 |
ตามนี้เลยครับ
ปี 2011 นับเป็นปีทองในฐานะนักแสดงของหนุ่ม 'จัสติน ทิมเบอร์เลค' อย่างแท้จริง เพราะเมื่อลองนับนิ้วไล่ดูก็จะพบว่า นี่เป็นหนังเรื่องที่ 3 ของปีเข้าไปแล้ว ที่หนุ่มจัสตินนำแสดง (ถัดจาก Bad Teacher และ Friends with Benefits) จะต่างออกไปก็ตรงที่ว่า นี่เป็นการพลิกมารับบทนำแบบเต็มตัวในหนังไซไฟล้ำอนาคต โดยประกบกับสาวที่ฮ็อตไม่แพ้กันอย่าง 'อแมนด้า ไซเฟร็ด' ในหนังของผู้กำกับ 'แอนดรู นิคโคล' ซึ่งเล่าถึงโลกในอนาคตที่ผู้คนจะมีอายุได้เพียง 25 ปี และหลังจากนั้นต้องทำงานเพื่อแลกกับเวลาในการใช้ชีวิต ขณะเดียวกันก็ต้องใช้เวลาชีวิตมาแลกกับการซื้อบริการต่างๆ ด้วย (เช่น ซื้อกาแฟ, ขึ้นรถเมล์, นอนโรงแรม) 'วิล ซาลาส' (ทิมเบอร์เลค) หนุ่มชนชั้นกรรมกร ผู้ทำงานแลกกับเวลาชีวิตไปวันๆ จับพลัดจับผลูได้เวลาชีวิตกว่า 100 ปีจากเศรษฐีเบื่อโลกคนหนึ่ง เขาจึงเลือกเดินทางไปยังเมืองของคนรวย จนพบกับสาวสังคมชั้นสูงผู้อ่อนต่อโลก 'ซิลเวีย ไวส์' (ไซเฟร็ด) ก่อนที่ทั้งคู่จะเกิดความคิดในการร่วมมือกัน เพื่อปล้นเวลาอสงไขยของเหล่าเศรษฐีไปแจกจ่ายเหล่าคนจน เพื่อทำลายระบบชนชั้นลงให้ได้
ถึงหนังจะมาพร้อมไอเดียที่น่าสนใจ แต่เอาเข้าจริงเรื่องราวในหนังกลับไม่มีอะไรเกินคาดเดานัก แม้บทหนังจะสร้างเงื่อนไขที่ผูกไว้กับเวลา และสร้างสถานการณ์นาทีเป็น - นาทีตายขึ้นบ่อยๆ แต่เมื่อคนดูจับจังหวะการเล่าเรื่องได้ ความตื่นเต้นลุ้นระทึกก็ลดทอนลงไปจนกลายเป็นความบันเทิงธรรมดาๆ ที่หาได้ตามหนังแอ็คชั่นไซไฟทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผมชอบซับพล็อต หรือประเด็นที่แฝงเอาไว้กับการดำเนินเรื่อง ที่ว่าด้วยแนวคิดเรื่องเส้นแบ่งชนชั้น ด้วยการสะท้อนแนวคิด - อุดมการณ์ทางการเมือง (แบบเสรีนิยม) ที่สื่อผ่านพฤติกรรมและบทสนทนาของตัวละครไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ หนังยังมีข้อคิดคมคายที่ว่าด้วย 'คุณค่าของเวลา' ซึ่งทำให้คนดูได้กลับไปย้อนคิดว่า หากเวลาของชีวิตมีไม่จำกัด แต่กลับต้องใช้ชีวิตตามกฎกรอบที่คนอื่นกำหนด จะดีกว่าการใช้ชีวิตปกติอย่างคุ้มค่า ทว่าได้ใช้เวลาตามหาอิสระของหัวใจตัวเองจริงหรือ...
หนังดูสนุกเป็นพักๆ และมีจุดอืดๆ เอื่อยๆ หลุดออกมาบ้างเป็นครั้งคราว อาจเป็นเพราะบทหนังที่ยังดูไม่สุดนัก และการขมวดปมไปสู่บทสรุปของเรื่องยังทำได้ไม่ดีพอ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าบทบาทของหนุ่มจัสตินในเรื่องนี้ จะยังดูกลวงๆ ไม่มีแรงบันดาลใจที่น่าเชื่อถือหนักแน่นเพียงพอ ที่จะสนับสนุนการทำลายระบบเวลาในเรื่อง นอกจากนี้ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นระหว่างตัวเอกทั้งสอง ก็มาแบบแรกพบสบตา จนเกินจะเชื่อว่าคนอย่างวิล ซาลาสจะพิชิตใจดอกฟ้าหน้าตาดีอย่างซิลเวีย ไวส์ได้ การจับมือกันหลบหนีฝ่าภยันตรายของคนทั้งคู่ จึงทำให้อารมณ์อินของคนดูไม่เกิดขึ้นมากเท่าที่ควรจะเป็น และทำให้ In Time เป็นได้เพียงหนังไซไฟขายไอเดียที่ทำได้เพียงมาตรฐาน และคง Out-of-date ไปตามวันเวลาที่หมุนเวียนไป โดยไม่สามารถติดตรึงใจหรือกลายเป็นหนังคลาสสิคได้ในอนาคต
6.25/10
จากคุณ |
:
Branelay
|
เขียนเมื่อ |
:
2 พ.ย. 54 23:21:48
|
|
|
|
 |