มาดูส่วนสุดท้ายกัน
ชีวิตอ.วากากิถูกสะท้อนออกมาอย่างมากในตัวพี่เทพเคย์มะและเรื่องเซียนเกมรัก
1. ในการจีบหญิง4ครั้งแรกของเรื่องจะเห็นว่ามันค่อนข้างสั้นและเดินเรื่องกระชับและเร็วมากๆ ที่เดินเรื่องเร็วๆเพราะอ.วากากิยังฝังใจที่เรื่องเดิมโดนตัดจบอยู่และทำให้ต้องจบเรื่องอย่างห่วยแตก เพราะเรื่องก่อนอ.วากากิเดินเนื้อเรื่องแบบเรื่องยาวๆ ใช้speedช้าๆ ซึ่งสำหรับนักเขียนที่ไม่มีชื่อเสียงมากนัก และไม่มีฐานแฟนๆ แฟนๆมักจะไม่ทนรอเรื่องที่ดำเนินไปเนิบๆช้าๆ และมองว่ามันไม่สนุก คราวนี้อ.วากากิเลยเร่งสปีดเรื่องแต่ต้น และไม่วางพล็อตยาวๆไว้
(อ่านถึงตอนนี้นึกถึงบาคุแมนมั้ยครับ ว่าถ้านักเขียนไม่มีชื่อจะมาดำเนินเรื่องแบบวางพล็อตยาวๆ เรื่องเนิบๆไม่ได้ นอกจากนี้ถ้าใครมีเล่ม 7 ลองอ่านท้ายเล่มที่อ.วากากิพูดถึงเรื่องการเขียนเทนริกับไดอาน่าดู ว่าเป็นการเริ่มพล็อตยาวที่แกตั้งใจจะทำตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ยังไม่ทำ เพราะมีประสบการณ์โดนตัดจบกลางคันในเรื่องอัลบาทรอสมาแล้ว กว่าแกจะกล้าเริ่มพล็อตยาวๆจริงๆก็ปาเข้าไปหลายเล่ม)
2. ใครที่รู้ประวัติอ.วากากิก็จะรู้ว่าตัวเคย์มะและความรู้เรื่องเกมจีบสาวนั้นมาจากประสบการณ์ส่วนตัวของอ.วากากิเอง
3. พี่เทพมักพูดในเรื่องว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันห่วยแตก นี่เป็นประโยคที่อ.วากากิพูดตลอดเวลาในบล็อกของเขาเอง
4. อ.วากากิอธิบายวงการการ์ตูนของญี่ปุ่นที่เขาพบเจอด้วยตัวเองบ่อยๆ เพราะวงการนี้ทำให้เขามีชีวิตแบบNEET และ Hikikomori เนื่องจากเขียนเรื่องสั้นดีๆไม่ได้ และมีseries ไม่ได้ ทำให้เขาเกลียดโลกแห่งความเป็นจริงและพยายามจะหนีจากมันผ่านการเล่นเกม (สำหรับผู้จบจากม.โตเกียว เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขา และหาหนทางกลับเจอ แม้จะใช้เวลาสิบกว่าปีก็ตาม)
5. อ.วากากิขนาดไปเล่นเกมสำหรับผู้หญิง คือเกมจีบหนุ่มเองจริงๆเพื่อจะหาข้อมูล (อันนี้เป็นเรื่องของยุยนะครับ ฉบับไทยยังไม่ถึง อ.วากากิทำตัวเป็นเทพนักจีบเอง 5555)
6. อ.วากากิไม่เคยหยุดพัก เขาบอกว่าเขากลัวการหยุด (ไม่ค่อยเข้าใจว่าเกี่ยวกับตัวเคย์มะยังไง แต่น่าจะเอาไปบอกคนเขียนการ์ตูนจอมดอง จอมหยุดทั้งหลายนะเนี่ย)
7. อ.วากากิอธิบายพี่เทพว่า พี่เทพเป็นคนที่จะยืนยันความคิดของตนเอง และนำไปใช้ในสถานการณ์ราวกับความคิดนั้นเป็นสิ่งถูกต้องเสมอ และเป็นบ้า (อ.วากากิก็ยอมรับว่าตัวเองบ้าเหมือนกัน)
8. อันนี้เขียนไว้ในรวมเล่มเล่ม8นะครับ ของไทยยังไม่ออก คือช่วงเวลาแต่ละช่วงอายุของอ.วากากิเอง (น่าจะในหน้าเสริมในเล่ม8 มั้ง คงไม่ถือว่าสปอยนะ)
-อายุ21ปี เขาได้รับรางวัลGrand Prize ของ Shogakukan Comics Awardใครๆต่างก็คิดว่าเขามีอนาคตในวงการการ์ตูนที่สดใส
-22 แย่มาก เพราะไม่สามารถ เขียนone shot ดีๆ และปรับพัฒนาไปทำseries เรื่องยาวได้
-23 ตกงาน
-24 เล่นเกม
-25 เล่นเกม
-26 เริ่มตัดสินใจว่าจะทำไรซักอย่าง
-27หลังได้รางวัล6ปี ตัดสินใจกลับไปโตเกียวเพื่อพยายามคืนวงการการ์ตูนอีกครั้ง
-28 ถูกบรรณาธิการสับจนหดหู่อีกครั้ง
-29 หลอกตัวเองด้วยการเล่นเกม
-30 หนีไม่พ้นแล้ว
-31 ในที่สุดก็ตระหนักว่าสิ่งที่เสียไปเอากลับคืนไม่ได้
-32 ร้องไห้ฟูมฟาย ด่าโลกแห่งความจริง
-33 อัลบาทรอสได้รับการตีพิมพ์เป็นเรื่องยาวเพราะความผิดพลาดของกองบรรณาธิการ
-34 อัลบาทรอสโดนตัดจบเพราะอำนาจของกองบรรณาธิการ
-35 เงินในธนาคารเหลือหมื่นเยน ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด
-36 หลังจากประสบการณ์ในการเล่นเกมมากกว่า 10ปี เซียนเกมรัก ขอเป็นเทพนักจีบได้ลงเป็นเรื่องยาว สังคมปกติมองอ.วากากิว่าเป็นคนบ้า แต่สังคมออนไลน์(เช่นพวกwebโอตาคุต่างๆ)มองว่าอ.วากากิเป็นพระเจ้า บางคนในกองบรรณาธิการบอกว่ารีบๆตัดจบเรื่องนี้เถอะ เพราะเห็นแล้วขวางหูขวางตา
-37 ถูกปฏิเสธไม่ได้รับรางวัลShogakukan Comics Award (อันนี้ประชดหรือเปล่าฟะ ไม่ค่อยเข้าใจ)
มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย อ.วากากิน้ำตาแตกเพราะเรื่องเซียนเกมรักต้องพิมพ์เพิ่ม ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่เขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต นอกจากนี้เรื่องเซียนเกมรักได้รับการประกาศเป็นอนิเมะด้วย (เย้) อ.วากากิเขียนตอนพิเศษเพื่อฉลองอนิเมะ (หมายถึงตอนไหนก็ไม่รู้แหะ)
เป็นไงมั่งครับ น่าสนใจมั้ยกับเรื่องของนักเขียนการ์ตูนท่านนี้
ปิดท้ายด้วยอีกภาพจากเรื่องเซียนเกมรักที่ผมชอบภาพนี้มาก (ภาพอาจสปอยเล็กน้อย)
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 21:25:42
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 21:02:26
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 20:56:03
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 20:53:37
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 20:49:20
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 20:49:07
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 54 20:41:24