ความคิดเห็นที่ 1 มารู้จัก Buddha กันก่อน Buddha "บุดด้า" หรือ "พุทธะ" ในภาษาไทย (ซึ่งเป็นภาษาไม่กี่ภาษาในโลกที่ออกเสียงตัวแรก เป็นเสียง พ. ในขณะที่ภาษาอื่น แม้กระทั่งภาษาบาลี ออกเสียงตัวแรกเป็น บ. หมด) เป็นผลงานการ์ตูนของบิดาแห่งวงการการ์ตูนญี่ปุ่น โอซามุ เทตซึกะ ในราวปี 1972 กล่าวถึงชีวิตของสิทธัตถะ โคตมะ เจ้าชายหนุ่มแห่งแคว้นสักกะ ผู้ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นศาสดาของศาสนาที่มีผู้นับถืออย่างแพร่หลายศาสนาหนึ่งของโลก ตัวหนังสือนั้นได้รับรางวัลมากมาย และได้ตีพิมพ์ไปในหลากหลายภาษาทั่วโลก ถือเป็นหนึ่งในผลงานสร้างชื่อให้กับเทตซึกะ ร่วมกับผลงานอมตะอื่นๆ เลยทีเดียว โดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าเคยได้อ่านเรื่องนี้ครั้งแรกในฉบับภาษาอังกฤษที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง (พูดให้ดูดีไปงั้น จริงๆ คือ ยืนอ่านเอาดื้อๆ ตรงชั้นหนังสือโดยไม่ได้ซื้อน่ะแหละครับ) พบว่าการ์ตูนเรื่องนี้ผูกเรื่องได้ค่อนข้างซับซ้อน มีเรื่องราวและตัวละครมากมาย และต้องอาศัยเวลาการอ่านในระยะยาวเพื่อทำความเข้าใจเนื้อเรื่อง (ผู้ที่เป็นสาวก โอซามุ เทตซึกะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เคยอ่าน ฮิโนโทริ มาแล้ว คงเข้าใจเรื่องนี้ดี) ดังนั้นข้าพเจ้า (ซึ่งยืนอ่านอยู่ได้ไม่นาน) จึงไม่สามารถอ่านเข้าใจเรื่องได้อย่างสมบูรณ์นัก แต่กระนั้นก็พอจะสรุปใจความหลักๆ ได้ว่า การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ใช่พุทธประวัติ หรือจะให้บอกตรงๆ ก็คือ เป็นการ์ตูนซึ่งเอาพุทธประวัติมาเป็นเซ็ตติ้งเริ่มต้น จากนั้นจึงใส่ความเป็นการ์ตูน ตัวละคร และ เรื่องราวเพิ่มเติมลงไป เพื่อการเดินเรื่องที่สร้างจุดสนใจให้แก่เนื้อเรื่อง ดังนั้น "พุทธประวัติ" ฉบับโอซามุ เทตซึกะฉบับนี้ จึงไม่ใช่ฉบับที่คุณสามารถเอาไปทำรายงานส่งครูได้แน่นอน ถึงแม้ว่าการเดินเรื่องจะ "บิดเบือน" สิ่งที่เราๆ ท่านๆ รู้มาเกี่ยวกับพุทธประวัติอย่างร้ายกาจ ทว่าหากเปิดใจให้กว้างว่า สิ่งที่กำลังอ่านอยู่นี้คือเรื่องแต่งแล้ว คุณจะพบว่าคุณค่าของการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่การ "เล่าพุทธประวัติ" ที่ตรงตามคัมภีร์ หากแต่อยู่ที่การ "มองลึก" เข้าไปในตัวละครแต่ละตัวที่ปรากฏในเรื่อง เหตุผล การดำเนินชีวิต วิธีคิด ภูมิหลัง หรือ แม้กระทั่งจุดจบของตัวละครแต่ละตัวซึ่งส่งผลกับเนื้อเรื่องนั้น ถือเป็นปรัชญาที่สอนชีวิตได้อย่างน่าประทับใจไม่น้อย จากคุณ : ทศ21 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 13:53:27

ความคิดเห็นที่ 2 Buddha the Animation แม้ว่าข้าพเจ้าจึงยังไม่ได้อ่านเรื่องนี้ในฉบับหนังสือการ์ตูนจนจบแต่อย่างใด (ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า แค่เล่มแรกๆ ก็ทำเอาข้าพเจ้ามึนกับการเดินเรื่องซึ่ง "ไม่เหมือนที่คิดไว้" อย่างมาก อีกทั้งราคาหนังสือ 8 เล่มที่ขายเป็นบ็อกเซ็ตนั้นค่อนข้างโหดมากทีเดียว ข้าพเจ้าจึงไม่ได้ซื้อกลับไปอ่านต่อ) แต่ความน่าสนใจของการดำเนินเรื่องนั้น มันยังตกตะกอนในใจข้าพเจ้าเรื่อยมา ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าจะมี Buddha ฉบับที่เป็นอนิเมชั่นเข้ามาฉายในบ้านเราแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่ลังเลที่จะหาโอกาสเพื่อรับชมทันที เนื้อเรื่องฉบับอนิเมชั่นภาคแรกนี้ (ข่าวว่ามีทั้งหมดสามภาค) จับใจความราวเล่มหนึ่งและสองของหนังสือ (ขอใช้หนังสือฉบับภาษาอังกฤษของ สนพ. Vertical Inc. เป็นมาตรฐานแล้วกันนะครับ) โดยกล่าวถึงตัวละครเอกสองคน หนึ่งคือ "ฉปรา" ทาสหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยความทะเยอทะยาน และ "สิทธัตถะ" เจ้าชายผู้เปี่ยมเมตตาแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ คนหนึ่งเกิดในวรรณะศูทรที่แสนต่ำต้อย หากแต่โชคชะตาพลิกพาให้สามารถปลดปล่อยตัวเองออกจาก สถานภาพที่เป็นอยู่ คนหนึ่งเกิดในวรรณะกษัตริย์อันมั่งคั่ง หากแต่กำลังถูกความเป็นจริงของชีวิตและกติกาของวงศ์กษัตริย์ ไล่ต้อนให้จนมุม ชะตาชีวิตของชายทั้งสองต้องมาเกี่ยวพันกันด้วยสงครามระหว่างแคว้นโกศลและแคว้นสักกะ ความจริงของชาติกำเนิดที่ชายคนหนึ่งปิดบังเอาไว้ และความจริงของชีวิตที่ชายคนหนึ่งค้นพบ จะเปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่ไปตลอดกาล (แค่นี้แหละครับ อยากรู้ที่เหลือ เชิญที่สกาล่าครับ) จากคุณ : ทศ21 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 13:54:18

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับ Buddha ฉบับอนิเมชั่นนี้ เป็นผลงานของค่ายอนิเมชั่นชั้นนำอย่างโตเอะ (และได้ความร่วมมือจาก Warner Bros มาช่วยในการทำตลาดต่างประเทศ) ซึ่งขึ้นชื่อด้านการผลิตอนิเมชั่นป้อนตลาดอยู่แล้ว ดังนั้นด้านคุณภาพจึงคาดหวังได้ในระดับหนึ่ง (อีกทั้งเป็นงานในระดับหนังโรง ซึ่งความละเอียดของงานจะสูงกว่าระดับที่ป้อนทีวีซีรีย์เป็นอย่างมาก) หลังจากชมแล้ว ข้าพเจ้าก็รู้สึกไม่ผิดหวังกับงานอนิเมชั่นจริงๆ ทั้งในแง่ การออกแบบตัวละคร ที่แม้จะดูหลุดคาแรกเตอร์แบบของเทตซึกะไปหน่อย แต่ก็ดูเข้ากับเนื้อเรื่องซึ่งเกิดในแถบวัฒนธรรมอินเดียได้เป็นอย่างดี การเดินเฟรมที่ลื่นไหลตามมาตรฐานอนิเมชั่นญี่ปุ่น (แม้จะไม่เท่าของดิสนี่ย์) เสียงพากษ์ที่สื่ออารมณ์ได้ชัดเจน ตลอดจนงานเสียงและเพลงประกอบที่สะท้านใจผู้ชม (แถมด้วย เพลงซาวด์แทรก จาก X-Japan) เรียกได้ว่าสอบผ่านในเรื่องอนิเมชั่นไปแบบสบายๆ ทีเดียว ในทางกลับกัน จุดอ่อนที่คาดไม่ถึงของหนังเรื่องนี้ กลับเป็นบทหนังที่รวบรัดและแห้งแล้งเสียเหลือเกิน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอๆ ยามที่คนเขียนบท จะต้องตัดทอนเนื้อหาจากวรรณกรรมหรือการ์ตูนที่มีจำนวนเนื้อหาและรายละเอียดมากมาย มาเป็นหนังโรงซึ่งมีเวลาให้เพียง 2 ชั่วโมง ผลก็คือการกระทำของตัวละครบางอย่างขาดที่มาที่ไปที่ชัดเจน ตัวละครบางตัวไม่สามารถสรุปจบบทบาทของตัวเองได้ (แต่ก็เดาได้เลยว่า จะโผล่มาอีกทีในภาคหน้า) ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ การที่มีตัวละครหลักที่เดินเรื่องถึงสองคน ก็ทำให้การเกลี่ยบทและอารมณ์ทำได้ไม่ทั่วถึงดีนัก โดยในความเห็นส่วนตัวข้าพเจ้า บทบาทของฉปรา นั้น น่าสนใจกว่าของเจ้าชายสิทธัตถะเสียอีก (ทั้งๆ ที่หนังชื่อบุดด้า...เหอๆ) ความมีมิติของชีวิตฉปรานั้น ค่อนข้างกลบบทบาทที่เราค่อนข้าง "รู้อยู่แล้ว" ของเจ้าชายสิทธัตถะลงไปเป็นอย่างมาก แต่จุดที่ข้าพเจ้าชอบมากอย่างหนึ่งของบท ก็คือการเลือกช่วงวัยรุ่นของเจ้าชายสิทธัตถะเป็นช่วงเวลาในการเดินเรื่อง พุทธประวัติที่เราเคยรู้มานั้น ค่อนข้างขาดรายละเอียดในช่วงชีวิตวัยรุ่นถึงวัยหนุ่มฉกรรจ์ของเจ้าชายสิทธัตถะไป กล่าวคือ ส่วนใหญ่เราจะรู้แค่ว่า พระองค์เสพสุขอยู่ในปราสาท 3 ฤดูที่พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นบิดาสร้างขึ้น จนได้อภิเษกสมรสและมีบุตร จากนั้นพระองค์ จึงเกิดความเบื่อหน่ายจนออกบวชหลังจากที่พบความจริงของการแก่ เจ็บ ตายนอกกำแพงเมือง (ซึ่ง ขณะนั้นพระองค์ ก็มีอายุในวัย 30 ไปแล้ว) จึงนับว่าเทตซึกะฉลาดมาก ที่เลือกเอาช่วงชีวิตที่มี "ช่องโหว่" นี้ มาใส่เนื้อเรื่องของตนลงไป (อย่าลืมนะ ครับ ข้าพเจ้าบอกไปแล้วว่า นี่ไม่ใช่พุทธประวัติ แต่เป็นเรื่องแต่งที่อิงจากพุทธประวัติอีกทีหนึ่ง) ตลอดจนเอาประเด็นเรื่องสงครามเข้ามาเกี่ยวข้อง (ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้คนรู้รสชาติของความตายได้เร็วและหนักขึ้นกว่าการตายตามธรรมชาติ) ส่งผลให้ความว้าวุ่นใจของเจ้าชายสิทธัตถะนั้นมีน้ำหนักมากกว่าความเบื่อหน่าย และเพียงพอที่จะผลักดันให้เจ้าชายหนุ่ม คิดสละทางโลกเพื่อแสวงหาคำตอบของชีวิต เนื้อเรื่องของภาคแรกนี้จบลงตรงการหนีออกจากวังของเจ้าชายสิทธัตถะพร้อมม้ากัณฐกะและนายฉันนะ จากนั้นได้ทรงปลงผมออกบวชด้วยความตั้งใจมั่นที่จะแสวงหาหนทางดับทุกข์ให้ได้ (คงไม่ถือว่า เป็นการสปอยล์นะครับ ทุกคนคงรู้เรื่องนี้อยู่แล้วล่ะนะ) แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 54 14:44:55 จากคุณ : ทศ21 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 13:55:10

ความคิดเห็นที่ 4 หากจะถามถึงความประทับใจโดยส่วนตัวแล้ว อนิเมชั่นเรื่องนี้ทำออกมาได้อย่างละเมียดละมัยมาก มีจุดหลายจุดที่แฝงข้อคิดที่กระตุ้นให้เราถามถึงการดำเนินชีวิตของตัวเองอย่างเบาๆ (ซึ่งจะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ ในภาคต่อมา) แต่ถ้าจะถามว่าจะแนะนำให้คนอื่นเข้าชมหรือไม่ ข้าพเจ้าก็คงต้องบอกว่า "ใช่ แต่ไม่ใช่กับทุกคน" ด้วยบทที่รุนแรงและฉากที่บอกเล่าเรื่องความจริงของชีวิต เช่น สงครามและความตายแบบโจ่งแจ้ง (ตามสไตล์เทตซึกะ) มันทำให้ข้าพเจ้าไม่ขอแนะนำให้นำเด็กเข้าไปดู โดยกลุ่มผู้ชมที่น่าจะเหมาะสมกับภาพยนต์เรื่องนี้ น่าจะอยู่ในวัย 15+ เนื่องจากดูเรื่องนี้แล้ว ต้องอาศัยการคิดตามพอสมควรทีเดียว จากคุณ : ทศ21 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 13:56:06

ความคิดเห็นที่ 5 อีกประเด็นหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนซึ่งทุกคนกลัวกันมาก ก็คือ ประเด็นเรื่องความ "รับได้" หรือไม่ของสังคมไทยต่ออนิเมชั่นเรื่องนี้ หากจะถามข้าพเจ้า ในภาคนี้ก็คงต้องบอกว่าน่าจะคงยังรับได้อยู่ ดังเช่นที่บอกไว้ในข้างต้นว่า ในภาคนี้ใช้ช่วงช่องว่างของพุทธประวัติมาเติมเรื่องราวลงไป อีกทั้งหลายต่อหลายฉาก เช่น ฉากประสูติ หรือฉากหนีออกจากวังมาปลงผม ณ ข้างแม่น้ำอโนมา ก็ทำออกมาได้ตรงตามพุทธประวัติของไทย ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ก็ไม่ได้ทำให้ผลของเรื่องราวต่างๆ ในพุทธประวัติของไทยในบทสรุป ผิดแผกไปจากเดิมแต่อย่างใด สิ่งที่ข้าพเจ้าค่อนข้างกังวลก็คือ ในภาคหน้าซึ่งเจ้าชายสิทธัตถะออกบวชแล้ว ตัวละครหลายตัวที่จะพบเจอนั้น จะเริ่มเป็นตัวละครที่มีกล่าวไว้ในพุทธประวัติของไทย ซึ่งจะมีตัวละครที่หลากหลายและผิดแผกไปจากพุทธประวัติของไทยไม่มากก็น้อย ซึ่งสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเจอในเวอร์ชั่นหนังสือนั้น มันน่าจะรุนแรงกับความรู้สึกของคนในบ้านเราพอสมควร เนื่องจากการดำเนินเรื่อง นิสัย และจุดจบของตัวละครบางตัวนั้น จะแตกต่างจากสิ่งที่เราเคยรู้มาชนิดหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว ซึ่งมันทำให้ข้าพจึงกังวลพอสมควรว่า เราอาจไม่มีโอกาสได้ชมภาคสองและสามในประเทศไทยก็เป็นได้ จากคุณ : ทศ21 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 13:56:41

ความคิดเห็นที่ 6 สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นชาวพุทธ ลองเปิดใจให้กว้าง และลองรับชมภาพยนต์เรื่องนี้ดู ทั้งนี้เพื่อสำรวจมุมมองที่มีต่อศรัทธาของเราในอีกด้านหนึ่ง ผ่านการตีความของบทภาพยนต์ หากเราทำใจได้แต่แรกแล้วว่า สิ่งที่เห็นเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น เพื่อชี้ประเด็นบางอย่างของผู้นำเสนอ และเก็บเกี่ยวเอาสาระที่มีคุณค่าจากภาพยนต์เรื่องนี้มาขบคิด เราก็น่าจะได้อะไรดีๆ จากการ์ตูนเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยครับ จากคุณ : ทศ21 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 13:57:04

ความคิดเห็นที่ 7 Review ได้ดีเลยครับ คงหาจังหวะไปดูอาทิตย์หน้า (จริงๆแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากไปดูแต่แรกคือ OST ทำดดย X Japan ฮาฮา) หวังว่าสยามคงน้ำไม่ท่วมนะ T^T ~ Will You Fly Me Away ... ~ จากคุณ : Enixma เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 14:35:41

ความคิดเห็นที่ 8 คงรอแผ่น ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ต้องหามาดูแน่นอน จากคุณ : chakgy เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 14:37:18

ความคิดเห็นที่ 9 งอนเฮียทศ เอากิฟท์ไปแล้วรับน้ำท่วมไปซร้าาา~~~ จากคุณ : ยังไม่ได้ดู สู้ภัยน้ำท่วม (joyka) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 14:50:01

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ชอบอย่างเดียว ชื่อไทย โลกไม่รักยังไง ทำไม งงและมึนกับชื่อนี้สุดๆ -''- จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 15:12:44

ความคิดเห็นที่ 11 อยากดูมาก ช่วงนี้ยังไม่รู้ว่าจะหาเวลาไปดูได้รึเปล่า จากคุณ : เพื่อนคาคาชิ เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 15:14:34

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ายืนโรงไม่นาน อาจจะต้องรอแผ่นซะแล้ว หนีน้ำท่วมมาตจว. ไม่รู้จะได้กลับไปดูทันไหม - -" จากคุณ : Houdini เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 15:16:05

ความคิดเห็นที่ 13 ภาพสวย เพลงเพราะ แต่อาจต้องรอแผ่น (น้ำท่วม ลงกทม. ไม่ได้ T^T) อยากได้ซาวด์แทรกมาก เพราะสุดๆ >_< จากคุณ : g_maru เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 15:47:19

ความคิดเห็นที่ 14 จะดูครับ - - จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 17:15:25

ความคิดเห็นที่ 15 บอกไว้ก่อนน่ะครับว่า เท็ดซึกะ โอซามุ เค้าเป็นอัจฉริยะตัวจริงเสียจริง เรื่องทุกเรื่องที่เขียนต่างก็เป็นตำนานที่คนจดจำ และ น่าหาซื้อเก้บเป็นอย่างยิ่ง เรื่องนี้ก็เช่นกัน เคยอ่านมาแล้ว ต้องบอกเลยว่า สุดยอด   ที่แม้แต่ผู้นำตัวจริงในเรื่องนี้ยังต้องร้องไห้ จากคุณ : Blackrx เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 17:45:47

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ เรื่องข้างบนอ่านแล้วต้องบอกว่า ห่วยแตก ทำไปได้ สงสัยอยากดังมาก แต่ไม่มีอะไรจะเขียนแล้ว เอาวะ เล่นหัวศาสดาชาวบ้านซะเลย ง่ายดี เหอะๆ จากคุณ : Chineseman เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 17:59:54

ความคิดเห็นที่ 18 ศาสนาไม่ได้อยู่ที่ประวัติศาสตร์ หากแต่อยู่ที่แก่นและคำสอนต่างหาก ปล. ถ้าจะมาถกกันว่าประวัติศาสตร์ของใครถูกของใครผิด ลองตั้งคำถามย้อนกลับดูซิว่าคนที่เถียงกันเนี่ย มีใครเคยเห็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่ว่านั้นจริง ๆ บ้าง จากคุณ : ton_ck เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 18:40:04

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณสำหรับรีวิวมากครับ คิดว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะให้ใครๆ ได้พิจารณาได้ว่าอยากรับชมเรื่องนี้หรือไม่เลย เพราะข่าวคราวของเรื่องนี้ค่อนข้างเงียบๆ อยู่พอสมควร (แต่ก็เข้าใจละนะ ขนาดชื่อยังต้องตั้งเลี่ยงบาลีกันขนาดนั้นเลย) ส่วนตัวผมเองยังไม่ได้ดูเลยแฮะ จริงๆ กะจะไปดูตั้งแต่วันพฤหัส - วันนี้ แต่เผอิญที่บ้านพานิคกันมากเรื่องน้ำท่วม เลยต้องอยู่คอยช่วยจัดการเรื่องขนของเรื่องเสบียงกันนิดหน่อย ไว้ถ้ามีโอกาสจะรีบไปดูครับ :) จากคุณ : Drake เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 18:40:26

ความคิดเห็นที่ 20 คห.18 ปล.ยาวกว่าคห.ซะอีก จากคุณ : ton_ck เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 18:41:53

ความคิดเห็นที่ 21 ไปดูมาแล้วครับ คุ้มค่ากับการให้ give จริงๆ จากคุณ : Kul-ChaN เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 18:48:48

ความคิดเห็นที่ 22 ลองให้คนไทยเป็นคนทำสิ โดนด่าเปิดเปิงไปนานแล้ว ไม่ได้เกิดมาฉายหรอก เหอๆ จากคุณ : แมงป่องหางด้วน เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 19:57:01

ความคิดเห็นที่ 23 ในมังงะ ผมชอบช่วงบำเพ็ญทุกขรกิริยามากเลยครับ ถึงเป็นเรื่องแต่งแต่ก็หนักแน่นสมจริงเหลือเกิน และอธิบายได้ดียิ่งว่าด้วยเหตุในเจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงเห็นว่าการทรมานตนเองไม่ใช่ทางหลุดพ้น แต่ในบทนั้นแหละ ที่มีตัวละครตัวหนึ่งซึ่งมีชื่อในพุทธประวัติ...และมีบทในแบบที่ใครหลายๆ คนอาจรับไม่ได้ (แต่ผมเฉยๆ นะ เป็นสีสันดี) ดูหนังตัวอย่างแล้ว หนังเรื่องนี้คงต่างจากฉบับมังงะอยู่เยอะ แต่จะไปดูแน่นอนครับ จากคุณ : Vladimir Putan เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 21:20:22

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ ตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ (ถ้าบ้านไม่โดนน้ำท่วมซะก่อน) สำหรับเราเรื่องความแตกต่างจากพุทธประวัตินั้นถือเป็นการตีความค่ะ และรายละเอียดปลีกย่อยก็คงไม่มีผลเท่าสิ่งที่หนังต้องการสื่อ (แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่ยึดติดในความเสมือนจริง(ที่รับรู้มา)จะรับได้แค่ไหนล่ะนะคะ) ปล ไม่ชอบชื่อไทยเลยอ่ะ จากคุณ : krisdeko เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 54 22:43:42

ความคิดเห็นที่ 25 ฉบับมังงะนั้น ขอบอกว่าสุดยอดมากๆ ผมชอบที่อ.เท็ตสึกะ เล่าพุทธประวัติโดยคำนึงว่า พระพุทธเจ้าเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึงเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในอินเดียในช่วงสมัยที่มีการสู้รบกันระหว่างแคว้นใหญ่สองแคว้น ไม่ได้มีความสามารถประดุจเป็นเทพเจ้ามาตั้งแต่เกิดซึ่งผมคิดว่าจริงๆแล้วมันบิดเบือนเพราะอิทธิพลของศาสนาพรามหณ์-ฮินดูครับ บุดดาฉบับมังงะแม้จะแต่งเติมเสริมแต่งตัวละครลงไป แต่พระพุทธเจ้าก็ยังเป็นมนุษย์ชาวอินเดียธรรมดาตั้งแต่ต้นจนจบ ร่างกายก็ไม่แข็งแรงแต่มีจิตใจและสติปัญญาที่เหนือล้ำกว่าคนทั่วไปในสมัยนั้นมากเท่านั้น อ่านแล้วดูสมจริงกว่าพุทธประวัติที่เราเรียนรู้กันมาเสียอีกนะครับ จากคุณ : Pdash เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 00:43:23

ความคิดเห็นที่ 26 พรุ่งนี้จัดบ้านอีกวัน แล้วจะไปดูค่ะ ^^ จากคุณ : atihasita เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 01:28:31

ความคิดเห็นที่ 27 กะรอซื้อบ็อกเซ็ตตอนออกครบทุกภาคไปเลยค่ะ เป็นคนไม่ชอบเข้าโรงหนัง จากคุณ : ren-ou เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 10:42:36

ความคิดเห็นที่ 28 คือหลังจากที่เราไปดูแล้ว เราคิดว่า พล๊อตเรื่องทั้งหมดเป็นการใช้เพียงชื่อบุคคลตามพระพุทธประวัติและเนื้อหาจากพุทธประวัติแบบแตะ ๆ แต่ส่วนนอกนั้นเป็นการนำบทดราม่าเข้ามาอย่างเดียว   ถ้าถามว่าเราชอบตรงไหน เราชอบที่เนื้อเรื่องเร้าอารมณ์ความรู้สึกได้แต่พอหนังจบแล้ว เรา่ถามตัวเองว่า แล้วไงอะ เรากลับรู้สึกว่ีาตัวละครแต่ละตัวไม่ได้บอกอะไรเราเลย เรื่องราวเป็นของใคร เป้าหมายของตัวละครทุกตัวที่ควรจะมีจุดร่วมกันก็ไม่เห็นมี คนนึงต้องการอีกอย่าง คนนึงต้องการอีกอย่าง สุดทายแต่ละคนก็มีจุดจบที่ต่างกัน แล้วเอามารวมกันทำไม ตัวละครบางตัวนำมาจากพระพุทธประวัติจริง แต่คาแรคเตอร์ไม่ตรงเลย ไม่ใช่ไม่ตรงในส่วนของการพูด แต่นิสัยกลายเป็นคนละคน  ยกตัวอย่าง พระเจ้าสุทโธทนะ ท่านไม่กล้าแม้แต่จะพูดไม่ดีกับเจ้าชายสิทธัตถะ  แม้พระองค์เห็นพระสิทธิตถะกุมารครั้งแรกก็ยังยกมือไหว้ แต่ในอนิเมกลับกลายเป็นท่านกล้าใช้คำขู่เจ้าชายให้ครองราชสมบัติ พระอสิตดาบส  ผู้ทำนายลักษณะของพระกุมาร ไม่ได้ทานกระต่ายที่กระโดดเข้าไปในกองไฟ  โอเค เดี๋ยวจะมีคนว่าเราอีกว่า เราเคร่งอะไรมากมาย แต่สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ ไม่ได้อะไรในความเป็นการสร้างอนิเมเรื่องหนึ่งที่ใช้ชื่อ "พุทธะ" เลย สมมุติหากเอามาสลับกัน ระหว่าง เนื้อหาภาพยนตร์การ์ตูนพระพุทธเจ้าของไทย กับความเป็นอนิเมของญี่ปุ่นเอามารวมกัน  เราคิดว่าจะได้ภาพที่น่าขนลุกและทำให้คนน้ำ่ตาร่วงมากมาย ยกตัวอย่างฉากที่หากทำออกมาเป็นภาพยนตร์จะเรียกความตระการตาได้มาก เสด็จดาวดึงส์เทวโลก http://download.buddha-thushaveiheard.com/images/All_page_02/P_02_HTML1-40/P2_30.html ภาพยนตร์พระพุทธศาสดา http://buddha-thushaveiheard.com/page_02.html แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 54 11:04:06 จากคุณ : Serene_Angelic เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 11:00:50

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่รู้สินะครับ สำหรับผมคงบอกได้แค่ว่าพุทธประวัติของไทย คือเรื่องของ "เทพเจ้าที่จุติจากสวรรค์ลงมาเป็นศาสดาเอกในโลกมนุษย์" ในขณะที่ Buddha ของอ.เท็ตสึกะ คือเรื่องของ "มนุษย์เดินดินคนหนึ่งที่พยายามสุดชีวิตจนพบทางสว่างแห่งนิพพาน" ไม่ขอบอกว่าอย่างไหนผิดอย่างไหนถูก อย่างไหนจริงหรืออย่างไหนไม่จริงนะครับ เพราะคนเรามีศรัทธาต่างกัน แต่เวลาผ่านไปตามบอร์ดหลายๆ บอร์ดที่คุยกันถึงอนิเมเรื่อง Buddha ก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ทุกที ว่าทำไมคนไทยถึงชอบพูดกันจังว่า "พุทธประวัติที่แพร่หลายอยู่ในไทยคือของจริง คนอื่นที่ตีความต่างไปจากนั้นคือของไม่จริง" ทั้งๆ ที่ไม่ว่าจะฝ่ายไหน สุดท้ายก็ "ล้วนฟังต่อๆ กันมา" ด้วยกันทั้งนั้น จากคุณ : Drake เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 20:05:13

ความคิดเห็นที่ 30 เพิ่งไปดูมา ออกแนวโหดๆๆ ดราม่ามากๆๆเลย จากคุณ : pikaball เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 54 21:11:05

ความคิดเห็นที่ 31 คห.28 แก่นแท้ของเรื่องนี้คือความโหดร้ายของระบบวรรณะครับ ดีแล้วที่แชร์มาครับ เราจะได้ชี้แจง จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 14:54:16

ความคิดเห็นที่ 32 ว่าแต่คุณไปรู้คาแรคเตอร์พระเจ้าสุทโธทนะเอาตอนไหนอะ รู้จักกันเหรอครับ จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 14:55:42

ความคิดเห็นที่ 33 คห 28 น่าเสียดายที่ฉบับหนังตัดรวบรัดไปนิดนึง ไม่เช่นนั้นจะชัดเจนกว่านี้ถึงการที่แต่ละตัวละคร ทำไมถึงมาโผล่ และ ต้องการสื่อถึงอะไรครับ แต่เอาจริงๆ ผมว่า Buddha ดูจริงกว่า เลยทำให้อินกับมันมากกว่า พุทธประวัติมั้งครับ ส่วนตัว จากคุณ : GooGooDoll เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 15:06:19

ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อวาน (วันเสาร์ 23 ต.ค.) ก็มีโอกาสได้ไปดูค่ะ ที่สกาล่า ทำงานเสร็จออกไปดู หน้าโรงกำลังก่อปราสาททราย เอ้ย~ กระสอบกันกันสูงเลย ออกแนวดราม่าชีวิตอย่างที่ จขกท ว่ามาแหล่ะค่ะ ช่วงก่อนสุดท้ายเล่นเอากระตุกเหมือนกัน โหดใช่เล่น แต่เราชอบวิธีการนำเสนอ ของเทตสึกะซังในแง่มุมอีกมุมหนึ่งของเจ้าชายนะคะ แต่อาจารน์แกใจร้ายกับบางตัวละครจริงๆ (ใครได้ดูคงรู้นะคะ) สำหรับเราชอบนะ ทั้งภาพ สี และเพลง อีกอย่างทำให้เรารู้สึกถึงชีวิตมากขึ้นแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป เหมือนดูไปซึมซับไปน่ะค่ะ ดูจบก็รอภาคต่อไปเรื่อยๆ ปล.ที่แรกเดินไปลิโด้ก่อนเลย เพราะนึกว่าฉายที่ลิโด้ ดูตารางแล้วไม่มีก็ตกใจ เลยไปถามพี่ จนท. เลยโล่งออกว่ายังมีฉายอยู่แต่ที่ สกาล่า จากคุณ : hanahime เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 16:21:27

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 32     ว่าแต่คุณไปรู้คาแรคเตอร์พระเจ้าสุทโธทนะเอาตอนไหนอะ รู้จักกันเหรอครับ จากคุณ : ERWA บ้านเรามีพระไตรปิฎก 91 เล่มค่ะ เลยทราบว่าแต่ละท่านในสมัยพุทธกาลที่จริงแล้วเป็นอย่างไรจากเนื้อหาของแท้ค่ะ จากคุณ : Serene_Angelic เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 18:22:03

ความคิดเห็นที่ 36 หนังช่วงแรกตัดต่อได้กระตุกจริงๆ แหละครับ ผมดูยังหงุดหงิดเลย แต่ครึ่งหลังทำได้ลื่นขึ้นเยอะครับ อินทีเดียวนะ หนังมัน GMO จากมังงะไปหลายส่วนมาก คนที่ไม่เคยอ่านมังงะอาจจะบ่นได้ครับว่าบางตัวไม่มีที่มาที่ไป การปูพื้นของคาแรกเตอร์แต่งเพิ่มอย่างฉประและทัตตะยังไม่เต็มพอ ไม่กลมกลืนกับพล็อตหลัก และถือเป็นจุดอ่อนที่สุดของฉบับภาพยนตร์จริงๆ แต่คนอ่านมังงะมาก่อนจะพอเข้าใจการตัดสินใจตรงนี้ของผู้กำกับครับ อย่างไรก็ตาม มังงะและหนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอพุทธประวัติในแง่ที่เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อยู่แล้วครับ พระไตรปิฎกที่ถูกชำระมา ก็เป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้มากกว่าการ์ตูนอยู่แล้ว ตรงนี้น่าจะยอมรับตรงกันนะ จะเถียงกันเรื่องนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก อย่างเรื่องพระเจ้าสุทโธทนะ ผมก็เชื่อพระไตรปิฎกมากกว่าเหมือนกัน เพียงแต่พระเจ้าสุทโธทนะในมังงะและหนัง เป็นมนุษย์ธรรมดามากกว่า เข้าถึงได้ง่ายกว่า และเป็นสีสันของการเล่าเรื่องที่(ส่วนตัวคิดว่า)ไม่ล้ำเส้น ที่สำคัญคือผมรู้ดีว่านั่นเป็นเรื่องแต่งครับ ผมแนะนำว่าถ้ามีภาคต่อ คุณ Serene_Angelic อย่าไปดูให้เสียความรู้สึกเลยนะครับ เพราะมีการดัดแปลงคาแรกเตอร์จากพระไตรปิฎกที่แบบว่า...สะท้านใจยิ่งกว่าภาคแรกอีก แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 54 21:27:28 จากคุณ : Vladimir Putan เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 21:26:46

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้าทำตามพระไตรปิฎก ผมคงไม่อยากดูนะ ได้ดูหนังแล้ว มันยังไม่เต็มที่ แต่ก็ยังดี ไม่จัดว่าแย่  สรุปว่าชอบ แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 54 23:08:32 จากคุณ : เย็นสิทธิ์ เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 54 23:05:04

ความคิดเห็นที่ 38 ถูกใจ verb 'to GMO' อย่างแรง ไปดูโดยไม่คิดถึงพุทธประวัติที่เคยอ่านเคยรู้มา ชอบ Buddha เพราะเรื่องของตัวละครรองที่คู่ขนานกับเจ้าชายสิทธัตถะไปเสริมกับธีม ชีวิตกับความทุกข์ และเกิด แก่ เจ็บ ตาย ว่าแล้วก็อยากดูตอนต่อ จากคุณ : atihasita เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 54 02:30:07

ความคิดเห็นที่ 39 แล้วที่ญี่ปุ่นมันไม่มีพระไตรปิฎกเหรอไงครับ ห๊ะ อย่างงี้เรียกคลั่งไม่ลืมหูลืมตานะ จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 54 02:47:49

ความคิดเห็นที่ 40 #35 ครับ พูดอย่างนั้นมันก็เถียงกันไม่จบครับ เพราะเอาแค่ประวัติศสาตร์ไทย - พม่า ระหว่าง 2 ประเทศนี้ยังเขียนไม่เหมือนกันเลย... จากคุณ : +Juve+ เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 54 13:24:54

ความคิดเห็นที่ 41 ออกตัวไปแล้วนะว่าผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้ และเห็นว่าเป็นการ์ตูนที่มีคุณค่ามาก แต่ผมไม่เห็นประโยชน์ของการถกเถียงเรื่องประวัติศาสตร์ในกระทู้นี้เลยว่ะครับ - -' มันไม่ใช่ประวัติศาสตร์ไทย - ประวัติศาสตร์พม่า ไม่ใช่พระไตรปิฎกไทย - พระไตรปิฎกญี่ปุ่น แต่เป็นพระไตรปิฏกไทย - การ์ตูนญี่ปุ่นนะครับ ถ้าคนเขาจะเถียงว่ามันไม่ตรงประวัติศาสตร์ ก็ยอมๆ เขาหน่อยเหอะ... ก็การ์ตูนอ่ะ ...มันไม่ตรงจริงๆ นี่หว่า - -'' แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 54 23:10:38 จากคุณ : Vladimir Putan เขียนเมื่อ : 25 ต.ค. 54 23:09:27