 ไม่เลยความดี และความงดงาม ไว้ให้เราชื่นชม อีกต่อไป....... จากคุณ : momo_dah เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:02:25

ความคิดเห็นที่ 58 จะเวิร์คมาก ถ้าคุณนักเขียนจะประพันธ์นิยายเป็นของตัวเอง ยังมีพล็อตแนวข้ามเวลาให้เล่นได้อีกเยอะนะ ทั้งๆที่เป็นนักเขียนแท้ๆ กลับตบหน้านักเขียนด้วยกันเอง(ที่เป็นถึงรุ่นแม่ -_-") และยังดูถูกผู้บริโภคกลายๆว่า นิยมแต่พวกขนม ลูกกวาด แปลกนะ ของบางอย่างทำไมถึงเข้าใจไม่ได้ว่าอะไรควรอนุรักษ์ อะไรควรทันสมัย จากคุณ : doxday เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:06:06

ความคิดเห็นที่ 59 ที่บอกว่าคนเขียนบทไม่มีเหตุผล แล้วคนดูละครทวิภพเพียงเพราะชื่อ ทวิภพ นี่เรียกว่ามีเหตุผลหรือเปล่าคะ คือดูละครก็ดูเพราะชอบ ดูแล้วมีความสุข เราไม่เคยดูละครเพราะชื่อ หรือเพียงเพราะคลั่งไคล้ในตัวนักแสดง แต่ถ้ามันคลั่งจริง เทิดทูนจริง แล้วเราต้องดูจริงๆ เราก็ถือว่านั่นคือสิ่งที่เราได้เลือกที่จะทำเลือกที่จะดู ถ้าเค้าทำออกมาไม่ดีไม่ตรงกับความต้องการ เราก็คงผิดหวังและมีความเสียดายปน แต่คงไม่ถึงกับเคียดแค้นชิงชังอะไร บางอย่างก็ไม่มีใครบังคับใครได้ บังคับให้ดูไม่ได้ บังคับให้ไม่ดูก็ไม่ได้ แต่ก็คงงงกับคนดูเพียงเพราะชื่อละคร แล้วก็ันั่งโกรธขึ้งที่ละครชื่อนี้ไม่เป็นอย่างใจ ส่วนตัวไม่ได้ดูทวิภพเวอร์ชั่นไหน หนังสือก็ไม่เคยอ่าน แต่เราดูเวอร์ชั่นนี้ ไม่ได้ดูเพราะชื่อทวิภพ ดูเพราะมันใช่ ต่อให้ชื่ออะไรก็ดู แต่ในแง่การวิจารณ์ติชมการเขียนบทละครเราโอเค เพราะมันเหมือนกับแต่ละคนมีไอเดีย มีความคิด ก็อยากจะแชร์ว่าใช่หรือไม่ใช่ ดีหรือไม่ดียังไง แต่จะงงๆทุกครั้งที่มีคนมาบอกว่าดูละครเพราะชื่อ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ชอบ ทำให้ดูไปก็ทุกข์ร้อนใจมากมาย แต่ที่ทนดูก็เพราะมันชื่อ ทวิภพ บอกตามตรง ไม่เข้าใจคนประเภทนี้จริงๆ เครียดไปปาว จากคุณ : 00ลุกขึ้นยืนใหม่00 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:13:33

ความคิดเห็นที่ 60 งั้นก็ต้องถือว่า "บทละคร" ที่คุณเขียนมาประสบผลสำเร็จค่ะ เพราะกระแสเยอะมา ทำให้คนบางคนที่ไม่เคยดู กลับไปดูได้ ทำให้เกิดการวิพากย์กันอย่างมากมาย แต่เราว่า มัน"ง่าย"ไปหน่อยรึเปล่าคะ กับ"การสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง"โดยการ"ยำใหญ่"บทประพันธ์อันงามสง่าของผู้อื่น และคงมีอีกเยอะ ที่ถึงแม้ว่าจะไม่เคยอ่านบทประพันธ์ ก็คงจะดูแต่ทางโทรทัศน์โดยไม่คิดจะกลับไปอ่านหนังสือ ซึ่งมุมมอง หรือ"ภาพ"ของบทประพันธ์ที่ติดตาไป คงเป็น"ภาพ" ที่ผิดเพี้ยนไปจากชื่อเรื่องที่แท้จริง แสดงว่าคุณพอใจ ที่จะทำให้คน"ส่วนมาก"ที่ได้ดูเรื่องนี้จดจำความแปลก ความผิดเพี้ยนที่มีในละคร แทนที่จะจดจำแก่นสาร ความละเมียดละไมในบทประพันธ์ ตัวละคร รวมถึงวัฒนธรรมอันดีงามที่ผู้ประพันธ์บรรจงแต่งในนิยายใช่มั้ยคะ จากคุณ : ไวน์อุ่น เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:19:46

ความคิดเห็นที่ 61 59 ก็เอาชื่อทวิภพมาขายทำไมล่ะ ซื้อปลาทูแกะออกมาเป็นปลาข้า่งเหลืองแล้วบอกกินๆไปเถอะอย่าเรื่องมาก งั้นรึ จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:34:00

ความคิดเห็นที่ 62 อย่าไปเทียบกับจ่ายกับข้าวนะคะ เพราะของอยู่ในถุง ซื้อมาเพราะไม่รู้มองไม่เห็น กับละครที่ฉายไปแล้ว ก็รู้แล้วว่าเป็นยังไง เราไม่ได้พูดถึงคนที่ดูวันแรกนะ พูดถึงคนที่ตามดูน่ะนะ ดูเพราะชื่อ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่แนวที่ชอบ มันเครียดไปไหมคะ จากคุณ : 00ลุกขึ้นยืนใหม่00 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:43:15

ความคิดเห็นที่ 63 ตลกแระ สินค้าไม่ตรงกับฉลากเขาเรียกหลอกลวงผู้บริโภคค่ะ ดิฉันอยากดูทวิภพแต่ได้ดูคุณหนูวุ่นวายกับคุณชายในกระจก ดิฉันโดนหลอกค่ะ ถามว่าทำไมยังดูต่อ เรียกร้องความยุติธรรมมั้ง รออยู่ว่าคนเขียนบทอาจจะออกมาขอโทษหรืออะไร เมื่อไม่ได้ก็ขอตำหนิแรงๆ(ผ่านเว็บบอร์ด) แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 18:56:15 จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 18:50:58

ความคิดเห็นที่ 64 OMG!!! ยิ่งอ่านบทสัมภาษณ์นักเขียนบทแล้วยิ่งรู้สึกแย่มากกว่าเดิมอีก สนใจแต่เรทติ้งอย่างเดียว คำวิจารณ์ทั้งหลายแหล่ ก็ไม่ได้สนใจจะนำไปปรับปรุง คิดแต่ว่า ดีซะอีกมีคนดูเยอะ นี่ เห็นคนดูปัญญาอ่อนเหมือนแม่มณีเวอร์ชันนี้หรือไงเนี่ย "ดังเพราะคนเมาท์ด่ากันไปทั่ว" หรือ "ดังเพราะคนชื่นชมไปทั่ว" อย่างไหนมันดีกว่ากัน นี่แหละนะ ช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ จากคุณ : ไข่เจียวทรงเครื่อง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 19:16:59

ความคิดเห็นที่ 65 "อ้างตามที่เขียนกระทู้ก่อน" ผู้เขียนบท แค่ทำการเขียนออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่คนที่สำคัญกว่าคือผู้กำกับที่จะแปลงเอาตัวอักษรให้กลายมาเป็นภาพเคลื่อนไหวที่มีชีวิต และ เคลื่อนไหวได้ ถ้าผู้กำกับจะไม่เอาก็ทักท้วง ดังนั้น หากจะโทษ ก็ไม่สมควรโทษคนเขียนบทคนเดียว เพราะเขาก็ต้องทำตามผู้กำกับ หรือ ผู้จัดว่าต้องการแบบไหน  คนเขียนบทแค่ทำให้ฉากนั้น มีคำพูด ที่มนุษย์สามารถทำได้   สรุปว่า  ดังนั้นถ้ากิริยาเกินงาม ก็ต้องดูที่ผู้กำกับ ผู้จัดด้วยว่าต้องการออกมาแบบไหน ปล. คุณนันทวรรณ เคยทำผลงานที่ดีมาก อย่างเช่นทาสรักมาแล้ว.....บทอันนั้นดีมากทั้งบทเจ้าหญิง และ ทาสวาด (ส่วนตัวชอบทาสวาดมาก เพราะดูเป็นคนธรรมดาจริงๆ ที่จะดีหรือเลวได้) ถ้าหากเรื่องนี้ให้ผู้กำกับอื่นทำ....มันก็อาจจะเป็นละครชั้นต่ำไปเลยก็ได้....ดังนั้นเมนหลักจึงอยู่ที่ผู้กำกับ และ ผู้จัด จากคุณ : พาร์ยัพ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 19:50:03

ความคิดเห็นที่ 66 "... เพราะฉะนั้นทวิภพเป็นบทประพันธ์ที่อันตรายในการที่จะได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง สาเหตุเพราะว่าคนไทยทั่วประเทศจะรู้จักทวิภพอยู่แล้ว และเป็นบทประพันธ์ที่แน่นอนเลยว่าจะมีการรีเมคอีกเรื่อยๆ ในทุก 10 ปีที่ผ่านไป เพราะฉะนั้นการเล่าเรื่องทวิภพในแต่ละเวอร์ชั่นควรจะมีเอกลักษณ์ส่วนตัวที่ไม่เหมือนกัน เช่นละครเวทีต้องเล่าให้สั้น ภาพยนตร์ก็ต้องเล่าในมุมที่ทันสมัย ล้ำไปเลย" . . เราน่ะ ทั้งอ่านหนังสือ และดูฉบับ 2537 มาก็ "หลายรอบ" ยังไม่เคยรู้สึกเบื่อซักที และเชื่อว่าหลายคนที่รักเรื่องนี้ก็คงจะเช่นเดียวกัน คหสต.นะคะ ยิ่งอ่านแล้วก็รู้สึกว่าคนเขียนบทมือไม่ถึงอ่ะ ทวิภพ ฉบับเก่า เขียนบทได้ดีมาก จนเค้ากลัวว่าจะทำได้ไม่ดีเท่า  ก็เลยเลือกที่จะฉีกแนวออกมาแบบนี้ จากคุณ : บ๊วยแดง เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 19:53:26

ความคิดเห็นที่ 67 แต่อ่านบทสัมภาษณ์คุณบ๊วยแล้ว แอบผิดหวังเหมือนกันค่ะ ตอนแรกอยากเห็นคำอธิบายที่มีเหตุผล ตอนนี้ เห้อ จากคุณ : chinchang&jaejung เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 19:57:31

ความคิดเห็นที่ 68 คุณ 00ลุกขึ้นยืนใหม่00 เราก็งงประเด็นนี้เหมือนกันค่ะ ยิ่งฟังเหตุผลที่ตอบกลับมายิ่งมึนหนัก หรือเราจะโทษระบบการศึกษาของประเทศเราดี ที่สอนให้เชื่อฟังมากกว่าตอนให้คิดเอง จากคุณ : zugas เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 20:20:50

ความคิดเห็นที่ 69 อยากโหวตให้คนได้อ่านความคิดเค้าเยอะๆจัง.. จากคุณ : ไม่ใช่พี่..อีเนี๊ยะ (nutxnut) เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 20:27:41

ความคิดเห็นที่ 70 68 คงต้องโทษผู้เรียนที่ตีความภาษาไทยไม่แตกค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ส.ค. 54 20:28:47 จากคุณ : atiporn เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 20:27:57

ความคิดเห็นที่ 71 อ่านแล้วมีความรู้สึกว่า ดูถูกคนดูอย่างเราๆยังไงไม่รู้ จริงๆเวลาละครนี่มันไม่ใช่เวลาละครสำหรับเด็กซักหน่อย ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่คนทำงานกลับบ้านมาดูทั้งนั้น ละครสำหรับเด็กเนี่ยะ ไม่ใช่แบบธิดาวานรอะไรประมาณนี้เหรอ แล้วผู้ใหญ่อย่างเราๆก็อยากดูอะไรที่มันไม่ติงต๊องส์ ละเมียด งดงาม มีความสุขนะยะ ดีนะที่เลิกดูไปแล้วตั้งแต่สองสัปดาห์ที่แล้ว เรทติ้ง ๑ ในนั้นไม่มีเราแน่นอน ชิ๊! จากคุณ : นารีพินิจ เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 20:40:17

ความคิดเห็นที่ 72 ปีที่แล้วก็ ด้วยแรงอธิษฐาน ปีนี้ก็  ทวิภพ หวังว่าปีหน้าคงไม่มีอีกนะคะ  ละครที่บิดเบือนบทประพันธ์แบบนี้อีก เฮ้อออออออ จากคุณ : วรดา เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:39:00

ความคิดเห็นที่ 73 ค่ะ คุณ atiporn โดยส่วนตัวแค่จะเข้ามาแสดง point ในส่วนที่คนดูเพียงเพราะชื่อละคร ถ้าเห็นไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไรค่ะ มันก็เป็นความคิดของแต่ละคน คงไม่ต้องถกกันถึงขั้นเอาเป็นเอาตายหรอกนะ ก็เอาเป็นว่าเราก็มองต่างกันไปและยุติเพียงเท่านี้ก่อนที่ประเด็นหลักของกระทู้จะถูกเบี่ยงเบนไปมากกว่านี้แล้วกัน .. จากคุณ : 00ลุกขึ้นยืนใหม่00 เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 21:51:43

ความคิดเห็นที่ 74 มณีจันทร์  เป็นสาวไซ-ไลน์ จากคุณ : dekdin เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 23:02:04

ความคิดเห็นที่ 75 เห็นหน้าวันนี้นี่เอง คุณตอบคำถามได้วอนเอ็นร้อยหวายผมมากเลนครับ จากคุณ : NorsDavincy เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 23:26:17

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่ใช่เฉพาะมณีจันทร์นะที่แปลก อย่างอื่นก็ดูแปลกๆ แล้วสงสัยว่าแม่ประยงมีบทบาทมากขนาดนั้นเลยหรอ เพลีย จากคุณ : กวิ้นฉึกฉึก เขียนเมื่อ : 23 ส.ค. 54 23:34:55

ความคิดเห็นที่ 77 ฉันเป็นคนหนึ่งที่เคยดีใจมากที่รู้ว่า จะนำเรื่องทวิภพมาทำใหม่ รอดูอย่างใจจดใจจ่อ ดูตอนแรก ก็ว่าน่ารักดี แต่มันแปลกๆ ยิ่งดู ยิ่งเสียความรู้สึก ฉันขอแสดงความเห็นแบบไม่อักคติ และไม่เปรียบเทียบกับ ทวิภพ เวอร์ชั่นเก่าน่ะค่ะ ฉันว่า "มณีจันทร์" ก๋ากั่นเกินงาม เป็นลูกผู้ดี มีการศึกษา แต่แสดงกิริยาไม่เหมาะสม "มณีจันทร์" เป็นสวยสมัยใหม่ก็จริง แต่ลืมไปรึป่าวค่ะว่า เป็นถึงลูกท่านทูต ควรได้รับการอบรมอย่างดี เพื่อการเข้าสังคม แต่กับแสดงกิริยา เหมื่อนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน ออกจะติงต๋องซะด้วยซ้ำ ... "คุณหญิงแสร์" ควรจะดูน่านับถือและน่าเกรงขามกว่านี้น่ะ น่าจะดูเหมือนดุ แต่จริง ๆ เป็นคนใจดี อะไรประมาณนั่น เพราะต้องปกครองคนมาก ๆ ก็ต้องดูเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่ที่ดูไม่เห็นรู้สึกแบบนั่นเลย??? "ประยงค์" ผู้หญิงที่ต้องอยู่ในวังไม่น่าจะมีเวลาให้แม่บังคบให้ตามจับผู้ชายขนาดนี้น่ะ มีบทบาทเยอะเกิน ไม่งามอีกเหมือนกัน ผู้หญิงผู้ชายสมัยก่อน ไม่ได้เจอกันง่าย ๆ ไม่ใช่เหรอค่ะ มีที่ไหนแม่เอาลูกใส่พานมาถวายให้ผู้ชายถึงบ้าน ... ยังมีเรื่องพระยอดเมืองขวางอีก ตกลงว่า "มณีจันทร์" ข้ามภพกลับไป ร.ศ. ที่เท่าไหร่กันแน่คะ การพิจารณาคดี ตัดสินว่าพระยอดเมืองขวางต้องจำคุก มันเกินขึ้นใน พ.ศ.2437 เท่ากับ ร.ศ.113 ไม่ใช่เหรอ ถ้า"มณีจันทร์" ย้อนกลับไป ร.ศ.112 จริง นั่นก็หมายความว่า การตัดสินคดีพระยอดเมืองขวาง ยังไม่เกิดขึ้นจริงไหม งงๆๆๆๆๆ ... มีอีกหลายอย่างที่ขัดความรู้สึกสุด ๆ อย่าง"กระจก" มันประหลาด ๆ อ่ะ ไม่เหมือนกระจกวิเศษเลย เหมือนตัวประหลาดมากกว่า เวลาที่กระจกแปรสภาพเป็นประตูกาลเวลา ทำไมต้องทำให้บานกระจกมันบิด ๆ เบี้ยวๆ ยืดออก ยุบเข้าด้วยอ่ะ แค่มั่วๆ มีควันออก ก็พอแล้วมั้ง อันนี้คงเป็นที่เทคนิค ไม่เกี่ยวกับคนเขียนบท แต่มันขัดความรู้สึก ก็เลยอดจะระบายออกมาไม่ได้ ยังมีอีกเยอะเลยค่ะ เยอะจริงๆ สรุปคือทวิภพ เวอร์ชั่นนี้ ฉันชอบแค่อย่างเดียว คือ เพลงประกอบละคร ค่ะ เพราะดี จากคุณ : meawzanarak เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 13:21:39