ความคิดเห็นที่ 1 @@@ T-POP 我 爱 你หว่อ อ้าย หนี่ @@@  หว่อ อ้าย หนี่ พร้อมเสียงกรี๊ดต้อนรับศิลปินไทยไม่ขาดสาย คือเสียงที่คอนเฟิร์มได้อย่างดีว่า T-Pop นับจากนี้จะไม่ใช่เพียงแค่กระแสลมที่พัดผ่านแล้วหายไป ด้วยระยะเวลาความพยายามกว่า 10 ปี และเดินอยู่บนความสำเร็จมาแล้วต่อเนื่อง 3 ปี คือบทพิสูจน์อย่างดี หากเปรียบเทียบ T-Pop เป็นสินค้าเห็นชัดว่าองค์ประกอบของสินค้าที่มากับกลยุทธ์ที่ชัดด้วยความต่าง ในจังหวะและโอกาสที่ใช่ จึงทำให้ T-Pop เดินทางมาถึงจุดนี้ จุดนี้ที่ว่าคือละครไทย บอยแบนด์ไทย หนังไทย กำลังเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของชาวจีนหลายร้อยล้านคน ทั้งสื่อทีวี โรงภาพยนตร์ เว็บไซต์ ยูทูบ เรตติ้งกระฉูด จนภาพเริ่มใกล้เคียงกับ K-Pop หรือ J-Pop ในยุคหนึ่ง จนศิลปินไทยเริ่มมีงานโชว์ตัว ออกอีเวนต์ รายการทีวี ขึ้นปกนิตยสารจีน ทัวร์คอนเสิร์ตข้ามประเทศที่แฟนคลับร่วมกันจัด และถ้ารอไม่ไหวก็บินกันมาดูที่เมืองไทย ศิลปินเริ่มมีรายได้จากจีนสูงกว่ารายได้จากเมืองไทย ค่ายหนัง ค่ายละคร เริ่มมองหาโอกาสเพื่อส่งออกผลงานไปจีนมากขึ้น ความแรงนี้ยังทำให้ความดังแผ่กระจายออกจากประเทศจีน สู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศ ทั้งเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ที่เริ่มมองหา T-Pop และอยากลิ้มรสศิลปะบันเทิงแบบไทยๆ และล่าสุดยังไกลไปถึงไชน่าทาวน์ในประเทศตะวันตก ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดเพียงชั่วข้ามคืน แต่คือยุทธศาสตร์ที่ผู้เล่นทุกคนในตลาดนี้วางไว้ และจะเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้เสียงกรี๊ด T-Pop ดังขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:07:54

ความคิดเห็นที่ 2 @@@ จุดเริ่มต้นของเสียงกรี๊ด T-Pop @@@ โอกาสเปิด คอนเนกชั่นแรง T-Pop ไม่ใช่กระแสที่ดังข้ามคืน แต่คือความพยายามที่มีมานานเกือบ 10 ปี หากเปรียบเสมือนการแสดงละครสักเรื่องหนึ่ง หรือบทเพลงสักเพลงหนึ่ง ต้องเรียกได้ว่า Intro ของเรื่องยาวเกินไป จนเกือบจะดึงผู้ชมเอาไว้ไม่อยู่ หรือหากเป็นสินค้าก็เป็นชิ้นที่อยู่บนชั้นมานานจนเกินไป T-Pop ต้องใช้เวลานานกว่าจะเกิด เพราะมีอุปสรรคสำคัญคือโอกาสหรือตลาดยังไม่เปิดสำหรับประเทศไทย ขณะที่มีผู้เล่นรายใหญ่อยู่แล้วในตลาด โดยเฉพาะ K-Pop ที่รัฐบาลเกาหลีเต็มไปด้วยยุทธศาสตร์การสร้างสรรค์และธุรกิจส่งออก จนทำให้บันเทิงจากชาติอื่นๆ ต้องหลบกระแสกันหมด ใช่ว่าธุรกิจบันเทิงของไทยไม่พยายาม เพราะตลอด 10 ปีที่ผ่านมาค่ายบันเทิงบ้านเราต่างหาช่องทางส่งออกคอนเทนต์บันเทิงไทยไปจีน ไม่ว่าจะเป็นค่ายแกรมมี่ที่พยายามส่งนักร้องออกไปทั้งที่จีนและไต้หวัน ส่งละครเอ็กแซ็กท์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย แต่ก็ไม่เปรี้ยงซะที หรือค่ายสหมงคลฟิล์มที่แม้จะสำเร็จกับหนังแอคชั่นในตะวันตก แต่ที่จีนยังเจาะไม่ถึง สปอตไลต์จึงไม่เคยฉายมาที่วงการบันเทิงไทยเท่าไหร่นัก แต่เมื่อ K-Pop มาแรงเกินไป ในที่สุดรัฐบาลจีนจึงต้องหาคอนเทนต์บันเทิงชาติอื่นมาเบรก หรืออย่างน้อยเพื่อแชร์ความสนใจจาก K-Pop ให้ลดลงบ้าง นี่คือจุดเริ่มของโอกาส เพราะรัฐบาลจีนมีการเพิ่มโควต้ารายการบันเทิงจากประเทศอื่นๆ รวมทั้งประเทศไทย โดยเฉพาะละครทีวี ที่ถือเป็นสื่อบันเทิงที่เข้าถึงผู้ชมชาวจีนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม การดีลธุรกิจที่จีนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะปัญหาพื้นฐานนอกจากเรื่องของภาษาแล้ว ยังเป็นเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ และการเข้าถึงผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจอย่างแท้จริง สรุปคือต้องมีคอนเนกชั่น ในวงการส่งออกรายการบันเทิงไปเมืองจีน ทั้งละคร หนัง และเพลง รายใหญ่ของตลาดนี้คือบริษัทฮันมีเดีย คัลเจอร์ จำกัด ที่ก่อตั้งมานานเกือบ 10 ปี มีเจ้าของชื่อ ลี ยอง กัง นักธุรกิจจีนจากแผ่นดินใหญ่ ที่มากคอนเนกชั่นในจีน เขามาทำธุรกิจในไทยนานกว่า 20 ปี ตั้งแต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ธุรกิจโทรศัพท์มือถือแบรนด์ เวลคอม และล่าสุดกำลังบุกธุรกิจนำเข้าและส่งออกคอนเทนต์บันเทิง อาจารย์วรศักดิ์ มหัทธโนบล ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา คอนเฟิร์มประเด็นนี้ว่าคอนเนกชั่นนั้นสำคัญ โดยหากเข้าถึงเพียงแค่ระดับผู้ว่ามณฑล ก็สามารถทำธุรกิจนี้ได้ไม่ยาก เพราะผู้ว่ามณฑลมีอำนาจในการตัดสินใจในการให้รายการออกอากาศ หากได้ตลาดมณฑลเดียวก็ถือว่าใหญ่มาก เพราะมีส่วนประกอบหลายเมือง ประชากรหลายร้อยล้านคน ใหญ่กว่าประเทศไทยประเทศเดียวเสียอีก ทั้งนี้เครือข่ายทีวีของประเทศจีนมี 3 ระดับ คือทีวีของรัฐบาลกลางคือ CCTV ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความรู้ และคนรุ่นเก่าดู มีช่องข่าว รายการเฉพาะ ช่องละครก็มี ระดับทีวีของมณฑลที่สามารถรับสัญญาณข้ามมณฑลกันได้ กลุ่มผู้ชมจะเป็นคนรุ่นใหม่ และชอบรายการที่มีสีสัน พฤติกรรมการรับชมเป็นแบบรักง่ายหน่ายเร็ว และระดับเคเบิลทีวี ที่เป็นรายการในแต่ละท้องถิ่น สำหรับละครไทยแล้ว ที่มีโอกาสไปออกอากาศก็มี CCTV ช่อง 8 สถานีทีวีฮานฮุย และสถานีทีวีหูหนาน ซึ่งครอบคลุมผู้ชมหลายร้อยล้านคน อาจารย์วรศักดิ์บอกว่า ได้เห็นความพยายามของธุรกิจบันเทิงไทยเข้าไปในจีนตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 เมื่อเห็นเพลงประกอบละครจีนเรื่องหนึ่ง ได้ใช้เพลง คู่กัดของเบิร์ด ธงไชย และได้รับความนิยมพอสมควร แต่การเปิดประเทศของจีนในภายหลัง ทำให้ K-Pop เข้าไปในจีนได้มากกว่า คนจีนรับง่าย เพราะความคุ้นเคยในวัฒนธรรมที่เหมือนกัน เช่นรูปร่างหน้าตา วัฒนธรรมความเป็นอยู่อย่างการใช้ตะเกียบ ทำให้จีนรับ K-Pop ได้อย่างรวดเร็ว แต่ความเหมือนนี้กลายเป็นจุดอ่อนเมื่อคนจีนได้เจอความต่างจากความบันเทิงไทย จากการเปิดโควต้าให้บันเทิงไทยเข้าไปมากขึ้น จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:11:51

ความคิดเห็นที่ 3 บันเทิงไทยหล่อเข้ม อารมณ์เหวี่ยงโดน นี่คือความต่างของสินค้าที่ทำให้โอกาสสามารถส่งต่อธุรกิจให้สำเร็จ ที่อาจารย์วรศักดิ์บอกว่าความเคยชินที่เห็นความเหมือนในวัฒนธรรมที่ปรากฏใน K-Pop มานานของผู้ชมชาวจีน เมื่อมาพบกับวัฒนธรรมที่ต่างไปจากเดิมของไทย ตั้งแต่การยกมือไหว้ ความเป็นอยู่ หน้าตาของศิลปินที่หล่อเข้มกว่าดาราจีนและเกาหลี ทำให้คอนเทนต์บันเทิงไทยอย่างละคร และหนัง ดึงความสนใจของผู้ชมชาวจีนได้ หากมองที่งานสร้างสรรค์แล้ว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หรือมะเดี่ยว ผู้กำกับหนังเรื่องรักแห่งสยาม และผู้บริหารวงออกัส ที่ดังเปรี้ยงปร้างในจีน บอกว่าละครไทยมีการแสดงอารมณ์ที่เหวี่ยงไปมาอย่างชัดเจน ทั้งอารมณ์รัก อารมณ์โกรธเข้าถึงความรู้สึกของผู้ชมได้ง่าย หรือพูดง่ายๆ คือโดนใจ ส่วนวงออกัส มีความต่างจากศิลปินชาติอื่นๆ ตรงความเป็นธรรมชาติและเป็นกันเองกับแฟนคลับ ซึ่งเหตุผลนี้ไม่ต่างจากความดังของศิลปินไทยหลายคนอย่าง ป้อง ณวัฒน์ และบี้ เดอะสตาร์ ที่สามารถทำให้แฟนคลับหลงรักได้มาก บวกกับความพยายามพัฒนาคุณภาพงาน ที่สุรพล พีรพงศ์พิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอ็กแซ็กท์ ค่ายละครที่ส่งออกไปจีนมากที่สุด บอกว่าละครไทยมีการพัฒนาคุณภาพมากขึ้น ทำให้เมื่อได้โอกาสในการส่งออกจึงถูกใจผู้ชมเมื่อเทียบกับคุณภาพการผลิตในอดีต เป็นผลบวกที่เดิมเอ็กแซ็กท์มีความกดดันในการแข่งขันในไทยอยู่แล้ว เพราะต้องชนกับค่ายละครยักษ์ใหญ่ในช่อง 3 และช่อง 7 ที่ผ่านมาจึงทุ่มงบการผลิตเพื่อให้คุณภาพมีความละเอียด พยายามสื่อถึงอารมณ์ให้สุดอย่างกรณีของสงครามนางฟ้า ที่ไม่เพียงผู้ชมไทยตอบรับ แต่ผู้ชมจีนก็กรี๊ดไม่แพ้กัน และเมื่อถึงเวลาส่งออกจึงพร้อมมากที่สุด รูป “สุรพล พีรพงศ์พิพัฒน์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอ็กแซ็กท์ ค่ายละครที่ส่งออกไปจีนมากที่สุด บอกว่าละครไทยมีการพัฒนาคุณภาพมากขึ้น ทำให้เมื่อได้โอกาสในการส่งออกจึงถูกใจผู้ชมเมื่อเทียบกับคุณภาพการผลิตในอดีต จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:15:20

ความคิดเห็นที่ 4 Audience Experience แบบไทยๆ ที่อยากสัมผัส อาจารย์วรศักดิ์บอกว่าคนจีนมีความประทับใจคนไทยเป็นฐานเดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะจากเหตุการณ์สึนามิ หรือเหตุการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือ คนไทยมักแสดงน้ำใจเอื้ออาทรเต็มที่ ทำให้คนจีนรู้สึกทึ่งในความมีน้ำใจของคนไทย ในขณะที่อารมณ์นี้ชาวตะวันตกอาจไม่ได้ซาบซึ้งด้วยมากนัก นอกจากนี้ข้าวหอมมะลิ และผลไม้ไทยอย่างมังคุด ยังเป็นสินค้าไทยที่มีชื่อเสียงในจีน 2 เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับละครหรือความบันเทิงไทยได้อย่างไรนั้น อาจารย์วรศักดิ์บอกว่าหากสังเกตดูจะเห็นว่าเนื้อหาในละครไทยมักจะมีฉากเกี่ยวกับการกินข้าว หรือการช่วยเหลือแสดงน้ำใจสอดแทรก ซึ่งอาจเป็นความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้คือความเป็นไทยที่คนจีนรับรู้ ดังนั้นเมื่อชาวจีนได้ดูละครที่มีฉากหรือเนื้อหาเหล่านี้ ก็ทำให้เกิดความชื่นชอบได้ง่ายขึ้น ส่วนความพร้อมของชาวจีนเองในการรับสิ่งใหม่ ต่อเนื่องมาจากการเปิดประเทศ เศรษฐกิจเติบโต คนจีนท่องเที่ยว มาไทยกันมากขึ้น ผู้หญิงจีนมีความเสรีมากขึ้น โดยเฉพาะการกรี๊ดดาราชายที่มีการแสดงออกมากขึ้น รูป การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชาวจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:17:14

ความคิดเห็นที่ 5 Social Media ยิ่งฟรียิ่งดัง ปัจจัยที่สำคัญในยุคที่โลกใบใหม่อย่างอินเทอร์เน็ตคือสื่อหลักของคนทั่วโลก โดยเฉพาะโซเชี่ยลมีเดีย ที่ทำให้ไม่ว่าละครไทย หนังไทย หรือเพลงไทยเข้าสู่ผู้ชมผู้ฟังชาวจีนได้อย่างรวดเร็ว ชาวจีนไม่ได้ดู Youtube แต่มี Youku.com เป็นศูนย์กลางวิดีโอให้ดูหนังดูคลิปกันได้อย่างเพลิดเพลิน มีเว็บบอร์ดไว้ให้คุยกันเหมือนอย่างพันทิพ ที่ baidu.com ทุกวันนี้ละครไทยออนแอร์ที่มีศิลปินไทยที่ชาวจีนชอบเล่น วันรุ่งขึ้นจะมีให้ชมทาง youku ทันที หรืออีกไม่กี่วันต่อมา จะมีบรรยายไทยให้อย่างเสร็จสรรพ การใช้สื่อออนไลน์ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญคือสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ที่ได้โปรโมตว่าได้เปิดแอคเคานต์ในเวยปั๋ว หรือทวิตเตอร์จีน http://weibo.com/thaiconsulateshเมื่อลางปี 2554 เพื่อใช้สื่อสารกับชาวจีนที่นิยมชมชอบละครโทรทัศน์ ดารา และวงการบันเทิงของไทย ซึ่งถือเป็นช่องทางออนไลน์ที่เป็นทางการ ซึ่งนอกเหนือจากสื่อสารเรื่องเกี่ยวกับ T-Pop ยังเป็นช่องทางสื่อสารเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับกิจกรรมของสถานกงสุลฯ อีกด้วย โดยภายใน 1 เดือนหลังจากเปิดแอคเคานต์มีแฟนตามประมาณ 4,000 คน มีคนจีนเข้ามาคอมเมนต์แล้วกว่า 10,000 ครั้ง เกือบทั้งหมดเป็นคนจีน 35% มาจากนครเซี่ยงไฮ้ และมณฑลใกล้เคียง 20% มาจากมณฑลกว่างโจว 35% จากมณฑลไกลออกไปทั่วประเทศจีน และอีก 10% เป็นชาวจีนที่พำนักในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไทย นอกจากกิจกรรมการให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของวงการบันเทิงไทย และดารา นักร้องที่แฟนจีนชื่นชอบแล้ว ยังมีการจัดโหวตละคร หรือหนังที่คนจีนชื่นชอบเป็นระยะๆ ทั้งหมดนี้คือองค์ประกอบของเรื่องราวที่ทำให้กระแส T-Pop จุดติดอย่างที่เห็น รูป “รอยไหม”ฉบับแฟนเมดซับจีนให้ ได้ดูพร้อมกับไทยเลยทีเดียว จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:20:36

ความคิดเห็นที่ 6 รูป เลือดขัตติยา ละครจากค่ายเอ็กแซ็กท์ แนวพีเรียดฉากอลังการที่เป็นจุดเริ่มต้นทำให้จุดติดกระแส T-Pop จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:21:29

ความคิดเห็นที่ 7 สรุป Key Success ของ T-Wind @ T-Pop 1 โอกาสที่ตลาดเปิดจากทางการจีนเพิ่มโควต้าการนำเข้าคอนเทนต์บันเทิงจากไทย โดยเฉพาะละครไทย เพื่อสร้างความสมดุลกับละครเกาหลี 2 การมีคอนเนกชั่นที่ดีกับรัฐบาลจีนทั้งในระดับรัฐบาลกลางและระดับมณฑล 3 คอนเทนต์บันเทิงไทยมีการพัฒนาคุณภาพการผลิตจากการแข่งขันอย่างเข้มข้นอยู่แล้วในไทย 4 ลักษณะสินค้าที่แตกต่าง ตั้งแต่เนื้อหาละครไทยที่สื่อถึงอารมณ์ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะอารมณ์รัก โกรธ เกลียดที่แสดงได้อย่างถึงอารมณ์ ฉากที่ดูแปลกตา ดูต่างวัฒนธรรม แต่ไม่ทิ้งกลิ่นอายความเป็นเอเชีย การแต่งกายที่ทันสมัยในเรื่องราวปัจจุบัน และดูอลังการถ้าเป็นละครย้อนยุค 5 ตัวละครไทยที่มีหน้าตาสวยงาม หล่อดูดีเป็นธรรมชาติ มีเอกลักษณ์เฉพาะคนเมื่อเทียบกับเกาหลีที่ศัลยกรรมจนหน้าตาดูเป็นโทนเดียวกันหมด 6 การเิปิดกว้างของศิลปินไทย ความเป็นกันเองกับแฟนคลับที่ต่างจากดาราต่างชาติ ที่แฟนคลับจะถูกกันให้ออกห่างจากทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย จนเกิดช่องว่างระหว่างดาราและแฟนคลับ 7 ความชื่นชอบในอุปนิสัยคนไทยเรื่องความมีน้ำใจ ที่มักสอดแทรกอยู่ในละคร 8 ความแรงของการดาวโหลดดูฟรีในอินเตอร์เน็ต ทำให้บันเทิงไทยแพร่หลายได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น 9 ความร่วมมือของแฟนคลับไทยกับแฟนคลับจีน 10 ความพร้อมของตลาดในประเทศจีน ที่ประเทศจีนมีเศรษฐกิจดีขึ้น ผู้คนเริ่มมองหาความบันเทิง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ชาวจีนมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:40:07

ความคิดเห็นที่ 8 Timeline ก่อนปี 2540 เพลงคู่กัด ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ มีเวอร์ชั่นภาษาจีน ปี 2542 ฮันมีเดียคัลเจอร์เริ่มเปิดตัวรุกธุรกิจนำเข้าและส่งออกคอนเทนต์บันเทิงไทยไปต่างประเทศ โดยเฉพาะไปจีนและจากเมืองจีน ปี 2550 ฮันมีเดีย ติดต่อเอ็กแซ็กท์ จำหน่ายละครเรื่อง เลือดขัตติยา ให้กับทีวีจีนจนจุดพลุให้จีนสนใจละครเรื่องอื่นๆ ตามมา เช่น สงครามนางฟ้า ตามมาด้วยการส่งละครไปจีนเฉลี่ยปีละ 4 เรื่อง ปี 2552 เริ่มมีการโหลดดูหนังเรื่องรักแห่งสยามในประเทศจีน วงออกัสดัง ปี 2553 ช่อง 7 และช่อง 3 เริ่มสนใจเจรจาการส่งละครไปจีน ปี 2554 แนวคิดเรื่องการ Co production กับผู้ผลิต และเจ้าของมีเดียในจีนเริ่มชัดเจนขึ้น ศิลปินไทยเริ่มมีรายได้มากขึ้น และบางรายมีรายได้จากจีนมากกว่าอยู่ในไทย อย่างเช่นวงออกัส รูป ต่อยอดแฟนคลับรักไม่รู้จบด้วยออกัส จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:42:11

ความคิดเห็นที่ 9 ละครทีวีไทยยอดฮิตในจีน (ได้ออนแอร์ที่ประเทศจีน) 1. แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา (เป้ อารักษ์-อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ) 2. ดอกรักริมทาง(บี้ เดอะสตาร์-วรรณรท) 3. สงครามนางฟ้า (ป้อง ณวัฒน์-บี น้ำทิพย์) ที่ดังไปถึงไต้หวัน ฮ่องกง และมาเก๊า 4. ทะเลริษยา(ป้อง ณวัฒน์-บี น้ำทิพย์) 5. แก้วล้อมเพชร(สน ยุกต์ ส่งไพศาล-วรรณรท) ที่มา : ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน ณ นครเซี่ยงไฮ้ จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:44:03

ความคิดเห็นที่ 10 ความเสี่ยงของ T-Pop 1 คู่แข่งจากประเทศในอาเซียน ที่มีวัฒนธรรมคล้ายกับไทย หากนำเสนอได้ถูกใจชาวจีนก็อาจดึงผู้ชมไปได้บ้าง 2 การแข่งขันกันเองของค่ายละครไทยและคนกลางในการส่งออกและนำเข้า ที่มีการปั่นราคาขายสูงขึ้น จนอาจทำให้ทางการจีนลดโควต้าการนำเข้า 3 การละเลยข้อห้ามจากกฎที่กำหนดในการเซ็นเซอร์ก่อนออกอากาศ 4 ทางการจีนเริ่มมีกฏมากขึ้น เพื่อป้องกันการรั่วไหลของรายได้เกี่ยวกับธุรกิจบันเทิง เช่น การกำหนดว่าเพลงต้องอัดหรือถ่ายทำรายการในประเทศจีนเท่านั้น จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:50:39

ความคิดเห็นที่ 11 Yes&No ถ้าไปจีน Yes ศิลปินต้องเป็นตัวของตัวเอง เป็นกันเอง ให้แฟนคลับเข้าถึงง่าย นี่คือจุดต่างจากศิลปินประเทศอื่นเข้มงวดในการเข้าถึง พูดภาษาจีนได้บ้าง อย่างน้อยคำทักทาย พูดถึงเรื่องสินค้าเด่นๆ ในท้องถิ่นได้ยิ่งดี No อย่าพูดเรื่องการเมืองเช่น จีนกับไต้หวัน อย่านับไต้หวันรวมกับจีน เพราะยังไงไต้หวันก็อยากแยกจากจีนอยู่ดี เนื้อหาละคร หนัง เพลง ที่ต้องห้ามที่จะไม่ผ่านเซ็นเซอร์ เช่น ผี ไสยศาสตร์ ความเชื่อลึกลับ เกย์ ตำรวจเครื่องแบบ เรื่องข้ามภาพข้ามชาติ จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:51:13

ความคิดเห็นที่ 12 T Pop Numeric +เกือบ 1,200 ล้านคน คือจำนวนผู้ชมทีวีในจีน +2,100 ช่อง คือจำนวนช่องรายการที่ออนแอร์จากทั้งสถานีทีวีรัฐบาลกลางอย่าง CCTV และสถานีทีวีของมณฑลต่างๆ +5,000-10,000 คน คือเฉลี่ยจำนวนแฟนคลับชาวจีนของดาราไทยต่อคน เช่น ป้อง ณ วัฒน์ บี้ เดอะสตาร์ (ตอนนี้มากกว่านี้หลายเท่าตัว) +100 ล้านบาท คือรายได้ที่ธุรกิจคอนเทนต์บันเทิงไทย โดยเฉพาะละครที่คาดว่าจะได้จากจีนในปี 2554-2555 จากที่เมื่อหลายปีก่อนยังไม่ถึง 10 ล้านบาท +6,000 บาทคือราคาตั๋วคอนเสิร์ตวงออกัสที่แฟนคลับจีนจัดขึ้น +50,000 บาท คือราคาค่าจ้างนักแสดงโดยเฉลี่ยเมื่อไปโชว์ตัวที่จีน +75,000-90,000 บาท คือราคาเฉลี่ยละครต่อตอน (ต่อชั่วโมง) ที่ขายให้กับคนกลางระหว่างทีวีจีนกับค่ายผู้ผลิตไทย จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:51:31

ความคิดเห็นที่ 13 @@@ “ฮันมีเดีย” The Content Hunter The Connection Power @@@ “ถ้าเราขายให้ หากมีปัญหากับเซ็นเซอร์ของจีน เราก็จะได้รับแจ้งให้แก้ไขได้อีก แต่ถ้าขายให้กับคนอื่นๆ หากไม่ผ่านเซ็นเซอร์เรื่องนั้นก็อาจไม่ได้ฉายที่เมืองจีนอีกเลย” “วนิดา บุญประเสริฐวัฒนา” ผู้จัดการอาวุโสด้านการจัดจำหน่าย ของบริษัทฮันมีเดีย คัลเจอร์ จำกัด ผู้ส่งออกและนำเข้าคอนเทนต์บันเทิง เล่าให้ฟัง ถึงที่มาว่าเพราะเหตุใดละครไทยส่วนใหญ่ที่ไปเมืองจีน จึงเป็นฝีมือของฮันมีเดีย อย่างค่ายเอ็กแซ็กท์ส่วนใหญ่ก็ไปกับฮันมีเดียมาแล้วและมีสัญญากันต่อเนื่องอีกหลายปี นอกจากนี้ยังมีค่าย 7 สี อาร์เอส และช่อง 9ที่อยู่ในพอร์ตของฮันมีเดียรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 15เรื่อง โอกาสที่กองเซ็นเซอร์ของจีนมีให้กับฮันมีเดียนั้น มาจากการทำธุรกิจที่ต่อเนื่องกันมายาวนานและส่วนสำคัญคือคอนเนกชั่นที่ประธานบริษัทคือ “ลี ยอง กัง” ในฐานะนักธุรกิจชาวจีนที่มีถิ่นฐานเดิมในเมืองจีนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่ของจีนจำนวนมาก รูป “เรย์ ลี” กำลังผลักดันฮันมีเดีย จากคนกลางเป็นค่ายบันเทิง จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:56:14

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อ ภาพของธุรกิจนี้เปลี่ยนไปมาก “วนิดา” ย้อนหลังให้ฟังว่า หากเป็นช่วง 3-4ปีที่แล้ว ส่งออกละครสักเรื่องหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว เพราะแต่ละปีรัฐบาลจีนมีโควต้าให้ละครแต่ละประเทศไม่เท่ากัน เมื่อจีนเปิดกว้างละครจากชาติอื่นเพื่อสร้างสมดุลกับละครจากเกาหลี จึงเป็นโอกาสของละครไทย จุดเปลี่ยนของวงการและสำหรับฮันมีเดียนั้น “วนิดา” บอกว่ามาจากการนำละครเรื่อง “เลือดขัตติยา” ของค่ายเอ็กแซ็กท์ไปฉายที่สถานีโทรทัศน์หูหนาน เมื่อปี 2555และตามด้วย “สงครามนางฟ้า” ในสถานีโทรทัศน์อานฮุย ในปี 2552ซึ่งทั้งสองสถานีเป็นทีวีของมณฑลที่มีผู้ชมนับร้อยล้านคน ทั้งสองเรื่องถูกใจผู้ชมชาวจีน เพราะเริ่มด้วยหน้าตาของพระเอกที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างป้อง ณวัฒน์ คือหล่อดูร้าย และติ๊ก เจษฎาภรณ์ หล่อดูอบอุ่น และเนื้อเรื่องที่ต่างกันสุดขั้วทั้งสองเรื่อง ทำให้ผู้ชมเห็นว่าละครไทยมีหลายมิติ หลากหลายให้เลือกชม ซึ่งในแบบที่ชาวจีนชอบเป็นเรื่องรักโรแมนติก ดราม่ามากที่สุด ส่วนเนื้อเรื่องที่เสี่ยงต่อการไม่ผ่านเซ็นเซอร์ คือเรื่องผีความเชื่อไสยศาสตร์ เพราะรัฐบาลจีนไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดความงมงาย เรื่องการแสดงออกของเกย์ หรือคนข้ามเพศ เรื่องคนในเครื่องแบบที่ทำความเลว เรื่องความรุนแรงชนิดเลือดสาด ล่าสุดมีข้อห้ามเรื่องเกี่ยวกับข้ามภพ ข้ามชาติ ซึ่งแต่ละปีจะมีข้อห้ามต่างกัน ขึ้นอยู่กับการกำหนดนโยบายจากส่วนกลางและส่งต่อมาให้แต่ละมณฑลปฏิบัติต่อ สำหรับโมเดลของธุรกิจนี้เริ่มตั้งแต่ฮันมีเดียเลือกเรื่อง ซื้อจากผู้ผลิต คุยกับทางการจีนผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ซึ่งฮันมีเดียมีโอกาสนำเสนอได้ทั้ง สถานีโทรทัศน์ CCTV สถานีโทรทัศน์ระดับมณฑลหลายแห่ง เช่น อานฮุย หูหนาน มีการเสนอเรื่องย่อความยาวประมาณ 3-5นาที เขียนเรื่องย่อ 5-6 บรรทัด และเมื่อต้องส่งถึงกองเซ็นเซอร์จะต้องพากย์ไปให้เรียบร้อย ปีหนึ่งจีนจะเปิดให้ส่งเรื่องไปเซ็นเซอร์ 2 ครั้งคือช่วงกลางปีและต้นปี หากผ่านเซ็นเซอร์ก็เตรียมโปรโมต ที่หากเป็นสถานีเอกชนของมณฑลจะมีกิจกรรมมากกว่า CCTVที่เป็นของรัฐบาลกลาง ซึ่งต้นทุนที่เกิดขึ้นมาจากค่าซื้อเรื่องจากค่าผลิตและการเตรียมการอย่างละครึ่ง รูป วนิดา บุญประเสริฐวัฒนา ผู้จัดการอาวุโสด้านการจัดจำหน่ายของบริษัท ฮันมีเดีย คัลเจอร์ จำกัด รับบทหนักเชื่อมต่อธุรกิจบันเทิงไทยไปจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 10:58:41

ความคิดเห็นที่ 15 ต่อ ในวงการนี้นอกจากฮันมีเดียแล้ว ยังมีอีกนับสิบบริษัทที่กำลังเข้ามาในธุรกิจนี้ ซึ่งคาดว่าเม็ดเงินที่เข้าประเทศจะเพิ่มขึ้นจากปีหนึ่งไม่กี่ล้านบาท เพิ่มเป็นหลักสิบล้านบาท และอาจถึง 100ล้านบาทได้ในปีหน้า จากเดิมที่ธุรกิจบันเทิงไทยแทบจะไม่มีรายได้จากส่วนนี้มาก่อน ในการแข่งขันที่มีผู้เล่นมากขึ้น “วนิดา” มองว่าาจุดที่จะเป็นอุปสรรคให้อุตสาหกรรมนี้ชะงักคือการเริ่มมีการปั่นราคาและการนำเสนอเรื่องที่ไม่มีคุณภาพไปจีน ที่อาจทำให้ทางการจีนลดโควต้านำเข้าคอนเทนต์บันเทิงโดยเฉพาะละครจากไทยลงได้ อย่างไรก็ตาม กระแส T-Popที่แรงในขณะนี้ ทำให้ฮันมีเดียวางแผนขยายธุรกิจนี้ออกไปอีกด้านหนึ่ง โดย “เรย์ ลี” ผู้จัดการฝ่ายบริหารศิลปินและการผลิต ของฮันมีเดีย คัลเจอร์ บอกว่า แผนของเขาคือการสร้างศิลปินของตัวเอง และการร่วมลงทุนผลิตละครหรือหนังกับค่ายบันเทิงและมีเดียของจีน เพื่อการสร้างรายได้ในระยะยาว “เรย์” บอกว่าเขาวางแผนที่จะปั้น “โดม ปกรณ์ ลัม” เป็นดาราในสังกัดของฮันมีเดีย ให้เป็นซูเปอร์สตาร์ของเอเชีย จุดนี้มาจากความมั่นใจว่าเขาและทีมมองเห็นว่า T-Popจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้อย่างแน่นอน รูป “โดม - มาริโอ้” เรตติ้งล่าสุดจากจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:00:18

ความคิดเห็นที่ 16 @@@ “ฮันมีเดีย” จากอสังหา มือถือ ถึงค่ายบันเทิง @@@ บริษัทฮันมีเดีย คัลเจอร์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2542โดย “ลี ยอง กัง” นักธุรกิจชาวจีนที่อยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 20ปี และทำธุรกิจหลากหลายในไทย ตั้งแต่ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์โรงแรม และโทรศัพท์มือถืออย่าง “เวลคอม” ที่เพิ่งขายหุ้นใหญ่ให้กับแบรนด์เทเลคอมจากอินเดีย ในฐานะผู้ที่มีคอนเนกชั่นในจีน ทำให้ “ฮันมีเดีย” เป็นที่รู้จักของวงการธุรกิจบันเทิงที่ต้องการนำเข้าและส่งออกรายการไปยังประเทศจีน โดยปัจจุบัน “ฮันมีเดีย” มีสำนักงานอยู่ฮ่องกงและกวางเจา นอกจากจำหน่ายละคร หนังแล้ว ยังประสานงานในการจัดอีเวนต์ต่างๆ ในจีนอีกด้วย และนำหนังไทยและละครไทยไปฉายในประเทศต่างๆ ผ่านงานเทศกาลหนังหลายแห่ง เช่น เซี่ยงไฮ้ เกาหลี อิตาลี เมืองคานส์ ปัจจุบัน “เรย์ ลี” บุตรชายคนเดียวของ “ลี ยอง กัง” เพิ่งจบการศึกษาจากออสเตรเลีย และเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจ โดยรับหน้าที่เป็นผู้สร้างและปั้นศิลปินในอนาคตด้วย ในตำแหน่งผู้บริหารศิลปิน และผู้จัดการฝ่ายผลิต บริษัทฮันมีเดีย คัลเจอร์ จำกัดโดยมีผู้ช่วยคนสำคัญคือ “วนิดา บุญประเสริฐวัฒนา” ผู้จัดจำหน่ายอาวุโส “เรย์” บอกว่าธุรกิจนี้เพิ่งเริ่มต้นสำหรับเขา และมองว่าการนำเข้าและส่งออกอาจไม่เพียงพอ แผนของเขาคือการทำให้ฮันมีเดียเป็นผู้ผลิตและสร้างคอนเทนต์บันเทิง โดยเริ่มจากการร่วมกับค่ายบันเทิงและมีเดียในจีน ซึ่งจุดนั้น จะทำให้ “ฮันมีเดีย” เติบโตมากขึ้นกว่าเดิม รูป “ลี ยอง กัง” นักธุรกิจชาวจีนที่อยู่ในเมืองไทยมานานกว่า 20ปี และทำธุรกิจหลากหลายในไทย ในฐานะผู้ที่มีคอนเนกชั่นในจีน ทำให้ “ฮันมีเดีย” เป็นที่รู้จักของวงการธุรกิจบันเทิงที่ต้องการนำเข้าและส่งออกรายการไปยังประเทศจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:02:45

ความคิดเห็นที่ 17 @@@ โดม ปกรณ์ ลัม โปรเจกต์ซูเปอร์สตาร์ของเอเชีย @@@ แม้ในจีน “โดม ปกรณ์ ลัม” จะยังไม่ดัง แต่ “เรย์ ลี” ก็มั่นใจว่าฮันมีเดีย คัลเจอร์จะปั้นให้ “โดม” เป็นซูเปอร์สตาร์ของเอเชียให้ได้ นี่ไม่ใช่ความฝันในการคว้าดาวของทั้ง “โดมและเรย์” เพราะแผนธุรกิจทั้งหมดได้วางไว้แล้ว และฮันมีเดียได้พา “โดม” ไปเปิดตัวกับแฟนๆ ที่จีนมาแล้วเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่กรุงปักกิ่ง พร้อมกับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” เพื่อเช็กเรตติ้งครั้งสุดท้ายก่อนสรุปแผนธุรกิจทั้งหมด และที่สำคัญทำให้โดมเองก็มั่นใจมากยิ่งขึ้น เป้าหมายของ “เรย์” คือการปั้นโดมให้ดังให้ได้ภายใน 3ปีข้างหน้า เทียบชั้นระดับซูเปอร์สตาร์ ที่ “เรย์” ได้เอ่ยชื่อถึงอย่าง “หลิวเต๋อหัว” ที่แน่นอนว่า “เรย์” ยังได้เตรียมผู้จัดการศิลปินที่เคยทำงานกับ “หลิวเต๋อหัว” มาให้ “โดม” อีกด้วย นอกจากนี้ยังเตรียมการลงทุนร่วมผลิตกับบริษัทในจีนอีกด้วย ทำไมต้องเป็น “โดม” มีคำอธิบายคือนอกจากความหล่อขั้นเทพแล้วยังมีความสามารถหลากหลาย ร้องเพลง การแสดง และมีความสามารถหลากหลาย และแม้ว่าปัจจุบัน “โดม” อายุ 32ปีแล้ว แต่ “เรย์” เชื่อว่าดาราดังหลายคน จนอายุ 40ปีก็ยังดังได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “โดม” ร่วมงานกับฮันมีเดีย เพราะก่อนหน้านี้ “โดม” ยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ “เวลคอม” ซึ่งเป็นธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่ประธานของฮันมีเดีย “ลี ยอง กัง” ก่อตั้งอีกด้วย จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:04:35

ความคิดเห็นที่ 18 @@@ เอ็กแซ็กท์ พลัง Diff ในภาค Pop Mass ค่ายละครจากประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักในประเทศจีน @@@ 10 ปีมาแล้วที่ “เอ็กแซ็กท์” พยายามส่งออกละครไปต่างประเทศ แต่กระแสยังแค่เอื่อยๆ จนเมื่อปี 2547 ที่ “เลือดขัตติยา” ถูกส่งออกไปยังประเทศจีน สามารถจุดพลุดึงผู้ชมได้สำเร็จ จนทุกวันนี้ 80% ของละครไทยที่ส่งออกไปจีนมาจากค่ายนี้ เหมือนกับการติดสปอตไลต์ให้เอ็กแซ็กท์และสว่างไปทั่ววงการบันเทิงไทย จน T-Wind เป็นสายลมที่พัดแรง กลายเป็น T-Pop อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งหมดเป็นไปได้ด้วยหลักการตลาดของ Differentiation และ Positioning ที่ชัด รูป “สุรพล-สมศรี” เอ็กแซ็กท์ดังกระหน่ำจีนด้วย Pop Mass จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:07:25

ความคิดเห็นที่ 19 Diff ด้วย สวย หล่อ อบอุ่น เรื่องแรง ความต่างของสินค้า (Product Differentiation) ละครเอ็กแซ็กท์ อยู่ตรงที่มีองค์ประกอบแปลกใหม่ในสายตาของผู้ชมชาวจีน ที่ชินกับละครชาติตัวเอง หรือแม้แต่จากฮ่องกง ไต้หวัน หรือมาแรงอย่างเกาหลี ญี่ปุ่นในกระแส K-Pop และ J-Pop ที่มีมานาน ความต่างของละครไทยเริ่มตั้งแต่หน้าตา ความสวยหล่อของดารา อย่างจุดเริ่มต้นเรื่อง “เลือดขัตติยา” ที่มี “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” เป็นพระเอก ที่หน้าตาเข้มกว่าดาราเกาหลี ญี่ปุ่น มีความหล่ออบอุ่นกว่า มีเนื้อหาที่แตกต่างจากเดิม เป็นเรื่องเหมือนในจิตนาการ และการผลิตที่ละครไทยเริ่มพัฒนาดีขึ้น มีความละเอียด เนี้ยบมากกว่าเดิม แม้ต้นทุนไม่สูงเท่ากับเจ้าตลาดอย่างเกาหลี แต่ “ความต่าง” ในรสชาติของละคร ทำให้ลบข้อด้อยในการผลิตไปได้ ละครไม่ใช่สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วๆ ไป ดังนั้น “ความต่าง” นี้ “สุรพล พีรพงศ์พิพัฒน์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เอ็กแซ็กท์ บอกว่ามาจากเสน่ห์ที่เอ็กแซ็กท์คิดว่าเน้นผลิตละครให้คนไทยดูก่อนเป็นอันดับแรก หากจะถูกใจต่างชาติก็เพราะความเป็นบันเทิงของไทย ดังนั้นการส่งออกละครและศิลปินไทยไปจีนของค่ายเอ็กแซ็กท์ จึงไม่ใช่แผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้น สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นการต่อยอดโปรดักต์ แต่จากการลงทุนผลิตละครที่ใช้งบสูงกว่าค่ายอื่นเท่าตัว เฉลี่ย 1 ชั่วโมงหรือ 1 ตอนที่ออนแอร์มีต้นทุนประมาณ 1 ล้านบาท การทำงานระดับมืออาชีพของ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง ผู้กำกับละคร และกรรมการผู้จัดการ ทำให้มีคุณภาพ “สุรพล” จึงเชื่อมาโดยตลอดว่าละครของเอ็กแซกท์มีคุณภาพสูงพอที่จะส่งออกไปต่างประเทศได้ เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:12:03

ความคิดเห็นที่ 20 Positioning : Pop (Global) Mass   การวาง Positioning ที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นตั้งแต่ทำตลาดในไทยแล้วเอ็กแซ็กท์ต้องการทำให้เป็นละคร Pop Mass ที่ตอกย้ำมาอย่างต่อเนื่องจนมี Signature นี้ชัดเจน คือถ้านึกถึง Pop Mass ก็ต้องนึกถึงค่ายเอ็กแซ็กท์ ซึ่งสินค้าบันเทิงที่มาจากความสร้างสรรค์ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ชมในต่างประเทศรับศิลปะบันเทิงนี้ได้ “สุรพล” บอกว่าขณะนี้เอ็กแซ็กท์มีรายได้จากการส่งออกประมาณ 2-3% จากรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่คิดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามกระแส T-Pop ที่จะอยู่ยาว “สมศรี พฤทธิพันธุ์” ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด บอกว่าเธอได้เจรจากับตัวแทน หรือตัวกลางที่ส่งละครไปต่างชาติตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว เริ่มจากส่งไปยังมาเลเซีย และอีกหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนเมื่อปี 2547 “เลือดขัตติยา” มีโอกาสไปออนแอร์ที่จีน ตามโควต้าที่จีนเปิดโอกาสให้ละครไทยไปออนแอร์มากขึ้น หลังจากเปิดโอกาสให้ละครจากหลายชาติมาแล้ว จาก “เลือดขัตติยา” เรื่องต่อมาคือ “สงครามนางฟ้า” ที่เป็นอีกรสชาติหนึ่งของละครไทยต่างจากเรื่องแรก จึงทำให้ละครไทยยิ่งดัง หากเปรียบเทียบกับการเปิดตัวสินค้าแล้ว เท่ากับค่ายเอ็กแซ็กท์มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ (New Product Launched) อย่างต่อเนื่อง โดยสินค้า 2 ตัวแรกเป็นสินค้าที่แตกต่างกันเปิดตัวในเวลาใกล้กัน ทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจมากขึ้น และได้กลุ่มเป้าหมายใหม่ จากเรื่องแรกที่ให้กลิ่นอายของเรื่องในจินตนาการ ได้กลุ่มแม่บ้านชาวจีนเป็นหลัก จนมาถึงสงครามนางฟ้า ที่เริ่มได้กลุ่มวัยรุ่น นักศึกษามาเป็นแฟน การส่งออกปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 4-6 เรื่อง จากสถานีทีวีรัฐอย่าง CCTV ไปยังสถานีทีวีเอกชนอีกหลายแห่ง ที่เอกชนมีข้อได้เปรียบมากกว่าตรงที่มีกิจกรรมโปรโมตละครเต็มรูปแบบ ทำให้ละครไทยยิ่งดัง รูป ป้อง-บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ - บี้ เดอะสตาร์ กับรางวัลความดังในจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:14:10

ความคิดเห็นที่ 21 ต่อ จากที่เคยมีศิลปินไม่กี่คนก็กลายเป็นมีจำนวนศิลปินมากขึ้นที่แฟนชาวจีนกรี๊ด เบอร์แรกๆ ของค่ายเอ็กแซ็กท์เวลานี้คือ “ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” ที่เป็นที่รู้จักของแฟนชาวจีนตั้งแต่เรื่อง “เลือดหงส์” จนมาดังเปรี้ยงปร้างในเรื่อง “สงครามนางฟ้า” ตามมาด้วย “บี้ เดอะสตาร์” (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) ที่ดังสุดในเรื่องหัวใจศิลา จนทำให้แฟนคลับสนใจในผลงาน และตามมาดูคอนเสิร์ตของบี้ในเมืองไทย ความดังนี้กำลังโหมทำให้รูปแบบธุรกิจการส่งออกของเอ็กแซ็กท์ต้องปรับ จากเริ่มแรกที่มีการส่งไปที่จีนได้เพราะมีบริษัทนายหน้ามาติดต่อขอซื้อไปออนแอร์ การส่งออกเป็นการต่อยอดสินค้าที่มีอยู่เท่านั้นแต่เวลานี้ค่ายเอ็กแซ็กท์กำลังคิดว่าจะเริ่มวางกลยุทธ์ธุรกิจส่งออกบันเทิงมากขึ้น เพราะสิ่งที่กำลังจะตามมากำลังรออยู่อีกมาก ตั้งแต่การส่งนักแสดงโชว์ตัว เป็นพรีเซ็นเตอร์ เล่นคอนเสิร์ตและการเตรียมพร้อมลงทุน Co-Production กับค่ายละครและทีวีของจีน ที่เอ็กแซ็กท์ได้รับการติดต่อมาอย่างไม่ขาดสาย จนขณะนี้ค่ายเอ็กแซ็กท์ขยายความดังไปถึงบริษัทแม่อย่างจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ อย่างกรณีของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้กับเพลงของ “เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์” ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของ ททท. อยู่แล้ว ให้ร้องเป็นภาษาจีน พร้อมกับมี “ป้อง ณวัฒน์” เล่นเอ็มวี โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อดึงแฟนชาวจีนมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น นี่คือสิ่งที่แฟนคลับของศิลปินไทยหลายคนภาคภูมิใจ และทำให้คนที่ไม่เคยสนใจบันเทิงไทยมาก่อน ต้องหันมาดู T-Pop เวลานี้จึงไม่ใช่แค่สายลมที่พัดผ่านเท่านั้น แต่คือความนิยมที่เป็นกระแสแรง ที่เสียงกรี๊ดจากเมืองจีนถ้าดังเท่าไหร่ ในเมืองไทยก็จะดังขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น รูป “สงครามนางฟ้า” บทหล่อร้ายของพระเอก อย่าง “ป้อง” ที่แฟนคลับจีนกรี๊ด จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:15:47

ความคิดเห็นที่ 22 Timeline ละครดังค่ายเอ็กแซ็กท์ในจีน 2546 สาวใช้หัวใจชิคาโก้ (นักแสดง ก้อง สหรัถ+ ลูกเกด เมทินี) 2551 เลือดขัตติยา (ติ๊ก เจษฎาภรณ์+อ้อม พิยดา) 2552 สงครามนางฟ้า (ป้อง ณวัฒน์+บี น้ำทิพย์) 2553 พรุ่งนี้ก็รักเธอ, รอยอดีตแห่งรัก (ป้อง ณวัฒน์+อ้อม พิยดา) (บี้ สุกฤษฎิ์+พีรชยา) 2554 ดอกรักริมทาง, หัวใจศิลา (บี้ สุกฤษฎิ์+วรรณรท) (บี้ สุกฤษฎิ์+พิชญา) ต้นทุนผลิตละคร -1 ชม.หรือ 1 ตอนประมาณ 1 ล้านบาท เฉลี่ย 1 เรื่องมีความยาว 24-30 ตอน -ราคาจำหน่ายให้ตัวแทนระหว่างจีนกับไทยเฉลี่ยตอนละ (ชั่วโมงละ) 2,500-3,000 เหรียญ รูป กรี๊ด “บี้” ต้องดู “ดอกรักริมทาง” จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:16:41

ความคิดเห็นที่ 23 @@@ แฟนคลับตามติด ออนทัวร ์ “ป้อง & บี้” @@@ ป้อง&บี้ หว่อ อ้าย หนี่ เสียงกรี๊ดจาก “แฟนคลับ” ที่เป็นพลังสำคัญ ทำให้ดารากลายเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับเส้นทางของดาราไทยที่โด่งดังในจีน ที่นาทีนี้มาถึงจุดที่โชว์ตัวทีไร สถานที่นั้นก็แทบแตกด้วยเสียงกรี๊ด รั้งแถวกันไว้ไม่อยู่ นี่คือสัญญาณที่ทำให้เห็นว่าสามารถนำศิลปินมาต่อยอดธุรกิจ เพื่อทำเงินได้มากขึ้น ตั้งแต่ทัวร์สถานที่ท่องเที่ยว กองถ่าย ไปจนถึงตีตั๋วบินข้ามประเทศมาดูคอนเสิร์ต ตามสูตรของแฟนคลับทั่วไป คือมีแกนนำแฟนคลับที่คอยติดต่อศิลปิน กระจายข่ายสารให้สมาชิกต่อๆ กันไป มีช่องทางสื่อสารคือเว็บไซต์ โซเชี่ยลมีเดีย แต่สำหรับแฟนคลับชาวจีน ต้องมีจุดเชื่อมโยงอีกจุดหนึ่งคือแฟนคลับที่อยู่ในไทยเพื่อให้ได้ประสานงานติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปินที่ตัวเองรักอย่างใกล้ชิด รูป ภาพนี้อาจไม่เกิดขึ้นที่เมืองไทย แต่ส􀄢ำหรับที่เมืองจีน “ป้อง” ได้เต็มๆ จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:18:55

ความคิดเห็นที่ 24 เว็บไซต์ที่เป็นจุดนัดพบของแฟนคลับไทยกับบี้ อยู่ที่ Bie-fanclub.com ส่วนของแฟนคลับจีน อยู่ที่ biechina.com “พิพรรณ อัศวชนะการ” แฟนคลับแถวหน้าของ “บี้ เดอะสตาร์” กลายเป็นคนที่ฮอตในกลุ่มแฟนคลับบี้ เดอะสตาร์ในจีน เช่นเดียวกับกลุ่มของ “ปรารถนา อารีย์มิตรภรณ์” “เชี่ยน เชี่ยน เฉิน” และ “วี” ที่เป็นผู้โยงเสียงกรี๊ดแฟนคลับชาวจีนให้กับ “ป้อง ณวัฒน์” “พิพรรณ” มีอาชีพธุรกิจส่วนตัว ติดต่อประสานงานเพื่อนชาวจีนคนรักบี้เหมือนกันผ่านอีเมล และแชตเป็นหลัก มีการตอบโต้เป็นภาษาจีนเท่าที่พอจะทำได้ เธอเคยบินไปจีนพร้อมกับบี้และทีมงานและเพื่อนๆ อีก 5-6 คน แล้ว 2 ครั้ง โดยออกค่าใช้จ่ายเอง เพียงเพื่อตามบี้และไปประสานกับแฟนคลับที่โน่นว่าควรทำตัวอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้บี้ที่เธอรักเสี่ยงต่อการถูกกระชาก หรือเข้าถึงตัวมากจนเกินไป “พิพรรณ” บอกว่าเธอรู้ดีว่าแฟนคลับชาวจีนมีการแสดงออกความรักในศิลปินสูง เช่นไปเฝ้าที่พัก ตามไปที่โรงแรม ต่างจากแฟนคลับไทยที่ตกลงกันว่าจะไม่ยุ่งหลังเลิกงานแล้วไม่ไปตามที่บ้าน เพราะต้องให้ช่องว่างกับศิลปินบ้าง แต่แฟนคลับชาวจีนไม่คิดเช่นนั้น เพราะอยากเจอตัวให้มากที่สุด นี่คือเหตุผลที่เธอต้องคุยกับแกนนำของแฟนคลับชาวจีนเพื่อให้แต่ละคนไปบอกต่อๆ ในกลุ่มของตัวเอง ที่ติดต่อกันอยู่ก็มีประมาณ 10 กว่าคน แต่ละคนมีเครือข่ายของตัวเองเป็นหลักร้อยคน นอกจากเรื่องการไปเฝ้าศิลปินแล้ว “พิพรรณ” ยังต้องคอยตอบคำถามเพื่อนๆ ชาวจีนถึงผลงานใหม่ของบี้ในไทย เช่นถ้ามีละครออนแอร์ แฟนคลับชาวจีนก็ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง และอย่างรวดเร็วในวันรุ่งขึ้นแฟนคลับที่โน่นก็สามารถโหลดดูได้จากอินเทอร์เน็ตทันที จากการประสานงานกับแฟนคลับชาวจีนมานานเกือบปี “พิพรรณ” พบว่ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากประมาณ 1,000 คน มาจนปัจจุบันมีกว่า 5,000 คน จากการที่ละครของบี้ได้ไปออนแอร์ในจีนหลายเรื่อง คือ รอยอดีต ดอกรักริมทาง และ หัวใจศิลา มีการสั่งซื้อซีดีเพลงจากแฟนคลับชาวจีนมาเป็นระยะๆ รวมถึงของที่ระลึกอย่างเสื้อยืด ที่ “พิพรรณ” รับสั่งและส่งให้ โดยไม่ได้คิดกำไร เพราะเธอถือหลักว่าเมื่อศิลปินที่เธอชื่นชอบมีคนชอบมากขึ้น และไปไกลถึงต่างประเทศ ก็ถือว่าดีต่อศิลปินเอง แม้กระทั่งคอนเสิร์ตบี้ล่าสุด “พิพรรณ” ยังช่วยประสานให้แฟนคลับชาวจีนซื้อตั๋วดูคอนเสิร์ตบี้อีกประมาณ 200 คน  และบางคนยังดูซ้ำ เพราะเล่น 2วันติดต่อกัน ปรากฏการณ์แฟนคลับบินมาดูคอนเสิร์ตบี้นั้น เห็นได้ชัดว่าแฟนคลับชอบบี้ และมาเมืองไทยเพราะจุดเริ่มต้นอยากมาดูคอนเสิร์ต จากนั้นจึงจัดโปรแกรมเที่ยวตามมา รูป  “รักบี้นะคะ” การแสดงออกชัด ๆ ของแฟนคลับจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:20:12

ความคิดเห็นที่ 25 ภาพ สื่อที่ตีพิมพ์ภาพ บทสัมภาษณ์ของ “บี้” ที่ “พิพรรณ” ทั้งซื้อและได้จากเพื่อนแฟนคลับจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:21:10

ความคิดเห็นที่ 26 ความคลั่งไคล้รักศิลปินไทยของชาวจีน นอกจากบี้แล้วที่แรงๆ คือ “ป้อง ณวัฒน์” ที่โด่งดังจากสงครามนางฟ้า ซึ่งกลุ่มของวี มีความพิเศษคือเชี่ยน เชี่ยน เฉิน หรือน้องหวาน สาวน้อยที่บินตรงจากเมืองจีน มาเป็นสมาชิก เราเรียกเธอว่าน้องหวานตามเพื่อนๆ ในกลุ่ม เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ ปี 2 น้องหวานได้ดูป้อง ณวัฒน์เล่นละครเรื่องสงครามนางฟ้า ที่ออนแอร์ช่วงค่ำเมื่อหลายปีก่อนที่ประเทศจีน เธอสนใจการแสดง และชอบความหล่อของป้อง จนคิดว่าเธอน่าจะลองเรียนภาษาไทย ใช้เวลา 7-8 เดือน เธอสามารถใช้ภาษาไทยได้ดี จนเรียนระดับมหาวิทยาลัยได้ ความรู้สึกประทับใจในบทบาท และความเป็นกันเองของศิลปินไทย เป็นเหตุผลที่ทำให้น้องหวานกลายเป็นคนหนึ่งในกลุ่มแฟนคลับที่อยู่เมืองไทยช่วยประสานงานกับแฟนคลับชาวจีน ถามว่าความประทับใจนั้นคืออะไร น้องหวานบอกว่า หากเปรียบเทียบกับศิลปินชาติอื่น แม้แต่จีนเองก็มีระยะห่างจากแฟนคลับ เช่น เมื่อเข้าร้านช้อปปิ้ง ก็ต้องปิดร้าน เพื่อกันผู้คนออกมา ด้วยเหตุผลเพื่อความปลอดภัย แต่ศิลปินไทย เปิดกว้างให้แฟนคลับได้เข้าใกล้ และดูเป็นกันเองมากกว่า นี่คืออีกหนึ่งความต่างของศิลปินไทยที่จากศิลปินชาติอื่น จนกลายเป็นความใหม่ และดีกว่า เป็นโอกาสที่ทำให้ชาวจีนหันมาสนใจศิลปินไทย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ T-Pop เกิดได้ไม่ยาก รูป เสื้อบอกรัก “ป้อง” หรือที่แฟนคลับเรียกกว่า “เฮีย” ตามคอนเซ็ปต์ครอบครัวเดียวกัน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:22:41

ความคิดเห็นที่ 27 ความประทับใจในศิลปินไทย ทำให้แฟนคลับชาวจีนที่มาเมืองไทย จะพยายามมาพบกับป้องให้ได้ เช่นไปตามกองถ่าย ซึ่งแฟนคลับไทยบางคนจะช่วยประสานงานกับป้อง เพื่อให้ได้พบกันประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถือว่าพอใจแล้ว ในช่วงหลังเริ่มมีการประสานงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่หากแฟนคลับจีนคนใดอยากมา ก็มีการแนะนำให้ติดต่อกับการท่องเที่ยวไทยประจำในจีน เพื่อจัดทัวร์ท่องเที่ยวและเพิ่มเติมการเยี่ยมหรือพบกับดาราคนโปรดไปด้วย ซึ่งขณะนี้ถือว่าการท่องเที่ยวเข้ามาเต็มตัวกับป้องณวัฒน์ในการจัดแคมเปญ่ท่องเที่ยวกับป้องณวัฒน์ โปรโมตผ่านเว็บไซต์ของป้องเลยทีเดียว ที่ Pongnawat.net แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวคือกรุงเทพ แนะนำพัทยา และเกาะเสม็ด ทั้งกลุ่มของพิพรรณ และกลุ่มของวีต่างไม่พลาดที่จะมีนิตยสารเวอร์ชั่นภาษาจีนที่ลงภาพศิลปินที่ตัวเองชอบ ที่ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากเพื่อนแฟนคลับชาวจีนส่งมาให้บ้าง ไปเมืองจีนแล้วหาซื้อมาเองบ้าง ซึ่งตรงกันของแฟนคลับทั้งสองคือความเต็มที่ในการทำหน้าที่เหมือนทูตของศิลปินเพื่อบอกข่าวสารให้แฟนคลับชาวจีนได้ทราบ ด้วยความคอนเซ็ปต์ที่ว่าเมื่อซูเปอร์สตาร์ของตัวเองมีคนชอบมากขึ้นเท่าไหร่ “เราก็ยิ่งยินดี และดีใจไปกับเขาด้วยมากขึ้นเท่านั้น” รูป แฟนคลับในไทยที่เชื่อมโยงแฟนคลับที่จีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:23:59

ความคิดเห็นที่ 28 @@@ ททท. & พี่เบิร์ด To be Continued ด้วย T-Pop @@@ T-Pop ที่แรงมาก จนทำให้ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเลือกใช้กลยุทธ์ Music Marketing มาโปรโมตการท่องเที่ยว โดยต่อยอดจากที่เคยมี “พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยค่าตัว 20 ล้านบาทมาแล้ว ภายใต้แคมเปญการตลาดที่มีแนวคิด “Amazing Thailand : Always Amazes You” ได้เล่าเรื่องผ่าน มิวสิกวิดีโอหรือเอ็มวีแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น วัดพระแก้ว เขาวัง เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พัทยา ในเพลง “ร้องไห้ทำไม” มีเวอร์ชั่นภาษาจีนที่ร้องโดยพี่ “เบิร์ด” และจัดเต็มด้วยดาราแสดงนำในเอ็มวีคือ “ป้อง ณวัฒน์” ที่แฟนคลับชาวจีนชื่นชอบ และเพื่อโยงกับชาวจีนมากยิ่งขึ้น ได้นำดาราสาวชาวไต้หวัน “ซอนย่า ซุย” มาร่วมแสดงด้วย ททท. มีแผนนำเอ็มวีนี้ไปเผยแพร่ใน 5 ประเทศแถบเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย ไต้หวัน และสิงคโปร์ รวมไปถึงในไชน่าทาวน์แถบยุโรป ออสเตรเลีย เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายชาวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่และมีกำลังซื้อสูงในปัจจุบัน นอกเหนือจากนี้ ททท. ยังได้ประสานกับ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ที่ได้เปิดแอคเคานต์ในโซเชี่ยลมีเดียแบบทวิตเตอร์จีน http://weibo.com/thaiconsulatesh ให้ช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวด้วย ดังนั้นในช่วงหลังจึงเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวของพี่เบิร์ดกับเอ็มวีใหม่ในนี้มากขึ้น รูป T-Pop ที่แรงมาก จนทำให้ล่าสุดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเลือกใช้กลยุทธ์ Music Marketing มาโปรโมตการท่องเที่ยว โดยต่อยอดจากที่เคยมี “พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ ภายใต้แคมเปญแนวคิด “Amazing Thailand : Always Amazes You” ได้เล่าเรื่องผ่าน มิวสิกวิดีโอหรือเอ็มวีแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:25:57

ความคิดเห็นที่ 29 [MV] Bird Thongchai - Why the Tears? จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:28:07

ความคิดเห็นที่ 30 @@@ August say Hi! China @@@ “MD คือมะเดี่ยว และ “เสี่ยวพี” คือน้องพิช” นี่คือ 2 ฉายาที่แฟนคลับชาวจีนตั้งให้กับ “ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล หรือ มะเดี่ยว” หัวหน้าทีมของวงออกัส และพิช "วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล" นักแสดงนำจากเรื่อง "รักแห่งสยาม" และ "ฝันหวานอายจูบ" ในฐานะนักร้องนำวง "ออกัส" บอยแบนด์ที่ดังมากในจีนแต่ไม่ดังเท่าไหร่นักในไทย ในแบบที่ “มะเดี่ยว” บอกว่าออกัสในจีนดังมาก มีแฟนมหาศาล แต่ออกัสในไทย โค-ตร Niche รูป ความเป็นกันเองเวลาเล่นคอนเสิร์ต คือจุดขายที่แฟนคลับรักออกัส จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:31:06

ความคิดเห็นที่ 31 “ออกัส” เกิดจากความดังของหนัง “รักแห่งสยาม” ที่เป็นกลุ่มนักดนตรีที่ร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ และฟอร์มเป็นวงดนตรีอาชีพในเวลาต่อมา แม้ “รักแห่งสยาม” ไม่ได้ไปฉายที่เมืองจีนอย่างเป็นทางการ โดยถูกห้ามเพราะหนังเกี่ยวพันกับเรื่องเกย์ แต่เครือข่ายออนไลน์ทำให้ชาวจีนกระหน่ำดาวน์โหลดดูหนัง “รักแห่งสยาม” จนรู้จัก “มะเดี่ยว” และรัก “ออกัส” กันอย่างทั่วถึง “มะเดี่ยว” ในฐานะผู้กำกับหนังดัง “รักแห่งสยาม” และผู้ถือหุ้นใหญ่ “สตูดิโอคำม่วน” ค่ายเพลงต้นสังกัดของ “ออกัส” ที่มะเดี่ยวร่วมทุนกับทายาทของเสี่ยเจียง แห่งค่ายสหมงคลฟิล์ม หลังจากดังในเมืองไทยในกลุ่ม Niche แล้ว ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา “มะเดี่ยว” และ “ออกัส” ไปจีนและไต้หวันมาแล้วหลายครั้ง เพราะเสียงเรียกร้องจากแฟนที่โน่นดังขึ้นเรื่อยๆ “มะเดี่ยว” บอกว่า “ความดังนี้มาจาความบังเอิญจากหนังดัง เขาก็ชอบวงออกัส เราก็ทำงานต่อเนื่อง ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ ว่าไปจีนจะดีหรือไม่ดียังไง แต่ไปถึงก็เห็นศักยภาพ เพราะมีจำนวนคนดูมาก เป็นตลาดใหญ่มาก ก็ทำมาตลอด ทำแบบเงียบๆ ไม่ได้ประโคมข่าว พอมีคนถามก็ยัง หา! ไปจีนแดง  ก็บอกไปว่าเออ เรื่องของกูก็แล้วกัน” จุดเปลี่ยนของเรื่องนี้ มาจากเมื่อได้ไปออกในรายการDay Day Up รายการที่มีกลุ่มผู้ชมหลักเป็นเยาวชนวัยรุ่น ที่สถานีหูหนานทีวี ซึ่งมีคนดู 600 ล้านคน พอออนแอร์ไปแล้ว ยอดค้นหาเกี่ยวกับออกัส Baidu เพิ่มขึ้นในแบบที่มะเดี่ยวบอกว่าโดดเด้ง แล้วก็ได้ไปไต้หวันขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ ไปกวางโจว งานเคานต์ดาวน์ปีใหม่ ซึ่งเป็นต่างชาติวงเดียวที่ได้ขึ้น นอกนั้นเป็นศิลปินจีนระดับซุปตาร์ รูป โชว์ตัวในรายการทีวีจีน Day Day Up จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:32:38

ความคิดเห็นที่ 32 นอกเหนือจากนั้นส่วนใหญ่ไปงานคอนเสิร์ตที่แฟนคลับที่จีนจัดให้ ที่เห็นชัดเจนว่าต้นทุนการจัดของเขาสูงมาก เพราะแฟนคลับร่วมกันออกค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ดูแลอย่างดีเช่นพักระดับหรู ต้อนรับดี คอนเสิร์ตแต่ละครั้งมีจำนวนผู้ชมในหลักหลายพันคน ด้วยค่าตั๋วเฉลี่ยกันคนละประมาณ 5,000-6,000 บาท จากเมืองจีนความดังยังไกลออกไปถึงไชน่าทาวน์ในต่างประเทศ อย่างล่าสุดมีแผนไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไชน่าทาวน์ในนิวซีแลนด์อีกด้วย ปรากฏการณ์นี้สำหรับออกัสยังไม่เกิดในเมืองไทย เพราะเมืองไทยต้องยอมรับว่าถ้าไม่มีงบโปรโมตในสื่ออย่างกว้างขวาง โอกาสจะดังเปรี้ยงปร้างมากก็ยาก ถามว่าทำไมออกัสจึงถูกใจคนจีน “มะเดี่ยว” บอกว่าออกัสมีจำนวนคนในวงเยอะ (12คน) ไปครั้งหนึ่งต้องไปให้ไม่ครบ ไม่เช่นนั้นแฟนคลับมีงอน เพราะคนจีนชอบจำนวนคนเยอะๆ เหมือนอย่างบอยแบนด์เกาหลีที่มีจำนวนหลายๆ คน ในแง่แนวดนตรีการแสดง ออกัสมีจุดเด่นที่ดนตรีสนุกสนาน แนวโฉ่งฉ่าง เล่นคอนเสิร์ตสนุก แบบสัมผัสจับต้องได้จากลุคธรรมดา ไม่ใช่เทพ รูป มะเดี่ยวกับแผนที่ไปอีกไกลในจีน แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 54 11:36:26 จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:35:10

ความคิดเห็นที่ 33 การพูดคุยและสื่อสารคือวิธีการหนึ่งที่จะเข้าถึงใจแฟนคลับได้ แต่แฟนเพลงของออกัสเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่ก็ได้เรียนภาษาจีนบ้างเพื่อสื่อสารแบบง่ายๆ ฝึกร้องเพลงจีน โดยมีข้อระวัง ซึ่งทุกครั้งจะต้องศึกษาก่อนว่าสิ่งใดควรพูดหรือไม่ควรพูดซึ่งแต่ละแห่งก็มีข้อระวังต่างกัน โดยอาศัย “ล่าม” ที่กลายเป็นเพื่อนกันแล้วให้คำปรึกษา เมื่อเดินทางไกลมาขนาดนี้แล้ว “ออกัส” จึงมีแรงที่จะไปต่อ “มะเดี่ยว” วางแผนว่าวงก็ต้องพัฒนาเพลงให้ผู้ฟังไปเรื่อยๆ และจะพยายามผลักดันให้ “พิช” ที่ดังมากในจีนเข้าไปในกลุ่ม Mainstream ของจีนให้ได้ จากนั้นก็เป็นออกัส ในรูปแบบการร่วมทุนสร้างกับกลุ่มธุรกิจบันเทิงที่จีน แม้จะมีรายได้จากเมืองจีนและในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากจีนสูงถึง 3 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมด แต่ “มะเดี่ยว” ก็บอกว่าไม่ได้สูงมาก ค่าตัวยังคงเป็นหลักหมื่น สิ่งที่ได้มากกว่าคือประสบการณ์และที่สำคัญคือการตอบโจทย์ที่ต้องการเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ทางวัฒนธรรม ทำให้คนต่างชาติอย่างเรียนภาษาไทย ร้องเพลงไทย เหมือนอย่างที่ญี่ปุ่น เกาหลีทำสำเร็จมาแล้ว รูป “พิช” ที่มะเดี่ยวเตรียมปั้นให้เข้าถึง Mainstream ชาวจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:37:48

ความคิดเห็นที่ 34 งานที่กำลังเข้าคิวรอ “ออกัส” -ตุลาคม 2554 พรีเซ็นเตอร์ UNIQLO ไทย -24 ธันวาคม 2554 คอนเสิร์ตที่เซี่ยงไฮ้ -มกราคม 2555 เปิดตัวอัลบั้ม Light in the Dark  Vol.2 และคอนเสิร์ตรักแห่งสยามปี 4 -กุมภาพันธ์ 2555 หนังใหม่ -4 มีนาคม 2555  คอนเสิร์ตที่โอ๊กแลนด์ นิวซีแลนด์           ฐานผู้ชมของ “ออกัส” -60% เป็นนักเรียนมัธยม และกลุ่มโฮโมเซ็กช่วล -40% กลุ่มมหาวิทยาลัย และวัยทำงานผู้หญิง -40% ในไทย และ 60% ต่างประเทศ จีน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และสิงคโปร์ รูป บรรยากาศกันเองกับแฟนคลับจีน จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:39:41

ความคิดเห็นที่ 35 @@@ สิ่งเล็กๆ ที่อาจขยายใหญ่ในจีน @@@ เมื่อตอนที่ “รักแห่งสยาม” ได้รับความนิยมจากผู้ชมชาวจีน “สหมงคลฟิล์ม” ในฐานะค่ายหนังผู้อำนวยการสร้างและผู้จัดจำหน่าย ไม่ได้เม็ดเงินจากความดังนั้นแม้แต่น้อย แต่นี่คือโอกาสที่ชัดขึ้นที่เมืองจีนที่ “ชมศจี เตชะรัตนประเสริฐ” รองประธานกรรมการฝ่ายขาย บริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มองเห็น แน่นอนว่า “ชมศจี” ในฐานะบุตรสาวของเสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนะประเสริฐ ยังได้รับคำแนะนำจากเสี่ยเจียงด้วยว่าตลาดจีนนับจากนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดกว่าเดิม แต่เป็นไปด้วยความระมัดระวัง และพิจารณาอย่างรอบคอบ สหมงคลฟิล์มทำตลาดในอเมริกาและตะวันตกได้สำเร็จจากหนังแนวแอคชั่น ตั้งแต่ต้มยำกุ้ง จนมาถึงองค์บาก 2 ที่มีคนซื้อหนังตั้งแต่ยังไม่เริ่มสร้างด้วยซ้ำ ด้วยจุดเด่นในเรื่องของตัวแสดงเล่นเอง ทำให้ผู้ชมเข้าถึงตัวแสดงมากกว่าใช้นักแสดงแทน แต่แนวแอคชั่นไม่สามารถเข้าไปในตลาดจีนได้ เพราะไม่ผ่านเซ็นเซอร์ด้วยเรื่องระดับความรุนแรง สำหรับตลาดจีนสหมงคฟิล์มคิดว่าจะเข้าไปได้ด้วยหนังในแนวดราม่าโรแมนติก หรือโรแมนติกคอมมอดี้ ที่ “ชมศจี” กำลังเริ่มอีกครั้งกับเรื่อง “สิ่งเล็ก เล็ก ที่เรียกว่ารัก” ที่มีส่วนผสมสำคัญคือแนวหนัง และดารานำ คือ มาริโอ้ เมาเร่อ ที่กำลังดังมากในจีน จาก “ออกัส” ที่โด่งดังและทำให้สหมงคลฟิล์มมองเห็นโอกาสมากขึ้น “ชมศจี” บอกว่าเมื่อถึงเวลาก็อยากทำให้ธุรกิจหลักของคือหนังได้มีโอกาสขยายตลาดในจีน ครั้งนี้กับ “สิ่งเล็ก เล็ก ที่เรียกว่ารัก” กำลังไปจะค่ายโรงหนังที่ใหญ่ในจีน เพื่อฉายทั่วประเทศจีน ตามแผนคือภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 รับเทศกาลวาเลนไทน์ หากสำเร็จจาก “สิ่งเล็ก เล็ก ที่เรียกว่ารัก” สำหรับสหมงคลฟิล์มก็จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงที่จะลงทุนเพื่อตลาดจีนมากขึ้น รูป "ชมศจี" กับความหวังที่ใหญ่ขึ้นในจีน จากหนังเรื่อง "สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก" จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:43:19

ความคิดเห็นที่ 36 @@@ เอ ศุภชัย” มาตรฐาน “เจิด” รับ T-Pop @@@ เมืองจีนและหลายประเทศในเอเชีย เปิดรับ T-Pop แล้วอย่างเต็มที่ และนี่เองที่ทำให้เส้นทางของดารายาวไกลและมีทางเลือกมากขึ้น รวมไปถึงธุรกิจของนักปั้นดาราคึกคักมาอีกระดับหนึ่ง  วงการนี้จะวางตัว จัดลำดับความดังกันอย่างไร คำถามที่ต้องฟังคำตอบ จากใครเป็นอื่นไม่ได้ ต้องเป็น “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” นักปั้นมือทองของวงการเท่านั้น หลายคนอาจคิดว่า “เอ” ต้องไปหาตลาดให้นักแสดงที่เมืองจีน แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เพราะ ”เอ” อ ยู่กับที่งานก็เข้าไม่ขาดสายแล้ว “ไม่ได้ไปเมืองจีนเองค่ะ มีแต่เขามาหา ล่าสุดก็มีมาคุยติดต่อให้ร่วมแสดงหนัง ติดต่อน้องมาริโอ้ (เมาเร่อ) ก็ยังไม่ได้ตอบตกลง เพราะคิวน้องไม่ได้เลย ตอนนี้ที่เมืองไทยเองดีมานด์ก็มาก ซัพพลายให้ไม่พออยู่แล้ว” “เอ” ที่วันนี้ก็ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วกับงานที่ล้นมือ เพราะมีดาราเบอร์ใหญ่ คิวทองชนิดที่ว่ามีคิวยาวจนหาที่สุดไม่ได้อยู่ในสังกัดหลายคน ตั้งแต่ซุป’ตาร์ตัวแม่อย่างอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ จนถึง ซุป’ตาร์เลือดใหม่อย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ ณ เดชน์ คูกิมิยะ และล่าสุด “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” ที่ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ZA ที่ดังเปรี้ยงปร้าง เรียกเสียงกรี๊ดได้ดังที่สุดจากแฟนชาวจีน และไต้หวันเวลานี้คือ ”มาริโอ้” ที่ไปโชว์ตัวที่นั่นมาแล้วหลายรอบ หลังจากหนังเรื่อง ”รักแห่งสยาม และ สิ่งเล็ก เล็กที่เรียกว่ารัก” ถูกดูผ่านออนไลน์แล้วนับไม่ถ้วน เรตติ้งแรงถึงขั้นที่ว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ 4+1 Channel 3 Superstar ที่ช่อง 3  จัด “เอ” บอกว่ามีแฟนคลับจีนติดต่อมากันจำนวนมากว่าจะมาดูคอนเสิร์ต เพราะมีศิลปินใหม่ที่กำลังดังอย่างหมาก ปริญญ์ ณเดชน์ บอย ปกรณ์ มาริโอ้ และคนใหม่ เคน ภูภูมิ ซึ่ง ”เอ” บอกว่าขนาดจะบินข้ามประเทศมา ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะหาบัตรให้แฟนคลับได้มากแค่ไหน เพราะอย่างที่บอกว่าดีมานด์ในประเทศก็มากล้นแล้ว รูป “เอ ศุภชัย” พร้อมเสมอกับตลาดต่างประเทศ แต่ตอนนี้แค่ในประเทศก็ให้บริการไม่ทันแล้ว จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:46:06

ความคิดเห็นที่ 37 ต่อ ปรากฏการณ์ T-Pop ที่มาแรงนี้ ในฐานะนักปั้นแล้ว “เอ” บอกว่าเรื่องหน้าตาดาราไทยถือว่าเป็นที่ถูกใจแฟนๆ เพราะหน้าตาเป็นกลางๆ มีใบหน้าที่ดูแล้วเป็นที่รัก หล่อ และสวย อย่างน้องอั้มที่แฟนๆ บอกว่าสวยจังเลย หรืออย่างน้องมาริโอ้ก็เป็นลูกครึ่งที่มีเชื้อสายจีน ก็ยิ่งถูกใจแฟนคลับจีนมากขึ้น เมื่อหน้าตาดีมาแล้ว ถือเป็นต้นทุนดี ก็เหลือการปั้นต่อ ซึ่ง ”เอ” บอกว่าด้วยเป้าหมาย และมาตรฐานระดับ ”เอ ศุภชัย” แล้ว ต้องปั้นให้ดารามีความสามารถ และเป็นมืออาชีพ เทียบเท่าในระดับสากล ที่ทำตามเป้าหมายนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีกระแส T-Pop  ด้วยซ้ำ อย่างกรณีของ ณเดชน์ ก็ถูกบังคับเพื่อให้นั่งรถทัวร์ไปกลับกรุงเทพฯ-ขอนแก่น หลายสิบรอบเพื่อฝึกความอดทน เป็นการฝึกทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องการแสดง เพื่อรับการทำงานแบบเข้มมากที่สุด เพื่อให้คุณภาพออกมาในแบบที่เขาเรียกว่า ”คับแก้ว รูป "ณเดชน์" หล่อและถูกฝึกมาอย่างหนักตามมาตรฐาร "เอ" จนพร้อมโกอินเตอร์ จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:48:06

ความคิดเห็นที่ 38 ต่อ นอกจากนี้ความเตรียมพร้อมเพื่อความอินเตอร์ในมุมของภาษานั้น ไม่ได้เพิ่งมาเข้มตอนนี้ เพราะเด็กในสังกัด ”เอ” ฝึกภาษาอังกฤษกันมานานแล้ว แต่ยังไม่ได้ให้เรียนภาษาจีนจริงจัง  ส่วนใครที่ภาษาดีมาก่อนนั้น ถือเป็นต้นทุนที่ดีอยู่แล้วของแต่ละคน ในเวลานี้การเติบโตของดารานั้น “เอ” เปรียบเทียบว่าก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ ที่เริ่มต้นยังเป็นต้นไม้เล็กๆ อยู่ก็เจาะกลุ่มผู้ชมเด็กวัยรุ่น เมื่อโตขึ้น ก็เหมือนต้นไม้ที่แข็งแรงขึ้น ก็พร้อมเจอกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น ต้องทำงานมากขึ้น เจอพายุก็ไม่ล้ม นี่คือการฝึกฝนอย่างหนักมาตั้งแต่เริ่มต้น จากกระแส T-Pop ที่แรงไม่หยุด แต่ซัพพลายที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอ “เอ” จึงมีเด็กๆ ที่มาจากเพื่อนในประเทศต่างๆ ทั้งลาว เขมร ในคอนเซ็ปต์ที่ ”เอ”บอกว่าเอาลูกๆ มาปั้น ฝากเลี้ยงกัน เพื่อเป็นดาราในอนาคต ซึ่งโอกาสมีทั้งในไทยและตลาดต่างประเทศ แม้ว่านี้ภารหน้าที่ยังเน้นตลาดในเมืองไทยเป็นหลัก แต่ทุกครั้งที่เขานั่งเครื่องบินแล้วมองลงมาที่จีน ฟิลิปปินส์ “เอ” บอกว่าล้วนมองเห็นโอกาสทั้งนั้น เพียงแต่ว่า ณ วันนี้เขาแคร์แฟนคลับชาวไทยมากกว่า ซึ่งหมายถึงการป้อนศิลปินให้ตลาดไทยอย่างเพียงพอก่อน ส่วนการโกอินเตอร์เหมือนอย่างมาริโอ้นั้นก็เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่เคยทำไว้อยู่แล้ว แน่นอนคำถามที่ไม่ควรพลาดคือ แล้ว ”เอ” เรียกค่าตัวเพิ่มไหม เขาบอกว่า “ไม่ค่ะ เพราะไม่ใช่เห็นว่ามีโอกาสแล้วจะให้จ่ายเพิ่ม เพราะแบบเอมีมาตรฐานมาตั้งแต่ต้นแล้วคือ ”สูง” รูป มาริโอ้ วันนี้ได้รับความรักมากมายจากแฟนคลับจีน ขึ้นปกนิตยสารแล้วหลายเล่ม จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:49:42

ความคิดเห็นที่ 39 จบแล้วครับ จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:51:34

ความคิดเห็นที่ 40 ลืมอีกคลิปนึง กระแสนี้ ต้องT-Pop เครดิต positioningmag http://www.youtube.com/watch?v=YAcm4LQtvcQ&feature=player_embedded จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 11:59:00

ความคิดเห็นที่ 41 เวลาเราเห็นกระทู้แบบนี้เราจะดีใจทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะเป้นแค่สียงของคนกลุ่มเล็กๆของคนที่เล่นอินเตอร์เนต แต่ว่าทุกครั้งที่ได้รับรู้ข้อความพวกนี้ หัวใจเรายิ้มได้ทุกครั้ง ในใจแอบหวังให้เราทำได้เหมือนประเทศเกาหลีบ้าง ที่ทุกฝ้ายร่วมกันผลักดัน วงการบันเทิงหรือสื่อบันเทิงแขนงต่างๆให้ก้าวไกลไปในระดับโลก รวมถึงการส่งออกวัฒนธรรม มันอาจดูยาก จะเป็นไปได้ไหม แต่ เราเชื่อว่า คนไทยทำได้ เราจะต้องทำได้ดี เพียงแต่ว่าต้องมีการผลักดันในระยะยาว และต่อเนื่องเท่านั้น ไม่อยากให้มันเป็นแค่กระแสที่เหมือนลมพัดมาวูบหนึ่งแล้วก็จางหายไป เพื่อนชาว ตปท ของเราชอบดาราไทยหลายคนมาก ทุกคนรักประเทศไทย บางคนถึงขั้นเรียนภาษาไทย ปลาบปลื้มใจจริงๆ ในเมื่อกระแสมาแล้ว ก็อยากให้มีคนผลักดันกระแสนี้ออกไป แม้ในเบื้องต้น อาจเป็นเพียงรอยเท้าก้าวเล็กๆที่ประเทศไทย เราจะส่งออกวัฒนธรรมได้ แต่ ในอดีต รอยเท้าก้าวเล็กๆบางเก้าก็ได้เปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างให้หลายประเทศและโลกใบนี้มาแล้ว เพราะถ้าไม่มีก้าวแรก จะมีก้าวต่อไปได้อย่างไร ........ ขอบคุณ จขกท สำหรับ กระทู้ดีดีแบบนี้ รักประเทศไทยอีกเป็นกอง จากคุณ : punro937 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 12:46:33

ความคิดเห็นที่ 42 ลงชื่อไว้ก่อนเดี๋ยวกลับมาอ่าน จากคุณ : Namtaothong เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 13:03:14

ความคิดเห็นที่ 43 ชาติไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก อ่านจบแล้วขนลุก จากคุณ : cinnamon_pp เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 13:33:33

ความคิดเห็นที่ 44 ผลงานที่ประเทศจีนของมาริโอ้  เมาเร่อ ดาราในสังกัดค่ายคุณ เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร ที่กำลังสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศอยู่ ณ เวลานี้ านแสดงชิ้นแรกของมาริโอ้ เมาเร่อ บนจีนแผ่นดินใหญ่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา งานชิ้นนี้มาริโอ้ แสดงเป็นพระเอกมิวสิควีดีโอ เพลง 一人一花 ของนักร้องสาวชาวจีนที่มีนามว่า อาโตะ <เพลง 2 ภาษา ถู่เจีย+จีนกลาง> จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 14:48:20

ความคิดเห็นที่ 45 ปลื้มใจมากๆเวลาได้อ่านกระทู้อย่างนี้ จากคุณ : Retronich เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 15:28:08

ความคิดเห็นที่ 46 อ่านกระทู้นี้ทีไรมีความสุขทุกทีเลย ดีใจแทนบันเทิงไทย ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทย(โหวด) กดไลท์ให้ล้านครั้งเลยเอ้า......... จากคุณ : อาจารย์ย่า เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 16:16:14

ความคิดเห็นที่ 47 กดโหวตให้เลยค่ะ ชอบกระทู้ของคุณ Pikachu ร่าง 5 มาก พอเห็นทีไรต้องคลิกเข้าไปดูทุกทีเลยค่ะ ขอบคุณที่นำข่าวสารดีๆ น่าชื่นใจอย่างนี้มาแบ่งปันกันนะคะ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะไปหาอ่านได้จากที่ไหนเหมือนกัน T-POP สู้ๆ ขอให้ดังระเบิดระเบ้อไปเลย จากคุณ : querido เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 17:31:06

ความคิดเห็นที่ 48 คห.25 เจ้หมวยดังใหญ่แล้ว ฮ่าๆๆ จากคุณ : comicclubs เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 18:07:41

ความคิดเห็นที่ 49 "Pikachu ร่าง 5" กระทู้ของคุณ มาพร้อมความปลื้มเสมอ ชื่นชมๆ ขอโหวตค่ะ จากคุณ : CHaLeeYu เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 18:10:00

ความคิดเห็นที่ 50 ปลื้มมากๆ   จากคุณ : เก็บคอ งอเข่า เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 18:54:14

ความคิดเห็นที่ 51 โหวต   ภาพรางวับในคห. 20 ของคุณหนูบอย เหมือน Auntie Anne's  เลย จากคุณ : zelimony เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 19:06:28

ความคิดเห็นที่ 52 โหวตค่ะโหวต เรื่องดีๆต้องส่งต่อ จากคุณ : CheezZ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 19:20:06

ความคิดเห็นที่ 53 สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ในยูทูบที่ชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษ คนจีน ฟิลิปินส์ แวะเข้ามาดูล้นหลาม จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 19:51:27

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านแล้วเหมือนเห็นพลังพุ่งออกมา รู้สึกดีนะคะ ที่เห็นว่าจริงๆงานบ้านเราก็เป็นที่ยอมรับกว้างขวางได้ ประทับใจน้ำใจแฟนคลับที่คอยประสานงานกันจังเลยค่ะ ขอบคุณ จขกท ที่แบ่งปันนะคะ จากคุณ : เทียนลอย เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 20:04:52

ความคิดเห็นที่ 55 มาโหวตและให้กำลังใจ คุณพิกาจูเเละทีวินด์เสมอ จากคุณ : bobby the great เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 20:11:06

ความคิดเห็นที่ 56 ทำไมขนลุกตั้งแต่ ประโยคสองประโยคแรก.. และต่อเนื่อง อาจมีสิ่งมีชีวิตหรือ วิญญาณซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ... อิอิ ขอบตุณนะค่ะ กระทู้ดีมาก จากคุณ : CHOCOROOM เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 21:00:00

ความคิดเห็นที่ 57 สุดยอดมากค่ะคุณPikachu ร่าง 5  ปลื้มทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องราวดีๆจากคุณ และขอบคุณที่เป็นสื่อกลางส่งต่อเรื่องราวดีๆเหล่านี้ได้รับทราบกัน ศิลปินไทยเก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก ความสามารถหลากหลาย รวมถึงนิสัยใจคอที่น่ารัก มีความอ่อนน้อม ในฐานะคนไทยคนนึงรู้สึกภูมิใจมากๆและขอเป็นกำลังใจให้ศิลปินไทย ที่จะไปสร้างชื่อที่ต่างประเทศ รวมทั้งขอเป็นกำลังใจให้ จขกท. ในการนำเสนอเรื่องดีๆต่อไปค่ะ จากคุณ : น้องเมธัล เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 21:00:55

ความคิดเห็นที่ 58 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 54 21:39:35 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 54 21:39:18 จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 21:38:55

ความคิดเห็นที่ 59 ๊Update ละครไทยในจีน ข่าวจากแฟนคลับป้อง ที่ประเทศจีน ละครเรื่องค่าของคนเริ่มพากษ์เสียงภาษาจีนแล้ว จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 21:40:11

ความคิดเห็นที่ 60 โปรแกรมละครไทยที่จะออนแอร์ในปี ค.ศ. 2012 ทางช่อง Anhui Tv สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีจำนวนมากกว่า 10 เรื่อง เช่น จำเลยรัก สวรรค์เบี่ยง (2 เรื่องนี้แฟนละครไทยในจีนยังคิดว่าจะได้ออนแอร์หรือเปล่าเพราะเนื้อหาในเรื่องรุนแรงไปนิดนึง) วงเวียนหัวใจ พ่อหนูเป็นซูปเปอร์สตาร์ ดังดวงหฤทัย ความลับซูปเปอร์สตาร์ สาวใช้ไฮเทค อุ้มรัก เป็นต้น (ข่าวยังไม่เป็นทางการ โปรแกรมที่จีนเปลี่ยนแปลงได้เสมอ) ที่มา http://www.weibo.com/1916711153/xumI3liLO จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 21:42:25

ความคิดเห็นที่ 61 ทางช่อง Anhui Tv  ฉายแต่ละครไทย อย่ายัดเยียดมากไปนะ เดียวจะเหมือนFuji TV ขอบญี่ปุ่นที่มีแต่เกาหลีๆ จนคนต้องออกมาประท้วงถึง2ครั้ง จากคุณ : บ่ายสอง เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 21:52:13

ความคิดเห็นที่ 62 จำเลยรักกับสวรรค์เบี่ยง ??? แฟนละครชาวไทยยังไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่าผ่านเซ็นเซอร์จีนได้ 555 แต่เอาเป็นว่าดีใจด้วย แสดงว่า 2 เรื่องนี้เรตติ้งกระฉูดในโลกไซเบอร์จีนจริงๆ ถึงสามารถฝ่ากองเซ็นเซอร์จีนมาได้ เพราะสถานีทีวีคงเล็งเห็นแล้วว่าจะต้องดังเปรี้ยงปร้างเรตติ้งทะลุแน่ๆ กระทู้นี้อ่านแล้วประทับใจมากค่ะ ขอบคุณ Positioning mag และคุณ Pikachu มากๆ ที่รวบรวมข้อมูลมาให้อ่านอย่างเต็มอิ่ม จากคุณ : Hikka เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 21:55:02

ความคิดเห็นที่ 63 ดีใจค่ะ อยากเห็น T-POP ในที่สุดก็ได้เห็น ขอให้รักษาคุณภาพงานและมาตรฐานนักแสดงไว้ให้ดีสม่ำเสมอนะคะ จากคุณ : mim_peter เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 22:32:28

ความคิดเห็นที่ 64 ...อยากเห็นหนังร่วมทุนสร้างเยอะๆจัง จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 22:47:13

ความคิดเห็นที่ 65 รอชมความสำเร็จแบบนี้ตลอดไป จากคุณ : inzagies เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 23:04:13

ความคิดเห็นที่ 66 จาก #59  ขอบคุณ คุณ Pikachu  ทำให้ได้ตามข่าวละครไทย-ดาราไทย  โดยเฉพาะเรื่อง ค่าของคน  ... จริงแล้วละครเพิ่งจบไปเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้เอง แต่รอย่างตื้นเต้นมาโดยตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้ฉายที่จีน ภาพจากแฟนละครชาวจีนค่ะ จากคุณ : Takalot เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 23:05:36

ความคิดเห็นที่ 67 ผมว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นที่ชื่นชอบของคอหนังทั่วเอเชียในอนาคตข้างหน้า นางเอกสวย พระเอกหน้าตาดี ถึงผมจะไม่อินเท่าไร แต่สัมผัสได้ถึงความสุขในหนังเรื่องนี้ ออกมายังเพ้ออยู่เลย ตัวอย่าง และ mv หนังเรื่องนี้มีซับจีนแล้ว [Aump中文网[[泰影][30依旧美丽]中字预告 แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 54 23:46:23 จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 23:39:46

ความคิดเห็นที่ 68 และเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น 泰国电影《30正美丽》中字预告OST《也许是爱情》 http://v.youku.com/v_show/id_XMzA5MzE2MjMy.html จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 54 23:45:40

ความคิดเห็นที่ 69 นั่งอ่านทุกกระทู้ นั่งดูทุกคลิป ปลาบปลื้มมากค่ะ เห็นแล้วก้ภูมิใจ อิอิ จากคุณ : คุณหนูผลไม้รูปไข่ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 00:43:19

ความคิดเห็นที่ 70 วนิดา จะได้ฉายมั้้ยคะ เห็นข่าวว่าซื้อไปแล้ว จากคุณ : รักและปลื้ม เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 02:49:10

ความคิดเห็นที่ 71 เราบอกตรงๆนะ อยากให้ละครไทยไปอินเตอร์มากๆๆๆๆๆ ขอเหอะ เวลาทำละคร ช่วยเพิ่มสิ่งเหล่านี้ไปด้วยได้ไหมคะ 1. ระบบ HD ทั้งตอนถ่าย แล้วก็ตอนฉายใน TV 2. หาคนโหลดลง Youtube 3. ใส่ sub ทั้ง eng แล้วก็ จีน 4. โปรดักชั่นแจ่มๆ ไม่ทำลวกๆ --> เนื้อหา สถานนี่ถ่ายทำ กำกับ นักแสดง (สถานที่ถ่ายทำ ขอเป็นแบบสวยจนใครๆก็อยากตามรอยไปเที่ยวเลยยิ่งดีค่ะ) คือ..รู้ว่าอาจจะติดเรื่องกลัวคนจะไปดู Youtube กันหมด จนไม่มีใครดูแบบ live แล้วจะขายโฆษณาไม่ได้ แต่....ถ้าอยากให้นักแสดงไปไกลจริงๆ ทำเหอะ เวลาเราอ่าน comment ใน youtube ที่ชาวต่างชาติเค้าเข้ามาดูละครไทยแล้วมันปลื้มอ่ะ อย่างตอนนี้เราติด เกมร้าย เกมรัก เราดูเสร็จ ยังไปดูต่อใน Youtube เลย ที่ไปน่ะ ไปอ่าน comment เหล่าแฟนๆของน้อง ณเดช กับน้อง ญาญ่า ว่าเค้าปลื้มกันขนาดไหน เชื่อเหอะ ถึงบางคนดูใน Youtube แล้ว เค้าก็ยังอยากดูตอนไปฉายในประเทศเค้าอยู่ดี อย่างเราดูซีรี่เกาหลีใน Youtube จบ ถ้าเราชอบเรื่องไหน เวลาเอามาฉายที่ไทย ก็ยังเฝ้าหน้าจอทุกตอน โดยเฉพาะเรื่อง sub ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ทำเวลาฉายตอน live เลยด้วยซ้ำ เพราะมีคนต่างชาติไม่น้อยที่เข้ามาอยู่เมืองไทยแล้วสนใจละครไทย อยากดูแบบรู้เรื่อง แปลเป็น eng มันไม่ได้ยากมากมายไม่ใช่เหรอคะ ขนาดใน youtube ยังแปลแค่วันเดียวเอง ดังนั้น ทำเหอะ ขอร้อง....................Please...........................-/\- PS. ขอเนียนลงรูปที่รัก(s) เลยละกัน อิอิ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 06:18:50 จากคุณ : Fall Foliage เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 06:04:33

ความคิดเห็นที่ 73 ส่งออกแล้วก็เอาเข้ามาด้วยนะ อยากดูหนังจีนดีๆ มากกว่าละครเกาหลีกู้ชาติแล้ว จากคุณ : ลูกกระปุก เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 12:27:58

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณคุณ Pikachu ร่าง 5 มากๆ นะคะ ติดตามกระทู้คุณตลอดเลยค่ะ แล้วก็ปลื้มใจกับความก้าวหน้าของวงการบันเทิงไทยทุกครั้ง ดีใจจัง เราคิดว่าต่อไปละครและหนังเรื่องต่างๆ ทั้งหนังของพี่อั้ม หนังเรื่องสิ่งเล็กๆ ฯ จะต้องดังที่จีนแน่นอนค่ะ บันเทิงไทยไชโย่ ปล. ไม่ค่อยอยากให้เรื่องสวรรค์เบี่ยงไปฉายที่โน่นเลยค่ะ เนื้อเรื่องที่พระเอกทำกับนางเอกมันรุนแรงเกิ๊น แต่สมมติว่าได้ไปนะ รับรองว่าดังแน่ค่ะ เพราะการแสดงแรงมาก การแสดงอารมณ์ชัดเจน เป็นแบบที่คนจีนชอบเลย...แต่ก็ยังอยากให้ตัดเรื่องที่รุนแรงไปอยู่ดีน่ะค่ะ! T^T จากคุณ : Everything_Is_Illuminated เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 12:37:13

ความคิดเห็นที่ 75 ในความคิดเรานะ สำหรับดาราไทยคือ เรามีความเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย ไม่ถือตัว ไปไหนมาไหนง่าย ไม่ต้องคอยมีการ์ดมากันหน้ากันหลังเหมือนบางชาติ ยิ้มเก่ง  สิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่ดาราชาติอ่นไม่มี ปล.ไอ้เราก็ งงๆ นะบางครั้ง บางงาน ฝ่ายเราเป็นคนจ้างเค้ามาแสดงที่บ้านเรา แต่ทำไมคนที่เราจ้างมา (ศิลปินและบรรดาผู้ดูแล)ถึงทำตัวยังกะเทวดา สั้งนู้นสั่งนี้ ห้ามนู้นห้ามนี้ เรื่องมากสารพัด จากคุณ : ^ Is it good ^ เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 16:27:16

ความคิดเห็นที่ 76 เห็นด้วยว่าอยากให้ฉายในระบบ HD สักที  ไหนๆ ก็ลงทุนถ่าย HD มาแล้ว กสทช.คะ  สนใจเรื่องนี้ด้วยค่ะ จากคุณ : 6002theTIMEOUT เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 19:06:34

ความคิดเห็นที่ 77 วนิดา ฉายตรุษจีน ...รู้แค่นี้ล่ะท่าน จากคุณ : กะเหรี่ยงดง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 19:29:51

ความคิดเห็นที่ 78 ฮึ ฮึ หนุ่มไทยเนี่ยหล่อสุดแระ หลากหลายดี จะตี๋ ขาว ดำ เข้ม ฝรั่ง แขก มีให้เลือกละลานตา โฮะ โฮะ โฮะ จากคุณ : เพราะคุณคนเดียว เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 22:06:50

ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อไหร่บ้านเราจะออกอากาศเป็น HD สักทันะครับ จากคุณ : นินจาจัง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 23:55:25

ความคิดเห็นที่ 80 ชอบกระทู้นี้แต่โหวตไม่ได้ แต่เชียร์หนังไทยมาก อย่าง 30 กำลังแจ๋วเนี่ย หนังดีและน่าจะสร้างกระแสจากเรื่องราวที่มันน่ารักและน่าประทับใจได้ เห็นจากหนังไทยที่ไปเป็นกระแสที่โน่นก็จะแนวๆนี้ อย่่างรักแห่งสยามเนี่ย ยอมรับเลยว่าหนังดีมากจริงๆ จากคุณ : SUMMER.ROBERTS เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 01:18:08

ความคิดเห็นที่ 81 พี่เอ+พี่บอย นักปั้นความหวัง T-POP จากคุณ : กุเต่ยโหดกระถีบ เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 05:57:53

ความคิดเห็นที่ 82 มาเก็บข้อมูลและขอไปบอกต่อที่ http://www.thaiwinds.com นะครับ จากคุณ : vidar_boyzai เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 10:38:55

ความคิดเห็นที่ 83 บอกตรงๆ ตอนนี้เอียนเกาหลีมากๆๆๆๆ กลับมาดูละครไทย รู้สึกมันละมุนละไมกว่าเกาหลีเยอะ จากคุณ : lady_piglet เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 14:40:48

ความคิดเห็นที่ 84 เข้ามาเหลียวมองเพราะเป็นคนหนึ่งที่ไปศึกษาที่จีนหลายปี และตองยอมรับว่าคนจีนชอบดูหนังไทยเยอะมาก   จนบางทีเรากินกินข้าวอยู่พูดภาษาไทย เจ๊คนจีนก็จะมองมา ไม่ว่าคนกินหรือพนักงาน แล้วสุดท้ายก็จะถามว่าคนไทยใช่มั้ย  เขาฟังสำเนียงออก และก็จบด้วยคำว่า "บี้   ป้อง" อยู่สองคน  ฮ่าๆๆ เคยเห็นป้อง แป้ง และ มาริโอ้ ในช่องอันฮุย เพราะช่องนั้นเปิดละครไทยซ้ำไปมาตลอดปีโดยเฉพาะของเอ็คแซก บอกตามตรงว่าส่วนตัวไม่ชอบละครไทย แต่เวลาคิดถึงบ้านก็จะเปิดไปดูบ้าง  เห็นกระแสดาราไทยในจีนแล้วก็ภูมิใจนะ แม้ว่าส่วนตัวจะไปทางเกาหลีและไต้หวัน   แน่นอนก็เคยคิดว่าสักวันไม่แน่หรอก กระแสไทยในจีนอาจจะดังกว่าเกาหลีก็ได้ จากคุณ : jay_mayz เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 19:41:30

ความคิดเห็นที่ 85 ละครชาติอื่นก็ดูได้ แต่ไม่นาน สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรังที่ละครไทยครับ รักละครไทยครับ จากคุณ : puijaw3 เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 19:47:23

ความคิดเห็นที่ 86 อ่านกระทู้ของคุณ Pikachu ร่าง 5 แล้วปลาบปลื้มมันทุกกระทู้เลยจ้า ดังเข้าไปลูก ส่งออกกันเยอะๆๆๆๆๆ ภาครัฐ ภาคเอกชนก็ออกมารับลูกกันหน่อยนะคะ จัดหนักเลย ส่งเสริมให้ไทยดังเปรี้ยงๆๆๆๆๆ ส่งออกภาคบันเทิงให้ดัง รองลงมาจากการท่องเที่ยวเลยนะคะ 2 in 1 ไปเลย อย่าช้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : pae_ya เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 21:17:35

ความคิดเห็นที่ 87 ซาบซึ้งเสร็จแล้ว ก็ช่วยไปอุดหนุนนิตยสารpositioningเค้ากันด้วยนะครับ สงสารเค้า จากคุณ : รักแท้แต่แม่ไม่ชอบ เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 54 01:23:28

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้มากค่ะ พิมพ์ยาวเหยียดเลย อ่านแล้วปลื้มใจแทนดารา แทนคนไทย จังเลย จากคุณ : apple a day เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 54 08:42:41

ความคิดเห็นที่ 89 เนื้อหาในกระทู้นี้นี้คัดลอกมาจากเว็บไซต์ positioning บางหัวข้อก็พิมพ์เอง ซึ่งนำมาจาก Positioning Magazine ฉบับเดือนตุลาคม ซึ่งมีเนื้อหาอีกหลายๆ เรื่องราวด้านการตลาดที่น่าสนใจ ถ้าใครสนใจก็ซื้อมาอ่านกันได้นะครับ แต่ฉบับเดือนตุลาคมหน้าปก t-pop ไม่รู้ว่ายังมีวางจำหน่ายตามแผงหนังสืออยู่หรือเปล่า จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 54 10:01:42

ความคิดเห็นที่ 90 ผมไปตามหาซื้อแล้วครับ หมดหลายที่เลย ใครทราบบ้างครับว่าซื้อย้อนหลังได้ที่ไหน ? จากคุณ : vidar_boyzai เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 54 17:26:18

ความคิดเห็นที่ 91 หาซื้ออยู่เหมือนกันค่ะ ยังหาไม่ได้เลยค่ะ จากคุณ : น้องเมธัล เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 54 23:09:54

ความคิดเห็นที่ 92 นี่เป็นอีกหัวข้อที่เข้ามาพันทิพย์แล้วต้องกดเสิร์จหาฮาๆๆๆ จากคุณ : dookdiklove_mon เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 01:05:17

ความคิดเห็นที่ 93 นึกถึงตอนที่ค่าของคนจะได้ออนแอร์ คงงดงามมากๆเลย เพราะละครเรื่องนี้ละเมียดละไมนะ นางเอกสวยหวาน มีสอดแทรกวัฒนธรรมไทยเยอะเลย ทั้งรำไทย ทำอาหาร ร้อยมาลัย งานนี้ป้องดังอยู่แล้วคงยิ่งดังขึ้นอีก และสาวสวยหวานอย่างนุ่นก็คงเป็นที่ชื่นชอบมากแน่ๆ ปล.วนิดาก็น่ารักแฟนชาวจีนคงชอบกันมาก อ่านกระทู้นี้แล้วปลื้มจัง ^^ จากคุณ : ณ มน เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 17:13:10

ความคิดเห็นที่ 94 ช่วยกดเก็บเข้าคลังกระทู้ ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Pikachu ร่าง 5 เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 17:47:37

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบคุณที่เอากระทู้ดีๆแบบนี้มาให้ดูกัน :) จากคุณ : PhuEsyOnG เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 23:50:16

ความคิดเห็นที่ 96 โห หนังสือเล่มนี้ก็น่าซื้อนะคะ เป็นบทวิเคราะห์ที่ดีและเราเห็นด้วยมากๆ กำลังมาจริงๆนะ ช่วงนี้อาจจะหนัง แรงที่สุด รองลงมาก็ละคร  ต่อไปเราหวังว่าเพลงจะไปด้วย ตอนนี้เพลงเราที่เป็นป๊อป ตลาดวัยรุ่นยังไม่ดังมาก อยากให้สร้างตรงนี้เยอะๆ แต่อยากให้ทำแบบแตกต่าง จะได้อยู่อย่างยั่งยืน จากคุณ : ปัน เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:40:11

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณนะคะ  อ่านแล้วปลื้ม เพราะฉนั้นค่ายหนังละครไทยขอให้ตั้งใจทำผลงานให้ละเมียดด้วยนะคะ จากคุณ : มะม่วงหาว เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 21:56:58

ความคิดเห็นที่ 98 เออ อยากบอกว่าตะนี้ ไทยกำลังมาจริงๆนะ ตะกี้ดูสกู๊ปข่าวกีฬาไทยทีวี  สาวอินโดรุมกรี๊ดนักบาสไทยอะ  รุมขอลายเซ็น ขอถ่ายรูป บอกว่าถึงฟิลิปปินส์จะเก่งกว่า แต่ก็เอาชนะใจแฟนบาสอินโดไม่ได้   แล้วก็บอก นักบาสทีมชาติไทย หล่อทุกคน ถึงขนาดต้องพยายามตามขอถ่ายรูปกับนักบาสไทยให้ครบทั้งทีม ลองดูย้อนหลังได้นะ ที่ไทยทีพีบีเอส เมื่อเที่ยงวันที่ผ่านมาค่ะ จากคุณ : ปัน เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 13:13:35

ความคิดเห็นที่ 99 แต่วันที่บาสไทยชนะอินโด โดนคนดูรุมขว้าง จนวิ่งหนีแทบไม่ทัน (สงสัยนอกจากโมโหที่แพ้แล้ว ยังหมั่นไส้เรื่องสาวอินโดมากรี๊ดนักบาสไทยด้วย ฮิฮิ) จากคุณ : แอลยูซีเคY เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 18:25:07