ความคิดเห็นที่ 1 BD Limited Edition ทำแบบ Preorder ทำเท่าจำนวนที่สั่ง จ่ายเงินล่วงหน้า สั่งเท่าไหร่ทำเท่านั้น ไม่สั่งอด ไม่ทำเพิ่ม ไม่ทำเผื่อด้วย ง่ายดีครับ นอกนั้นเหมือนเดิม จากคุณ : Mikamura Kaoru เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 11:42:32

ความคิดเห็นที่ 2 ในแง่ของผู้ประกอบการที่ทำเพื่อผลกำไร ก็ต้องข้อ 1 ล่ะครับ ทำ BD ต้นทุนสูงกว่า DVD แต่ไม่มีทางขายได้มากกว่า DVD จนกว่ายอดขาย DVD จะดีกว่า VCD มากๆ คงยากที่จะเริ่มผลิตเป็น BD ขาย ว่าแต่ปัจจุบันยอดขาย VCD อนิเมในไทยดีกว่า DVD จริงๆหรือครับ จากคุณ : BeginnerXP เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 11:50:00

ความคิดเห็นที่ 3 อันไหนทำแล้วขายดีทำต่อไปครับ อย่าลืมว่าของทุกอย่างขึ้นกับลูกค้า ถ้า vcd ขายดีกว่า 10 เท่า ไม่มีประโยชน์ที่จะทำ Bd ครับ จากคุณ : อยากจะบินตามฝัน เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 11:50:04

ความคิดเห็นที่ 4 BD เลิกหวังเถอะครับสำหรับอนิเมะบ้านเรา เพราะขนาดของตลาดที่เล็กมากไม่คุ้มทุนในการผลิตมาขาย อย่าเอาไปเทียบกับแบบหนังสือการ์ตูน หรือภาพยนตร์นะครับเพราะสองตลาดนั้นกว้างกว่ามากแถมจับทุกกลุ่ม ทุกวัย จากคุณ : DEVIL PHOENIX HELLSING เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 11:57:35

ความคิดเห็นที่ 5 ผมคงออกบลูเรย์แบบลิมิเต็ด สัก 100-200 แผ่นครับ ขาย VCD เหมือนเดิม จากคุณ : lukped เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 11:58:22

ความคิดเห็นที่ 6 ก็ต้องดูการทำกำไรของทั้ง 2 แบบนะ (Net profit margin) ก็ทำมันซะ 3 แบบเลยสิครับ เพราะผมว่าต้นทุนการไรท์ CD ไม่ได้ต้องลงทุนอะไรเพิ่มกว่าการทำ dvd เลยแต่กลับสามารถขายได้มากมายขนาดนั้น ปล. ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องตัด CD ทิ้ง เพราะกลุ่มผู้บริโภคที่เรียกร้องให้เลิกผลิตนั้น มีเป้าหมายที่ต้องการ BD มากกว่า ดังนั้นการออก BD มาเพิ่ม ก็น่าจะเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าแล้วโดยไม่จำเป็นจะต้องเสียช่องทางรายได้จาก CD ไป จากคุณ : iiavan เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 11:59:21

ความคิดเห็นที่ 7 ทำตามลูกค้าส่วนใหญ่ครับ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่ว่าไม่ใช่พวกที่ชอบบอกตามเน็ตว่าจะเอาอย่างโน้นอย่างนี้(แต่พอทำมาจริง หนีไปโหลดฟรีซะงั้น)  แต่เป็นลูกค้าในส่วนที่สร้างผลตอบแทนให้บริษัทในตลาดจริงๆครับ เดี๋ยวนี้แผ่นการ์ตูนที่ขายดีตามร้าน มักจะเป็นพวกแผ่นVCDถูกๆแผ่นละไม่กี่สิบบาท รายได้จากสินค้ากลุ่มนี้ค้ำจุนร้านมากกว่า แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 12:08:38 จากคุณ : Stryder เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 12:03:24

ความคิดเห็นที่ 8 เปิดแผนก Made by order ทำเท่าที่สั่ง ราคาสำหรับพวกทุ่มเต็มที่ เท่านั้น จากคุณ : TEN. (WanderingPace) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 12:06:22

ความคิดเห็นที่ 9 ยกเลิก VCD แล้วลดราคา DVD ให้อยู่ระหว่าง VCD กับ DVD เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเราเน้นคุณภาพ ส่วน BD ทำแบบ limited เพื่อเป็น collection ครับ เพราะยังไม่แพร่หลาย ต้นทุนสูง คห. ส่วนตัวไม่ชอบดู anime หรือหนังผ่าน VCD มาตั้งนานแล้วครับ เพราะคุณภาพภาพแย่กว่า Video tape สมัยก่อนอีกนะครับ จากคุณ : LightBlaze เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 12:24:03

ความคิดเห็นที่ 10 ในแง่บริษัทเลือกข้อ 1 ครับ เพราะยอดขายคือตัวบอกถึงความต้องการลูกค้าของจริง ในเมื่อลูกค้ายังต้องการ vcd อยู่มาก ทั้ง ๆ ที่ราคาห่างกันไม่เท่าไหร่ คงตัดทิ้งไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:00:13

ความคิดเห็นที่ 11 ผมละอยากรู้ว่ามีคนไทยสักกี่คนที่พร้อมจะซื้ออนิเมแบบบลูเรย์ ค่าลงทุนกับการผลิตบลูเรย์ ขายแค่ 100-200 ชุดไม่ได้หรอกครับ อย่างต่ำก็ต้องหลักพันถึงจะถอนทุนได้ การโหลดแฟนซับที่แคปจาก TV Hi-Def กับพวก BD Rip ทำให้คออนิเมในไทยส่วนใหญ่หลงลืมไปว่าตัวเองอยู่ในประเทศอะไร และประเทศนี้มีความก้าวหน้าทางตลาดบันเทิงแค่ไหน บางอย่างที่เรียกร้องมันจึงมักเป็นเรื่องที่เกินความเป็นไปได้ในปัจจุบันครับ จากคุณ : นักกวีจากเงามืด เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:14:05

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าทำแค่ 1-200 ชุด  อาจจะเจอชุดละ 5-6 พันบาท   จะมีใครกล้าหนอ -*- จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:22:12

ความคิดเห็นที่ 13 ตัดไลน์ VCD เพราะตอนนี้ DVD Player ถูกมากแล้ว ทำแบบธรรมดา พากษ์ไทย ราคาใกล้ๆ VCD ขยายตลาด ทำ Limited edition สำหรับนักสะสม และออก BD Limited edition จำกัดจำนวน สำหรับแฟนพันธุ์แท้ แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 13:25:54 จากคุณ : Yippie เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:23:32

ความคิดเห็นที่ 14 กำลังคิดแบบ คห.ที่ 12 เลย ถ้ายิ่งจำนวนผลิตน้อย ราคาก็จะพุ่งขึ้นอีก ...แล้วถ้ามีลดราคาหนักๆแบบบางค่้ายก็จะมีคนไม่ยอมซื้อตอนออกใหม่ๆต่อด้วย เอิ๊ก จากคุณ : Noire เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:27:44

ความคิดเห็นที่ 15 BD  ทำไม่คุ้ม ตลาดมันเล็ก จากคุณ : polparsi เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:28:54

ความคิดเห็นที่ 16 ผลประกอบการสิ้นปีออกมาแล้วว่า เวอร์ชั่น vcd (พากย์ไทยอย่างเดียว ราคา 130 บาท) ขายดีกว่า เวอร์ชั่น dvd (ภาพ 16:9  เสียง 2 ภาษา 5.1ch ราคา 180บาท) ถึง 10เท่า vvvvvvv ข้อมูลที่เค้าให้มาเป็นแบบนี้ แต่ก็มีความคิดเห็นให้เลิกไลน์ VCD 555 ตลกดีว่ะ ความเห็นของผมก็ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเลขที่ออกมาแหละครับ ออก BD ไม่ไหวก็ไม่ต้องออก ตัดไลน์ DVD ทิ้งแล้วออกแต่ VCD ผมก็ไม่ว่า ก็ตัวเลขมันออกมาเป็นแบบนี้นิ ให้ทำไงได้ =_=" จากคุณ : BANKBOOT เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:34:58

ความคิดเห็นที่ 17 คำตอบก็เห็นอยู่ชัดๆ ใครจะกล้าตัดตัวทำรายได้ของตัวเองทิ้ง ยังมีคนอีกมากที่ไม่ชอบดูซับ เพราะอ่านตามไม่ทันและไม่ได้ดูภาพ จึงเลือก VCD มากกว่า DVD ส่วน BD รอให้หนังฮอลลีวูดขายแบบ BD ได้ก่อน แล้วค่อยตั้งความหวัง จากคุณ : นายขนมหวาน เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 13:51:56

ความคิดเห็นที่ 18 ุถ้าเป็นผมๆจะตัด line DVD ทิ้งครับ มีแค่ VCD กับ BD เพราะส่วนตัวมองว่าคนส่วนมากที่ซื้อ DVD ก็คือกลุ่มเป้าหมายที่ยอมจ่ายจริงๆ (แต่ยอดขายอาจสูสีหรือต่ำกว่า DVD) ซึ่งกลุ่มที่ราคาเป็นปัจจัยก็จะไปเลือก VCD อยู่แล้ว ไม่ก็ดัมป์ราคา DVD เท่า VCD แล้วตัด VCD ทิ้ง แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 14:04:54 จากคุณ : DoraZombie เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 14:03:39

ความคิดเห็นที่ 19 เอาจริงๆ ผมว่าตัดline DVD ออกแต่ BD น่าจะดีกว่า หรือคิดนอกกรอบ ขายแค่ในไทยทำไม ไม่ขายทั้งอาเซียน อนาคตเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนอยู่แล้ว เพิ่มsubกับภาษาเข้าไปอีกก็ขายได้ จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 14:48:47

ความคิดเห็นที่ 20 ก็ต้องมองว่า ต้นทุนการทำแบบBDมันไม่ได้ถูกเหมือนDVD/VCD ครับ ทำน้อย ก็มีแต่จะขาดทุน ไม่ก็ราคาสูงลิ่วละ (เด๋วเกิดออกBDราคาแพง ผมมั่นใจว่าก็ต้องมีคนบ่นกันอีกหละ....) จากคุณ : legendofsud เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 14:52:03

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าส่วนตัวมองว่า ในตอนนี้ทำเหมือนเดิมแบบที่ผ่านมาเป็นหลัก!! มองหาคอนเทนท์ดีๆ ที่มั่นใจซักเรื่องแล้วทดลองออก BD (และมั่นใจได้ว่าเจ็บตัว) ดูแนวโน้มแล้วค่อยพิจารณาต่อ... ในบ้านเราผ้บริโภคก็นิยมเอาดีสุดสูงสุดเจ๋งสุดโดยทองจากมุมมองตัวเองเสมอๆ แต่มักแยกขอบเขตข้อเท็จจริงทีผู้ผลิตเผชิญหน้าอยู่ไม่ออก และ 90% มักเข้าใจว่าตัวเอง "ฟันธงแม่นกว่า" ผู้ผลิต อย่างเคสที่เคยเกิดขึ้นอย่าง AmiGO กับ Full Metal Panic ที่ออก DVD ไปเลย!!(ซึ่งตอนนั้นตลาดบ้านเรายังไม่พร้อมมากๆ) เล่นเอาค่ายนี้แทบถอนตัวไปจากวงการกันเลยทีเดียว เคสนี้ก็คล้ายๆ กัน ผู้บริโภคเชียร์แหลก BD ไปเลย(ส่วนตัวมองว่าตลาดบ้านเราก็ยังไม่พร้อมอย่างมาก) ค่ายไม่ทำก็มานั่งเหน็บแนมอย่างนู้นอย่างนี้ ฟันธงให้เสร์จสรรพ แต่ลองออกมาแล้ว "เจ๊ง" จะเหลือผู้บริโภคกี่คนที่ไปร่วมเจ็บตัวด้วย สุดท้ายผมมองว่าทางสายกลางครับ แนะนำชี้แนะเป็นเรื่องดี เช่นเดียวกับเนื้อหาในกระทู้นี้ผมว่าเยี่ยมครับ แต่สุดท้ายอยากให้เคารพการตัดสินใจของค่ายผู้ผลิตด้วยหากเขายังไม่ทำ (และไม่ใช่แค่กรณีนี้นะครับ กับแทบทุกๆ กรณีที่ใกล้เคียง) มันจะเป็นตลาดที่สร้างสรรครับ ปล.สุดท้ายผมไม่เคยคิดว่าต้องตัดใจครับ ถ้าใครผ่านรุ่นเก่า ที่แค่ VDO Anime ออกให้จบครบม้วนก็ยากแล้ว คำปรามาสในสมัยนั้นว่า Anime ในบ้านเรามันสิ้นหวังแล้วน่ะ ตอนนี้มันดีกว่ามากๆ จนตอนนั้นจินตนาการภาพในปัจจุบันนี้ไม่ออกเลยล่ะ และผมเชื่อว่ามันก็จะพัฒนาไปอีกมากๆ ด้วยเช่นเดียวกันเมื่อหลายๆ ปัจจัยมันเอื้ออำนวย จากคุณ : Aha301 เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 16:00:19

ความคิดเห็นที่ 22 ที่ญี่ปุ่นราคา DVD กับ BD ต่างกันไม่ถึง 20% ทำไมไทยไม่ทำให้ราคา VCD กับ DVD ต่างกันแค่ 20% บ้างหละ จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 16:02:47

ความคิดเห็นที่ 23 ู^ ^ เพราะคนไทยไม่ได้มีเครื่องเล่น BD เป็นเครื่องสามัญประจำบ้านครับ และราคาเครื่องเล่น BD ไม่ได้ห่างจากเครื่องเล่น DVD แค่ 20 % แต่มันมากกว่านั้น HD Player วิธีใช้ก็ยุ่งยากคนทั่วไปไม่ค่อยปลื้ม และคนส่วนใหญ่ยังใช้ ทีวีสุดหนา crt   ยิ่งถ้าจะเล่นบนคอมผมว่าส่วนใหญ่ ไม่มี Drive BD แน่นอน ถ้าจะทำตลาด BD ผมว่า by order เลยดีกว่า จากคุณ : aonesung เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 16:15:06

ความคิดเห็นที่ 24 ออก vcd dvd เหมือนเดิม - ส่วนพวกแหกปาก ปล่อยมันแหกปากต่อไป จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 16:42:53

ความคิดเห็นที่ 25 BD ไม่ต้องไปออกหรอก ไทยเราไม่ต้องไปตามเขาทุกก้าวก็ได้ เพราะสเต็ปต่อไปมีเดียมันจะขึ้นบนคลาวด์หมดแล้ว การซื้อจะเปลี่ยนเป็นการเช่าดูผ่านออนไลน์แทน ถึงตอนนั้นคุณภาพก็ได้ระดับไฮเดฟเหมือนแผ่นบลูเรย์ในราคาต่อเรื่องที่ถูกกว่า พวกแผ่นตระกูลต่างๆเดี๋ยวก็จะทยอยหายไปเหมือนแผ่นฟล๊อบปี้ดิสก์นั่นแหละ จากคุณ : omega. เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 17:00:12

ความคิดเห็นที่ 26 อย่าไปบ้าจี้กับลูกค้าบางกลุ่ม ของขายได้ก้อคือขายได้ ถ้ามันยังคุ้มทุนและได้กำไร ก้อยังไม่ถอดไลน์ออก แต่ถ้าจะตัดออกจริง คงไม่เลือกแบบเชือดเนื้อ เถือหนังตัวเองโดยย้ายไปออก BD หรอกครับ เพราะราคาเครื่องเล่นไม่ได้ถูกเลย เครื่องละครึ่งหมื่น ถึงจะซื้อเปน Drive ที่ใช้กับ PC ก้อไม่ได้ถูกเหมือนกัน จากคุณ : meow-meow (piggy_and_kitty) เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 17:34:57

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้าเป็นผม คง 1+2 vcd ทำตามเดิมเพราะตลาดโตกว่า แล้วก็ทำ dvd ลิมิเต็ดเสริมด้วย จากคุณ : Nate River เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 22:56:57

ความคิดเห็นที่ 28 =_=" คนที่อยากได้จริงๆ เขาก็สั่งนอกอยู่แล้วไม่ใชาหรือ ของแบบนี้มีดีมานก็มีซัพพลาย อยากได้จัด เชิญ amazon จากคุณ : mrpoporo เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 23:52:06

ความคิดเห็นที่ 29 มาร์จินอันไหนสูงกว่ากัน ถ้า VCD สูงกว่า ก็ขยายไลน์ VCD เพิ่ม ส่วน DVD ทำเป็น Limited + ของแถมไป พิจารณาทำการค้าตามข้อเท็จจริง จากคุณ : garnet19th เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 09:07:48

ความคิดเห็นที่ 30 //25 จะทำ cloud เพื่อเป็น media station ต้องรอ facility ของประเทศเราพัฒนามากกว่านี้ก่อนครับ ซึ่งเป็นอีกพักใหญ่ๆเลยหละ จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 10:27:53

ความคิดเห็นที่ 31 ออก vcd+dvd เหมือนเดิม เปิดเว็บให้คนอยากได้ bd มาลงชื่อ แยกตามเรื่อง เรื่องไหนมีจำนวนคนมากถึงขนาดพอมีกำไรบ้าง (=ไม่เหนื่อยฟรี) ก็เปิดให้preorder แต่ถ้ายอดคนที่ลงเงินจองมีไม่มากเหมือนที่มาลงชื่อก็ยกเลิก จากคุณ : ratichan เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 21:20:57

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบก่อนค่อยไปดูเม้นอื่น ขาย VCD แน่นอน ทำธุรกิจ ไม่ได้ทำงานศิลปะ แต่ก็โอเค อาจจะออก DVD ด้วย แต่ในสัดส่วนที่น้อยกว่า (ใครแฟนพันธุ์แท้ ก็ไปแย่งกันเองละกัน -0-) จากคุณ : ซินเดอเรล่า เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 54 21:54:27