Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
The Iron Fairy เส้นทางแห่งชัยชนะของ มิน พีชญา ติดต่อทีมงาน

พีชญา วัฒนามนตรี รู้ดีว่าข่าวเมาท์ในหน้าหนังสือพิมพ์ทำให้คนส่วนมากเข้าใจเธอผิด ดาราสาววัย 22 ปีคนนี้สะสมชั่วโมงบินในวงการบันเทิงมานานหลายปี มีละครดังที่ทำให้เธอขึ้นแท่นเป็นนางเอกแถวหน้าหลายต่อหลายเรื่อง หลังจากพักเบรกงานในวงการเพื่อหันไปทุ่มเทกับการเรียนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าพีชญาเข้าใจกราฟชีวิตที่มีทั้งขึ้นและลง เธอยืนยันหนักแน่นกับแอลว่าที่ผ่านมาไม่เคยเหวี่ยงวีนกับใครอย่างที่เป็นข่าว

“มินว่าข่าวแรงเกินไป โดยเฉพาะข่าวจากกองถ่าย อยากให้ทุกคนลองเข้าไปดูการทำงานในกองถ่ายละครมาก อยากให้มาสัมผัสตัวมินจริงๆ” เสียงเรียบๆของดาราสาวจากช่อง 7 บอกกับเรา ดวงตากลมโตหลับพริ้มรอให้เมกอัพอาร์ทิสต์ระบายสีสันบนเปลือกตา “แต่ข่าวที่หงุดหงิดที่สุดคือข่าวศัลยกรรม เรารู้สึกว่ามันจะอะไรกันนักหนา คนที่เชื่อตามข่าวเขาก็เชื่อกันจริงๆนะคะ แต่ตัวเรารู้ดีว่าไม่ได้ทำ มาจับหน้ามินก็ได้ ไม่เคยห้ามอะไร มีครั้งหนึ่งมินโดนข่าวว่าไปเสริมหน้าอกมา (เอามือจับหน้าอกตัวเอง) วันที่แก้ข่าว มินไม่ได้เสริมอะไรเลย แบนแต๊ดแต๋มาก พี่นักข่าวก็บอกว่าตอบๆมาเถอะ เพราะมันเห็นอยู่ชัดๆว่ามินไม่มีจริง” มินเล่าด้วยรอยยิ้มที่เปิดกว้างและท่าทางขำๆ ดูเหมือนว่าดาราสาวคนนี้จะรู้วิธีทำให้คนรอบข้างหัวเราะไปกับเธอได้ไม่ยาก ในขณะเดียวกันพีชญาก็ไม่เคยแคร์กับเสียงรอบข้างที่พูดถึงเธอในแง่ลบ หรือแม้กระทั่งการโดนเปรียบเทียบกับดารารุ่นพี่ร่วมช่อง

“ไม่ใช่แค่ดาราในช่องนะคะ แต่มินโดนเปรียบเทียบทั้งวงการเลย (หัวเราะ) คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หลายคนก็หลายความคิด แล้วแต่ว่าใครจะพูดจะแสดงออกแบบไหน มินแค่เป็นตัวของตัวเอง ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดและมีความสุขกับสิ่งที่ทำก็พอแล้ว เพราะมินคงใส่ใจกับทุกอย่างบนโลกนี้ไม่ได้ เราแบกสิ่งที่ทุกคนพูดถึงเราเอาไว้ไม่ได้เหมือนกัน” ตอบแบบนิ่งๆแต่ตรงไปตรงมาคือสไตล์การพูดของเด็กสาวคนนี้ ความมั่นใจของเธอไม่ได้แสดงออกอย่างก้าวร้าว เพียงแต่เธอเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด ภาพมายาเป็นแค่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ในท้ายที่สุดตัวตนที่แท้จริงต่างหากที่ทำให้พีชญาแตกต่างจากเพื่อนสาวร่วมวงการ “สิ่งที่ยากที่สุดในวงการนี้คือการวางตัว เราอาจจะบอกใครๆว่าฉันเป็นคนแบบนี้ แต่ต่างคนก็ต่างความคิด มินไม่สามารถเอาใจใครได้หมดทุกคน บางครั้งคำแนะนำมากมายก็ทำให้มินสับสนเหมือนกัน ลองทำแบบนี้ไหมแล้วจะสวยขึ้น ลองเปลี่ยนสีผมไหม บางอย่างฟังแล้วมันก็มีข้อดีอยู่บ้าง แต่พอมีคนบอกว่าต้องปรับบุคลิกให้เป็นคนน่ารัก มินคิดว่ามันเป็นการสร้างคาแร็กเตอร์ใหม่มาปกปิดตัวเอง มินรู้สึกว่าทำไมเราต้องเปลี่ยน นี่คือชีวิตของฉัน คนอื่นควรจะชอบเรา รักเรา ในสิ่งที่เราเป็น มินว่าวันหนึ่งเราก็หนีสิ่งที่เราเป็นไม่ได้อยู่ดี ไม่อยากฝืน ดีกว่าให้คนที่เขาชอบเรามารับรู้ทีหลังว่ามินไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เขาคงผิดหวัง”

ภายในสตูดิโอที่เครื่องปรับอากาศทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม มินยืนดูการทำงานของแอลอย่างตั้งใจ เธอหันมาบอกกับเราพร้อมรอยยิ้มว่าชอบการถ่ายแบบมากที่สุด ชอบเวลาที่อยู่หน้ากล้อง  ตอนนี้เธออยู่ในชุดแม็กซี่เดรสพิมพ์ลายดาวของ Dolce & Gabbana ดูสวยสง่าต่างจากภาพที่เราเห็นในจอทีวี มินตั้งใจฟังและพร้อมทำทุกอย่างยามช่างภาพและบรรณาธิการแฟชั่นแนะนำ ภาพที่ออกมาจึงสะท้อนให้เห็นมุมอ่อนหวานของดาราสาวคนนี้ มินบอกว่าเธอเป็นสาวหล่อ ไม่ได้เป็นทอม แต่ไม่ค่อยรักสวยรักงามเท่าไหร่ ชีวิตประจำวันชอบแต่งตัวเท่ๆ มากกว่า นานๆจะหยิบเดรสมาใส่สักที สังเกตได้จากชุดเสื้อคอกลมสีเขียวและกางเกงขายาวสีดำ สร้อยข้อมือหนังที่เธอใส่มาวันนี้

“มินเกิดและโตที่ขอนแก่นค่ะ ญาติพี่น้องเป็นผู้ชายเยอะมาก เราโตมากับพี่ชาย ปีนต้นไม้ ตกต้นไม้ เล่นดิน เล่นทราย มินเป็นนักกีฬาของโรงเรียน เล่นบาส ซอฟต์บอล ตีแบด ตีปิงปอง ชีวิตตอนนั้นคือไปเรียน ซ้อมกีฬา กลับบ้าน มินรู้สึกว่าชีวิตมันน่าเบื่อ พี่ชายก็ไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ทำให้มินตัดสินใจไปสอบเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา 1 ปี ต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในจุดเปลี่ยนชีวิตเลย” ดาราสาวเล่าว่าก่อนหน้านี้เธอเป็นเด็กขี้อายแค่ต้องออกไปพูดหน้าชั้นเรียนก็ร้องไห้แล้ว ไม่มีความมั่นใจ แต่การได้ไปใช้ชีวิตคนเดียวที่เมืองมอนทาน่า สหรัฐอเมริกา ทำให้เธอต้องสู้เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกคน ใช้เวลาในการปรับตัวให้กับเข้าวัฒนธรรมใหม่นานถึง 4 เดือน ช่วงเวลาเพียงปีเดียวที่ได้ใช้ชีวิตในต่างแดนช่วยหล่อหลอมพีชญาคนใหม่ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและกล้าแสดงออกชนิดที่พ่อแม่ยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวคนเล็กแสนขี้อายคนนี้

“ตอนแรกมินรู้สึกแปลกแยก เรายังปรับตัวเข้ากับเพื่อนที่อเมริกาไม่ได้ วันแรกที่ไปโรงเรียนมินต้องแอบไปกินข้าวในห้องน้ำ แต่มินมีกล้องดิจิทัลติดตัวไปด้วย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ตลกมาก เพราะเขามาถามมินว่ายูมีกล้องดิจิทัลเหรอ มันเจ๋งมากเลย (หัวเราะ) แต่ก่อนหน้านี้มาถามว่าประเทศยูยังขี่ช้างไปโรงเรียนใช่ไหม มินก็ได้แต่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไร การใช้ชีวิตที่อเมริกาทำให้มินต้องออกไปพูดหน้าห้องทุกวัน เริ่มกล้าสบตาคนฟัง มั่นใจในตัวเองมากขึ้น แฟมิลี่ที่ไปอยู่ด้วยค่อนข้างเข้มงวด เราต้องทำงานบ้านเอง ตอนอยู่ที่ขอนแก่นมินไม่ค่อยได้ทำ เวลาคิดถึงช่วงเวลานี้ทีไรรู้สึกดีใจที่ตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา มันทำให้เราโตขึ้นมาก กลับมาบ้านพ่อ:-)ง เราเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กล้าตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเองมากขึ้น”

ดาราสาวบอกกับแอลว่าเธอไม่อยากกลับมาเมืองไทย อยากเรียนไฮสกูลที่อเมริกาจนจบ แต่ชีวิตไม่ได้ถูกขีดเส้นทางให้ลงเอยแบบนั้น เมื่อประตูแห่งโอกาสบานใหม่ได้เปิดรอเธออยู่ การเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงของดาราสาวคนนี้เปรียบได้กับโบนัสที่เข้ามาในชีวิต เธอก็เหมือนกับคนดังหลายคนที่ไม่เคยคิดฝันว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นสตาร์ชื่อดังของประเทศ คำว่าดารากับพีชญาอยู่ห่างกันมาก จนวันหนึ่งเธอได้สายสะพายในตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสทีนไทยแลนด์ ค.ศ. 2006 ความท้าทายใหม่ๆรออยู่ตรงหน้าเพื่อให้เด็กสาวที่ชอบเอาชนะอย่างเธอได้สู้กับตัวเองอีกครั้ง “หลังจากได้ตำแหน่งมินยังเลือกเรียนมากกว่าเข้ามาทำงานในวงการ พี่ๆก็พาไปแคสต์งาน แรกๆโดนด่าตลอดว่าแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คิดว่าตัวเองไร้ค่ามาก จนต้องตั้งปณิธานบอกตัวเองเลยว่าฉันต้องทำให้ได้” ต้องบอกว่าสวรรค์เข้าข้างเมื่อทีมงานเห็นอะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้นในตัวเด็กสาวคนนี้ ทำให้บทนางเอกละครพื้นบ้านเรื่อง ปลาบู่ทอง ตกเป็นของเธอ “เรื่องปลาบู่ทอง เราต้องเล่นเป็นฝาแฝด ไปถึงทีมงานให้มินกรี๊ดและร้องไห้ แต่มินทำไม่ได้ เราไม่เข้าใจว่าต้องกรี๊ดแบบไหน มันไม่มีที่มาที่ไป ตอนนั้นมินลำดับความคิดตัวเองไม่ถูก แต่เราเป็นเด็กโรคจิต ถ้าคนอื่นทำได้ ฉันก็ต้องทำได้เหมือนกัน

“ต้องถือว่าเป็นละครมหากาพย์ของช่อง 7 เลยค่ะ ถ่ายกันนานมาก อยู่กับทีมงานจนกลายเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน มินไม่เคยรู้สึกว่าไม่เอา ฉันไม่อยากเล่นละครเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะเราสนุก ยิ่งตอนใกล้จบเรายิ่งเสียดาย เพราะไม่อยากแยกจากทีมงาน ทำให้มินรู้ว่าเราเริ่มชอบงานในวงการ ตอนนั้นมินรับงานทุกอย่างจริงๆ ไม่เคยเหนื่อยเลย แต่พอเราเริ่มมีปัญหาบางอย่าง ได้สัมผัสวงการมายาแล้วรู้ว่ามันไม่ได้สวยงามเสมอไป...” ถึงตรงนี้ดาราสาวนิ่งเงียบไปสักพักราวกับตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง “เคยคิดอยากหยุดทำงานในวงการบ้างไหม” แอลถาม “ไม่หรอกค่ะ ตราบใดที่มินยังได้รับโอกาสอยู่ มินยังรักงานตรงนี้ แต่ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากเดินไปในทิศทางไหน และขึ้นอยู่กับโอกาสของชีวิตด้วย ชีวิตเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มินเป็นคนวางแผนชีวิตตามความรู้สึกมากกว่า อย่างตอนนี้มินอยากเรียนให้จบก่อน ส่วนเรื่องอื่นถ้าชอบก็ทำ ถ้าไม่ชอบแล้วเราฝืน ไม่มีความสุข ก็ถามตัวเองว่าเราจะไหวเหรอ” ■

จากนิตยสารelle ฉบับเดือนธันวาคม 2554
http://www.elle.co.th/elle-profile/1201/the-iron-fairy

จากคุณ : แค่ผ่านมาเจอ
เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 20:48:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com