 |
***สร้างแบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" ***
ทุกย่างก้าวนับแต่อิทธิพัทธ์ เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง จะอยู่ภายใต้การรับรู้ของสมาชิกครอบครัวทุกคน ผ่านการบอกเล่าและสอบถามความเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะพ่อของเขา ที่จะเฝ้ามองลูกชายอย่างชื่นชม และพร้อมเป็นป๋าดันเต็มตัว
"หลังเช่าตู้ได้แล้ว เช้าวันที่ผมจะไปเซ็นสัญญาเช่าที่ขายเกาลัดหน้าห้างฯ แห่งหนึ่ง ก่อนเดินทางออกจากบ้าน เจอพ่อผมกำลังคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ เล่าถึงเรื่องผมจะไปทำธุรกิจ แล้วหันมาพูดแซวผมให้เพื่อนฟังว่า 'ลูกอั่วกำลังไปเป็นเถ้าแก่น้อยแล้ว' ผมก็ได้หัวเราะตอบ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอะไรมาก จนเมื่อไปถึงห้างฯ ต้องกรอกใบสมัคร ซึ่งให้ระบุถึงชื่อร้านหรือแบรนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมยังไม่มีชื่อในใจเลย แต่คิดถึง คำพูดพ่อที่แซวผม เลยเป็นที่มาของชื่อ "เถ้าแก่น้อย" มาจนถึงปัจจุบัน" อิทธิพัทธ์ เผยที่มาของแบรนด์
อิทธิพันธ์ ใช้เวลาเพียงปีเศษ ขยายสาขาแฟรนไชส์เกาลัดเถ้าแก่น้อย จากหนึ่งเป็น 30 กว่าสาขา และเนื่องจากเห็นโอกาสว่า เมื่อมีหน้าร้านหลายแห่งแล้ว ทำไมต้องจำกัดตัวเองแค่ขายเกาลัดอย่างเดียว จึงลองนำเข้าสินค้าต่างๆ มาขายพ่วงที่หน้าร้านแฟรนไชส์เกาลัดเถ้าแก่น้อยด้วย ไม่ว่าจะเป็นลูกท้อ ลำไยอบแห้ง และสาหร่าย ฯลฯ ผลปรากฏว่า ในร้านฯ สินค้าที่ขายดีที่สุด คือ สาหร่ายทอด ยอดขายเหนือกว่าเกาลัดเสียอีก เป็นแรงบันดาลใจ อยากจะต่อยอดธุรกิจขายสาหร่ายอย่างจริงจัง
"หลังจากเห็นว่า ยอดขายสาหร่ายมันดีจริงๆ ผมก็เริ่มศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสาหร่าย ผมอยากขยายตลาดธุรกิจสาหร่ายไปตามร้านค้าต่างๆ เริ่มแบบง่ายๆ โดยบรรจุซองพลาสติกไปฝากร้านค้าต่างๆ ให้ลองขาย แต่พอทำจริง มีอุปสรรค อายุสินค้าสั้น และรูปลักษณ์ไม่สวย ทำให้ไม่สามารถเปิดตลาดได้ มีของคืนจำนวนมาก เพราะสาหร่ายเก็บไว้ได้ไม่นาน ผมก็พยายามคิดค้นหาทางแก้ โดยถามผู้รู้ จนวันหนึ่งเข้าร้าน 7-11 ผมเริ่มสนใจตลาดในร้านสะดวกซื้อ คิดว่าถ้าสินค้าเราเก็บไว้ได้นานกว่านี้ มีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจ วางขายในร้าน 7-11 ตลาดน่าจะขยายตามไปด้วย ดีกว่าผมต้องวิ่งไปส่งด้วยตัวเอง"
เพื่อจะให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยเข้าขายในร้าน 7-11 อิทธิพัทธ์เริ่มจากนำสาหร่ายแพคซองพลาสติกง่ายๆ ไปฝากไว้ที่ฝ่ายคัดสรรสินค้าเข้าจำหน่าย ทว่า ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูแสนธรรมดา จึงไม่ได้รับการเหลียวแลแม้แต่น้อย
เมื่อไร้การติดต่อกลับเป็นเวลานาน เจ้าตัวร้อนใจถึงขั้นต้องโทร.ไปตามตื้อ และสอบถามสาเหตุที่สินค้าไม่ได้รับความสนใจ เจ้าหน้าที่ชี้แจงกลับมาว่า สินค้าคุณไม่สวย ไม่เหมาะกับ 7-11 เจออย่างนี้ เขาเลยกลับมานั่งคิดทบทวนใหม่ว่า ทำอย่างไรให้สาหร่ายเถ้าแก่น้อยมีสไตล์เป็นของตัวเอง และถูกใจคนทั่วไป
"ตอนที่กลับมาคิดว่า เราต้องสร้างสไตล์ของตัวเอง ผมมองว่ากระแสญี่ปุ่น เกาหลี กำลังมาแรง คนไทยหันมายึดเทรนด์นี้กันหมด ดังนั้น การออกแบบ ผมเน้นให้ออกมาในสไตล์ของญี่ปุ่นแท้ๆ ดูน่ารัก มีความสุข และสามารถจดจำได้ทันทีเมื่อเห็นครั้งแรก"
"ด้านสีสันก็ให้สดใส มีโลโก้ที่สะดุดตา จำง่าย นอกจากนั้น พยายามชูธงเป็นของกินเล่นที่มีคุณค่าทางอาหารสูง มีแคลอรี่ต่ำ เหมาะกับกระแสรักสุขภาพ รวมถึง เพิ่มรสชาติให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรสเผ็ด รสซีฟู้ด เป็นต้น"
เมื่อปรับปรุงสินค้าแล้ว อิทธิพัทธ์นำกลับไปเสนออีกครั้ง ผลที่ได้ หลังกลับมาบ้าน มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมาทันที พร้อมกับคำถามว่า ภายใน 3 เดือนคุณพร้อมจะวางขายสินค้านี้ในร้าน 7-11 จำนวน 3,000 สาขาทั่วประเทศ หรือไม่
"ตอนนั้น ผมคิดในหัวเลยว่า 3,000 สาขา เราต้องทอดสาหร่ายสักกี่แผ่น ใช้คนทอดกี่คน จะทำทันไหมฯลฯ"
ระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที คำถามสารพัดวิ่งเข้ามาหัวเต็มไปหมด แทนที่จะปล่อยให้คำถามเป็นด่านขวางกัน กลับเลือกจะสลัดความกลัวต่างๆ ทิ้งไปแล้วตอบกลับว่า
"พร้อมครับ แต่หลังจากวางสาย สิ่งที่มันวิ่งเข้ามาในหัวผม มันเยอะมาก ผมคิดถึงการสร้างโรงงาน เงินทุน แหล่งวัตถุดิบ นำเข้าเครื่องจักร ฯลฯ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก"
จากคุณ |
:
smiling old chair
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ต.ค. 54 00:16:13
|
|
|
|
 |