ความคิดเห็นที่ 1 **เพื่ออิสรภาพ ....แอนดี้ ดูเฟรน** แอนดี้ ดูเฟรน คือนายธนาคารที่กำลังรุ่งโรจน์ในสายอาชีพของเขา แต่กลับต้องถูกส่งตัวมาที่คุก Shawshank เพราะถูกตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต ในข้อหาฆ่าเมียและชู้ของเธอ หนังไม่ได้เฉลยในตอนต้นเรื่องว่า ดูเฟรนได้กระทำความผิดจริงหรือเปล่า แต่ดูเฟรนบอกเพื่อนๆ นักโทษของเขาว่าเขาบริสุทธิ์มาตลอด จนหนังได้ผ่านเลยครึ่งเรื่องไปแล้ว ผู้ชมเพิ่งได้ทราบพร้อมกับเพื่อนนักโทษของเขาว่า จริงๆ แล้ว ดูเฟรนเป็นแพะรับบาป และเหตุผลนี้เองที่ดูเฟรนไม่ต้องการรับโทษที่เขาไม่ได้กระทำ เขาจึงคิดหาหนทางในการหนีออกมาจากคุกตลอดเวลา   ดูเฟรนใช้เวลาปรับตัวอยู่ในคุกประมาน 1 เดือน ก่อนที่จะเริ่มปรับเข้าหานักโทษคนอื่นๆ นักโทษคนแรกที่ ดูเฟรนเข้าหาก็คือ เรด (Morgan Freeman) ซึ่งการเข้าหานั้น ไม่ได้มีความพิเศษอะไรแต่อย่างใด ดูเฟรนเพียงต้องการค้อนแกะสลักหินโดยอวดอ้างภูมิฐานความรู้ว่า ตัวเขาเป็นนักสะสมหินมาก่อน จึงอยากหางานอดิเรกทำ ทำให้เรดไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด แต่ในตอนท้ายผู้ชมคงทราบแล้วว่า การหลงรักธรณีวิทยาของแอนดี้นั้น ทำให้เขาใช้ค้อนสลักหิน อันสั้นๆ ขุดกำแพงออกได้ผ่านในระยะเวลา 20 ปี เมื่อแอนดี้ ดูเฟรน คิดแผนการในหนีออกจากคุกได้แล้ว เขาจึงค่อยๆหาวิธี ซื้อใจผู้คุม และโอกาสก็มาหาเขา เมื่อเขาและกลุ่มเพื่อนๆของ เรด ได้ขึ้นไปทำงานบนดาดฟ้า ขณะที่ทำงานอยู่นั้น ผู้คุมจอมโหด แฮดลี่ย์ ได้บ่นกับเพื่อนของเขาถึงการได้เงินลาภลอยมาจากน้องชาย แต่กลับต้องถูกรัฐขูดรีดภาษี การสนทนาไปเข้าหูแอนดี้อย่างจัง เขาจึงเดินไปช่วยให้คำปรึกษาต่อผู้คุมจอมโหด ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากใดๆ ผู้คุมก็จะผลักแอนดี้ตกจากดาดฟ้า แอนดี้ จึงต้องรีบพูดว่าเขาจะเป็นคนจัดการเรื่องภาษีให้ และจะทำให้ แฮดลี่ย์ ไม่ต้องเสียภาษีสักแดงเดียว นั่นทำให้ผู้คุมพอใจเป็นอย่างมาก แต่แอนดี้กลับขอรางวัลตอบแทนเป็นเบียร์ให้เพื่อนร่วมงานของเขาคนละ 3 ขวดเท่านั้น   จากเหตุการณ์นี้ทำให้ แอนดี้ได้รับการทำหน้าที่เสริมในการทำธุระเกี่ยวกับภาษีของผู้คุมทั้งหลาย และที่สำคัญแอนดี้ ยังซื้อใจเพื่อนๆ นักโทษจากการเสี่ยงตายครั้งนั้น นั่นพอจะบอกได้ดีว่า แอนดี้ ชาญฉลาดอย่างมากในการวางแผนต่างๆ ได้อย่างฉับไว หรือพูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือแอนดี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว แถมการซื้อใจผู้คุมจอมโหดนั้นทำให้ แอนดี้ รอดพ้นจากกลุ่มซิสเตอร์(กลุ่มรักร่วมเพศ)อีกด้วย จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 13:27:56

ความคิดเห็นที่ 2 **ความหวังของแอนดี้ ดูเฟรน** ปรัชญาการดำเนินชีวิตของแอนดี้ ดูเฟรนเริ่มเด่นชัดออกมาเรื่อยๆเมื่อหนังได้ดำเนินไปได้ระยะหนึ่ง สิ่งที่ผู้ชมเห็นเด่นชัดที่สุดในตัวแอนดี้ ก็คือ ความหวังที่เต็มเปี่ยมในการดำเนินชีวิต แอนดี้มีโอกาสได้เป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ของ บรู๊คส์ นักโทษแก่วัยชรา แต่แอนดี้ไม่พอใจกับห้องสมุดที่มีมาของเรือนจำ เขาจึงไปขอทุนกับพัศดีเพื่อขอให้ห้องสมุดได้รับการปรับปรุง แต่คำตอบกลับไม่เป็นดังที่เขาสมหวัง เขาจึงส่งจดหมายไปขอทุนกับรัฐสภาสัปดาห์ละ 1 ฉบับ จนประสบความสำเร็จ นั่นหมายถึงว่าแอนดี้ ไม่เคยย่อท้อต่อสิ่งใดๆ แม้สิ่งนั้นมีโอกาสที่จะเป็นไปได้น้อยมากก็ตาม แค่นั้นยังไม่พอเมื่อแอนดี้ ได้ทุนมา 200 เหรียญ เขากลับเพิ่มการส่งจดหมายให้รัฐสภาเพิ่มเป็น 2 ฉบับต่อสัปดาห์ และไม่นานทางรัฐสภาจึงต้องช่วยเหลือ แอนดี้ เป็นปีละ 500 เหรียญ เพื่อให้แอนดี้หยุดส่งจดหมายเสียที หากลองเปรียบเทียบเหตุการณ์นี้กับการใช้ค้อนสลักหินกะเทาะกำแพงคุกก็พอจะเข้าใจได้ว่า แอนดี้ มีความพยายามในพื้นฐานทางจิตใจมากแค่ไหน แม้ทั้งสองสิ่งที่แอนดี้ทำอาจจะประสบพบกับความผิดหวังก็ตาม แต่เป็นไปได้ว่าแอนดี้มองข้ามความผิดหวังนั้นไป และคิดแต่ความสำเร็จที่จะต้องบังเกิดในสักวัน แล้วสุดท้ายเขาก็ทำมันจนสำเร็จ เหตุการณ์ในวันที่หนังสือเก่าถูกส่งมาพร้อมกับแผ่นเสียงเพลง แอนดี้ นั่งฟังเพลงคลอไปอย่างสบายอารมณ์ แถมยังต่อเข้ากับไมโครโฟน เพื่อแบ่งปันเสียงเพลงให้ไปถึงนักโทษทุกๆคน จนแอนดี้ต้องโดนลงโทษโดนการไปนอนห้องมืด เสียงดนตรีสื่อความหมายในเชิงอุดมการณ์ของ แอนดี้ ได้อย่างชัดเจน แอนดี้บอกเพื่อนทุกๆคนว่า ดนตรีคือสิ่งที่ช่วยให้เรามีความความหวัง มีโลกส่วนตัวที่ไม่มีใครเข้าไปถึง และแอนดี้กำลังแผ่ซ่านอุดมการณ์แห่งความหวังไปให้เพื่อนๆ ทุกคน หมายถึงว่า แอนดี้ คิดว่าเพลงกำลังนำพาให้นักโทษทุกคนสร้างโลกส่วนตัวของตนเองขึ้นมา ซึ่งเป็นโลกที่ไม่มีใครสามารถเหยียบย่ำเข้าไปถึง ซึ่งต่างจากชีวิตที่ถูกจองจำ เพลงกำลังนำพาให้ทุกคนพบหนทางแห่งความสวยงาม ซึ่งยากนักที่นักโทษจะกล้าฝันถึง หรือบอกเป็นนัยๆ ว่า ช่วงเวลาแสนสั้นที่เพลงได้เกาะกุมจิตใจ นักโทษทุกคนจะรู้สึกได้ถึงอิสภาพ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาอย่างยาวนาน อย่างที่แอนดี้ เฝ้าฝันมาตลอดเวลาที่ถูกจองจำ จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 13:29:23

ความคิดเห็นที่ 3 **นักโทษ...... ผู้ถูกจองจำ ทั้งเวลา ชีวิตและจิตวิญญาณ** ชีวิตของนักโทษนั้นเป็นอะไรที่ซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อ ไร้ซึ่งอิสรภาพ และอิสรเสรีในทุกๆด้านของชีวิต แต่โทษใครก็ไม่ได้เพราะส่วนมากที่ถูกลงโทษนั้นก็เพราะการผิดพลาดเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น แต่น่าแปลกที่ทุกคนในเรือนจำ Shawshank กลับบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์ ไม่มีใครทำผิดสักคนเดียว ยกเว้น เรด เพียงคนเดียวที่ยอมรับกับ แอนดี้ ว่าเขาทำผิดจริง ชีวิตของแอนดี้ ในฐานะนักโทษนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากนักโทษทั่วไป แถมแอนดี้ ยังถูกกลุ่มซิสเตอร์(กลุ่มรักร่วมเพศ) ก่อกวน และทำการข่มขืนอยู่ตลอดเวลา ทั้งโดนซ้อม โดนข่มขืน มีบาดแผลฟกช้ำเกิดขึ้นใหม่เสมอมา จนเป็นกิจวัตรอันแสนน่าเบื่อของแอนดี้ นั่นพอจะทำให้เห็นได้ว่า แม้เรารังเกียจความเป็นคุกมากเท่าไหร่ แต่เราก็ต้องยอมปรับตัวให้เข้าไปกับมัน และด้วยบทบรรยายของเรด ที่บอกว่า “มันเป็นช่วงเวลา 2 ปีที่แสนเลวร้ายสำหรับแอนดี้ และหากมันเป็นเช่นนี้ต่อไป ที่นี่คงจะทำร้ายแอนดี้เป็นแน่” แต่แอนดี้ก็ไม่ปล่อยให้คุกกลืนกินเขาไป และเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงนี้นี้ยิ่งทำให้ แอนดี้ ใฝ่หาอิสรภาพอย่างที่ไม่เคยถวิลหามาก่อนในชีวิต จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 13:32:23

ความคิดเห็นที่ 4 **บรูคส์ เฮทเล่น (James Whitmore)... “ยึดติดสถาบัน” แบบแผนนิยมของนักโทษทั้งมวล** บรูคส์ คลุ้มคลั่งถือมีดจี้คอหอยเพื่อนนักโทษในทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังได้รับทัณฑ์บนและกำลังถูกปล่อยให้เป็นอิสระจากการจองจำ แต่ทำไมบรูคส์จึงทำเช่นนั้น   บรูคส์ติดคุกตั้งแต่หนุ่มๆ จนใช้เวลาทั้งหมดของชีวิตไปกับการถูกจองจำ ในคุกบรูคส์ได้รับการแต่งตั้งเป็นถึงบรรณารักษ์ห้องสมุด เป็นคนชราที่มีนักโทษเคารพ และนี่อาจหมายถึงว่า บรูคส์กำลังมีความสุขกับการใช้ชีวิตในคุก และหวังที่จะจบชีวิตที่นี่ แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ถูกปล่อยตัวไปใช้ชีวิตในโลกภายนอก แต่บรู๊คส์ในวัยชราไม่สามารถทนรับกับสภาพโลกภายนอกได้อีกต่อไป บรูคส์บอกว่า “เขาไม่สามารถทนกับชีวิตไร้สาระแบบนี้ได้” บรูคส์เป็นตัวอย่างสำคัญของคนที่ไร้ซึ่งอิสรภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นแนวทางที่ตรงข้ามกับ แอนดี้ ดูเฟรนเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่แค่บรูคส์คนเดียวที่เป็นแต่อาจรวมถึงนักโทษทุกคนที่ถูกจองจำมาเป็นเวลายาวนานด้วย ดังคำที่เรดพูดกับเพื่อนๆ ว่า “ในตอนแรกแกก็เกลียดมัน(คุก) แล้วต่อมาก็เริ่มเคยชิน พอเวลาผ่านไป แกก็เริ่มพึ่งพิงมัน นั่นแหละที่เรียกว่าว่า ยึดติดสถาบัน” อีกเหตุผลหนึ่งที่บรูคส์ใช้ชีวิตอยู่แบบคนเสรีชนทั่วไปไม่ได้ก็คือ บรูคส์ใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ในคุก จนถึงบั้นปลายของชีวิต เมื่อถูกปล่อยตัวออกมาก็ไม่สามารถปรับตัวกับโลกภายนอกที่แตกต่างจาก 50 ปีที่แล้วได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องทรมานกับคนแก่อย่างบรูคส์เป็นอย่างมาก เพราะโลกของเรือนจำต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนมันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ต่างจากโลกแห่งเสรีชนมันต้องถูกพัฒนาเพื่อรองรับความสะดวกสบายของผู้คนอย่างไม่รู้จักหยุดจักหย่อน บวกกับวัยของบรู๊คส์ด้วยแล้วเขาจึงไม่สามารถทนรับกับชะตากรรมในการทำงานหนัก ด้วยสภาพมือที่เจ็บอีกต่อไป บรูคส์จึงตัดสินใจยอมจบชีวิตตัวเองลงอย่างสงบ จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 13:33:23

ความคิดเห็นที่ 5 **มิตรภาพ.....เพื่อน.... การส่งต่ออุดมการณ์ จากแอนดี้ สู่ เรด** จากที่กล่ามาแล้วข้างต้นว่า เรด คือนักโทษคนเดียวที่ยอมรับว่าตัวเองก่ออาชญากรรมในวัยเด็กและผิดจริง ซึ่งต่างจากนักโทษคนอื่นที่โทษทนายห่วย นั่นพอจะทำให้เห็นแง่มุมของ เรด ได้เป็นอย่างดีว่าเขาได้สำนึกผิด ในการกระทำความผิดของเขาแล้ว โดยเรดเองเริ่มตระหนักถึงความมีคุณค่าของชีวิต(อิสรภาพ)ที่หายไป ในการถูกคุมขังในคุกตลอดช่วงอายุขัย เรดก็ได้แต่ถอดถอนหายใจแล้วปล่อยให้ทุกอย่างมันดำเนินไป ไม่กล้าคิดกล้าฝันอะไรเหมือนกับ แอนดี้ ดูเฟรน จึงอาจสรุปได้ว่าชะตากรรมในบั้นปลายของ เรด คงไม่ต่างอะไรกับ บรู๊คส์ แต่อุดมการณ์ของแอนดี้ ได้แทรกซึมเข้าสู่ เรด ตลอดมา แม้ เรด จะคอยขัดคอ แอนดี้ตลอดทุกครั้งที่แอนดี้ เพ้อฝันในสิ่งที่อยู่ไกลเกินกว่ากำแพงของเรือนจำ แอนดี้เพ้อฝันว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในบั้นปลายที่เม๊กซิโก เรดจึงได้พูดเตืนสติแอนดี้ว่า “นี่มันเป็นเรื่องเพ้อฝันบ้าๆ เม็กซิโกอยู่ถึงไหน  แต่นายอยู่ที่นี่ นี่คือชีวิตจริง” แอนดี้จึงบอกต่อไปว่า “ใช่ นี่คือชีวิตจริง มันอยู่ถึงไหน แต่ฉันอยู่ที่นี่ งั้นฉันคิดว่ามันคงเหลือ ทางเลือกอยู่ทางเดียวแล้วละ หาทางมีชีวิตอยู่ หรือไม่ก็หาทางตายซะ หลังจากคืนนั้น แอนดี้ ก็ได้หนีออกจากคุกทางท่อระบายน้ำ เรดรู้ตัวว่า ตัวเขาเอง ไม่มีทางเป็นได้แบบแอนดี้ได้ เขาเป็นได้แค่แบบ บรู๊คส์ คนที่ยึดติดสถาบัน แต่ก่อนที่แอนดี้จะหนีไป เรด ได้ให้สัญญากับแอนดี้ว่า จะไปในที่ๆแอนดี้บอก แต่เขาคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ออกไป จนกระทั่งการพิจารณาทัณฑ์บนของเรด ก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่สาม สองครั้งแรก เรดพยายามตอบคำถามให้ดูดีที่สุดเพื่อเขาจะได้ออกไป แต่แล้วก็ผิดหวัง นั่นทำให้เขารู้ตัวดีว่า ครั้งนี้เขาก็คงผิดหวังเช่นเคย เขาจึงไม่ปั้นแต่งคำให้ดูสวยหรู พูดทุกๆอย่างไปตามความรู้สึกที่มีอย่างจริงใจ ซึ่งผู้ชมคงเห็นได้ว่า การพูดของเรดนั้น ไม่ต่างจากการสารภาพผิดของตัวเอง การรู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิต ที่เหลืออยู่ อาจเป็นไปได้ว่า การเข้ามาของแอนดี้ การรู้จักของคนทั้งสอง ทำให้เรด ได้ตระหนักถึงคุณค่าบางอย่างของชีวิต การรู้ซึ้งถึงอิสรภาพ การมีความหวังในทุกๆวันของชีวิต ทุกๆอย่างคือสิ่งที่ เรดอาจได้รับจากแอนดี้ มาโดยตรง จริงๆ เรด มีทุกสิ่งทุกอย่าง อยู่ในจิตใจลึกๆอยู่แล้ว แต่เขาไม่กล้าแสดงออกสิ่งเหล่านั้นออกมา เรดพยายามทำตัวให้คุ้นชินกับสิ่งที่เขาได้รับ หากจะบอกว่าแอนดี้ ช่วยอะไรเรด ก็คงเป็นการกระตุ้นเรียกจิตวิญญาญความเป็นมนุษย์ที่ควรพึงได้รับออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์พึงมี อิสรภาพ เสรีภาพ ความฝัน ฯลฯ  แอนดี้ช่วยดึงสิ่งเหล่านี้ออกมาจากจิตใจส่วนลึกๆที่ถูกทับถมไว้จากการอยู่ใน Shawshank ของเรด จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 13:35:13

ความคิดเห็นที่ 6 **จากทาส สู่ อิสรภาพ การตัดสินใจครั้งใหญ่หลวงของ เรด** ทันทีที่ เรด ได้รับการปล่อยตัวออกมาสู่โลกภายนอก สังเกตให้ดีจะพบว่าวิธีการนำเสนอแทบจะทับซ้อนกับสิ่งรอบกายที่เกิดขึ้นกับบรูคส์ดลยทีเดียว ความเปลี่ยวเหงารอบกาย การต้องตรากตรำทำงานโดยมีผู้จัดการคอยคุม ซึ่งเป็นความตั้งใจของภาพยนตร์ที่ให้เป็นเช่นนั้น เพื่อนำเสนอให้รู้ว่า เรดไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกได้อย่างแน่นอน แต่แล้วคำพูดที่ แอนดี้ เคยพูดไว้กับเรด ก็เข้ามากระทบจิตใจเรด และนี่คงเป็นสิ่งเดียวที่เรด เหลืออยู่ในชีวิต สุดท้ายผู้ชมจะพบว่า เรด ออกเดินทางไปที่ๆ แอนดี้ เคยบอกไว้ ด้วยคำพูดของเรดที่ว่า ”ผมพบว่าตัวเองตื่นเต้นซะจนนั่งไม่ติด คิดอะไรก็ไม่ออก นอกจากตื่นเต้น ซึ่งอิสระชนเท่านั้น จึงจะมีความรู้สึกเช่นนี้ได้ คนเสรีคนนึงเริ่มออกเดินทางไกล ไปสู่จุดหมายปลายทางที่ยังไม่แน่นอน “ แอนดี้ ได้ถ่ายทอดอุดมการณ์ของตัวเองไปสู่ เรด ตลอดเวลา แม้มันจะไม่เป็นผลในช่วงเวลานั้น แต่มันจะเป็นผลในสักวัน แล้วเรดก็รู้ในที่สุด รู้ว่าแอนดี้ ดูเฟรน คือสิ่งดีที่สุดในชีวิตของเขา คนที่ปลดปล่อยเขา ไปสู่อิสรภาพ อิสรภาพที่ทุกคนใฝ่หา อิสรภาพที่ทุกคนใฝ่ฝัน มันไม่ได้อยู่ที่ไหนไกล มันอยู่ในใจทุกๆคน ติดตามบล็อกของผมได้ที่ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=a-bellamy แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 54 13:37:13 จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 13:36:26

ความคิดเห็นที่ 7 ใช่ครับ หนังเรื่องนี้เนื้อหาดีมากก เดินเรื่องเอื่อยๆ แต่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ ปล. บางครั้ง การติดสินของออสการ์อาจไม่ดีที่สุดในสายตาผู้ชม แต่ขณะเดียวกัน imdb ก็อาจเป็นการโหวตที่ไม่ได้ดีที่สุดด้วย เพราะบางครั้งเกิดการปั่นกระแสได้ครับ แต่หนังออสการ์กับหนังที่ติดอันดับ imdb เกือบทุกเรื่อง เป็นหนังที่ดีเลยนะครับ ที่นี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมความชอบส่วนบุคคลแล้ว จากคุณ : Gusbell ครับผม เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 14:22:45

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับ ข้อมูลแน่นปึ้ก จากคุณ : Parrot Gold SP เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 14:24:37

ความคิดเห็นที่ 9 หนึ่งในหนังที่เรารักที่สุดตลอดกาล ดูกี่ครั้งก็ประทับใจ เป็นหนังที่จรรโลงใจมากกกก "hope is a good thing. maybe the best of things and no good thing ever dies" จากคุณ : Lakesidemile เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 14:29:25

ความคิดเห็นที่ 10 เคยดูที่โรงแล้ว วันหยุดที่ผ่านมาได้ดูซ้ำไปอีก 2 รอบที่ทรู (เปิดมาไม่ตรงเริ่มต้น ต้องไปเก็บซ้ำอีกรอบ) ลืมไปบ้างแล้ว ดุอีกก็สนุกดี จากคุณ : คนตะวันออก เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 14:29:59

ความคิดเห็นที่ 11 แอนดี้ไม่ได้ถูกข่มขืนไม่ใช่หรอ จากคุณ : sakchaisakchai เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 14:38:22

ความคิดเห็นที่ 12 ู^ ^ ^ โดนค่ะ ู ู จากคุณ : Lakesidemile เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 14:39:16

ความคิดเห็นที่ 13 ซีฮัวทาเนโฮ เขาอยู่ที่นั่น จากคุณ : in_my_metal เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 14:50:08

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากครับ พึ่งมีโอกาสได้ดู หลังจากที่หลายๆ คนรอบข้างแนะนำให้หามาดูมาตั้งนานแล้ว ดูจบแล้วขนลุกซู่เลยครับ มันเหมือนเมฆดำทมึนที่ก่อขึ้นรอบๆ ตัว ขณะดูตั้งแต่ต้นจนเกือบจบมันมลายหายไป เหลือแต่แสงแดดและท้องฟ้าที่สว่างจ้า   ดูจบแล้วมีกำลังใจให้ใช้ชีวิตให้โลกใบนี้กันต่อไป ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : jazz_tronik เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 15:10:57

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบมากเหมือนกันครับ คุณA-Bellamy บรรยายได้ดีมากเลยครับ อ่านแล้วเห็นภาพตาม เป็นหนังที่สนุกดูได้หลายรอบไม่เบื่อ ผมดูพากย์ไทยก็พากย์ได้ดีครับ รู้สึกจะทีมอินทรีย์พากย์ อ่านแล้วทำให้อยากดูขึ้นมาเลย แต่ต้องไปคุ้ยหาจากกองอีก -_-" จากคุณ : krisato เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 15:26:22

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ A-Bellamy ครับ ที่บ้านน้ำท่วมมั้ยครับ จากคุณ : ชื่นกมล เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 15:37:58

ความคิดเห็นที่ 17 ชอบเสียงพากย์ทีมอินทรีย์มาก เสียงเรดนี่พากย์ได้จนรู้สึกว่าเป็นเสียงมอแกนฟรีแมนเลย จากคุณ : sakchaisakchai เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 15:54:07

ความคิดเห็นที่ 18 " มิตรภาพ กับ ความหวัง " หนังเรื่องนี้ สื่อออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดแล้ว มีเพื่อนร้อยคน ยังน้อยไป มีศัตรูหนึ่งคนนั้นมากไป สำหรับแอนดี้ ดูเฟรน แล้ว เปรียบไปก็คงคล้ายประโยคที่ว่า หากคนเรายังไม่สิ้นลมหายใจ ความหวังก็ยังมีอยู่ อยู่ในคุก แอนดี้ ก็ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า ไม่ทิ้งเวลาให้สูญเปล่า ความหวังในการออกไปใช้ชีวิตนอกคุก ก็ไม่เคยเหือดหายไปกับกาลเวลา ถึงแม้ว่า วิธีที่จะแหกคุกออกไป อาจใช้เวลาเนิ่นนานปี ผมประทับใจ กับมิตรภาพ กับ ความหวัง ของหนังเรื่องนี้ที่สุด จากคุณ : หนึ่งจุดแดง เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 15:54:25

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นหนังที่เราประทับใจที่สุด ดูแล้วดูอีกไม่เคยเบื่อเลยค่ะ มันตราตรึงใจยังไงก็ไม่รู้ อ่านกระทู้นี้แล้วเรามีความสุขนะเนี่ย   จากคุณ : อยู่เป็นโสดให้ชายเสียดายเล่น เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 16:00:37

ความคิดเห็นที่ 20 ส่วนตัวคิดว่า The Shawshank Redemption เจิดจรัสกว่า Forrest Gump เยอะ แปลกดีที่ไม่เคยคิดจะดู Forrest Gump ซ้ำอีกซักรอบหรือคิดว่าเป็นหนังดีขนาดพลาดไม่ได้ แต่กับ The Shawshank Redemption กลับเป็นหนังที่อยากจะมีดีวีดีเก็บไว้และพร้อมจะนั่งหน้าจอดูเวลาเคเบิลทีวีเอามาฉายใหม่ไปเรื่อยๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆที่ตัวหนังมีความยาวพอสมควร ผู้กำกับไม่รู้ทำได้ยังไงกับตัวหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ดำเนินเรื่องได้แบบ "เรื่อยๆ" เอามากๆ แต่ไม่มีความน่าเบื่อเจือปน บทพูดแต่ละฉากสื่อได้ตรงประเด็นและคมคายแบบสุดๆ ช่วงท้ายเรื่องริจะหลุดความ "เนิบ" ที่ปั้นมาตลอดและปลุกความ "ตื่นเต้น" ให้กับผู้ชมก็ทำได้อย่างดี เล่นเอาคนดูคิดในใจตลอดว่า จะเป็นยังไงต่อ บทสรุปของคนนี้จะเป็นยังไง และจุดปมที่ทิ้งไว้จะเฉลยออกมาเป็นอ่ะไรกันแน่ แน่นอนว่านอกจากบทแล้ว บวกกับการแสดงของนักแสดงนำทั้งสองคน (และตัวประกอบระดับเทพ) ผมว่าหนังเรื่องนี้ "พลาดไม่ได้" สำหรับคนดูหนังส่วนใหญ่ครับ จากคุณ : torwat_fc เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 16:16:42

ความคิดเห็นที่ 21 The Shawshank Redemption ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อจริงๆ จากคุณ : Moment Sweet เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 16:31:57

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องนี้ขอให้เห็นว่าฉายเถอะ ต้องจอดดูทุกรอบ เป็นหนังที่ไม่ได้แผ่นดูเองเท่าไหร่ แต่ดูจากรีรันตามเคเบิลทีวีบ่อยมาก จากคุณ : Eastiny I เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 16:37:33

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่โดนข่มขืนค่ะ เพราะขู่กลุ่มซิสเตอร์จนกลัวว่าแอนดี้จะกัด...จนขาด แต่ก็โดนซ้อมปางตายเลยทีเดียว จากคุณ : หมาแมวหมูหมี เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 18:29:32

ความคิดเห็นที่ 25 ทำไมผมคุ้นๆว่าไม่โดนข่มขืนนะ กลับไปดูอีกรอบดีกว่า จากคุณ : เขียนบน iPhone (ความจำสั้นสันหลังยาว) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 18:40:06

ความคิดเห็นที่ 26 ผมบอกเลยว่าผมเทใจให้กับหนังเรื่องนี้หมดหมดทั้งใจเลยครับ ทิม โรบิ้น แสดงบทไหนไม่ได้อีกแล้วเพราะเขาคือ แอนดี้ ดูเฟรน จริงๆ จากคุณ : the don เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 18:56:42

ความคิดเห็นที่ 27 ชอบเรื่องนี้มาก และ นานแล้ว ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Leslie_Devil เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 19:23:32

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบอก ว่าโดนข่มขืนค่ะ ชอบที่เขามีความ พยายามกับทุกเรื่อง และตลอดเวลา ขนปูนออกมาทิ้งอะ หางานอดิเรกได้มีประโยชน์กับตัวเองสูงสุด จากคุณ : Leslie_Devil เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 19:27:22

ความคิดเห็นที่ 29 ถูกข่มขืนค่ะ เค้าก็ต่อสู้ทุกครั้ง รอดบ้างไม่รอดบ้าง แต่ก็ได้แผลทุกครั้งค่ะ จากคุณ : Massmedia เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 19:41:51

ความคิดเห็นที่ 30 แล้วเรื่อง The Road to Perdition ผมก็ว่าหนังดีนะครับ สองเรื่องนี้ ผมดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ... Schindler's list A perfect world อีก 4 เรื่อง เป็นหนังประทับใจตลอดกาลครับ แต่ Schindler's list ผมชักลืมๆ แล้วครับ อยากเห็นท่านเอามาเขียนถึงบ้างครับ หาซื้อแผ่นก็ไม่มีเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : HumaX13 (HumaX13) เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:06:57

ความคิดเห็นที่ 31 โดนครับ แต่ไม่ทุกครั้ง จากคุณ : น้ำก้นแก้ว เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 20:12:12

ความคิดเห็นที่ 32 หลายเรื่องที่เข้าชิงได้รางวัล แต่ไม่ใช่สิ่งการันตีคุณภาพหนังหรอก เรื่องชอว์แชงค์ เนื้อหาดีเลย ซื้อแผ่นเก็บเรียบร้อย จากคุณ : Suisen เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 21:05:44

ความคิดเห็นที่ 33 ผมขออธิบายเรื่องที่ แอนดี้ ดูเฟรนโดนข่มขืนหรือไม่โดน นะครับ ฉากทีี่่ แอนดี้ โดนก่อกวน โดยกลุ่มซิสเตอร์จะมีอยู่ 2 ฉาก แต่ฉากที่บอกว่าแอนดี้โดนข่มขืนนั้นจะอยู่ฉากที่ 1 ฉากที่ 1 ซึ่งเป็นฉากที่แอนดี้ โดนรุมซ้อมเพื่อจะข่มขืน แม้ภาพไม่ได้เสนอให้ดูว่าแอนดี้โดนข่มขืนหรือไม่ แต่มีเสียงบรรยายของ เรด พูดขึ้นว่า "ผมหวังว่าเรื่องที่ผมจะเล่าก็คือ แอนดี้ต่อสู้ได้อย่างเยี่ยมยอด และกลุ่มซิสเตอร์ก็เลิกยุ่งกับเขา ผมอยากจะเล่าอย่างนั้นจริง แต่คุกไม่ใช่โลกของเทพนิยาย เขาไม่เคยพูดว่าใครทำ แต่เราทุกคนรู้ๆกันอยู่" มีเสียงบรรยายไปเรื่อย จนถึงคำว่า "กลุ่มซิสเตอร์เล่นงานเขาอยู่เรื่อยๆ บางครั้งก็เอาตัวรอดได้  บางครั้งก็ไม่ได้" ซึ่งคำบรรยายของเรด จะไม่บอกอย่างตรงๆครับ เพราะเรดก็รู้สึกสงสารในชะตากรรมของแอนดี้ จึงไม่อยากพูดเพื่อเป็นการซ้ำเติม แต่ด้วยการบรรยายของเรด โอกาสที่แอนดี้จะโดนข่มขืน มีมากกว่า ไม่โดนครับ จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 54 23:25:49

ความคิดเห็นที่ 34 เขียนได้ดีพอๆกับหนังเลยครับ คาราวะหนึ่งจอก ถ้าผมทำหนังดีๆเมื่อไร จะส่งเทียบเชิญให้มาชิมบ้าง จากคุณ : 7 LOGIN เขียนเมื่อ : 27 ต.ค. 54 10:27:54

ความคิดเห็นที่ 35 เก็บขึ้นหิ้งอีกเรื่องครับ สุดยอดจริงๆ หนังเนิบๆแต่ไม่สามารถละสายตาได้ จากคุณ : kongkonkeng เขียนเมื่อ : 28 ต.ค. 54 21:13:39

ความคิดเห็นที่ 36 ดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่า อิสรภาพและความหวังมันสวยงามมาก อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ทุกคนมีอยู่ในตัว จากคุณ : Tey_tt เขียนเมื่อ : 29 ต.ค. 54 01:35:55

ความคิดเห็นที่ 37 โดนข่มขืน แน่นอนค่ะ เพราะว่า...ครั้งหลังสุดที่ห้องฉายหลัง พอแอนดี้ ถูกลากตัวเข้ามา ก็พูดว่า"รีบทำให้มันจบๆ" ประมาณนี้ แต่ที่ถูกซ้อมปางตายหลังจากนั้นคือ กลุ่มซิสเตอร์จะพยายามบังคับให้แอนดี้ ตอนสนองทางเพศด้วยวิธีอื่นที่ต่างจากเดิมหน่ะค่ะ U_U แต่ว่าไม่สำเร็จ เพราะแอนดี้ขู่ไว้ ส่งผลให้ตัวเองโดนซ้อมจนปางตาย แต่หลังจากนั้นพวกนั้นก็โดนเล่นงาน จากคุณ : pickieze-2020 เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 54 15:31:24