ความคิดเห็นที่ 1 มันเหลืองเน่าช้ากว่า แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 54 10:01:57 จากคุณ : เชนวู เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 10:01:43

ความคิดเห็นที่ 2 เพื่อเพิ่มมูลค่า เป็นหลัก สุขภาพตา+ การเก็บรักษาเป็นรอง จากคุณ : ผีเสื้อสมุทรประเภท2 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 10:05:44

ความคิดเห็นที่ 3 กรีนรีดเก็บได้นานกว่า เหลืองยากกว่า แล้วตามทฤษฎีแล้วจะมีแสงสะท้อนออกจากกระดาษน้อยกว่า ทำให้สายตาทำงานน้อยลง น้ำหนักเบา แล้วก็ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย อันนี้ตามที่เขาโฆษณานะครับ ถ้ายังไงลองดูข้อมูลของ SCG Paper ผู้ผลิตกระดาษถนอมสายตาเจ้าใหญ่ของบ้านเราก็แล้วกัน (แต่เท่าที่รู้มา สำนักพิมพ์ต่างๆ เค้าไม่ได้ใช้กระดาษของ SCG นะครับ แต่ก็เป็นประเภทเดียวกันนี่แหละ) http://www.greenread.com/product.php?pageIntro=1&cid=42 จากคุณ : Mikamura Kaoru เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 10:09:07

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเฉยๆ กับ กรีน "รี้ด" นะครับ ใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็ได้ แต่ถ้าทำแล้วมันทำให้หนังสือเพิ่มราคาก็ถือว่าดีครับ จะได้ซื้อน้อยลงสักที ฮา จากคุณ : โคลว "รี้ด" (ClowRead) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 10:16:06

ความคิดเห็นที่ 5 สนพคงต้องออกสองรุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการแบบสุดกู่ทั้งสองทาง แบบราคาถูกที่ฉีกไปเช็ดก้นก็ไม่เสียดาย กับแบบโคตรแพง ที่แค่ฉีกพลาสติกหุ้มก็ยังเสียดาย จากคุณ : i3ulv เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 10:16:41

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับเรานะ ไม่จำเป็นต้องเป็นกรีนริ้ดก็ได้ เพราะถ้าเป็นของเรื่องที่อยากได้จริงๆ ไงก็ซื้อ แต่ถ้าทำเป็นกรีนริ้ดออกมา แล้วแพงเว่อร์ซะ เรื่องที่อยู่ในการพิจารณาว่าจะซื้อรึเปล่า จะกลายเป็นไม่ซื้อไปซะ บางทียังเคยคิดเลยว่า ทำเป็นกรีนรี้ดทำไมว้า ราคาอัพขึ้นอีกและ ก็อย่างว่าคนมันงบน้อยอ่ะนะ - -" จากคุณ : ร้านรับจ้างสารพัด เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 10:40:24

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่จำเป็นต้อง Green Read ก็ได้ครับ เพราะที่ทำงานผมใช้ "กระดาษถนอมสายตา" ทำการ์ตูน จากคุณ : first001@hotmail.com เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:08:06

ความคิดเห็นที่ 8 ผมมองว่า มันมีคุณค่าในการสะสมมากกว่า จากคุณ : โลมาจิ๋ว เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:16:59

ความคิดเห็นที่ 9 ทำไมต้อง "กรีนริ้ด",กระดาษถนอมสายตา - สามารถ ตั้ง/อัพ/ขึ้น ราคาการ์ตูน ได้แบบไม่น่าเกลียด... ส่วนประเด็นเรื่อง เก่า-ทนทาน-สีเปลี่ยน คงต้องใช้เวลาเป็นข้อพิสูจน์ก่อนจะเชื่อคำโฆษณา จากคุณ : A... เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:17:48

ความคิดเห็นที่ 10 ทำไมพี่ผมบอกพวกกระดาษถนอมสายตาถูกกว่ากระดาษขาว(เพราะไม่ต้องฟอกสี) แล้วทำไม่ถึงต้องอัพราคารล่ะ ปล.ผมไม่คอนเฟิร์มนะ จากคุณ : copycat_7th เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:23:15

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับผมอยากให้มันเป็นทางเลือกของนักสะสมมากกว่า เพราะส่วนตัวคนที่ทำงานแล้วส่วนใหญ่ก็จะซื้อเพื่อสะสมบางคนก็อาจจะมีคนที่อยากซื้อแบบดีๆเพื่อสะสมเลยก็มี คือถ้ามี 2แบบให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและกรีนรี้ดก็จะดีมาก จากคุณ : bigcy เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:23:34

ความคิดเห็นที่ 12 ข้อดีของกรีนรีดที่เจอมา - กระดาษเก่าช้าไม่ค่อยเหลืองเคยเก็บเรื่อง ชี เก็บแบบทิ้งๆข้วางๆด้วยกระดาษก็ยังดีอยู่เลยค่ะไม่เหลือง - ภาพก็พิมชัด หมึกไม่ติดมือ (แต่เจอ ยาคุโมะ ของ ned นี่แหละหมึกเปื้อนมือ - -") แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 54 11:46:37 จากคุณ : แมวอ้วนตัวลาย เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:46:14

ความคิดเห็นที่ 13 ยังไงก็ได้ แต่เรื่องไหนที่เปลี่ยนมาเป็น GR แล้ว... ช่วยกลับไปทำเล่มก่อนหน้านี้ด้วย = ='' จากคุณ : บอนตะคุง เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:48:20

ความคิดเห็นที่ 14     เอาข้อมูลกันแบบแฟร์ๆ เลยนะครับคือราคาการ์ตูนในบ้านเรามัน "ถูกเกินไป" เดี๋ยวต้องมีคนมาพูดแน่ๆ ว่าการ์ตูนก็ราคาเท่ากับข้าวจานหนึ่ง ที่ญี่ปุ่นก็เท่านี้ ที่อเมริกาก็เท่านี้รบกวนใครติดใจประเด็นนี้ขอให้อ่านที่ผมลงไว้นี่ก่อนนะครับ แต่ใครไม่ติดใจก็ข้ามไปเลย >>>ราคาการ์ตูน ดัชนีข้าว ดัชน นีแมค.... วันก่อนมีคนถามเรื่องราคาหนังสือบ้านเราว่าทำไมการ์ตูนมันแพงหนักหนา อืม...ผมมองดูราคาการ์ตูนเล่มหนึ่ง 45 บาทคิดคำนวณต้นทุนในใจเสร็จสรรพแล้วคิดในใจว่า "คนทำการ์ตูนลิขสิทธิ์นี่เก่งเนอะที่ทำราคาที่เท่านี้ได้" ผมถามเขาว่าการ์ตูนถ้าเทียบกับหนังสือหรือความบันเทิงประเภทอื่นๆ นี่ถูกออก "เขาบอกว่าดูซิพี่ราคาการ์ตูนบ้านเราเนี่ยเกือบเท่าราคาข้าวตั้ง 2 จาน อย่างในประเทศอื่นๆ เทียบกับค่าครองชีพเขาแล้วอยู่ที่ราคาข้าวหนึ่งจานเท่านั้นเองนะ การ์ตูนบ้านเราแพงจะตาย?"(เป็นข้อเปรียบเทียบประจำที่ได้ยินเวลาเทียบเรื่องนี้) ผมอึ้งไปพักหนึ่งคิดในใจต่อก็จริงแฮะว่าการ์ตูนบ้านเราเท่าข้าว 2(1.5 ละกันนะ)จานจริงๆ ด้วย ในญี่ปุ่นอยู่ที่ ราวๆ 400 เยนก็ราวๆ บะหมี่หนึ่งชาม แพงกว่าแม็คในญี่ปุ่นนิดหน่อย (บิ๊กแมคญี่ปุ่นราวๆ 300 เยน) อืมการ์ตูนในบ้านเราคงจะแพงจริงๆ แหละนะ ไม่ช่ายยยยยยเฟร้ยยยยยยยยยย!!!!    อืม อ่า นะ...ใจเย็นลงนิดนึง ต้องบอกก่อนนะครับว่าการเปรียบเทียบแบบนี้เป็นการปิดตาข้างเดียวพูด ขอย้ำว่าประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารนะครับ เราไม่สามารถนำราคาอาหารในประเทศเราไปเปรียบเทียบกับราคาสินค้าอื่นๆ ได้ เพราะอาหารในไทยนั้น ถูกมากกกกกกกก...หากเราอยากเปรียบสินค้าใดๆ ในบ้านเราว่าถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ขอให้ใช้สินค้าที่มีค่ามาตรฐานเหมือนกันด้วย ในญี่ปุ่นอาหารถือเป็นสินค้าที่มีราคาแพงเอาการ หรือจะเรียกว่ากลางๆ ก็ได้สำหรับเขา แต่ในบ้านเราอาหารถือว่าถูก ทั่วโลกต่างพูดว่าเมืองไทยเป็นสวรรค์เพราะของมันถูกโดยเฉพาะของกิน     เช่นหากจะเปรียบราคาการ์ตูนบ้านเราต้องยกไปเทียบกับสินค้านำเข้าที่ทั้งเราและญี่ปุ่นนำเข้าโดยมีอัตราการเสียภาษีที่ใกล้เคียงกัน และในกรณีนี้ผมขอแนะนำ Mc Donald ผมไปมาหลายประเทศราคาแมคนั้นส่วนใหญ่ต่างกันไม่เกิน 20% ( จริงๆ เอาชัวร์ต้องเหมือนกันเลยแต่อัตราแมคก็ถือว่าใช้วัดได้คร่าวๆ )บิ๊กแมคบ้านเรานั้นอยู่ที่ 62 บาท การ์ตูนบ้านเราอยู่ที่ 45 บาท คิดเป็น 3/4 จากราคาแม็ค ในญี่ปุ่นการ์ตูนทั่วไปอยู่ที่ 390 เยน บิ๊กแมคที่ราคา 300 เยน(90 บาท) ราคาการ์ตูนอยู่ที่ 4/3....มองเห็นอะไรลางๆ ใหมครับ...     ในไต้หวันการ์ตูนอยู่ที่ 100-120 เหรียญ บื๊กแมคราวๆ 80-90(90บาท) เหรียญ คิดเป็น 4/3 เช่นกัน ในอเมริการาคาการ์ตูนอยู่ที่ราวๆ 10 US บิ๊คแม๊คอยู่ที่ 3 เหรียญ(95 บาท)!! คิดเป็น 10/3 เราจะเห็นได้ว่าราคาแม๊คทั่วโลกนั้น ใกล้กันแต่ราคาหนังสือต่างกันมากมายแต่ข้อสรุปหนึ่งคือการ์ตูนญี่ปุ่นในบ้านเราถูกมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ แม้แต่เทียบกับประเทศผู้ผลิตอย่างญี่ปุ่นซึ่ง "หนังสือ" ในประเทศนี้เมื่อเทียบกับค่าครองชีพในบ้านเขาถือว่าถูก บ้านเราดันถูกกว่าอีกร่วม 40% (แม้แต่แมคในบ้านเราก็ยังถูกเพราะมันเป็นอาหาร ต่อให้ขายเท่าแมคก็ควรถือว่าถูกตาม "กลไก" ค่าครองชีพที่แท้จริงแต่การ์ตูนเรายังถูกกว่านั้นอีก) แถมยอดพิมพ์ในบ้านเราต่ำกว่าเขาหลัก 10 เท่า "ตลกดีที่นิยายบ้านเรากับประเทศในเอเชียนี่ราคามัน "พอๆ กันแต่เราเคยชินกับว่าการ์ตูนต้องราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุดๆ" เชื่อใหมว่าถ้าราคามันสูงมาตั้งแต่ต้นคนจะไม่บ่นกันมากขนาดนี้ ยอดพิมพ์ก็ไม่ตกลงเท่าไหร่ด้วย )ของบางอย่างมันไม่เกี่ยวกับราคา ตั๋วหนังในบ้านเราแพงขึ้น 4 เท่าใน 20 ปี แต่ยอดคนดูหนังเพิ่มขึ้นมากมาย ในขณะที่การ์ตูนบ้านเราราคาขึ้น 4 เท่าใน 20 ปี ยอดพิมพ์มีแต่ต่ำลงๆๆๆๆ อะไรหนอเป็นปัจจัย<<< อันนี้เป็นบทความเก่าที่ผมเขียนไว้นานราวสองปีกว่าแล้ว ราคามีการปรับไปบ้าง แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 54 11:53:07 จากคุณ : Aha301 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:50:14

ความคิดเห็นที่ 15 แต่ถ้ามองในมุมคนทำผมมองว่า"กระดาษถนอมสายตา"ภาพสวยกว่า ทนกว่า แต่แน่นอนราคาแพงกว่า(2เท่า)จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกผลิตขึ้นมาในราคาเดียวกัน แน่นอนทุกคนคงเถียงว่ามันแพง แต่ผมมองว่าสำหรับบางคนการ์ตูนเป็น สมบัติ จึงอยากเก็บรักษาไว้อย่างดี ดังนั้นถ้าใช้ของดีที่สุดเท่าที่จะทำขายได้ผลิตขึ้น น่าจะดีกว่าจริงมั้ยล่ะครับ จากคุณ : first001@hotmail.com เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:52:47

ความคิดเห็นที่ 16 และหลายๆ สนพ.ก็เริ่มมาเจอข้อจำกัดเรื่องราคากันแล้ว การจะเพิ่มมูลค่าราคาก็ต้องเพิ่มมูลค่าหนังสือด้วย ฉะนั้นก้เลยต้องปรับกระดาษลง Q:คนซื้อก็น้อยลงไม่มีปัญหาหรือ? A:ถ้าได้กำไรเท่ากันการพพิมพ์จำนวนเล่มที่น้อยลงย่อมประหยัดกว่า ทั้งเวลาการพิมพ์ ค่าสต็อคหนังสือ ค่าขนส่งหนังสือ....ส่วนนี้คือ "กำไรที่เพิ่มขึ้น" Q:ราคาที่เหมาะสมอยู่ที่เท่าไหร่? A:ไม่รู้แต่รู้ว่าบิ๊กบุค กรีนรี้ด การปรับราคาพื้นฐานเพื่อทำราคาจะยังออกมาอีกเยอะ Q:ราคาไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชนในการอ่าน? A:ปกติก็นิยมพูดกันอยู่แล้วการ์ตูนไม่ใช่แค่เรื่องสำหรับเด็ก...และที่สำคัญการ์ตูนในหมวดเด็กจริงๆ แพงกว่านี้อีก เอาคร่าวๆ ก็เท่านี้แหละครับ ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ (แต่อาจไม่มีเวลามาคุยมากนะครับ) จากคุณ : Aha301 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 11:59:20

ความคิดเห็นที่ 17 แต่เราว่านะ ถ้าแพงมาก เราก็ซื้อได้จำนวนเรื่องน้อยลงนะ  เพราะรายได้เพิ่มไม่ทันกับรายจ่ายจ้า  ถามว่าหนังสือการ์ตูนเก่าเป็น 10 ปี ก็มีแค่กระดาษเหลือง กรอบบ้าง นอกนั้นก็ยังอ่านได้นะ  เห็นบางเล่น 125  บาทเสียวเลย จากคุณ : ผึ้งน้อยafet เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 12:33:45

ความคิดเห็นที่ 18 ลืมบอก เห็นพี่เราเคยบอกว่าภาษีกระดาษของเราแพง จริงหรือเปล่าคะ จากคุณ : ผึ้งน้อยafet เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 12:36:31

ความคิดเห็นที่ 19 ก็ต้องหวนกลับไปดูคุณภาพด้วย ดอง แปลมั่ว ออกช้า ลอยแพ พวกนี้ เทียบกับแมค ได้หรือครับ ไปสั่ง อาหารเป็นเซ็ท อยู่ๆหยุดเสริ์ฟ อย่างนี้มีหรือครับ ความเสี่ยงผู้บริโภคมีอยู่สูงมาก  ไม่ต่างจากการซื้อล๊อตเตอรี่เลย จากคุณ : วันที่คนชั่วครองเมือง (red01) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 12:43:53

ความคิดเห็นที่ 20 มักมีนักอ่านหลายคนว่าคุณภาพแค่นั้นราคามากกว่านี้ได้ไง... ในมุมกลับก้คือ "เพราัะราคาแค่นี้เลยได้คุณภาพเท่านั้น" ประเด็นน่าสนใจครับ นักแปลการ์ตูนเล่มหนึ่งได้่าแปลเฉลี่ยเล่มละ 3000 บาท แปลนิยายเล่มหนึ่งได้ 30000+ บาท การ์ตูนไม่ได้แปลง่ายกว่านิยายนะครับ ง่ายแค่จำนวนตัวหนังสือมัน "น้อยกว่า" แค่นั้น ระยะเวลาในการแปลเดือนล่ะ 2 เล่ม (ราวๆ) ถามว่าคุณจะได้นักแปลระดับไหนมาแปลครับ? และไอ้เล่มที่แปลดีๆ กันอยู่น่ะเพราะใจรักทั้งนั้นแหละครับ คนที่อยู่ในสายการแปลจริงๆ รู้ตัวดีว่าไปรับแปลนิยายเงินดีกว่าเยอะ Q:ทำไมการ์ตูนไม่จ้างนักแปลดีๆ ล่ะ? A:ราคาในปัจจุบัน อยากจ้างดีๆ ก้ไม่ไหวหรอกครับแค่นี้ก็กำไรไม่เยอะอยู่แล้ว Q:หนังสือนิยายพิมพ์ดีๆ เคลือบด้าน อาบ UV อย่างดีกระดาษกรีนรีด ทำไมทำได้ A:รู้ใหมว่าลิขสิทธิ์นิยายกับการ์ตูนน่ะคิดเป็นเปอร์เซนต์พอๆ กัน ค่าพิมพ์พอๆ กัน(แตกต่างนิดหน่อย) นิยายขายราคา 170 บาทขึ้นไปทั้งสิ้น แต่การ์ตูนเริ่มที่ 45 บาท และที่สำคัญนิยายขายดีที่ขายๆ กันอยู่ในปัจจุบันยอดพิมพ์เท่าการ์ตูนหรือมากกว่าและคนซื้ออยู่ในช่สง "ม.ต้น-ม.ปลาย" ทำไมเด็กมีเงินซื้อนิยายไม่บ่นว่าแพงซักแอะ แล้วการตูนถูกว่าเกือบ 4 เท่าถึงแพง? จากคุณ : Aha301 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 13:42:11

ความคิดเห็นที่ 21 โลกนี้มีกระดาษ "ถนอมสายตา" หลายยี่ห้อ กรีนรีด แค่ยี่ห้อหนึ่งในโลก บางสนพ.ใช้กระดาษถนอมสายตาคนละเกรดกับกรีนรีด แต่คนซื้อแยกไม่ออกก็มีนะ ใครว่ากรีนรีดไม่เหลือง ? "กรีนรีด" ยุคแรกในบ้านเรา ปัจจุบันอายุราวๆ 15 ปีขึ้น ก็เริ่มมีเหลืองแล้ว ขนาดเก็บอย่างดีในห้อง แต่ยุคหลังๆ ไม่รู้ เทคนิคการผลิตกระดาษอาจจะเปลี่ยนไป สมัยก่อน พิมพ์สีบนกรีนรีดไม่ได้ด้วยซ้ำไป สีแตกเละ ปัจจุบันพิมพ์สีลงกรีนรีดสวยกว่ากระดาษปอนด์เสียอีก รอดูอีกสัก 10- 20 ปีก่อนดีกว่า กรีนรีดราคาแพงกว่าชาวบ้าน ? ตอบคือใช่ เพราะเขาเป็นเจ้าตลาดอยู่  นี่ก็ร่ำๆ ว่าจะขอให้ก.พาณิชย์ตั้งกำแพงภาษีนำเข้ากระดาษให้เยอะๆ เพื่อคุ้มครองกิจการของเขา เพราะที่ผ่านมาโดยกระดาษจากประเทศอื่นเข้ามาตีตลาดเยอะ โดยเฉพาะเกาหลี จีน ญี่ปุ่น และอเมริกากลาง ใครบอกว่า เปิดเสรีอาเซียนปี 2555 จะทำให้กระดาษถูกลง คำตอบคือไม่ เพราะในอาเซียน เราเป็นคนส่งออกกระดาษด้วย ส่วนประเทศอื่นส่งออกน้อยกว่า แล้วมันจะถูกกว่าได้ไง ?  กระดาษที่ถูกๆ มันไม่ได้มาจากประเทศในแถบอาเซียนหรอก แล้วทีนี้จะเจอกำแพงภาษีอีก มันจะถูกลงได้ไง โดยส่วนตัวคิดว่า ใช้กระดาษปอนด์ดีที่สุด ยกตัวอย่าง TMCX ได้เลย ข้อเสียมีอย่างเดียวคือมันหนัก - - จากคุณ : ตามนั้นแหละ (code36) เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 13:46:55

ความคิดเห็นที่ 22 พิมพ์ใส่กระดาษทิชชู่ผมก็ซื้อ  ถ้ามันกล้าเอามาขาย จากคุณ : verjil เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 14:30:40

ความคิดเห็นที่ 23 กรีนรี้ดมันสีเหลืองอยู่แล้วนิ (ขำๆนะ) ทำความเข้าใจกันก่อนว่า กรีนรี้ด ไม่เท่ากับ กระดาษเนื้อสีเหลือง เสมอไปนะคะ กรีนรี้ดคือกระดาษที่ลดแสงสะท้อนเวลาอ่าน เห็นเนื้อสีเหลืองๆ บางทีไม่ใช่กรีนรี้ดค่ะ กระดาษมีแต่ขึ้นค่ะ จากที่ทำงานคลุกคลีกับสิ่งพิมพ์มาเกือบสิบปีแล้ว กระดาษมีแต่ขึ้นๆๆๆๆ ขึ้นจนถึงขนาดที่ว่า หนังสือที่ขายดียาวหลายๆปี ยิ่งรีปริ้นยิ่งกำไรน้อยค่ะ(เพราะราคาขายเดิม ต้นทุนเพิ่มตลอด) หนังสือเลยต้องมีการอัพเดตเปลี่ยนปกหรืออะไรก็ว่าไปเพื่ออัพราคาขายให้ทันค่ากระดาษที่ขึ้น ตอบ จขกท เราเป็นคนอ่านเร็ว การ์ตูนไม่จำเป็นต้องกรีนรี้ดก็ได้ค่ะ จากคุณ : ban_ri เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 14:31:24

ความคิดเห็นที่ 24 ตามคุณ Aha เลย ส่วนเรื่องราคากระดาษ เพิ่งอ่านข่าวเมื่อเร็วๆ นี้  ว่าบ้านเรามีผู้ผลิตรายใหญ่ผูกขาด  (ลืมแล้วแฮะว่าใคร.. คุ้นๆ ว่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจ)  ตั้งราคาขายแพงกว่ากระดาษนำเข้าจากจีน  (ทั้งที่กระดาษนำเข้าก็เก็บภาษีแพงอยู่แล้ว)  ทำให้ราคากระดาษขึ้นเอาๆ ผมว่าการ์ตูน 45 บาทน่ะ ไม่แพง เพราะต้นทุนพวกนั้นมันมาตามนั้น มีค่าสายส่ง ค่ายี่ปั๊วซาปั๊ว ค่าลิขสิทธิื์ ฯลฯ    55 บาท ถ้าใช้กระดาษดีก็ ok  แต่ถ้าทำแบบกากๆ แปลแบบห่วยๆ พิสูจน์อักษรมั่วๆ  แบบนี้สิเรียกว่าแพง เพราะพวกนี้มันเป็น fix cost ที่ถ้าจ้างพิสูจน์อักษรกับ บก.มาคอยคุมคุณภาพ งานก็จะดีขึ้นได้โดยไม่อิงราคากระดาษ  จริงๆ สนพ.ในไทยควรจะลดคนแต่งภาพตัวอักษรลง ใช้ตัวญี่ปุ่นแล้วเขียนคำแปลกำกับเอาข้างใต้ (ยกเว้นอักษรศีลธรรม มีไว้ใส่เพิ่มพิเศษ ฮา)  แบบพวกของฝรั่ง  แล้วเอาเงินไปใส่ใจกับการแปล/พิสูจน์อักษร ให้มากกว่านี้ จากคุณ : AccBLue เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 15:19:53

ความคิดเห็นที่ 25 การ์ตูนท่านใช้เวลาอ่าน 45 นาที - 1 ชม. แต่ผมอยากใช้เวลากับมันสัก 1-2 ชั่วอายุคนครับ ราคา 45 บาทซื้อมาอ่านแล้วโยนทิ้งก็ออกจะแพงเกินไปสำหรับผม 65 บาทซื้อมาให้ลูกหลานอ่าน ผมว่าคุ้มเกินคุ้มครับ การ์ตูนเล่มแรกๆ ของค่าย LP ของผมยังไม่เหลืองเลย (จริงๆต้องบอกว่า นิยายเล่มแรกสุดของ Bliss ก็ยังไม่เหลืองเท่าไหร่ และไม่เหม็นด้วยนะ) จึงคาดดว่า กรีนรีด หรืออะไรก็ได้ครับที่อยู่ได้นานๆ ผมโอเค จากคุณ : TamanXZG เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 17:49:57

ความคิดเห็นที่ 26 กรีนรี๊ดตอนนี้สีกระดาษยังไม่เปลี่ยนเลยแต่ที่ซื้อมาพร้อมๆกันที่ไม่ใช่กรีนรี๊ดเหลืองซะแล้ว จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 19:47:41

ความคิดเห็นที่ 27 สำหรับท่านที่สงสัยว่าบ.ไหนผูกขาดการค้ากระดาษในประเทศไทย ผมอาจมีคำตอบให้ท่าน...จาก นสพ.ไทยรัฐฉบับวันที่ 26/27(แล้วแต่ท้องถิ่น) ส.ค. 2554 หน้า 5 คอมลัมภ์ หมายเหตุประเทศไทย โดย ลม เปลี่ยนทิศ บทความดังกล่าวให้ข้อมูลว่า บ.ที่ผูกขาดการค้ากระดาษในประเทศไทยคือ เอสซีจี เปเปอร์ เป็น บ.สังกัด เครือซีเมนต์ไทย และเป็นบ.นี้แหละที่ขอให้รัฐบาลขึ้นภาษีกระดาษที่นำเข้าจาก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และอินโดนีเซียขึ้นอีก(จากปัจจุบัน 0 - 5%) ถ้าหากได้รับการตอบรับจริงอัตราภาษีกระดาษที่นำเข้าจะขึ้นหฤโหดมาก จีน 17.64%, อินโดนีเซีย 6.62%, เกาหลี 5.85%, ญี่ปุ่น 43.01% และไต้หวัน 54.58% http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1314163790&grpid=00&catid=&subcatid= อนึ่งนอกจากบ.นี้แล้วยังมีบ.ในวงการกระดาษที่ใหญ่ๆอีกแห่งหนึ่งคือ กระดาษ AA จากคุณ : HotSmile เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 20:31:53

ความคิดเห็นที่ 28 คืออยากจะบอกว่า    ผมเคยสอบถามกับคนในวงการกระดาษมาแล้ว     เจ้าตัวยืนยันชัดเจน     ว่ากระดาษถนอมสายตารึกรีนรีดนี่น่ะ     คุณภาพไม่ได้ดีเด่อะไรหรอก      สู้กระดาษปอนด์แบบ TMCX ไม่ได้เลย     จะว่าถนอมสายตาก็ไม่ได้ให้ผลชัดเจนอะไรขนาดนั้น      แต่ที่ขายในราคาที่สูงกว่ากระดาษปกติก็เพราะคำว่า "การตลาด" คำเดียว        สร้างภาพว่ากระดาษแบบนี้ช่วยถนอมสายตาได้เป็นอย่างดี     แล้วก็ขายราคาสูงๆคนก็เชื่อโฆษณาชวนเชื่อ     และฝังหัวกันว่ากระดาษชนิดนี้เป็นกระดาษชั้นสูงคุณภาพดีที่สุด จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 23:04:13

ความคิดเห็นที่ 29 เลือกเฉพาะเรื่องฮิตๆ แล้วทำลิมิตเต็ดก็ได้ครับ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันทำมันทุกเรื่อง - -" จากคุณ : RyanUtd เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 54 23:57:40