เห็นด้วยกับ คห.21 คุณกะติ๊ด พูดได้ตรงใจมากเลยค่ะ
พูดได้คำเดียวว่า "ความรักแบบนี้...ยาก ที่จะลงเอยด้วยดี"
แต่สำหรับเรานะ เรื่องมีมันมีทางออก คิดในแง่ดี คือ
"เจ้าอ้ายจะต้องยอมรับให้ได้ ว่าเขาสองคนรักกัน และสละความเป็นเจ้าหอหน้าให้กับเจ้าศิริวงศ์ เพื่อให้เจ้าน้อยจะได้เป็นว่าที่เจ้าหลวงคนต่อไป เจ้าอ้ายก็อยู่กับบัวเงินไป เจ้าศิริวงศ์ก็อภิเษกกับเจ้านางมะณีริน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขทุกฝ่าย"
แต่คนเขียนไม่ได้ทำให้สิ่งที่ ดิฉันคิด ให้เป็นจริง ซึ่งตรงนี้ดิฉันคิดว่า "น่าสนใจ" ผู้เขียนกลับดึงเอา "กิเลส" ของมนุษย์ มาฉายภาพให้ขยาย ตอกย้ำชัดเจนยิ่งขึ้น ว่า "มนุษย์ยังไงก็รักตัวเองมากกว่าวันยังค่ำ"
ในละครเราจะได้เห็นรายละเอียดประเด็นนี้ชัดเจน ก็เมื่อ เมื่อเจ้าอ้ายทราบว่า 2 คนนี้รักกัน โกรธก็โกรธ โกรธมาก แต่ก็มีจิตที่ยังคงรักน้องชายบ้างอยู่ พูดกับเจ้าน้อยว่า จะให้พูดกับเจ้าพ่อเจ้าแม่อย่างไรถึงเรื่องนี้ คิดว่า เจ้าอ้ายคงกำลังหาทางออกในเรื่องนี้อยู่ (จริงๆ ถ้าพูดกับพ่อแม่ และร่วมกันหาทางออก คงแก้ปัญหาได้ ) แต่คิดว่า ที่เจ้าอ้ายยังประวิงเวลาก็เพราะ ไม่อยาก "เฉือนหัวใจตัวเอง" ให้กับน้องชายมากกว่า (เหตุผลดังข้างบน) จนทำให้เรื่องราวเลยเถิดมาจนถึง "ผีอีเม้ย" เข้าสิงทำให้ทำเรื่องร้ายแรงที่ไม่ควรเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นมา มันก็เลยได้คำตอบไปอีกทางหนึ่ง
ต้องชื่นชมคุณหมอพงศ์กร ผู้เขียนนวนิยายเรื่องนี้ และคุณยิ่งยศ ปัญญา มากๆ ที่เขียนบทเรื่องนี้ได้ดี ฉลาด ไม่นิยายชวนฝันเกิดไป แต่มันมีความเป็น "ชีวิตจริงๆ" ออกมาโลดแล่นเป็นละครชั้นดี น่าวิเคราะห์ น่าติดตาม