ความคิดเห็นที่ 1 โดยเรื่อง Source Code นั้น เมื่อกัปตัน โคลเตอร์ สตีเว่น ได้รับรู้และเข้าใจถึงภารกิจของเขา ความกระตือรือร้นในการทำภารกิจของเขาไม่ใช่ความถูกยกย่องว่าเป็นฮีโร่อีกต่อไป เพราะเขาได้รับแล้วจากเหตุการณ์ในสมรภูมิ สิ่งที่หลงเหลือในการทำภารกิจก็คือ การกลับไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ถูกละเลยจากระบบรัฐที่ไม่เห็นคุณค่าในการมีชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป โดยรัฐมองเห็นความสำคัญที่จะกลับไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุจากการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆมากกว่ากลับไปช่วยคนหลักสิบหลักร้อย อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นหัวใจหลักในการกลับไปบนรถไฟของ โคลเตอร์ ก็คือการกลับไปช่วยเหลือหญิงที่เขาเริ่มหลงรัก กับการกลับไปแก้ไขความผิดข้องใจกับผู้เป็นพ่อซึ่งก็เกิดจากการไปรับใช้ประเทศชาติ(ก็คือการที่โคลเตอร์มองตัวชาติหรือรัฐสำคัญมากกว่าจนละเลยความใส่ใจต่อตัวพ่อและต่อตนเอง) อีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือการควบคุมจิต(วิญญาณ) ของปัจเจกชนที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งพอจะกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของชีวิตมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเกิดหรือตาย ซึ่งถือเป็นความน่าปิติยินดีในระบบรัฐแต่มันน่าเศร้าใจในระบบตัวบุคคลตาดำๆ และทันทีที่ โคลเตอร์ ค้นหาคนร้ายเจอ คนร้ายที่ทางการเรียกว่าผู้ก่อการร้ายในตอนแรกของภารกิจนั่น ซึ่งในความรู้สึกแรกของผู้ชม หรือจะเป็นของโคลเตอร์เอง ก็คือบุคคลอิสลามจากตะวันออกกลาง อย่างที่โคลเตอร์เข้าใจผิดในการทำภารกิจครั้งต้นๆที่ตามคนที่มีรูปร่างหน้าตาไปทาง Stereotype ของผู้ก่อการร้าย แต่นั่นเป็นการเข้าใจผิดของเขา ซึ่งผู้ก่อการร้ายตัวจริงกลับเป็น เดเร็ก ฟรอสท์ คนหนุ่มในประเทศอเมริกาซะเอง โดยเป้าหมายของเขาในการก่อวินาศกรรมเพื่อต้องการล้างโลก หรือความหมายเป็นนัยๆว่า สังคมของอเมริกาเริ่มเน่าเฟะ นั่นหมายถึงว่า ด้วยความทะเยอทะยานแบบอเมริกาที่ต้องการเป็นประเทศชั้นนำในระบบสังคมโลก หรือเป็นมหาอำนาจของโลก แต่กลับละเลยคุณค่าของการมีชีวิตของประชาชนในประเทศซะเอง จนทำให้คนในประเทศเริ่มขาดเสถียรภาพในการใช้ชีวิต จนเป็นเหตุให้ต้องทำลายบางสิ่งเพื่อเรียกร้องความสนใจ หลังจาก โคลเตอร์ ทำภารกิจสำเร็จ เป็นความปลื้มปิติยินดีของระบบทหารในอเมริกา โคลเตอร์กลับไม่ยินดีปรีดาแต่อย่างใด แต่กลับขอร้อง คอลีน กู้ดวิน (Vera Farmiga) ให้ส่งเขาไปในรถไฟขบวนนั้นครั้งสุดท้าย และปิดระบบชีวิตเขานั่นหมายถึงเขาจะตายในโลกแห่งความจริงโดยทันที ซึ่งผู้ชมไม่ทราบแน่ชัดว่า โคลเตอร์ จะมั่นใจได้อย่างไร ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ในโลกคู่ขนานได้ หลังจากถูกปิดระบบ แต่นั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาจะมีอิสระต่อชีวิตของเขาอย่างแท้จริง เนื่องจากภาพยนตร์ให้ประวัติภูมิหลังของ โคลเตอร์ มาน้อย จึงกล้าพูดได้ว่า การปิดระบบชีวิตให้เขาตายในโลกแห่งความจริงนั้น เป็นการเรียกร้องต่อคุณค่าชีวิตของเขาอย่างจริงๆจังๆ หลังจากทั้งชีวิตของเขาถูกระบบทหารของรัฐอเมริกา นำไปใช้เพื่อแลกกับคำว่า “ฮีโร่” ตลอดมา... มีต่อ จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 16:22:34

ความคิดเห็นที่ 2 ดังนั้นไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร โลกคู่ขนานจะมีจริงหรือไม่ เขาจะช่วยชีวิตผู้โดยสารรถไฟ รวมทั้ง คริสติน่า (Michelle Monaghan) หญิงสาวที่เขาหลงรักได้หรือไม่ ยังเป็นข้อสงสัยของเขา ณ เวลานั้น แต่เขามั่นใจสิ่งหนึ่งได้ว่าสิ่งที่เขาเลือกนั่นเป็นทางที่มีความน่าตื่นเต้น มากกว่าการถูกสะกดวิญญาณอยู่ในระบบ Source code แน่ๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดอาจสรุปได้ว่า ภาพยนตร์ของ ดันแคน โจนส์ นั้นแม้จะฉาบหน้าด้วยหนังไซไฟขนานแท้ แต่ข้างในกลับลุ่มลึกในแง่การหาความหมายที่แท้จริงในความเป็นมนุษย์ของตัวละครหลัก(หรืออาจเป็นตัว ผู้กำกับเอง) ซึ่งถ้าหากสืบเสาะประวัติของ ดันแคน ดูแล้ว จะพบว่าเขาเรียนจบมาทางด้านปรัชญา จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังของเขาจะค้นหาความหมายในลักษณะนี้ สุดท้าย กัปตัน โคลเตอร์ สตีเว่น ได้เขาไปในโลกคู่ขนานอีกครั้ง ที่ซึ่งนักวิทยาศาตร์ของระบบรัฐไม่เข้าใจในการทำหน้าที่ของมันอย่างแจ่มแจ้ง (ไม่เข้าใจโลกคู่ขนาน) และการที่ คอลีน กู้ดวิน ได้ทำการปลดปล่อยจิตของ โคลเตอร์ สตีเว่น ไปสู่สุคติซึ่งเป็นสิ่งที่สมควร แต่เป็นความผิดมหันต์ของเธอเพราะ โคลเตอร์ ในสายตาของ ดร.รัทเล็ดจ์ ยังเป็นหนูทดลองในระบบ Source code ได้อีกนาน แม้ผู้ชมจะเห็นว่าร่างกายของ โคลเตอร์ จะเหลือเพียงร่างกายที่ขาดครึ่งท่อนเหลือแค่ส่วนบน สมองที่ถูกเปิดเพื่อถูกสายไฟฟ้าโยงเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ หรือเรียกอย่างสามัญได้ว่าน่าอนาถใจ ต่อชีวิตของ โคลเตอร์ ยิ่งนัก เมื่อจิตของเขาถูกปล่อยเสมือนกลายเป็นคนตาย ทำให้เขาได้เข้าไปอยู่ในโลกคู่ขนานได้อย่างสมบูรณ์ โลกคู่ขนานนี้ทางปรัชญาอาจมีการถกเถียงกันตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ว่า มันมีอยู่จริงหรือเปล่า หากร่างกายตายแล้วดวงวิญญาณจะไปอยู่ที่ใด ซึ่งเป็นสิ่งนามธรรมที่เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคลเสียมากกว่า แต่ด้วยวิวัฒนาการของวิทยาศาสตร์ทำให้สิ่งเหล่านี้ตอบสนองเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมได้         .... มีต่อ จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 16:23:48

ความคิดเห็นที่ 3 และเชื่อเหลือเกินว่าโคลเตอร์หรืออาจหมายถึงตัวผู้กำกับ ดันแคนเอง ที่เชื่อว่าโลกคู่ขนานในความหมายของเขาต้องงดงาม เป็นเหมือนโลกของแบบที่พลาโต้เคยกล่าวไว้ในตำราปรัชญา หรือจะเป็นโลกในอุดมคติก็ตาม ซึ่งเป็นโลกแห่งความแท้จริงแน่นอน สิ่งแรกที่เขาปรับเปลี่ยนโลกคู่ขนานก็คือ การทำให้โลกแห่งนั้นมีแต่รอยยิ้ม (รอยยิ้ม=ความสุข) และการสร้างโลกคู่ขนานที่ให้เป็นดั่งโลกจริง นั่นหมายถึงว่า โลกแห่งความจริง ก็ไม่ใช่โลกที่ยั่งยืนแท้จริง เสมอไป เมื่อมาถึงฉากสุดท้ายของภาพยนตร์ ณ ที่ใดสักแห่งในเมืองนิวยอร์ค สิ่งก่อสร้างที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อน ทำให้ โคลเตอร์ จำได้ในทุกครั้งที่ตัวเขาถูกส่งจิตไปในโลกคู่ขนาน มันเป็นภาพความทรงจำซ้ำๆ เหมือนอาการระลึกชาติได้ และอาการเหล่านั้นมันเป็นภาพจริงที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า เหตุการณ์นี้มันชัดเจนหรือเกิน ว่าภาพยนตร์ Source Code ของดันแคน โจนส์ ไม่ได้สรรเสริญการค้นหาสิ่งนามธรรมด้วยหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เพราะจริงๆแล้วคนที่ใช้มันซึ่งก็คือระบบรัฐ ไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตสัจธรรมสิ่งต่างๆของโลกและมนุษย์ได้ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ไม่ใช่ Source Codeหรอกที่ได้ส่ง กัปตัน โคลเตอร์ สตีเว่น มาสู่โลกคู่ขนาน เพราะSource Code ก็อยู่ในระบบที่ไม่ได้แตกต่างจากมนุษย์ปุถุชนสักเท่าไหร่ และยังถูกบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกฎนามธรรมของโลกที่เราไม่สมารถเข้าใจ อดีตเปลี่ยน Source Code ไม่ได้เกิด หากมนุษย์เก่งจริง อดีตเปลี่ยน Source Code ต้องอยู่เพื่อแสดงว่าเป็นสิ่งยั่งยืน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สุดท้ายนั้นมันก็อยู่ที่คำตอบของผู้ชมเองแล้วว่า จะมีทัศนะในการมองโลกเป็นเช่นไร เพื่อตอบคำถาม ที่ กัปตัน โคลเตอร์ สตีเว่นถามไว้ว่า “คุณเชื่อในชะตาลิขิตหรือเปล่า” ---จบ--- ติดตามบล็อกของผมได้ที่ http://a-bellamy.bloggang.com แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 16:25:22 จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 16:24:36

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องนี้สนุกดีครับ แต่มันไม่ make sense เลย .. จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 16:49:01

ความคิดเห็นที่ 5 โอ้ ดาลี จากคุณ : ERWA เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 17:04:12

ความคิดเห็นที่ 6 แวะมาอ่าน อิอิ จากคุณ : Parrot Gold SP เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 17:12:56

ความคิดเห็นที่ 7 คห.4 คุณ เหล้าขาวผสมน้ำแดง ผมดูแล้วมันก็โอดีนะ (ถ้าไม่นับว่าเทคโนโลปัจจุบันยังไปไม่ถึง) อยากทราบว่าตรงจุดไหนที่ทำให้คิดอย่างงั้นเหรอครับ อยากถกเถียงเรื่องไซไฟ แหะๆ จากคุณ : meangu เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 17:39:48

ความคิดเห็นที่ 8 #7 ตรงที่บอกว่าใช้ความทรงจำ 8 นาที สุดท้าย ถ้าเป็นอย่างนั้น โคลเตอร์ สตีเว่น จะมองเห็นได้เฉพาะสิ่งที่คนที่เขาไปใช้ความทรงจำได้มองไว้ก่อนตาย เช่น ในฉากที่วิ่งออกไปนอกรถไฟ โคลเตอร์ สตีเว่น จะมองเห็นและรู้ได้อย่างไรว่าข้างนอกมีอะไรบ้าง มีคนเดินกี่คน มีรถจอดไว้ตรงไหน เพราะคนที่เขามาใช้ความทรงจำไม่เคยออกไปมองดูข้างนอกเลย ความทรงจำ 8 นาทีของเขาจะมีแค่เดินไปเดินมาในรถไฟ ไม่รู้ผมอธิบายเข้าใจไหม เอาใหม่ เช่น ตอนนี้ผมนั่งเล่นเน็ทในห้อง โดยไม่รู้เลยว่าข้างบรรยากาศเป็นอย่างไร รถวิ่งผ่านมากี่คัน แล้วสมมุติว่ามีคนมาใช้ความทรงจำของผมในช่วงนี้เขาก็ไม่น่าจะวิ่งออกไปข้างนอกแล้วรู้ได้ว่าข้างนอกมีบรรยากาศเป็นอย่างไร มีรถกี่คัน สีขาวสีแดง เป็นต้น อันที่จริงผมคิดว่าถ้ามีการใช้ความทรงจำ 8 นาทีจริงๆ โคลเตอร์ สตีเว่น จะไม่สามารถบังคับร่างนั้นได้ด้วยซ้ำ ไม่สามารถจะพาเดินไปไหนต่อไหนได้หรือแม้กระทั่งพูดได้ โคลเตอร์ สตีเว่น เพียงแต่ใช้ร่างนั้นมองในสิ่งที่ร่างนั้นมองเห็น ณ ขณะนั้นเท่านั้น เพราะมันเป็นเพียงแค่ความทรงจำ (เหมือนเราดูกล้องวงจรปิด โดยผ่านสายตาของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่สามารถบังคับเห็นในสิ่งที่กล้องไม่เห็นได้) แต่เรื่องปิดเครื่องแล้วกลายเป็นอีกมิติ ผมเฉยๆ ชอบแนวคิดนี้ด้วยซ้ำ แต่เรื่องใช้ความทรงจำนี้แหละที่ผมว่ามันไม่ make sense เอามากๆ อ่อ .. ถ้าการเข้าไปใช้ร่างนั้นแล้วทำให้เกิดโลกอีกมิติผมว่าเหตุผลมันต้องหนักแน่นกว่าเหตุที่ว่าใช้ความทรงจำก่อนตาย 8 นาทีน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ย. 54 17:59:08 จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 17:54:09

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าหนังมันเจ๋งดีนะ เเล้วเหตุผลก็โอเคด้วย เพราะจุดประสงค์ของโครงการ Source Code คือ หาตัวผู้ร้ายเฉยๆ เพราะอีตาหัวล้าน(จำชื่อไม่ได้) เข้าใจเพียงว่า source code เหมือนเป็นการย้อนไปดูอดีตว่าใครทำเฉยๆ  เพื่อนำมาจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุเท่านั้น นั่นคือ โครงการนี้ ไม่ได้ย้อนไปเเก้ไขอดีต เเต่ย้อนไปหาตัวผู้ร้ายเฉยๆ ฉะนั้น จะเห็นได้ว่า ตัวอีตาหัวล้าน จะให้พระเอกเเค่หาผู้ต้องสงสัย ไม่ใช่ให้ไปหยุดยั้งระเบิด เเต่สิ่งที่อีตาหัวล้านไม่คาดคิดคือ การที่ย้อนอดีตไปเเต่ละที ก็เป็นการสร้างโลกคู่ขนานอีกโลกนึง ซึ่งตัวเครื่อง Source code จะให้ตัวคนอยู่ได้ 8 นาที อีตาหัวล้านเลยเข้าใจเเค่ว่าย้อนอดีตไป 8 นาที เเต่จริงๆ เป็นการสร้างโลกคู่ขนานเเต่โครงการไม่รู้ ดังนั้นพอพระเอกสามารถหยุดการระเบิดได้ ในโลกคู่ขนานสุดท้ายจึงไม่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น สรุป - โครงการ Source code ถูกเข้าใจว่าใช้ได้เเค่ "ย้อนไปดูเหตุการณ์ในอดีตได้ทีละ 8 นาที" - เเต่จริงๆเเล้ว โครงการ Source code ได้สร้างโลกคู่ขนานทุกๆครั้งที่ย้อนอดีตไป - ดังนั้น เมื่อพระเอกหาตัวคนร้าย เเละยับยั้งเหตุระเบิดในโลกคู่ขนานได้จึงเป็นผลให้ โลกจริงจับตัวคนร้ายได้ เเต่จับได้หลังจากที่เกิดระเบิดเเล้ว(เพราะพระเอกถูกเริ่ม Source code หลังจากเกิดระเบิด) เเต่ในโลกคู่ขนานไม่มีเหตุการณ์ระเบิด เเต่ก็จับคนร้ายได้(อันนี้ต้องชมกึ๋นพระเอกว่า เเจ้งความพร้อมบอกหลักฐานพร้อม 55+) ตามที่พระเอกบอกผู้การกู้ดวินในโลกคู่ขนานว่า "ถ้าไม่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้น เเสดงว่าโครงการ Source code ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์เเบบเเล้ว (ในโลกอื่น)" ^[]^ จากคุณ : Zero Hour point เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 18:14:43

ความคิดเห็นที่ 10 #8 "เพราะคนที่เขามาใช้ความทรงจำไม่เคยออกไปมองดูข้างนอกเลย" สงสัยว่าดูแล้วหลับบางตอนกระมังคะ มีออกไปข้างนอกรถตั้งหลายฉาก จากคุณ : ม่วยถ่าว เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 19:25:33

ความคิดเห็นที่ 11 มันคล้ายๆ เดจาวู แต่ เดจาวูดีกว่าง่ะ จากคุณ : detchana เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 19:27:20

ความคิดเห็นที่ 12 มีความน่าสนใจตรงที่ว่า ในอนาคตมนุษย์มีความเก่งกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่สามารถควบคุมจิต(วิญญาณ) ของคนที่ตายแล้ว ให้ล่องลอยกลับไปกลับมาระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกคู่ขนานที่ โปรแกรม Source code สั่งการอยู่ ....................................................................... พระเอกยังไม่ตายนี่คะ แต่ถูกโกหกว่าตาย มีตอนไหนในเรื่องเหรอที่บอกว่าพระเอกตาย ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ โดยเรื่อง Source Code นั้น เมื่อกัปตัน โคลเตอร์ สตีเว่น ได้รับรู้และเข้าใจถึงภารกิจของเขา ความกระตือรือร้นในการทำภารกิจของเขาไม่ใช่ความถูกยกย่องว่าเป็นฮีโร่อีกต่อไป เพราะเขาได้รับแล้วจากเหตุการณ์ในสมรภูมิ ................ แปลว่าอะไรคะอ่านแล้วงงๆ มีช่วงไหนเหรอที่สตีเว่นตั้งใจทำภาระกิจเพราะอยากถูกยกย่องว่าเป็นฮีโร่ ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ สิ่งที่หลงเหลือในการทำภารกิจก็คือ การกลับไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ถูกละเลยจากระบบรัฐที่ไม่เห็นคุณค่าในการมีชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป โดยรัฐมองเห็นความสำคัญที่จะกลับไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุจากการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆมากกว่ากลับไปช่วยคนหลักสิบหลักร้อย ...................... รัฐไม่ได้ไม่เห็นความสำคัญนะคะ แต่เขานึกว่ามันเป็นแค่ความทรงจำต่ทางหาก จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 19:27:45

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องโลกคู่ขนานต้องงดงาม เอามาจากไหนคะ ไม่เคยได้ยิน ช่วยให้รายละเอียดเพิ่มหน่อยได้ไหม? จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 19:32:55

ความคิดเห็นที่ 14 # 10 ผมว่าความเห็นที่ 8 อธิบายถึง เจ้าของร่างครับ ว่าเจ้าของร่างไม่ได้ออกไปนอกรถเลยจะรู้ว่าข้างนอกรถเป็นอย่างไร ได้ยังไง กล่าวคือ นาย A เข้า Source Code ไปสิงร่างนาย B โดยนาย B นอนตีพุงอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม ความทรงจำนาย B จำแค่สิ่งที่อยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม แต่นาย A ที่สิงร่างนาย B อยู่เปิดกล่องออกมาข้างนอก และเห็นภาพที่อยู่ภายนอกกล่อง ทั้งๆ ที่ นาย B ไม่เคยเห็นสิ่งที่อยู่ภายนอกเลย จากคุณ : BooMerType เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 19:45:31

ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อเปิด Source code แต่ละครั้งจะสร้างโลกคู่ขนานขึ้นมา 1 โลกคู่ขนาน พระเอกถูกส่งไป 9 ครั้ง ก็เท่ากับสร้างขึ้นมา 9 โลกคู่ขนานครับ จากคุณ : thisname เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 21:15:01

ความคิดเห็นที่ 16 พระเอกถูกส่งไป 8 ครั้งต่างหาก จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 21:34:10

ความคิดเห็นที่ 17 เคยถกกันไปนานละเหมือนกันกับเรื่องนี้ พระเอกถือว่าตายตามกฏหมาย แต่สมองบางส่วนยังทำงาน แล้วเข้ากันกับเครื่อง source code ได้ จึงถูกนำมาใช้ทดลองอย่างลับๆ ส่วน source code คิดว่าทำงานคล้ายๆเครื่อง simulation สร้างโลกจำลองขึ้นมาจากข้อมูลในสมองของคนที่ตายในการก่อการร้าย แล้วให้พระเอกเข้าไปใช้/หาข้อมูลที่หลงเหลืออยู่ในสมอง ถ้าว่าตามที่คนสร้าง source code ตั้งใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะสร้างเครื่องที่สร้างโลกคู่ขนาน หรือเครื่องย้อนเวลา เพียงแต่มันหักมุมในตอนจบว่าเหมือนมีโลกคู่ขนานอยู่ จากคุณ : nemoatlantis (NemoAtlantis) เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 21:54:31

ความคิดเห็นที่ 18 "แล้วให้พระเอกเข้าไปใช้/หาข้อมูลที่หลงเหลืออยู่ในสมอง" นั่นยิ่งสนับสนุนความเห็นที่ 8 ของผมได้ดีที่เดียว จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 22:02:56

ความคิดเห็นที่ 19 ผมขออนุญาตตอบ ค.ห. 12-13 ของคุณแมวเก้าเพชรนะครับ เรื่องพระเอกตายนะครับ ใช่ครับพระเอกยังไม่ตาย 100 %  สมองยังสั่งการอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งก็คือตายทั้งเป็น ซึ่งตามหลักชีวิตคนปกติ ก็ควรต้องปล่อยให้ตาย แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนสำคัญของทางการทหาร เขาจึงถูกยื้อเพื่อเก็บไว้ทดลองในโปรแกรม Surce Code ส่วนเรื่องฮีโร่ ทันทีที่โคลเตอร์รับรู้ถึงสถานภาพของตัวเอง เป้าหมายหลังจากจบภารกิจคือการตาย โดยการปิดเครื่อง (แม้ตอนสุดท้าย โคลเตอร์จะขอ มากกว่าเดิม ก็คือการให้เข้าไป Source Code ครั้งสุดท้ายและปิดเครื่อง) นั่นคือ เขาไม่ต้องการอยู่ทำภารกิจ เพื่อตอบแทนสถานะของการเป็นฮีโร่ช่วยคน เป็นล้านๆคน อีกแล้ว ส่วนที่บอกว่า โคลเตอร์ เป็นฮีโร่ ก็คือการไปสมรภูมิรบรับใช้ประเทศชาติโดยการเป็นทหาร ทหารทุกคนต้องการได้รับ ยศตำแหน่ง เพื่อตอบสถานะของความเป็นฮีโร่ทั้งนั้น โดยเฉพาะคำพูดทของเขาที่ ว่า   "ทหารตายหนเดียวก็คุ้มพอแล้ว" ส่วนเรื่องที่รัฐไม่สนใจนั้น ผมเข้าใจว่ารัฐไม่สามารถช่วยได้ แต่ผมกำลังบอกว่า เพราะรัฐไม่ได้หาหนทางช่วยด้วยวิธีใดๆ เลย    อีกทั้ง ยังมีคำพูดของ ดร.รัทเล็ดจ์ ที่บอกว่าหากมีปืนก็ยิงได้เลย ส่วนเรื่องโลกขนานที่ต้องงดงามนั้น จริงๆเราไม่รู้หรอกว่าโลกคู่ขนานจะต้องงดงามมั้ย แต่เราต้องเข้าใจว่า ด้วยความคิดของมนุษย์ ซึ่งมองว่าโลกเรานั้นเป็นสิ่งที่เป็นจริงที่สุด และมองว่าโลกคู่ขนานว่าเป็นแค่เงา อะไรที่เราจับต้องได้ คือ ความจริง อะไรจับต้องไม่ได้ คือเงาหรือสิ่งไม่จริง ซึ่งถ้าหากอ่านหนังสือปรัชญา สมัยก่อน ทั้งของตะวันตกหรือของตะวันออก จะพบว่ามีการถกเถียง เรื่อง ความแท้จริงของโลก อยู่มากว่า โลกที่เราอยู่เป็นสิ่งแท้จริงที่สุดหรือไม่ ส่วนความคิดของผม ผมไม่รู้ครับว่า โลกนอกเหนือจากสิ่งที่เราเห็น มันมีจริงหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่ามี และโลกนั้นมันต้องเป็นสิ่งที่มีความงดงาม และผมเชื่อโคลเตอร์ก็คิดแบบผม ในฉากตอนที่ใกล้ที่จะครบ 8 นาที ในครั้งสุดท้าย โคลเตอร์ เห็นผู้ชายทำหน้าเซ็งบ่น  เพราะบ่นเรื่องอะไรสักอย่าง และบอกว่าโลกแห่งความเป็นจริงมันเป็นแบบนี้ ส่วนตลกอีกคนก้บอกว่าโลกมันขมขื่น เขาจึงต้องการ จัดให้โลกที่ เมื่อก่อน เขาคิดว่ามันคือโลกคู่ขนาน ให้ไม่เป็นเหมือนโลกแห่งความจริงที่เขาจากมา นั่นคือการจ้างตลก มาแสดงสด เอ่อ..จะบอกว่า บทความที่ผมเขึยนนั้น มันเป็นสิ่งที่ผมต่อยอด จากสิ่งที่ผมได้ดูจากหนัง ซึ่งเป็นการตีความหลายๆทาง ซึ่งอาจทำให้ บางคนอ่านแล้วจะงง แต่อย่าถือสาเอาความจกผมเลย เพราะผมรู้สึกไปแบบนั้น และผมก็เชื่อว่า เพื่อนๆ ก็เข้าใจเรื่องราว ในเรื่องราวของหนังอย่างดิบดีแล้ว ผมจึงอยากลองแสดงความคิดเห็นที่มันแตกต่าง ออกไป แต่ถ้ามันทำให้ พวกคุณ ไม่เข้าใจในความคิดเห็นที่ผมสื่อ  ก็อย่าถือสาเอาความจากผมเลยครับ ขอบคุณครับ (ขอบคุณเว๊บบอร์ดเฉลิมไทยเปิดที่ให้ผมแสดงความคิดเห็นครับ) จากคุณ : A-Bellamy เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 54 22:39:26

ความคิดเห็นที่ 20 จะแสดงความเห็นก็น่าจะอธิบายให้ชัดเจนแต่แรกครับว่าเป็นการแสดงการตีความ เขียนแบบนี้มันทำให้คนอื่นเขาเข้าใจเนื้อเรื่องของหนังผิดครับ เพราะตามที่ดูในเนื้อเรื่อง มันไม่ใช่การย้อนเวลาไปแก้ไขอดีต แล้ว source code ไม่ได้ควบคุมจิตวิญญาณ พระเอกถ้านับจริงๆ ก็ยังไม่ได้ตายสนิท แล้วที่ว่ารัฐไม่สนใจนั่นมันผิดประเด็นไปเลย เพราะว่ากันตามตรง เครื่อง source code มันเหมือนเล่นเกมส์ โดยฉากและข้อมูลที่นำมาสร้าง virtual world มาจากข้อมูลสมอง ของคนที่ตายในเหตุการ์ณก่อการร้าย พระเอกเข้าไปสวมบทบาท ตามหาคนร้าย ซึ่งมีเวลา 8 นาที ทำไม่สำเร็จก็ reset เข้าไปใหม่จนกว่าจะสำเร็จ แต่ติดตรงที่ว่า ในโลกจริงจะมีการก่อการร้ายขึ้นอีก จึงต้องรีบหาตัวคนร้ายในโลกเสมือนให้เจอ ส่วนเรื่องการที่พระเอกจะไปช่วยคนใน virtual world นั้น จึงเป็นการเสียเวลาเปล่า คล้ายๆกับการไปทำเควสย่อย ซึ่งไม่เกี่ยวกับคำตอบที่เขาต้องการ จากคุณ : nemoatlantis (NemoAtlantis) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 00:49:17

ความคิดเห็นที่ 21 โยนผมใส่  Surce Code หน่อย  "ถ้าไม่มีเหตุน้ำท่วมเกิดขึ้น เเสดงว่าโครงการ Source code ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์เเบบเเล้ว (ในโลกอื่น)"อ้าวๆหัวเราะกันทำไมครับ หรือว่าคุณไม่เชื่อใน"ชะตาลิขิต"555 ขำๆนะครับ จากคุณ : ridertum เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 00:58:43

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ ขออนุญาตวิจารณ์งานเขียนของคุณดังนี้ 1 อ่านแล้วเหมือนคุณเข้าใจหนังผิดในบางประเด็น เช่น โลกคู่ขนาน ตามในหนังมาจากทฤษฎีทางฟิสิก ดังนั้นไม่มีใครแม้แต่พระเอกจะคิดว่ามันต้องสมบูรณ์แบบหรอก มันก็โลกเน่าๆแบบเดียวกับเรานี่แหละ สิ่งที่พระเอกทำในตอนท้าย เกิดจากมุมมองที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับความตาย ว่าบางทีชีวิตเรามันสั้นกว่าที่คิด ดังนั้นควรใช้เวลาทุกวินาทีในชีวิตให้มีคุณค่านั่นเอง 2 ใช้คำฟุ่มเฟือยและเป็นทางการไป ทำให้เหมือนบทความแปล มากกว่าเขียนเอง 3 พูดเกินเลยในบางจุด ทำให้บทวิเคราะห์เหมือนมั่วๆเอาเอง ดังประโยคที่ว่า "ในอนาคตมนุษย์มีความเก่งกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ ที่สามารถควบคุมจิต(วิญญาณ) ของคนที่ตายแล้ว" พูดเหมือนควบคุม ผี หรือ วิญญาณ นั่นเอง ซึ่งในหนังมันคนละเรื่องกันเลย แต่ชอบบทความเชิงวิเคีราะห์แบบนี้นะคะ เชียนมาอีกนะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 06:44:15

ความคิดเห็นที่ 23 โดยส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้มาก นอกจากดูแล้วสนุก ยังให้แง่คิด ดูจบแล้วยังคิดได้ต่ออีกไม่จบ และยังมีประเด็นคล้ายกับ Fringe ซีรี่ย์ที่เราชอบ จากคุณ : VICTORIA LOVE เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 12:11:59

ความคิดเห็นที่ 24 #8 คนที่คิดว่าพระเอกสิงความทรงจำของครู 8 นาทีนั้นคือคนสร้างซอร์สโค้ดครับ ซึ่งเขาคิดผิด เพราะถ้าสิงจริก็ต้องเป็นแบบที่คุณอธิบายไว้ใน #8 คือเห็นเฉพาะในตู้โบกี้ที่ครูอยู่ก่อนตายเท่านั้น แต่พระเอกพบว่า เขาสามารถเดินออกไปเห็นโลกนอกรถไฟได้ เลยรู้ว่านี่ไม่ใช่ความทรงจำหรือสมองของครู แต่เป็นโลกคู่ขนาน เขาเลยกล้าเสียงครั้งสุดท้ายที่จะยอมตายในโลกจริงเพื่อเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ในโลกคู่ขนานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 14:29:35

ความคิดเห็นที่ 25 #24 ก็คนสร้าง Source Code เองไม่ใช่เหรอครับ ที่ให้พระเอกไปหาทุกซอกทุกมุม แค่ลำพังรู้ว่าพระเอกเจอระเบิดให้ห้องน้ำก็น่าจะแปลกใจได้แล้วว่าพระเอกสามารถเดินไปในก็ได้ ยังไม่รวมข้อมูลที่บอกว่าคนร้ายใช้รถตู้อะไรหรืออื่นๆ อีกมากมาย ถ้าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าใน Source Code ทำสิ่งพวกนี้ได้ คนที่เป็นระดับนักวิทยาศาสตร์คิดค้นเครื่องมือนี้เองมากับมือ จะไม่มีความรู้สึกแปลกใจหรือเอ๊ะใจอะไรเลยหรือครับกับความสามารถที่ไม่คาดคิดแบบนั้น คือ เรื่องของเรื่องคนสร้างเขาก็รู้อยู่แล้วว่าทำแบบนี้ได้ ซึ่งมันขัดมากๆ กับการใช้เหตุผลที่บอกว่าใช้ความทรงจำ คนที่ตายเพียงคนเดียวเพียง 8 นาที ถ้าเขาบอกว่าเอาความทรงจำคนที่ตายทั้งหมดในรถไฟมารวมกันแต่ใช้ได้เพียง 8 นาที อย่างนั้นมีเหตุผลมากกว่า จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 14:45:29

ความคิดเห็นที่ 26 #25 คนสร้างเขาจำลองสภาพแวดล้อมด้วยคอมพิวเตอร์ โดยใช้ข้อมูลอื่นมาประกอบด้วยครับ เช่นล็อกเกอร์เก็บปืนของนายตรวจ แปลนเขียวของโบกี้รถไฟ และจากการจำลองการระเบิดว่าเกิดที่ตู้ไหน จากคุณ : ยัยกำปุ๊ง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 14:50:40

ความคิดเห็นที่ 27 สปอย ถ้าตาม #26 ผมว่ายังไม่ถูกซะทีเดียว เพราะพระเอกจะไม่มีวันเจอระเบิด เพราะระเบิดไม่ได้อยู่ในแบบแปลนรถไฟ ผมเข้าใจว่า หนังอธิบายไปว่าเครื่อง Source Code สามารถสร้างโลกคู่ขนานได้ (มีพูดถึง Quantum Physics ในหนัง) และพระเอกสามารถเข้าไปในโลกนั้นได้ 8 นาที ไม่ได้สร้างโลกนั้นๆจากข้อมูลในปัจจุบันล้วนๆ ซึ่งจุดนี้ผมว่าเราต้องยอม เพราะถือว่าเทคโนโลยีในยุคนั้นสามารถทำได้ โลกนั้นๆไม่ได้สร้างจากความทรงจำหรือแบบแปลนอย่างเดียว ลุงไม้เท้าพูดว่า "Source code is not time travel, but rather, time reassignment," ซึ่งเหมือนเป็นการสื่อสารทางเดียว ไม่ใช่ไทม์แมชีน ที่สามารถเดินทางไป-กลับ ในเวลาได้ Source code แค่ส่งจิตของพระเอก เข้าไปในช่วงเวลาที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แล้วทุกๆสิ่งที่พระเอกได้ทำ ได้ก่อให้เกิดความเป็นไปในโลกนั้น ที่ต่างไปจากปัจจุบัน และไม่สามารถส่งผลถึงปัจจุบัน ซึ่งตอนต้นทุกคนก็เข้าใจว่าที่พระเอกพยายามช่วงชีวิญผู้หญิงนั้นไม่มีประโยชน์ เพราะเธอตายไปแล้ว แต่เธอตายแค่ในโลกที่คนเหล่านั้นอยู่ ในโลกคู่ขนานที่สร้างขึ้นมาเธอยังสามารถรอดจากการระเบิดได้ หากพระเอกช่วยเธอได้ทัน จากคุณ : meangu เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 15:29:37

ความคิดเห็นที่ 28 #27 ก็ตรงนี้แหละที่ผมคิดว่ายังไงก็ไม่ make sense ถ่าสามารถจำลองโลกได้จริง ตามหลักฟิสิกส์หรืออะไรก็ตามแต่ที่ตัวหนังเองพยายามเลี่ยงอธิบาย (ซึ่งไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเลี่ยงไม่ยอมอธิบายเพราะมันอธิบายไม่ได้) แต่สามารถทำให้เกิดโลกจำลองได้ 1 โลกเลย ผมว่าไม่เห็นจะจำเป็นต้องส่งพระเอกไปสิงร่างคนอื่น เอาตัวพระเอกเองนั่นแหละส่งเข้าไปในโลกจำลองนั้น เหมือน the Matrix ไปเลย แต่หนังพยายามชี้นำว่าการที่พระเอกเข้าไปสิงร่างคนๆ นั้น เพราะต้องใช้ความทรงจำสุดท้ายของคนที่เข้าไปสิง ดังนั้น ไอ้เรื่องความทรงจำสุดท้ายนั่นแหละมันวนกลับไปคำถามของผมใน #8 ว่าถ้าใช้ความทรงจำจริง มันเกิดสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้ยังไง หรือแม้กระทั้งคุณสามารถบังคับร่างนั้นได้อย่างไร จริงๆ แล้วมันน่าจะเป็นแค่ฉายภาพสิ่งที่คนๆ นั้น เห็น ในระยะ 8 นาทีมากกว่า จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 15:49:58

ความคิดเห็นที่ 29 #28  จะส่งพระเอกเข้าไปได้ยังไงคะ ในเมื่อ พระเอกตายไปตั้งแต่ 2 เดือนก่อนแล้ว ถ้าเป็นตามที่เราเข้าใจ Source code สร้างโลกเสมือนขึ้นมา ซึ่งในโลกนั้น ณ เวลานั้น มีตัวพระเอกซึ่งอยู่ใน Source code ยังไม่ได้ถูกใช้งานอยู่ด้วย โลกเสมือนนั้นสร้างจากความทรงจำของ "ทุกคน" ที่อยู่บนรถไฟประกอบเข้าด้วยกัน (คาดว่าใช้ความทรงจำร่วมกับข้อมูลพื้นฐานของโลกปัจจุบัน) สถานที่ทั้งภายในและภายนอกรถไฟ เกิดจากข้อมูลความทรงจำของคนจำนวนมากทั้งหมดบนรถไฟ ประกอบขึ้นเป็นโลกใบนั้น (ใช้ข้อมูลความทรงจำตั้งแต่เกิดจนตาย แต่พระเอกสามารถย้อนเวลาไปในโลกเสมือนนั้นได้แค่ 8 นาทีเท่านั้น) เหตุการณ์เกิดขึ้นบนรถไฟ จากข้อมูลความทรงจำทั้งหมด ไม่มีตัวพระเอกอยู่ในนั้น และ Source code ไม่สามารถสร้าง หรือจำแลงสิ่งที่ไม่มีอยู่ในข้อมูลความทรงจำได้ จึงจำเป็นต้องมีร่างทดแทน  ที่เข้ากันได้กับพระเอก เพื่อส่งพระเอกเข้าไปในสถานที่ปฎิบัติงานซึ่งก็คือ "ในรถไฟ" ในขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มความทรงจำของพระเอกลงใน Source code ด้วย สิ่งที่คนสร้าง Source code ไม่คาดคิดคือ โลกเสมือนสามารถดำเนินต่อไปได้หลังจากปิด Source code ไปแล้ว กลายเป็นโลกคู่ขนานอีกโลกหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถคาดเดาอนาคตที่นอกเหนือจากความทรงจำและข้อมูลที่มีอยู่ใน Source code ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะตอบคำถามได้มั๊ยคะว่า ทำไมพระเอกถึงสามารถเคลื่อนไหว ทำไมถึงมีภาพ สถานที่ทั้งภายในและภายนอกรถไฟ ทำไมพระเอกถึงกู้ระเบิดได้ เช็คข้อมูลของตัวเองได้ ส่งอีเมลหาผู้การกู้ดวินได้ด้วย แต่เราไม่สามารถรู้อนาคตของพระเอกในโลกใบนั้นได้ จากคุณ : Laaga Chunari Mein Daag เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 22:37:01

ความคิดเห็นที่ 30 #29 เรื่องของเรื่องตัวหนังไม่ได้บอกลึกขนาดนั้น แต่สิ่งที่หนังพยายามบอกคือการใช้ความทรงจำแปดนาทีของของคนๆ นั้น ซึ่งไม่ใช่ใช้ความทรงจำของคนทั้งหมด และต่อให้เป็นการนำเอาความทรงจำของคนทั้งรถไฟมารวมกัน มันก็ไม่สามารถสร้างโลกได้ 1 โลก แน่นอน ซึ่งสิ่งที่ผมจะบอกคือในความเห็น #8 ส่วนข้อมูลอื่นๆ ที่บอกว่าเอาความทรงจำของคนบนรถทั้งหมดบ้างล่ะ เอาแปลนรถไฟบ้างล่ะ มันเป็นเพียงหาเหตุผลมาเข้าข้างความไม่  make sense ของตัวหนังเท่านั้นเอง ต่อให้คุณเอาความทรงจำทั้งหมดมารวมกัน พระเอกก็ไม่มีทางรู้แน่นอนว่าระเบิดหน้าตาเป็นยังไง จุดชนวนด้วยอะไร เพราะมีเพียงคนวางระเบิดคนเดียวเท่านั้นที่เคยเห็นระเบิดตัวนี้ ซึ่งในหนังไม่ได้เอาความทรงจำของผู้ร้ายมารวมเข้าด้วยแน่นอน แล้วพระเอกรู้ได้ยังไงว่าระเบิดหน้าตาแบบไหน เป็นยังไง ความทรงจำของใครเป็นคนบอกเหรอครับ แล้วที่ผมบอกว่าถ้าด้วยเหตุผลบลาๆๆๆ จะอะไรก็ช่างแต่มันสามารถสร้างโลกจำลองมาได้ 1 โลกทำไมไม่ส่งพระเอกเข้าไปเลย ไปสิงร่างคนอื่นทำไม แล้วคุณ Laaga Chunari Mein Daag บอกว่าจะส่งไปได้ไงพระเอกตายไปแล้ว .. เรื่องนี้ผมไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหนกับการส่งไปให้สิงร่างคนอื่น เพราะมันเป็นการจำลองทั้งสิ้น จะจำลองไปให้อยู่ในร่างอื่น หรือจำลองตัวตนพระเอกขึ้นมาผมก็ยังไม่เห็นว่าจะต่างกันตรงไหนเลย นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ร่างพระเอกนอนอยู่ในตู้ ขาดสองท่อน แล้วดำรงชีวิตอยู่ได้ไงตั้งนาน ร่างกายสมบูรณ์ด้วยนะ ล่ำเชียว ตามความคิดของผม ไม่ควรจะมีร่างพระเอกอยู่ในตู้ด้วยซ้ำ สิ่งที่มีอยู่ควรจะมีแต่ส่วนของสมองอย่างเดียว จากคุณ : เหล้าขาวผสมน้ำแดง เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 54 23:40:09

ความคิดเห็นที่ 31 เหมือนเคยอ่านในกระทู้เก่าช่วงหนังเข้า มีคนพูดถึงว่า หนังใช้ทฤษฎีฟิสิกอะไรสักอย่าง ที่ความทรงจำของคนๆหนึ่งคือโลกทั้งโลก คือทำให้จำลองโลกนั้นๆออกมาเลย เหมือนทฤษฎีโลกคู่ขนานแหละ แค่เราดีดเหรียญครั้งเดียว เราสร้างโลกคู่ขนานขึ้นมาใหม่เลย โดยที่เราไม่ต้องรู้ว่าโลกนี้มีใครบ้าง จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 17 พ.ย. 54 19:08:12

ความคิดเห็นที่ 32 หนังไม่ได้อธิบายละเอียด เอาตามความรู้ทั่วๆไป สมองคนเราใช้งานได้ไม่ถึง 100% เหตุการ์ณบางอย่าง รายละเอียดปลีกย่อยๆต่างๆ บางครั้งข้อมูลที่เราได้ประสบมา อาจเก็บอยู่ในจิตใต้สำนึก ซึ่งเจ้าตัวเองอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจำได้ ข้อมูลบางอย่างรายละเอียดบางอย่างพระเอกอาจเป็นคนเติมเองก็ได้ อย่างสถานีรถไฟควรจะเป็นยังไง คนอื่นในรถไฟควรปฏิบัตยังไง แม้แต่ตอนที่พระเอกโทรไปหาพ่อตัวเอง ใน source code ก็อาจเป็นไปได้ว่าจิตใต้สำนึกของพระเอกต้องการบอกลาพ่อตัวเอง จึงคิดไปแบบนั้น แล้ว source code ก็สร้างเหตุการ์ณตามที่พระเอกหวังไว้ลึกๆ ตอนที่พระเอกตื่นมาครั้งแรกแล้วอยู่ในห้องที่เหมือนยานอะไรสักอย่าง นั่นก็เป็นเพราะจิตใต้สำนึกของพระเอกคิดให้เป็นแบบนั้น สังเกตุว่าผู้พันไม่รู้สภาพภายในห้องนั้นเลย ซึ่งที่เธอเห็นเป็นเพียง ตัวหนังสือคำพูดโต้ตอบกับพระเอกเท่านั้น ที่เราเห็นเป็นฉากเป็นเมือง นั่นเพราะเราเห็นแบบที่พระเอกเห็นหรือจิตใต้สำนึกของพระเอกสร้าง แต่ข้อมูลสำคัญบางอย่างต้องดึงมาจาก สมองของคนที่ตายในรถไฟคน ซึ่งข้อมูลที่สำคัญที่สุด คือหน้าตากับชื่อคนร้าย มันเป็นไปได้เพราะ ตัวคนที่ตายได้เดินชนแล้วเก็บกระเป๋าตังของคนร้ายได้ ทำให้ได้เคยสัมผัสกับตัวคนร้ายจริงๆ ส่วนระเบิดรูปร่างจะเป็นยังไง มันไม่สำคัญเลย คาดว่านั้นเป็นภาพระเบิดในความคิดของพระเอกมากกว่า ที่พระเอกไปเจอนั่นก็คงเป็นเพราะครั้งแรกๆโดนระเบิด จึงคาดคะเนได้ว่า มันระเบิดจากตรงไหนก่อน พระเอกขาดสองท่อนจริงแต่อวัยวะที่ใช้ในการดำรงชีวิตยังพอทำงานอยู่ สมองอาจจะตายบางส่วน หรือโคม่าไปแล้ว แต่เครื่อง source code ทำให้สามารถติดต่อและใช้งานสมอง ทั้งพระเอก และคนที่ตายได้ หนังมัน sci fi ครับ ไม่ make sense หลายๆอย่าง เอาง่ายๆเลยตรงมาหักมุม ตอนจบว่าโลก source code/โลก virtual world ของพระเอกยังคงอยู่ ทั้งๆที่ผู้พันปิดเครื่องให้เขาได้ตายจริงๆ จากคุณ : nemoatlantis (NemoAtlantis) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 00:48:51

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่ได้อ่านที่เขียนๆกันเลย เพราะเยอะมาก ตาลาย @___@ แค่จะแวะมาบอกว่าชอบหนังเรื่องนี้ค่ะ สำหรับเรา เราว่าสนุกดี :D จากคุณ : PerJerz.la.maiiz เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 00:28:46