(รีวิว DVD) โดราเอมอน ตอน โนบิตะนักบุกเบิกอวกาศ : ฉบับรีเมคที่เต็มไปด้วยความประทับใจ

ในขณะช่วงนี้ที่มีภาคสงครามหุ่นยนต์กันไม่ดั้มฉายโรงอยู่นั้น คิดว่าคงมีแฟนๆ โดราเอมอนจำได้อยู่ว่า ภาพยนต์โดราเอมอนนั้นมีอยู่ภาคหนึ่งที่ไม่ได้ฉายเข้าโรงหนังและไม่ได้ทำแผ่น ซึ่งมาก่อนภาพสงครามเงือกใต้สมุทร นั่นก็คือ ภาคโนบิตะ นักบุกเบิกอวกาศฉบับรีเมค นั่นเอง (และเป็นภาคที่ชาวพันทิพย์กล่าวกันว่ารีเมคฉากต่อสู้ได้ค่อนข้างเร้าใจด้วย) ซึ่งตอนนี้แผ่นก็ออกมาแล้วครับ

สำหรับในเนื้อเรื่องคิดว่าคงไม่ต้องบอกกันละมั้ง เพราะคงจะรู้ๆ กันหมดแล้วว่าเนื้อเรื่องของภาคนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ในฉบับรีเมคนั้นมีเนื้อเรื่องบางส่วนที่มีการดัดแปลงให้แตกต่างไปจากเดิมจนทำให้เนื้อเรื่องมีการหักมุมบ้างเล็กน้อย เอาง่ายๆ ก็คือ ตอนท้ายของเรื่องนี้รับรองว่าเดากันไม่ออกเลยครับว่ามันจะมีฉากจบแบบนี้ด้วย

ถ้าจะเทียบกับภาคล่าสุดที่เป็นแผ่นอย่างภาคสงครามเงือกใต้สมุทรนั้น อยากจะบอกว่า ฉากการต่อสู้และเนื้อเรื่องนั้นเข้มข้นกว่าเสียอีก เอาง่ายๆ ก็คือ ในภาคสงครามเงือกใต้สมุทร ฉากต่อสู้ที่บ่งบอกถึงสงครามนั้นนับกันจริงๆ ยาวไม่ถึงสองนาทีเลยมั้ง - - ทั้งที่เป็นภาคที่สร้างมาทีหลังภาคนี้ แต่กลับทำให้ฉากต่อสู้สั้นลง ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ แต่ ในภาคนี้ แม้การต่อสู้จะมีน้อย แต่กลับเล่นอารมณ์คนดูให้รู้สึกตื่นเต้นต่อเนื่องจนไม่รู้สึกเสียอารมณ์เท่าไหร่นัก

ในภาคนี้ไม่ได้เน้นเรื่องฉากซึ้งเหมือนภาคสายลมหรือภาคอาณาจักรโฮ่งเหมียว และก็ไม่ได้เน้นฉากต่อสู้อลังการเหมือนภาคหุ่นยนต์ที่ฉายในโรงล่าสุด แต่เน้นเนื้อเรื่องที่ต่อเนื่อง ไม่ยืด และเน้นการผจญภัยเต็มรูปแบบ ทำให้ความน่าสนใจของภาคนี้จะอยู่ที่แทบไม่มีฉากไหนน่าเบื่อเลย แม้แต่ฉากบางฉากที่ผมเชื่อว่าแฟนๆ โดราเอมอนคิดว่ามันคงยืดหรือน่าเบื่อแน่ๆ กลับไม่มีเลยครับ

ตัวเนื้อเรื่องนั้นจะเน้นค่อนข้างไปไวสักเล็กน้อย แต่ก็มีการปูเนื้อเรื่องให้คนดูที่ไม่เคยรู้จักภาคนี้มาก่อนให้รู้เรื่องบ้าง แต่สิ่งที่ภาครีเมคขาดต่างจากต้นฉบับก็คือ อารมณ์ของหนังที่มีความประทับใจต่อดาวโทยะ โทยะ นั้นมีไม่เหมือนภาคต้นฉบับ รวมไปถึงฉากจบที่จบได้ไวมาก - - ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบจบไปถึงไหน เพิ่มอีกสัก 5 นาที ผมคิดว่าคนดูไม่บ่นกันหรอก ทำให้ความประทับใจในตอนจบของภาคนี้สำหรับผมจึงรู้สึกเฉยๆ สู้ภาคอย่างอาณาจักรโฮ่งเหมียวไม่ได้ ที่ฉากจบทำได้ประทับใจกว่า โดยเฉพาะความประทับใจระหว่างอิจิกับโนบิตะ

ที่ผมชื่นชอบอย่างในการรีเมคของภาคนี้ก็คือ การจับเปลี่ยนแปลงตัวละครคนหนึ่งที่มีผลกระทบกับเนื้อเรื่องของภาคนี้พอสมควร แล้วเล่นอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์เข้ามา ซึ่งฉากนั้นเป็นฉากที่ผมดูแล้ว ก็รู้สึกอึ้งสุดๆ และเป็นการสับเปลี่ยนตัวละครและเปลี่ยนบทได้อย่างลงตัวได้ดี เข้ากับเหตุการณ์ในยุคปัจจุบันมากครับ

และที่ต้องขอชื่นชมทีมผู้สร้างภาคนี้ก็คือ ฉากต่างๆ ได้มีการทำไม่ให้น่าเบื่อและเร้าใจกว่าเดิม อย่างเช่นมุขตลกที่แทรกเข้ามาแทบตลอดกับฉากธรรมดา อย่างเช่น ฉากเริ่มต้น ที่โนบิตะตกไปในหลุมตอนหนีพวกนักเรียนมัธยมนั้น เป็นฉากที่ทำให้เรียกเสียงหัวเราะได้ และจะมีอย่างนี้ตลอดจนกระทั่งเนื้อเรื่องไปถึงดาวโทยะ โทยะ เลยหละครับ และฉากบนอวกาศนั้นทำออกมาได้น่าประทับใจ อิงอารมณ์สถานการณ์เหมือนหนังอวกาศในระดับ Star Wars หรือ สตาร์ เทค เลยแหละครับ แต่ก็แน่นอนว่าในฉบับโดราเอมอนนะครับ

เรื่องกราฟฟิกนั้นก็ต้องสวยงามตามสมัยปัจจุบัน มีการเล่นฉากกราฟฟิก 3D ในบางฉากเพื่อความสมจริง แต่ความรู้สึกส่วนตัวผมนั้น ฉากที่ว่าไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่นัก (ฉากที่ว่ามีไม่กี่ฉาก) ส่วนนอกนั้น ยังคงเอกลักษณ์ความคราสสิคของการ์ตูนเรื่องโดราเอมอนได้เป็นอย่างดี ทำให้เรื่องนี้มีความคราสสิคมากกว่าเมื่อเทียบกับภาคสงครามเงือกสมุทรครับ

เสียงประกอบนั้น ถ้าใครยังจำเสียงอุตกาบาตถล่มในภาคอาณาจักรโฮ่งเหมียวนั้น ท่านจะได้รับความรู้สึกนั้นไปอย่างสะใจแน่นอน เพราะเสียงประกอบของภาคนี้ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ จนบางทีผมรู้สึกเลยว่าผมกำลังดูหนังเรื่อง Star Wars หรือ สตาร์เทค ในฉบับโดราเอมอน อยู่ ซึ่งพอเอามาฟังกับลำโพง 5.1 แล้ว เสียงนั้นจะอลังการมากๆ แต่พอเอามาฟังด้วยระบบ 2.0 ด้วยลำโพงธรรมดา ระบบเสียงที่ว่าอาจไม่ค่อยสังเกตได้เท่าไหร่นัก

ในส่วนของเสียงพากษ์นั้นมีอยู่จุดเดียวที่ผมไม่ชอบ นั่นก็คือเสียงน้องสาวของโรพอล ที่มีอยู่ฉากนึง พากษ์ออกมาสวนทางกับสถานการณ์อารมณ์ในขณะนั้นมาก ผมดูแล้วผมนึกเลยว่าฉากนั้นมันต้องเรียกความหวังแบบเศร้าๆ ไม่ใช่เหรอ แต่กลับส่งเสียงสูงเหมือนสนุก อันนี้ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเล่นอารมณ์แนวไหนกันแน่ ? ส่วนที่เหลือนั้นเสียงพากษ์อยู่ในระดับที่สมบูรณ์อยู่แล้วครับ (ที่ผมชอบอย่างก็คือ เสียงจามี่ ที่นํ้าเสียงนั้นดูเพลินจนผมไม่นึกเลยว่าเป็นเพศหญิง)

ดนตรีประกอบนั้น ถือว่าอยู่ในระดับโอเค เสียงซาวแทรคนั้นถ้าจะเทียบกับภาคสงครามเงือกใต้สมุทรแล้ว เพลงซึ้งและเพลงอาจไม่เพราะสะเทือนอารมณ์เท่าภาคนั้น แต่ก็ทำออกมาเพลินๆ ดี แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องเน้นออกไปไว ทำให้จับอารมณ์ของเสียงเพลงไม่ค่อยอินเข้าไปในใจเท่าไหร่นัก แต่จริงๆ ที่ผมชอบก็คือ เพลงเปิดโดราเอมอนที่คราวนี้มีซับไทยแปลมาให้ด้วย (ปกติไม่เคยรู้ความหมายเพลง) เนื้อหาของเพลงนั้นทำเอาผมนํ้าตาไหลเลย เพราะเป็นเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนคนวัยทำงานอย่างผมมาก

โดยรวมแล้วจัดเป็นภาคมูฟวี่ที่น่าสนใจ แม้ว่าองค์ประกอบจะไม่ได้ดีไปด้านใดด้านหนึ่งหรือดีเลิศในระดับรวมๆ แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่รีเมคออกมาสนุกกว่าเดิม หักมุม และยังคงความเป็นต้นฉบับคราสสิคของ อาจารย์ฟูจิโกะ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงเป็นอีกภาคหนึ่งที่สมควรซื้อเก็บเอาไว้ ที่น่าเสียดายก็คือ เมื่อไหร่ Rose จะเอาเสียงญี่ปุ่นมาใส่ซักที!! อยากฟังเสียงต้นฉบับเหมือนกันน้าาาาาาาา!!

จุดเด่น
- เนื้อเรื่องคงความเป็นต้นฉบับ แต่ปรับให้เข้ากับยุคปัจจุบัน
- มีเนื้อเรื่องแปลกใหม่และหักมุมแฟนๆ โดราเอมอนเหมือนกันโดยเฉพาะตอนท้าย
- เนื่องจากเป็นฉบับรีเมค เนื้อเรื่องเลยไปไว ทำให้ไม่น่าเบื่อ
- มุขตลกเยอะมาก ฉากอลังการมากขึ้น ฉากต่อสู้เร้าใจและดุเดือดขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้นานมากมาย แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่เน้นผจญภัย ทำให้ไม่รู้สึกเสียอารมณ์
- มีการเล่นอารมณ์คนดูในเรื่องของจิตใจมนุษย์
- เสียงประกอบ สุดยอด!!

ข้อเสีย
- ฉากจบ จบได้ไวมาก -*- ไม่ประทับใจเท่าไหร่เลยเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ
- เพลงประกอบเพราะไม่เท่าภาคสงครามเงือกสมุทร ซึ่งผมถือว่าเป็นภาคที่ทำเพลงประกอบได้ดีมาก
- ฉากซึ้งไม่ค่อยมี (อยากให้มี เพราะอยากร้องไห้ ดูโดราเอมอนก็เพราะอยากนํ้าตาไหลเนี่ยแหละ ผมโรคจิตปะเนี่ย - - v)
- ไม่ชอบนํ้าเสียง เสียงพากษ์ตัวละครน้องสาวของโรพอลอยู่แค่ฉากเดียว ทำเอาฉากนั้นรู้สึกอารมณ์ไม่ต่อเนื่องเลย
- อยากได้เบื้องหลังกับเสียงญี่ปุ่นอ่ะ! Rose จ๋า จัดมาทีสิ จะได้มีอะไรแข่งกับพวกแผ่นกอปบ้าง

คะแนน : 9.3 / 10.00

จากคุณ	: patiweshchan
เขียนเมื่อ	: 22 ต.ค. 54 13:16:42