The Hangover (2009)
ฮารั่วเมาป่วนในคืนแห่งอิสรภาพที่ลาสเวกัส
หนังตลกส่วนมากนักมักไม่ได้รับการสรรเสริญ เพราะเพียงแต่สร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงขยับต่อมความฮา ไร้ซึ่งคุณภาพเพื่อดูดเงินในกระเป๋าแล้วก็จากไป ทฤษฎีเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลกับ The Hangover อย่างแน่นอน
The Hangover เป็นหนังที่สร้างขึ้นมาเพื่อความตลกล้วนๆ จริงๆถ้าไตร่ตรองดูจากบทภาพยนตร์ ที่กลุ่มเพื่อนชาย 3 คน เดินทางลาสเวกัส เพื่อไปฉลองคืนสละโสดให้ ดั๊ก (Justin Bartha) ว่าที่เจ้าบ่าว หลังจากฉลองกันสุดฤทธิ์สุดเหวี่ยง ทั้งหมดกลับตื่นขึ้นมาพร้อมห้องที่แสนเละเทะ มีไก่ มีเสือ รวมทั้งเด็ก อยู่ในห้อง อีกทั้งสตู (Ed Helms) ฟันหัก และที่สำคัญ ดั๊ก ว่าที่เจ้าบ่าวหายตัวไป เพื่อนทั้ง 3 จึงต้องเรียกฟื้นความทรงจำในคืนก่อนหน้าเพื่อรีบนำพา ดั๊กไปสู่พิธีแต่งงานโดยเร็ว
จะเห็นได้ว่าด้วยพล็อตเรื่องแบบนี้ มันสามรถ แปรเปลี่ยนเป็นหนังได้หลากหลายแนว หนังสอบสวน หนังดราม่า หนังแอคชั่น ฯลฯ แต่สิ่งที่หนังเลือกใช้คือแนวทางหนังตลก ที่สำคัญกลับทำได้ดีในแนวทางของมันซะด้วย
วิธีการดำเนินเรื่อง ใช้วิธีพาคนดูร่วมค้นหาไปพร้อมกับตัวละคร ซึ่งจะค่อยๆคลี่คลายเรื่องราวไปทีละเปราะ เหมือนหนังสอบสวน โดยระหว่างการค้นหานั้นก็มีเรื่องราว วายป่วง ผสมการยิงมุขใส่คนดูอย่างไม่หยุดไม่หย่อน โดยเฉพาะ อลัน(Zach Galifianakis) ว่าที่พี่เขยของดั๊ก ซึ่งด้วยบุคลิกความซื่อๆแบบโง่ๆ ทำให้เป็นมนต์เสน่ห์ความฮาที่น่าสนใจของตัวละคร บวกทั้งรูปร่างอ้วนท้วมแปลกประหลาดพุงห้อยๆ จึงไม่แปลกอะไรที่ผู้ชมจะรู้สึกขำแค่เห็นรูปลักษณ์ภายนอก จุดเด่นของตัวละครแต่ละตัวซึ่งดูเหมือนก่อนมุ่งหน้าเดินทางสู่ลาสเวกัส แต่ละคนก็มีทิศทางและการใช้ชีวิตแตกต่างกันไปในสายอาชีพของตน ฟิล(Bradley Cooper) เป็นครู เขาไม่ลังเลเลยที่จะเอาเงินของนักเรียนไปเที่ยว สตู (Ed Helms) ทันตแพทย์ผู้ถูกภรรยาทุบตีเสมอ และเป็นดูเหมือนทาสมากกว่าสามี อลัน (Zach Galifianakis) ผู้ซึ่งมีปัญหาในการเข้าสังคม จึงมักโดดเดี่ยวไร้เพื่อนคบ
เห็นได้ว่าทุกตัวละครมีบุคลิกที่ชัดเจน และสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีจุดร่วมที่เหมือนกันก็คือ การออกจากโลกแห่งความจริงไปสู่เมืองลาสเวกัส ซึ่งไม่ต่างจากเมืองแห่งการปลดปล่อย ดังนั้นไม่แปลกที่พวกเขาจะสุดเหวี่ยง กับปาร์ตี้ในครั้งนี้
แม้สุดท้ายการเดินทางย่อมมีที่สิ้นสุด สิ่งที่พบเจอคือความทรงจำ สุดท้ายเรื่องราวก็คลี่คลายไปตามทางที่ควรจะเป็น ทุกคนต้องกลับไปใช้ชีวิตของตนเอง แต่ประสบการณ์หลายๆอย่างเราก็ได้เรียนรู้จากการเดินทางโดยเฉพาะคำว่าเพื่อน แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ขยี้ประเด็นเรื่องความเป็นเพื่อนในระหว่างทางกลับบ้านให้สุดทาง ไม่เช่นนั้นผู้ชมจะรู้สึกว่า “มิตรภาพ”ของพวกเขาทั้งหลาย มันเป็นสิ่งใสซื่อและงดงาม และน่าจดจำ
* คะแนน 8.75 /10 *
ติดตามบล็อกของผมได้ที่ : http://a-bellamy.bloggang.com
จากคุณ |
:
A-Bellamy
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ธ.ค. 54 23:08:48
|
|
|
|