อภิชาติพงศ์ รับอิสริยาภรณ์จากฝรั่งเศส
|
 |
ฝรั่งเศสมอบอิสริยาภรณ์ชั้นโท ยกย่องการสร้างงานศิลปภาพยนตร์แด่ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับชาวไทยเจ้าของรางวัลปาล์มทองคำ เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ครั้งที่ 63 เมื่อปีพ.ศ. 2553 จากเรื่อง “ลุงบุญมีระลึกชาติ” ได้รับอิสริยาภรณ์ ออร์เดร์ เดส์ อาร์ส เอต์ เดส์ เลตเตอรส์ ออฟิซิเยร (Ordre des Arts et des Lettres : officier ) เป็นอิสริยาภรณ์ ชั้นโท (ทั้งหมดมี สามชั้น)
โดยทาง ฯพณฯนาย จิลดาส์ เลอ ลีเดค เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เป็นตัวแทน รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ทำพิธีมอบ ณ สถานทูตฝรั่งเศส ประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา
อิสริยาภรณ์นี้ทางกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส มอบให้เพื่อยกย่องบุคคลที่มีการสร้างสรรค์ผลงานด้านศิลปะหรือวรรณกรรมที่โดดเด่น ทั้งบุคคลสัญชาติฝรั่งเศสและไม่ใช่ฝรั่งเศส
สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นทางศิลปะระหว่าง อภิชาติพงศ์ กับฝรั่งเศส จากรางวัลต่างๆในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ เริ่มไต่ระดับจากปีพ.ศ.2545 เมื่อ “สุดเสน่หา” ของเขาได้รับรางวัลภาพยนตร์น่าจับตามอง (Un Certain Regard) และจัดเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของเทศกาลฯปีนั้น โดยนิตยสาร Cahiers du Cinema ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง “สัตว์ประหลาด!” ได้รับรางวัล จูรี่ไพรซ์ (Prix du jury) เมื่อปีพ.ศ.2547 และได้รับรางวัลปาล์มทองคำ (Palm d'Or) รางวัลสูงสุดจากเทศกาลฯ กับผลงานเรื่อง "ลุงบุญมีระลึกชาติ" เมื่อปีที่ผ่านมา
อภิชาติพงศ์ เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับอิสริยาภรณ์จากฝรั่งเศส สำหรับ ผลงานโดดเด่นด้านศิลปะภาพยนตร์
นาย จิลดาส์ เลอ ลีเดค เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส กล่าวว่า อภิชาติพงศ์ เป็น "เพื่อนคนสำคัญ" ของประเทศฝรั่งเศส และการมอบอิสริยาภรณ์นี้ถือเป็นยืนยันเรื่องนี้
"อิสริยาภรณ์ที่มอบให้ เป็นรางวัลสำคัญในสายศิลปวัฒนธรรม ซึ่ง อองเร มาร์โรด์ รมต.กระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ได้ริเริ่มเมื่อ 40 ปีที่แล้ว และอภิชาติพงศ์เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้ โดยถือว่ารางวัลนี้ป็นการเฉลิมฉลองการทำงานร่วมกันระหว่างอภิชาติพงศ์กับฝรั่งเศสในรอบสิบปีที่ผ่านมา"
และเอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ให้ความเห็นต่อ ผลงานหนังของอภิชาติพงศ์ ว่า "หนังของเขาค่อนข้างดูยาก แต่ผลงานของเขาเป็นงานสร้างสรรค์ เขาได้นำวิธีการใหม่มาสู่การสร้างภาพยนตร์ มันอาจจะดูหนังเขาไปจนจบเรื่องยาก แต่มันค่อนข้างน่าสนใจมาก เพราะหนังของเขาแตกต่างจากฮอลลีวู้ด หรือหนังอเมริกันที่คนคุ้นเคย"
ขณะที่ อภิชาติพงศ์ แสดงความเห็น เกี่ยวกับผลของการได้รับอิสริยาภรณ์ต่อการทำงานของเขาว่า "รางวัลคงมีผลในแง่กำลังใจ แต่โดยทางปฏิบัติแล้ว(การทำงาน) เราก็ยังเป็นเหมือนเดิม เรารู้ว่าเราอยู่สายไหน เราไม่ใช่หนังทำเงินร้อยล้านอยู่แล้ว เราพยายามรักษาจุดนี้ไว้ไม่ให้เปลี่ยนไป เรื่องของการชื่นชมรางวัลเป็นโบนัส เดี๋ยวมันก็หายไป"
ปัจจุบัน อภิชาติพงศ์ เตรียมงานหนังยาวเรื่องใหม่ เรื่องราวเกี่ยวพันกับชีวิตและแม่น้ำโขง ซึ่งอภิชาติพงศ์เผยแนวทางเนื้อหาของผลงานชิ้นต่อไปของเขาว่า อยากทำงานเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติสังคมการเมือง ศิลปะไม่ใช่เรื่องที่เกิดจากตัวเองเท่านั้น อยากจะเสนอว่าเส้นทางการเดินทาง(การทำหนัง) ที่สะท้อนสิ่งที่เปลี่ยนไปในชีวิตเรา อยากให้หนังแสดงออกเป็นเหมือนไดอารีของเรา แต่เป็นเรื่องราวที่เราได้ประสบมาเอง ที่มันเกี่ยวข้งกับสังคม การเมือง
ก่อนหน้านี้อภิชาติพงศ์ได้รับอิสริยาภรณ์ชั้นตรี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2551 ซึ่งในแต่ละปีทางกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส จะมอบให้แก่ศิลปินไม่จำกัดสัญชาติ โดยการได้รับอิสริยาภรณ์ชั้นโท
ในปีนี้ของอภิชาติพงศ์ เป็นเกียรติประวัติที่อภิชาติพงศ์ได้รับเช่นเดียวกับ ศิลปินที่มีชื่อเสียง อย่าง ฌานน์ มอโร นักแสดงภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศส และ แวน มอริสัน ศิลปินเพลงชาวอเมริกัน
นอกจากนี้ อภิชาติพงศ์ ยังเผยว่าดีใจ ที่สร้างหนังแล้วมีคนดู ไม่ใช่แค่ในไทยแต่นอกประเทศ ซึ่งทำให้เขาได้เห็นพลังอันมหัศจรรย์ที่ภาพยนตร์สื่อสารกับคนดูได้
คลิก http://www.bangkokbiznews.com/home/video/?id=413605&top=1§ion=5 เพื่อชมภาพบรรยากาศงาน และ บทสัมภาษณ์
จาก กรุงเทพธุรกิจ
ยังไม่เห็นใครโพสข่าวนี้เลย แล้วก็เป็นข่าวเล็ก ๆ แต่น่าดีใจที่คนไทยได้รับเครื่องราชอันทรงเกียรติ
จากคุณ |
:
Buddykung
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ต.ค. 54 13:49:03
|
|
|
|