The Man Wonder "โป๊บ ธนวรรธน์" นักสู้พิสูจน์ฝัน
สตาร์ยุคใหม่ไม่ได้ขังตัวเองเอาไว้แค่ในสูทคัตติ้งคมหรือมาดพระเอกสุดเนี้ยบอีกต่อไป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ขอฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆของการเป็นคนดัง ด้วยภาพลักษณ์เรียบง่ายไร้การเติมแต่ง และบทพิสูจน์ฝีมือด้านการแสดงที่มาพร้อมจังหวะชีวิตที่แสนลงตัว
จะมีคนดังสักกี่คนที่ตรงต่อเวลา โดยเฉพาะในวันที่เรานัดกันแต่เช้าเพื่อถ่ายคอลัมน์สัมภาษณ์ โป๊บ หรือธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ดาราหนุ่มที่กำลังมาแรงในชั่วโมงนี้คือหนึ่งในนั้น พอเข็มนาฬิกาเดินมาถึงเลขสิบตามเวลานัด รถสปอร์ตสีขาวก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสตูดิโอทันที เพียง 5 นาทีแรกก็เห็นได้ชัดว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าช่างเป็นคนสบายๆเสียยิ่งนัก ด้วยลุคเสื้อยืดสีเทาตัดกับกางเกงยีนส์สีเข้ม รองเท้าผ้าใบ และเมนูง่ายๆอย่าง ข้าวผัดแหนม ซึ่งระหว่างสนทนายิ่งทำให้รู้ว่าชีวิตหนุ่มหล่อคนนี้แสนจะติดดินและคุยสนุกกว่าที่คิด
เราคุยกันหลายเรื่อง ตั้งแต่วัยเด็กที่แสนจะขี้อาย งานแรกเมื่อเข้าวงการ ความหลงใหลในศาสตร์การแสดง ชีวิตในรั้วโรงเรียนศิลปะที่หล่อหลอมให้เขามองโลกแตกต่างจากเดิมไปจนถึงความรักที่ผิดหวัง ผมไม่เคยเห็นภาพตัวเองมีครอบครัวเลย ไม่ใช่ไม่เชื่อเรื่องนี้นะครับ คือทุกคนต้องมีภาพการแต่งงาน มีชีวิตครอบครัว แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นภาพตัวเองแบบนั้น โป๊บบอกกับแอล ผมเคยผิดหวังเรื่องความรัก แต่คิดว่าถ้ายังปรับตัวให้ดีกว่านี้ไม่ได้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน อาจนั่งคุยระบายกับคนที่บ้านหรือเพื่อนสนิทที่เข้าใจบ้าง มันเป็นความรู้สึกหลายอย่างผสมกัน ทั้งทุกข์ใจ เสียใจ ทุกคนอยากสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่เวลาจะทำให้เราผ่านไปได้
โป๊บเล่าถึงช่วงเวลาที่ตัวเองผิดหวังแต่ยังได้กำลังใจจากเพื่อนฝูงและครอบครัว โดยเฉพาะแม่ผู้เปรียบได้กับแสงสว่างหลังจากรักดับมืด หลักธรรมคำสอนที่ฟังมาตั้งแต่เด็กทำให้เขาเข้าใจโลกตามสภาพความเป็นจริงมากขึ้น แม่เป็นคนที่ผมคุยด้วยทุกเรื่อง คำแนะนำของแม่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับธรรมะ อย่างเรื่องความรัก แม่บอกผมตลอดเวลาที่ผิดหวังว่าเขาไม่ใช่คู่ของเรา ไม่ว่ายังไงก็ต้องจากกัน มันเป็นเรื่องของเวรกรรมที่ทำให้เรามาเจอกันเท่านั้นเอง
เมื่อเล่าถึงเรื่องความผูกพันในครอบครัว แววตาสนุกก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที โป๊บเล่าถึงตัวเองอย่างอารมณ์ดีว่าเป็นเด็กผู้ชายแก่นๆที่สถาปนาตัวเองเป็นหัวโจกแถวบ้าน ติดขี้อายและไม่กล้าแสดงออก โดนแม่และพ่อทำโทษเป็นประจำเวลาเกเรหรือเรียนได้เกรดไม่ดี ผมเป็นลูกคนเล็ก มีพี่สาวคนหนึ่งห่างกัน 45 ปี เป็นคนนิ่งๆ ผมชอบแหย่พี่สาว ที่แกล้งเพราะรักนะครับ นอกจากนี้ เด็กชายโป๊บยังมีความสุขกับการเตะบอลกับเพื่อนฝูงมาก และแอบเบ้หน้าทุกครั้งเวลาครูเรียกให้ไปแสดงบนเวที ตอนเด็กๆครูชอบให้ผมออกไปรำไทย เราไม่ได้ชอบแต่ครูให้ทำก็ต้องทำ พอโตขึ้นยิ่งไม่ชอบ รู้สึกว่าดาราต้องขี้เก๊ก ต้องทำตัวหล่อตลอดเวลา ผมถึงไม่คิดจะยุ่งหรือไม่เคยแสดงอะไรอีกต่อไปเลย
แม้จะไม่ชอบการแสดง แต่การแสดงออกผ่านงานศิลปะกลับเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีและตัดสินใจเอาดีด้านนี้แทน ชีวิตในรั้ววิทยาลัยช่างศิลป์และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังของหนุ่มคนนี้แสนเรียบง่าย โป๊บออกตัวว่าไม่ใช่หนุ่มพิมพ์นิยมที่เซอร์สุดชีวิต ไว้ผมยาว มีโลกส่วนตัวสูงและเข้าถึงยาก เพื่อนผมส่วนมากจะออกแนวมึนๆ ฟุ้งๆ อาร์ตๆหน่อย แต่ผมจะรู้สึกว่าทำไมเพื่อนเราต้องไว้ผมยาว นั่งวาดรูปมึนๆ ทึมๆ พูดจาอะไรไม่รู้เรื่อง ผมพูดจาปกติ ไม่ได้ไว้ผมยาว เรียนเสร็จก็กลับบ้าน ผมมีเพื่อนหลายกลุ่ม แต่ไม่ชอบอยู่หอกับเพื่อนหลังเลิกเรียน ผมมีความสุขกับการกลับบ้านมาเตะบอลกับเพื่อนอีกกลุ่มมากกว่า
แอลถามว่าศิลปะให้อะไรกับโป๊บบ้าง ทำให้เป็นคนมองโลกอีกแบบหนึ่งครับ การมองอย่างศิลปะคือมองให้ลึกขึ้นไปอีก ทำให้เราไม่ด่วนตัดสินว่าสิ่งนี้สวยหรือไม่สวย ถ้าผมไม่ได้เรียนศิลปะคงไปเอาดีด้านฟุตบอลแทน เพราะตอนเด็กๆผมเป็นคนที่เล่นกีฬามาตลอด เพื่อนๆในวัยเรียนของเขาต่างพูดตรงกันว่าเขาเป็นคนขี้บ่นมากถึงมากที่สุด ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธ แถมให้เหตุผลว่าที่พูดเยอะเพราะบางทีเพื่อนทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เพื่อนชอบบอกว่าผมเป็นคนขี้บ่น (หัวเราะ) ผมไม่ใช่ตัวโจ๊กของกลุ่ม แต่ความที่เพื่อนเราไม่ค่อยรักษาคำพูด เป็นเหมือนกันหมด อย่างบางทีนัดแล้วก็ไม่ไป หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งผมไม่เข้าใจ ผมเลยบ่น จริงๆไม่มีอะไรหรอก บ่นไปอย่างนั้นแหละ เพื่อนสนิทจะรู้ดีว่าเดี๋ยวผมก็จบและเลิกบ่นไปเอง
ความมุ่งมั่นกับกีฬาฟุตบอลจนผ่านการคัดเลือกระดับโรงเรียนหลายต่อหลายครั้งทำให้ผู้ชายสบายๆคนนี้มีสาวๆมารุมล้อมตั้งแต่เด็กๆ ผมคิดว่าตัวเองหน้าตาธรรมดา กลับไปดูรูปตอนม.ต้นรู้สึกว่าหน้าตาอุบาทว์มากด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นฮอตนะ รุ่นน้องรุ่นพี่ตามส่งดอกไม้ให้ แอบสงสัยว่าเราดูดีหรือนี่ ตัวดำ เตะบอล แถมผอมมาก ที่ผ่านมาผมไม่เคยมีแฟนสวยจัดๆเลยนะ มีแต่ผู้หญิงธรรมดามาตลอด เพื่อนผมบางคนไม่หล่อแต่มีแฟนสวยทุกคน ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็อยากได้แฟนแบบนี้ทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าใครจะเจอ ซึ่งผมไม่ค่อยได้เจอ (อมยิ้ม)" ■
:: Read more from ELLE Magazine - September 2011 ::
จาก http://www.elle.co.th/elle-profile/1095/the-man-wonder-
จากคุณ |
:
tanthana
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ย. 54 12:10:32
|
|
|
|