ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ใช่คู่ขาค่ะ แค่ Bromance มิตรภาพระหว่างเพื่อน เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมา สนิทกันนิดๆ หน่อยๆ แปลกเหรอคะ จากคุณ : tokei/tookei เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:20:40

ความคิดเห็นที่ 2 จขกท. จิ้นไปเอง   เค้าเรียก  มิตรภาพลูกผู้ชาย  ครับ จากคุณ : นาดะชินคาเงะ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:34:36

ความคิดเห็นที่ 3 ผมดูแล้วไม่คิดว่าเป็นเกย์นะ เป็นเหมือนเพื่อนตายกันมากกว่าเพราะผจญภัยด้วยกันมาเยอะ จากคุณ : Houdini เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:35:28

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกับคห.บนๆว่าถึงในหนังภาคสองมันจะส่อไปทางโฮโมมากแค่ไหน ยังไงๆความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็ยังเป็น Bromance (สนิทสนมรักใคร่กันมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน)แบบเดียวกับ Kirk กับ Spock จาก Star Trek หรือรพินทร์กับแงซายจากเพชรพระอุมาอยู่ดี จากคุณ : Apple101 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:41:29

ความคิดเห็นที่ 5 ดูภาคแรกยังนึกว่าเป็นเกย์เลย แต่ภาค ๒ ยังไม่ได้ดู จากคุณ : MY PIDPEE เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:44:27

ความคิดเห็นที่ 6 ถามใคร ใครบอกยังไงไม่รู้ แต่ท่าทางสายต่ของโฮลม์ในภาค 2 นี้ เวลามอง วัตสันแต่งงาน..............กรูว่าชัวร์5555555 จากคุณ : chelsit เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:55:50

ความคิดเห็นที่ 7 มันไม่ได้สื่อออกมาโจ่งแจ้งว่าเป็นอย่างนั้น... แต่เราก็คิดว่า..มันแล้วแต่จะคิดจินตนาการกันไปได้เหมือนกัน... ส่วนตัวเราว่าดีนะ...มันดูมีลับลมคมในลึกลับแอบแฝงดี...มีเสน่ห์.... พ้องกันดีกับหนังแนวสืบสวนสอบสวน.... เผื่อคนดูจะตั้งหน่วยสืบสวนกันเป็นการเฉพาะสำหรับเรื่องนี้...ก็น่าสนุกดีเนาะ... . จากคุณ : .....**{~_^}**..... (สางฝอย) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 11:08:00

ความคิดเห็นที่ 8 นี่ดีนะคะ ถ้าไปดูเวอร์ชั่นมินิซีรีส์ของ BBC1 ที่กำลังออนแอร์อยู่ ณ บัดนาว ยังไงๆ ก็จะเข้าใจว่าสองคนนี้รักกัน แต่ไม่โฉ่งฉ่างเหมือนในฉบับหนังโรง และหมอวัตสันก็จะคอยยืนยันตลอดเวลาว่าไม่ได้เป็นคู่ขากันนะเฟ้ย จากคุณ : ใหญ่ล่ำดำถึกแต่_สวย เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 11:38:23

ความคิดเห็นที่ 9 เรายังไม่ดูภาคนี้ค่ะ แต่ดูภาคแรกแล้ว ตกใจชื่อกระทู้ นึกว่าภาคนี้จะให้เป็นเกย์กัน โอ้สสสส จากคุณ : Rhythm of Breath เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 11:50:32

ความคิดเห็นที่ 11 รู้แค่ว่าห่วยทั้งสองภาค จากคุณ : วี เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 12:33:32

ความคิดเห็นที่ 12 คห.10 กรุณาหุบปากเน่าๆของคุณซะ!! ****************** ที่ดูภาค2มา เชอร์รี่กับวัตสัน ดูยังไงๆแล้วเหมือน Bromance + คู่เวรคู่กรรม ยังไงไม่รู้ จากคุณ : Pelapear เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 12:38:01

ความคิดเห็นที่ 13 เราว่ามันก็เป็นธรรมดาของเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ก็มักจะมีความรู้สึกหวงเพื่อน ีอยากให้เพื่อนสนิทกับเราคนเดียว ยิ่งสนิทกันมากๆ ความรู้สึกแบบนี้จะยิ่งเยอะขึ้น อย่างเวลาเห็นเพื่อนแต่งงาน ดีใจก็ดีใจนะ แต่ก็แอบเศร้าเพราะเราอ่ะต้องเหงาคนเดียว จากคุณ : แค่หนึ่งมุมมอง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 12:47:35

ความคิดเห็นที่ 14 มิตรภาพระหว่างลูกผู้ชายทั่วๆไปนิแหะลครับ มีแต่พวกบ้าบอๆ ชอบจิ้นให้เค้าม่วงกัน จากคุณ : Kadaj17 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 12:58:01

ความคิดเห็นที่ 15 มันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ขนาดหนังสงครามหนักๆ อย่าง Black hawk down ยังมีนักวิจารณ์ภาพยนตร์บางคนบอกเป็นหนังเกย์เลยครับ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 13:01:23

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ^ บทสัมภาษณ์จาก Starpics  โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "จากภาคที่แล้วอารมณ์ Bromance ฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ ผมคิดว่าถ้าคุณได้ดูนะคุณจะรู้สึกได้ว่าเราไม่มีการเก็บอาการเลยแม้แต่น้อย พูดตรงๆ เลย มันเป็นเรื่องเล่าจากการสังเกตการณ์ของชายคนหนึ่ง (วัตสัน) ต่อชายอีกคน (โฮล์มส์) ซึ่งบอกว่าเขาเป็นเพื่อนแท้คนเดียวที่มี และเขาก็รู้สึกตัวอีกว่าชายคนนั้นเป็นคนที่ใกล้ชิดด้วยมากๆ นอกเหนือจากภรรยา ผมคิดว่านั่นมันเป็นธีมที่ดีมากเลยนะ ท้ายที่สุดแล้วเราก็มีความรักทำนองนี้ด้วยกันครับ" จู๊ด ลอว์ กล่าวเสริมว่า "ธีม Bromance จะเน้นหนักมากในภาคนี้ครับ เมื่อตัวละครของนูมิเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย มันสร้างเรื่องให้เกิดขึ้นในหนังเมื่อเกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับการเชื่อใจใครสักคน และคุณสามารถไว้ใจเขาได้อย่างแท้จริงแค่ไหน" Bromance มันคือมิตรภาพของผู้ชายต่อผู้ชายมีคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อนคิด เพื่อนกิน เพื่อนตาย เพื่อนคู่ทุกข์ คู่สุข แต่ไม่ใช่เกย์ ยังคงรักผู้หญิงแน่นอน (คหสต) จากคุณ : JOE-GAFF เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 13:05:14

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าอ่านในนิยายจะไม่มีกลิ่นให้จิ้นกันหรอกครับ แต่ในหนังยังไง ๆ ผมก็รู้สึกว่ามีอยู่นิด ๆ นะ จากคุณ : ตัวโน้ตดนตรีที่ 18 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 13:15:06

ความคิดเห็นที่ 18 ฉากโฮลม์ มอง วัตสัน แต่งงาน แล้วทำหน้าเศร้า ผมว่าไม่เห็นแปลก เวลาเพื่อนสนิทผมแต่งงาน ผมก็เศร้าแหละ เพราะหมายความว่า จะไม่สามารถไปเที่ยว ไปลุยได้อย่างเก่าแล้วไง ยิ่งโฮลม์มีเพื่อนคนเดียวในชีวิตคือวัตสัน เขาก็ต้องเศร้าอยู่แล้ว จากนี้ไปจะต้องลุยคนเดียวไม่มีเพื่อนมาคอยอยู่เคียงข้าง จากคุณ : โจนาธาน โจสตาร์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 13:22:47

ความคิดเห็นที่ 19 จิ้นเจิ้นอะไรไร้สาระ หนังมันสื่อแบบนั้นอยู่แล้ว ดุแต่หนัง ไม่เคยอ่านนวนิยาย ไม่รุ้หรอกว่าคนอ่านที่เขารักตัวละคร อ่านมันทุกเล่มทุกตอน มันจะเสียใจกับหนังที่พยายามสร้าง ให้เปนเกย์ เอาคำว่าจิ้นไปใช้กับบ้่นเอเอฟ กับติิ่งเกาหลีเหอะ อย่าเอามาใช้กับวรรณกรรมระดับโลกเลย จากคุณ : Mr.Feynman เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 13:41:32

ความคิดเห็นที่ 20 19 ผมก็อ่านนิยายมาทุกตอนของโฮล์มไม่เห็นจะรู้สึกอย่างนั้นเลย สำหรับผมเห็นแค่ความรู้สึกผูกพันของเพื่อนรักที่เคยเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกัน แถมยังเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตที่เข้าใจในตัวของโฮล์มมากที่สุด แล้วมาแต่งงานไป อีกหน่อยต้องลุยคนเดียว อยู่คนเดียว ไม่มีคนมาคอยเป็นคู่คิด ก็แค่นั้น ไม่เห็นจะเกย์ตรงไหนเลย จากคุณ : Zero_Fight เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 14:53:10

ความคิดเห็นที่ 21 คนไม่เป็นเองคิดไม่ได้นะเนี่ย อิอิ จากคุณ : tkung13 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 15:32:48

ความคิดเห็นที่ 22 ถึงเราจะแอบเขินฉากขอเต้นรำ แต่เราว่าหนังมันก็ไม่ได้เกย์นะ รู้สึกถึงอารมณ์เพื่อนตายที่รักกันมาก มากกว่า ยิ่งโฮล์มมีวัตสันเป็นเพื่อนแท้แค่คนเดียว อารมณ์เศร้ามันยิ่งมากเป็นธรรมดา จากคุณ : MeLoNDeViL23 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 15:45:30

ความคิดเห็นที่ 23 เราก็เป็นแฟนหนังสือโฮล์มส์เหมือนกัน สำหรับเราเราว่ามันแล้วแต่คนจะตีความมากกว่าค่ะ คือในหนัง หรือหนังสือเรื่องอะไรก็ตามที่มีฉากผู้ชายสนิทสนมกันเพราะผ่านเหตุการณ์ มากมายมาด้วยกัน ช่วยชีวิตอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น หนังสงคราม เพชรพระอุมา ลอร์ดออฟเดอะริงส์ แม้กระทั่งการ์ตูนผู้ชาย จะถูกจิ้นหมดแหละ อันนี้ต้องทำใจ แต่ในหนังเราว่าไม่ถึงกับเป็นคู่ขาคู่เกย์กันนะ ออกแนว bromance อย่างที่เขา่ว่าไว้นั่นแหละ จากคุณ : กรวดสีฟ้า เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 16:43:46

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบเรื่องนี้ที่ "อัพเกรด" หมอวัตสันให้สุโค่ยกว่าฉบับนวนิยาย ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่าในหนังสือ และค่อนข้างจะทันโฮลส์ม มากกว่า และอัพเกรดโฮลส์ม ให้เล่นกับประเด็นที่ใหญ่เกินกว่าคดีธรรมดาๆ ในหนังสือ อ่านมาเยอะ ดูมาแยะ หลายเวอร์ชั่น บางเวอร์ชั่น ไม่โปรดอย่างแรง เพราะหมอวัตสันกลายเป็นตัวตลกไปเสียนี่ ประวัติของหมอวัตสัน จะว่าไปก็ใช่จะกาก มีความเนี้ยบตามปรกติของสุภาพบุรุษอังกฤษ ฉลาด เพราะเป็นหมอ เก่งกล้าสามารถพอสมควรเพราะผ่านสงครามมาแล้วแบบหมอทหาร กล้าหาญ แต่ไม่เลือดร้อน ช่างสังเกตุแบบใส่ใจองค์ประกอบ แต่ไม่ได้มีพรสวรรค์ทางการวิเคราะห์เหมือนโฮลส์ม ในนิยายจริง ๆ ก็ช่วยโฮลส์มได้เยอะ แต่ไม่ถึงกับสุโค่ยแบบในหนัง แต่ผมว่า ความเป็น จู๊ด ลอว์ คงทำให้หมอวัตสันเก่งขึ้นเยอะ เพราะถ้าเอาจู๊ด ลอว์ มาเล่นแนวตลกตามพระ แบบละครไทย ต้องเรียกว่า "เสียของ" ผมชอบเชอร์ลอค โฮล์ม เวอร์ชั่นนี้มาก เพราะแม้จะไม่ตรงกับบทประพันธ์ ในแง่ที่อัพเกรดหมอวัตสันเกินไป แต่ก็ตรงกับข้อเท็จจริง เพื่อนสนิทมันต้องทันกันในบางเรื่อง และมีดีพอจนวางใจกันได้ ส่วนเรื่องกลิ่นอายสีม่วง ผมว่า ในยุคที่สีม่วงไม่เบ่งบานเกลื่อนเมืองอย่างนี้ จะถือเป็นเรื่องปรกติมาก สำหรับคำว่าเพื่อน เดี๋ยวนี้ กอดคอเดินกับเพื่อนเพศเดียวกัน คนมันก็คิดแล้วครับ ว่าสงสัยใช่แน่ ผมยังโดนเลยครับ นับประสาอะไรกับโฮล์มสกับหมอวัตสัน จากคุณ : คางคกแมน เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 16:49:42

ความคิดเห็นที่ 25  ผมดูหนังเรื่องนี้ยังไงก็ไม่เกย์นะ คุณไม่มีเพื่อนผู้ชายที่สนิทกันบ้างเหรอ ช่วยจีบสาว ช่วยเหลือเราเวลาลำบาก จากคุณ : เกิดในที่สว่าง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 18:13:21

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าเขาจงใจทำให้ออกมาออกแนวเพื่อนรัก-รักเพื่อนแบบนี้แต่แรกอยู่แล้วนะ จะได้ดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้น ไอ้ที่ว่า Bromance อะไรนี่บางทีมันก็เป็นคำที่ใช้เพื่อไม่ให้ดูโฉ่งฉ่างหรือได้รับกระแสแอนตี้มากไปเท่านั้นแหล่ะ(แต่นี่ขนาดอ้อมๆแล้วนะ ก็ยังอุตส่าห์จะมีคนมาตั้งกระทู้แบบนี้อีก) อีกอย่างคนไม่ได้คิดมากไปในทางเกย์ก็คงขำกับมุกที่ออกแนวแซวๆในเรื่อง หรือไม่ก็มองไปในทางเพื่อนสนิทแทน(ซึ่งจะมองแบบนี้ก็มองได้) ส่วนคนที่ชอบในการจิ้นก็คงรู้สึกชอบในความสัมพันธ์รูปแบบนี้อีกเช่นกัน(ซึ่งจะมองแบบนี้ก็มองได้ เพราะหลายๆอย่างหนังเป็นฝ่ายเล่นกับคนดูเองด้วยซ้ำ) ก็ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ส่วนคนไม่ชอบก็อย่าพรีเซนต์ความไม่ชอบของตัวเองเว่อร์ไปนักเลยครับ ทำอย่างกับว่าโลกนี้จะต้องห้ามสร้างหนังอะไรเพื่อกลุ่มลูกค้าแบบนี้ไม่ได้เลยเนอะ ถ้าคุณจะห้ามทำอย่างงี้กับวรรณกรรมระดับโลก ผมว่าเวอร์ชั่นหนังอันนี้ก็ไม่ได้อะไรที่ใกล้เคียงกับตัววรรณกรรมเลยนะ ทั้งการตีความตัวละคร การผูกโยงเรื่อง อารมณ์แอคชั่นระห่ำ บรรยากาศตลกร้าย  บลาๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 55 18:21:45 จากคุณ : Berserk Rabbit เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 18:20:29

ความคิดเห็นที่ 27 เราว่าที่มันดูเหมือนเกย์เพราะพลังจิ้นของคนดูมากกว่าค่ะ กลิ่นอายอาจจะคล้ายๆอย่างนั้น แต่มันเป็นมิตรภาพของผู้ชายค่ะ เรารู้สึกได้ตั้งแต่อ่านแล้ว แต่หนังภาคนี้ทำออกมาชัดมาก คงเพราะฉากแต่งงานด้วย คือ วัตสันเป็นคนเดียวที่โฮล์มสสนิทด้วย ถือเป็นเพื่อนแท้ เพื่อนสนิท เพื่อนตายเพียงคนเดียวของโฮล์มสเลยก็ว่าได้ คอยช่วยเหลือกัน ไว้ใจและเชื่อใจกัน เป็นมิตรภาพที่ลึกซึ้งมาก ที่โฮล์มสแสดงอาการแบบนั้นตอนวัตสันจะแต่งงาน น่าจะเป็นเพราะโฮล์มสกำลังจะเพื่อนสูญเสียคนสำคัญไป เพราะเมื่อวัตสันแต่งงานก็จะเป็นเหมือนก่อนหน้านั้นไม่ได้อีก เศร้านะ จากคุณ : kamisiro เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 18:37:20

ความคิดเห็นที่ 28 มาอ่านกระทู้นี้ ถึงได้จำได้ว่าทำไมดูภาคแรกแล้วรู้สึกไม่ค่อยชอบ เพราะความสัมพันธ์ คู่นี้มันออกแนวเกย์ๆนี้เอง หมออะไม่เท่าไหร่ แต่โฮม เวลามองนี้ดิ ไ่ม่ธรรมดา แล้วเหมือนผู้กำกับจงใจเน้นตรงนี้ ด้วยมันเลยดูจงใจยัดใส่มาเกินไป ไม่มีความจำเป็นต้องจับประเด็น หมอ แต่งงานแล้ว แล้วโฮมต้องไม่ชอบหรืออะไรทำนองนี้เลย หนัง สือเรืองนี้มีวัตถุดิบให้เอาไป ทำเป็นหนังได้อีกหลายประเด็น ทั้งพวก แอ็กชั่น การสืบส่วน ไรพวกนี้เอามายัดตอนนึงไงก็เกิน 2 ชัวโมงแล้ว คห สวนตัวนะครับ ถ้าใครจะมองว่าเป็นมิตรภาพระหว่างลูกผู้ชาย ตามแนวคิดก็ ok ผมไม่ชอบพวกจิ้นจับคู่ เป็นผู้ชาย มีภรรยาแล้ว เคยเรียนมาในโรงเรียนชายล้วน แต่ดูความสัมพันธ์ ของคู่นี้แล้ว รู้สึก ว่ามันเกินมิตรภาพลูกผู้ชายไปแล้วนะ ทำไมไม่ทำให้มันพอดี อย่าง badboy/fast five /shawshank/แล้วไม่ต้องไปเทียบกับ startreck เลยครับ มันออกมาคนละแนวเลย แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 55 21:18:29 จากคุณ : KF91 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 21:16:35

ความคิดเห็นที่ 29 ทำไมผมไม่รู้สึกอะไรเลยอะ จากคุณ : ปล่อยใจ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 21:26:22

ความคิดเห็นที่ 30 เราชอบอ่ะ ดูตลก รักเพื่อน จากคุณ : imartuun เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 21:52:00

ความคิดเห็นที่ 31 ผมฮาตรงโฮล์มสแต่งหญิง แถมจับเมียเพื่อนโยนออกนอกรถไฟ จากคุณ : ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 22:00:02

ความคิดเห็นที่ 32 เพื่อนซี้ เพื่อนรัก เพื่อนสนิท แถมโฮมส์มีแค่เพื่อนคนนี้คนเดียว พอเพื่อนแต่งเลยเซ็ง และหวงๆเพื่อนนะ ไม่มีอะไรหรอก หนังบางทีก็สร้างให้คนคิดกันไป คุยกันก็ทำให้หนังมีคนสนใจ อยากดูขายได้มากขึ้น จากคุณ : Suisen เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 22:13:56

ความคิดเห็นที่ 33 เพิ่งได้ดูภาคแรก ตอนนี้อยากดูภาคสองมาก เราว่าก็น่ารักดีนะ 55 คือมันไม่ได้สื่อชัดเจนขนาดนั้น ก้ออกแนวเพื่อนสนิทมากๆอ่ะแหละ จากคุณ : Apennine เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 22:43:48

ความคิดเห็นที่ 34 เชอรรี่เขารักเดียวใจเดียวนะครับ.. แทบร้องไห้ตามกับฉากโดยสารบนเรือข้ามช่องแคบอังกฤษมั๊ง.. ซีนเล็กๆที่ใครจะไปสนใจ..Y-Y จากคุณ : จันปราชญ์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 22:59:04

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่ได้รู้สึกว่ามันเกย์มากขนาดนั้นแต่ว่าบางฉากก็มีแอบลุ้นบ้าง แต่ยังไงยังไงก็รู้สึกถึงเพื่อนสองคนที่สนิทรักและผูกพันกันมากกว่า จากคุณ : polapol เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 23:02:41

ความคิดเห็นที่ 36 ผมได้ดูทั้งสองภาค แต่ไม่เห็นมีความรู้สึกว่าจะเป็นอย่างที่หลายท่านคิดเลยครับ ผมคิดว่าที่หนังชี้นำทำให้หลายๆคนคิดอาจเป็นเพราะ ความตลกร้ายของผู้กำกับ Guy Ritchie มั้งครับ จากคุณ : SAMCRO913 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 01:31:19

ความคิดเห็นที่ 37 ภาคแรกกำลังดี มองได้ว่าเป็นมิตรภาพของเพื่อนสนิท มีหวงๆ เพื่อนนิดหน่อย แต่ภาค 2 นี่ไม่ไหว เยอะเกิน ผกก.จงใจสื่อไปทางนั้นจริงๆ เอาใจตลาด พูดถึงหนังนะ ไม่เกี่ยวกับหนังสือ ไม่ได้อ่าน จากคุณ : กระจิ๊ดฤทธิ์ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 10:22:01

ความคิดเห็นที่ 38 ดูมาแล้วเหมือนกันค่ะ ภาคสองนี่ไม่จิ้นเลย 55 ออกแนวตลก ฮาๆมากกว่านะ ชอบภาคแรกมากกว่า กำลังกรุบกริบ(?) แต่สนุกทั้งสองภาคค่ะ จากคุณ : i'll always return เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 11:59:49

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่รู้สึกถึงความเป็นเกย์เลยซักนิด ถ้าใครเคยอ่านเพชรพระอุมา มีตอนหนึ่งที่รพินทร์บอกกับดารินว่า จะโกรธมั้ย ถ้าจะบอกว่าเขารักแงซายมากกว่าดารินซะอีก มันคือความรู้สึกของมิตรภาพของเพื่อนแท้ี่จริงๆ จากคุณ : ช่อฟ้า เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:04:27

ความคิดเห็นที่ 40 พูดแล้วนึกถึงฉากใน rocky III ที่ Apollo สอนมวยให้ Rocky วิ่งบนหาด จากคุณ : nemoatlantis (NemoAtlantis) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 22:35:25