จากพระมเหสีถึงพระสนมจาง..ของเล่นในเกมแห่งอำนาจของซุกจง

ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์กับละครที่อาศัยประวัติศาสตร์มาเป็นพื้นหลังอย่างทงอี จอมนางคู่บัลลังก์ ซึ่งล่าสุดที่ช่อง 3 ฉายนั้น ทงอีได้เข้าไปเป็นสนมแล้วตามพระประสงค์ของพระเจ้าซุกจง แต่ดูเหมือนว่าชีวิตในฐานะเมียอีกคนของพระราชาจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เพราะบรรดาก๊วนการเมืองฝ่ายใต้นั้นดูจะไม่ยอมด้วยหลายสาเหตุ
     
      และหลายสาเหตุที่ว่าก็เป็นความเสี่ยงที่จะทำให้อำนาจของพวกเขาต้องสั่นคลอนทั้งนั้น ผลของการต่อต้านเรื่องนี้ก็ทำให้องค์ราชาต้องเสียน้ำตาไปยืนกอดกับทงอีอยู่ริมหน้าผากันทีเดียว
     
      ฉากนี้ทำเอาแม่บ้านของผมถึงกับขอเปลี่ยนช่องเนื่องจากเธอบอกว่า รำคาญมากกับความไม่เด็ดขาดของพระเอกหรือพระเจ้าซุกจงในเรื่อง
     
      แต่ภาพแบบนี้ในประวัติศาสตร์จริงนั้นไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นครับ เพราะ ตัวจริงของพระเจ้าซุกจงแห่งโชซอนนั้นมิใช่คนประเภทที่จะร้องไห้ร้องห่มแบบนั้นเลย ละครเรื่องนี้ปั้นเรื่องให้ซุกจงกลายเป็นคนที่ดูจะอ่อนแอและไม่เก่งเอาเสียเลย พูดให้ไกลกว่านั้นคนรอบข้างของซุกจงก็ไม่เก่ง โดยเฉพาะกองของผู้บังคับการซอที่ก็ไม่เห็นจะสืบอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันจนทุกเรื่องที่ออกมานั้น ออกมาเพราะตัวนางเอกทงอีทั้งสิ้น
     
      ตามประวัติของพระเจ้าซุกจงนั้นแกไม่ได้มีเมียแค่ที่เห็นในเรื่องนะครับ แฟนๆของ จีจินฮี ดาราที่รับบทเป็นพระเอกในเรื่องนี้ก็ต้องทำใจหลายเรื่องหน่อย ประการแรกนักประวัติศาสตร์มีข้อสรุปว่า ความรักของพระเจ้าซุกจงนั้นอยู่บนพื้นฐานเพื่อการกระชับอำนาจของก๊วนการเมืองทั้งสิ้น เพราะ เมียแกแต่ละคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนของก๊วนการเมืองเข้ามาทั้งสิ้นตั้งแต่เมียคนแรกคือ มเหสีอิงยอง (Queen Ingyeong) ก็แต่เพื่อสืบทอดอำนาจให้แก่ก๊วนตะวันตกซึ่งเป็นพวกตระกูลคิมและเป็นตระกูลของแม่แก ขณะที่เมียคนที่สองคือพระมเหสีอินฮยอนก็เช่นเดียวกันที่ถูกเลือกขึ้นมาเพื่อส่งไม้ต่อในอำนาจของก๊วนตะวันตก
     
      สิ่งหนึ่งที่นักประวัติศาสตร์ยกย่องต่อพระเจ้าซุกจงก็คือ ทรงมีพระทัยแน่วแน่ที่จะโค่นกลุ่มการเมืองทุกกลุ่มยามที่พระองค์พร้อม...เพราะในความจริงกษัตริย์หนุ่มองค์นี้ก็คงเบื่อมากอยู่กับการที่ไม่สามารถบริหารราชกิจได้ตามที่ต้องการเลย นับตั้งแต่ขึ้นครองราชย์เมื่ออายุ 14 พร้อมกับมเหสีที่แกเองก็คงไม่ได้รักใคร่อะไร ต้องบอกก่อนว่าพระเจ้าซุกจงนั้นสนิทสนมกับฝ่ายใต้มาก่อนนะครับ ซึ่งอันนี้ก็ตรงกับในละครที่บอกว่า พระองค์ชอบพอกับสนมจางตั้งแต่สมัยนางยังเป็นนางในเฉยๆ แล้วก็ถูกกีดกันจากพระมารดาเหตุเพราะสนมจางนั้นเป็นคนของฝ่ายใต้
     
      เมื่อพระเจ้าซุกจงอายุได้ 20 แกก็ได้รับรู้ว่าการเมืองรอบตัวแกนั้นเล่นกันแรง เมื่อผู้นำของก๊วนฝ่ายใต้ถูกใส่ความจากฝ่ายตะวันตกจนเป็นเหตุให้พระองค์ต้องลงนามประหารคนคุ้นเคยกับมือ การไล่ล่าฆ่าบรรดาคนของฝ่ายใต้เกิดขึ้นอย่างเมามันจนสุดท้ายก๊วนตะวันตกระเริงในอำนาจอยู่ได้ 9 ปี ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ซุกจงคิดอะไร หรือ เพราะเห็นแล้วว่าถ้าเป็นแบบนี้พระองค์ก็คงเป็นได้แค่หุ่นเชิด
     
      แต่หลังจากนั้นตลอด 9 ปี พระองค์ก็เริ่มเพาะสร้างความเข้มแข็งให้กับตนเองด้วยการสะสมคนของก๊วนฝ่ายใต้ให้มีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆจนสามารถคานอำนาจกับก๊วนตะวันตกได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1689 พระเจ้าซุกจงก็ถอดพระมเหสีอินฮยอนสัญลักษณ์ของฝ่ายตะวันตกออกจากตำแหน่งพร้อมกับเนรเทศไปสู่นอกวัง ในประวัติศาสตร์ไม่ได้บอกละเอียดว่าปัจจัยที่ทำให้ต้องถอดพระมเหสีเป็นเพราะมีการลอบสังหารแม่ของกษัตริย์ซุกจงอย่างในละครหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆหลังจากที่มเหสีเก่าโดนปลด พระองค์แต่งตั้งสนมจางฮีบินขึ้นเป็นพระมเหสีทันที พร้อมการหลับตาข้างหนึ่งให้มีการล่าล้างฝ่ายตะวันตกออกจากแกนแห่งอำนาจสำคัญๆให้หมด ฝ่ายใต้กลับขึ้นมายึดอำนาจเบ็ดเสร็จ
     
      แต่ความเป็นนักมายากลทางการเมืองของซุกจงไม่ได้อยู่แค่นั้น เพราะ พระองค์เขย่าการเมืองของโชซอนอีกรอบ ด้วยอาจจะเห็นว่าการขึ้นมาของฝ่ายใต้ที่พระองค์สนับสนุนนั้นกำลังจะซ้ำรอยในตอนที่พระองค์ยังทรงพระเยาว์ เพราะไม่มีใครมาคานอำนาจเลย หรือ เพราะ พระองค์ยังไม่ได้อำนาจในการบริหารประเทศแบบเบ็ดเสร็จตามที่วางไว้ก็ตาม
     
      เพราะ 5 ปีหลังจากฝ่ายใต้มีความสุขอยู่ไม่นาน ในปีค.ศ. 1694 พระเจ้าซุกจงก็สั่งปลดพระมเหสีจางออกจากตำแหน่ง โดยลดยศลงมาเหลือเป็นพระสนมขั้น “ฮุยบิน” เหมือนเดิม ข้ออ้างในการปลดยศมเหสีออกนั้นก็เนื่องมาจากผลการสอบสวนมเหสีอินฮยอนในความผิดเรื่องเดิมไม่ปรากฏ พระองค์ก็เลยแต่งตั้งให้อินฮยอนกลับมาดำรงตำแหน่งมเหสีกันใหม่ พร้อมกับการมาเยือนของฝ่ายตะวันตกอีกครั้ง การเด็ดหัวผู้นำของฝ่ายใต้ก็เกิดขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
     
      เรื่องสนุกในวังของพระเจ้าซุกจงยังไม่จบแค่นั้นครับ เพราะ ในปี ค.ศ. 1701 หรือ 5 ปีหลังจากที่มเหสีอินฮยอนกลับมาครองตำแหน่งเธอก็มีอันต้องตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ตามบันทึกหลายฉบับบอกว่าเธอโดนลอบวางยาพิษ และก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเหมือนกันที่พอพระมเหสีตายปุ๊บ พระเจ้าซุกจงก็สั่งจับสนมจางและพรรคพวกทันที เหตุเพราะพระองค์เคยเห็นกับตาตนเองว่าสนมจางและพี่ชายนั้น ได้ทำพิธีทรมานวิญญาณและสาปแช่งพระมเหสีอินฮยอนโดยการลงยันต์และเอาธนูปักบนตุ๊กตาที่มีชื่อของพระมเหสีอินฮยอนอยู่ เพราะฉะนั้นเมื่อมเหสีอินฮยอนตายจริงๆขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบก็คือ ผู้ที่พระองค์เห็นว่าสาปแช่งให้ตายนั่นเอง
     
      อ่านมาถึงแค่นี้ก็ต้องบอกว่า เรื่องนี้มีความเป็นไปได้น้อยมากที่พระเจ้าซุกจงจะไปเจอเหตุการณ์ที่ว่าด้วยพระองค์เอง นอกเสียจากว่าพระองค์จะเซตแผนขึ้นมาเพื่อจัดการขวากหนามทางการเมืองที่เหลือ เผลอๆหมอผีที่กำลังทำพิธีนั้นอาจจะเป็นพระองค์เองที่จัดหามาเพื่อ “ดักควาย” อันได้แก่สนมจางและพี่ชายของนางก็ได้
     
      เพราะผลจากการนี้ทำให้สนมจางเองโดนประทานยาพิษให้ดื่ม ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1701 บันทึกไว้ว่านางเสียชีวิตเมื่ออายุ 42 ปี ส่วนพี่ชายของพระสนมนั้นก็โดนประหารตามระเบียบ คนที่เหลือจากฝ่ายใต้ถูกจับหมดและโดนประหารเกือบหมด การกระทำประเภทเดี๋ยวเชิดฝ่ายนั้นที เดี๋ยวชูฝ่ายนั้นที จนทำให้ฆ่ากันตายเองหรือพระองค์ช่วยฆ่านั้น ก็ทำให้สุดท้ายแล้วอำนาจของพระเจ้าซุกจงมีเต็มเปี่ยม
     
      หนึ่งปีหลังการประหารสนมจาง พระเจ้าซุกจงก็แต่งตั้งพระมเหสีองค์ใหม่มีนามว่า “พระนางอินวอน” ซึ่งมีอายุแค่ 15 ปีเท่านั้นเอง แต่มีสายเลือดของราชวงศ์จากอาณาจักรซิลลา พระนางอินวอนเข้าวังมาได้ 10 ปีก็เกิดติดเชื้อฝีดาษขึ้น แต่ก็ไม่ตาย แล้วก็อยู่มาจนพระเจ้าซุกจงสวรรคตในปี ค.ศ. 1720 สิริรวมอายุได้ 60 ปีพอดี สุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าผู้ชนะในการเป็นสตรีแห่งวังโชซอนนี้พระนางอินวอนจะเป็นแชมป์ เพราะพระองค์อยู่มาจนอายุ 70 ปี เป็นพระพันปีหลวงในฐานะแม่ของกษัตริย์ตั้ง 2 องค์แน่ะ
     
      นักประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่าในสมัยของพระองค์ที่ครองราชย์นั้นบ้านเมืองสงบสุขดี เพราะ การสู้รบภายในของกลุ่มก๊วนการเมืองนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนเอาเลย แถมช่วงท้ายก่อนที่จะสละบัลลังก์ให้บุตรชาย พระองค์ยังสามารถที่จะส่งพระญาติ บุตรที่เกิดจากภรรยาหลายคนนั้นเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมืองแทนที่บรรดาข้าราชการฝ่ายใต้และฝ่ายตะวันตกได้สำเร็จด้วย เรียกว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะในเกมการเมืองแท้จริงก็คือ ตัวพระเจ้าซุกจงคนนี้นั่นเอง

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9540000115388

จากคุณ	: ทวนแห่งไฟ
เขียนเมื่อ	: 14 ก.ย. 54 10:05:20