เอพิโซด คนที่แบกกางเขนยักษ์ที่สูงกว่าตัวเขา 3 เท่า ไว้บนบ่า ชายที่ใส่ชุดสีขาวและมีตารูปสามเหลี่ยม ผมได้ยินมาว่า - เขาเป็นนักล่าแวมไพร์ ล่าแวมไพร์เพื่อเงินรางวัล คุณอาจเรียกเขาว่านักฆ่ารับจ้างก็ได้ จากนั้น - ในเวลาเดียวกันนั้น เขาคือ - ครึ่งแวมไพร์ นักล่าและครึ่งแวมไพร์ มุมนึงเขาอาจจะดูเหมือนเป็นแค่วัยรุ่นธรรมดา แต่ทางตรงกันข้ามเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการปราบแวมไพร์ คนที่เอาขาซ้ายของคิสช็อตไป - คือเอพิโซด "......นายมาสายนะ" สามวันหลังจากนั้น - วันที่ 4 เมษา (4 เดือน 4 เลขอัปมงคลของญี่ปุ่นที่พ้องเสียงกับคำว่าตาย) การเรียงแถวของตัวเลขอัปมงคลทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ ผมพยายามจะดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ แล้วผมก็รู้สึกตัวว่า ผมลืมใส่นาฬิกาข้อมือมา - จากนั้นผมจะเช็คจากมือถือ ผมก็ลืมกระทั่งมือถือ กระอักกระอวนใจจริงๆ อย่างที่คิด ผมไม่สามารถใจเย็นได้ จะอะไรก็ช่าง - ในเวลาแบบนี้ คนที่ผมอยากติดต่อคือโอชิโนะ แต่คนร่อนเร่อย่างเขานั้นดันไม่มีมือถือ พอพูดถึงคนคนนี้แล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยถูกกับพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าสักเท่าไหร่ คงเพราะ มือถือเป็นเครื่องมือที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับวิญญาณและไคอิสักเท่าไหร่ล่ะมั้ง กลางคืนของวันที่ 4 เดือนเมษา ผมต้องไปที่สนามกีฬาโรงเรียนนาโอเอซึอีกครั้ง แน่นอน - การต่อสู้ครั้งที่ 2 เพื่อต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญด้านการกำจัดแวมไพร์คนที่ 2 เอพิโซด 3 วันที่ผ่านมานี้ ผมครุ่นคิดหลายๆอย่าง อย่างเช่น ผมตัดสินใจที่จะไปมือเปล่า เหมือนกับตอนสู้กับดราม่าเทอกี้ "เธอไม่เอาอาวุธไปคงจะดีกว่า" ผมทำตามความคิดของฮาเนกาว่า "อาวุธปกติคงไม่สามารถทนแรงในปัจจุบันของเธอในฐานะแวมไพร์ได้ และถึงแม้เธอจะหามันมาได้ ถ้าเธอได้แต่ถือไปมาเหมือนกับกระบองตำรวจ แล้วเธอจะเอาไปทำไม?" "............" เธอพูดตรงจุด "พวกนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญใช้ไหม? ไม่ใช่ว่าพวกเขารู้วิธีรับมือกับเรื่องแบบนี้ดีอยู่แล้วหรือไง? "อืม..." คิดถึงแล้วดราม่าเทอกี้ก็สามารถเปลี่ยนร่างกายให้เป็นหมอกได้ คงเพราะว่าเขาคิดนอกกรอบของคนธรรมดา ผมจึงมามือเปล่า - ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากบทเรียนความผิดพลาดของผมในตอนที่สู้กับดราม่าเทอกี้จากคราวก่อน แต่ฮาเนกาว่าแค่มองผมต่อสู้จากหลังอาคารกลับกลับสอนผมได้หลายอย่าง ผมติดหนี้เธออีกแล้ว เธอเห็นข้อบกพร่องของผม คำแนะนำของคิสช็อตก็ยังเข้าใจได้ยากเหมือนเคย - ผมจะให้ดูซีนที่ผมได้รับคำแนะนำจากคิดช็อตข้างล่าง "นักล่าแวมไพร์กับครึ่งแวมไพร์ - อย่างน้อยผมก็ได้ยินคำศัพย์เกี่ยวกับแวมไพร์ ว่าแต่ คิสช็อตเธอช่วยลงลายละเอียดให้หน่อยได้ไหม?" "เราลืมไปแล้ว" เธอพูด ว่าเธอลืม...... "อืมม - ความทรงจำเรามันขาดหาย เราไม่ได้บอกเจ้ามาก่อนเหรอ?" "เป็นคำพูดที่น่าตลกจริงนะ......" "อืมม - รอเดี๋ยวนะ" พูดจบ คิสช็อตก็เอามือวางไว้ที่ด้านข้างหัวของเธอ จากนั้นก็แทงนิ้วทั้ง 4 ลงไปที่ขมับ มือขวาเล็กๆค่อยๆจมลงไปในหัวสีบลอนด์ของเธอจนถึงข้อมือ เลือดพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ระเหยแล้วหายไป "ฮ..ฮ..เฮ้.....!" "เดี๋ยวก่อน เราจะจำได้แล้ว" จากนั้นคิสช็อตก็คนในกะโหลกของเธอที่มีสมองเบียดเสียดกันอยู่ข้างใน ไม่ได้มีแค่เลือดรั่วออกมาจากแผล แต่บางทีคงมีน้ำไขกระดูกสันหลังด้วย ".........!" ม่ายยยยยยยยยยย !! นี่มันไม่เหมาะที่จะทำอนิเมเลยสักนิด นิ้วมือได้ถูกแหย่ไปแม้กระทั่งที่กล้ามเนื้อตาหรืออะไรประมาณนั้น เพราะลูกตาขวาได้เคลื่อนไหวในแบบที่เหมือนกับนวนิยายที่คุณคิดว่าเธอได้ถูกปีศาจสิงอยู่ ธ-เธอกำลังค้นหาความจำในหัวอย่างแท้จริง เทคนิดการจำอะไรกัน "อืมม" ในที่สุดคิสช็อตก็ดึงมือที่ย้อมไปด้วยสีแดงออกมา "เราจำได้แล้ว" "......อะไร?" ผมขัดจังหวะ ขณะที่กำลังมองเลือดที่ย้อมผมกำลังระเหยไป "เธอจำอะไรได้?" "เรายังจำได้ถึงเหตุผลที่ดราม่าเทอกี้พยายามชวนเจ้าเป็นพวก ดราม่าเทอกี้เขาไม่ได้ล่าแวมไพร์เพราะเกลียดแวมไพร์ แต่เอพิโซดนั้นต่างกัน เขามีความเกลียดชังแวมไพร์อย่างมาก" "เกลียด? ทำไมล่ะ - ไม่ใช่ว่าเขาเป็นแวมไพร์ 50% เหมือนกันรึไง? เนื่องด้วยเขาเป็นแวมไพร์ ผมก็รู้ว่าเขาไม่ใช่พรรคพวกแต่--" "เรื่องเกี่ยวกับครึ่งแวมไพร์ - เนื่องจากไม่ค่อยมีตัวอย่าง เราก็ไม่สามารถสรุปได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ พวกนั้นจะเกลียดแวมไพร์" "ทำไมล่ะ?" "ง่ายมาก เพราะครึ่งแวมไพร์ไม่ได้ถูกยอมรับจากโลกแวมไพร์ ในอีกด้านก็ไม่ใช่ว่าสังคมมนุษย์จะยอมรับเขานั้นเช่นกัน เพราะงั้น - เขาจึงเกลียดสายเลือดแวมไพร์" "แล้วถ้างั้นเขาจะไม่เกลียดมนุษย์ไปด้วยเหรอ?" "เขาอาจจะไม่ชอบมนุษย์ แต่ว่ามันจะมีประโยชน์อะไรที่เจ้าจะเกลียดคนที่อ่อนแอกว่าตัวเจ้าเอง?" คิสช็อตพูดอย่างทื่อๆ "ถึงแม้จะเป็นแค่ครึ่งเดียว แต่ความแข็งแกร่งก็เทียบไม่ได้กับมนุษย์ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นเอพิโซดดูเหมือนจะแบกความเกลียดชังแวมไพร์อย่างไว้อย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่คิดว่าเขาจะยอมแพ้ง่ายๆเหมือนกับดราม่าเธอกี้ การกระทำของเขาเหมือนทำเพราะความรู้สึกส่วนตัวมากกว่าเป็นงาน" "เฮ้อ--" "ครึ่งแวมไพร์ เกือบจะไม่มีจุดอ่อนแบบแวมไพร์โดยแลกกับความอมตะที่ด้อยกว่าแวมไพร์ พวกเขาสามารถเดินท่ามกลางแสงอาทิตย์ได้ และยังสามารถใช้วิชาเงาได้อีกด้วย" "เอ๋....ใช้วิชาเงาได้?" "อีกนัยนึง เหมือนกับแลกข้อได้เปรียบครึ่งนึงไป เพื่อลบจุดอ่อนเกือบทั้งหมดของตัวเอง" "อา....." เข้าใจแล้ว "ทำไงถึงจะชนะล่ะ?" "หืม? งั้นทำเหมือนที่เคยทำเป็นไง?" ".............." ขอบคุณสำหรับความมั่นใจในตัวผมเต็มเปี่ยม ระหว่าง 3 วันนี้ ผมเรียนรู้จากการ์ตูน ถ้ามองจากมุมมองภายนอกแล้ว อา..มันเหมือนกับผมไม่ทำอะไรเลย มันเป็นอะไรที่ลี้ลับจริงๆ ยิ่งถ้าคุณอ่านเพราะความจำเป็น ไม่ว่าการ์ตูนเรื่องนั้นจะน่าสนใจหรือไม่ มือที่ไว้เปลี่ยนหน้ามันจะช้าลงทันที....แม้กระทั่งวันนี้ก็เช่นกัน พูดถึงเรื่องโอชิโนะ คืนวันที่ 1 เมษา ทันทีที่ฮาเนกาว่ากลับบ้าน โอชิโนะก็กลับมาพอดี ทั้งๆที่ผมคิดว่าจะแนะนำฮาเนกาว่าให้รู้จักสักหน่อย แต่โอชิโนะเลือกที่จะกลับมาในตอนที่ฮาเนกาว่ากลับพอดี แต่ผมคิดว่าผมก็ไม่ควรจะไปจุ้นจ้านอะไร "ผมพูดจากจุดยืนที่เป็นกลางนะ นี่มันเป็นความคิดที่ดี คุณหนูหัวหน้าห้องนี่ฉลาดจริงๆ" โอชิโนะพูด "ยังไงก็เถอะ ผมคงต้องขอให้นายหยุดออกไปข้างนอกก่อนถึงเวลาต่อสู้ก่อน" เขาพูดต่อ "เพราะว่ามันมีความเป็นไปได้ที่พวกนั้นอาจจะกำลังรอเวลานั้นอยู่" "แต่ - นายเจรจาไว้แล้วนี่" "หัวใจหลักของการเจรจาคือการไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ นายรู้ไหม? ผมไม่คิดว่าพวกนั้นจะไปยุ่งกับนายหรอก แต่ถ้าหากนายถูกตามมาจริงๆมันไม่สนุกหรอกนะ" "ถึงแม้ผมจะถูกตามที่นี่ก็จะไม่ถูกพบใช่ไหม? ถ้าหากบาเรียมีแค่ผม คิสช็อต และโอชิโนะที่เข้ามาได้ - ผมจำได้ว่าเขาบอกเองว่าบาเรียนี้มีประสิทธิภาพ "ผมก็มั่นใจเรื่องของบาเรีย แต่ว่าผมก็ไม่อยากมองข้ามความเป็นไปได้เล็กน้อยเช่นกัน" "ความเป็นไปได้เหรอ--" "หนูหัวหน้าห้องจะมาวันพรุ่งนี้ด้วยใช่ไหม? ถ้านายอยากจะอ่านการ์ตูนหลายๆแบบก็ลองถามหนูหัวหน้าห้องดูสิ อา แต่ว่าที่นี่มีบาเรีย ถึงเธอจะเคยมา 2 ครั้ง 3 ครั้งก็คงหลงอยู่ดี ไม่มีทางเลือก ผมคงต้องรวมเธอไปด้วยล่ะนะ" "ต..แต่--" "แน่นอนว่าผมไม่สามารถช่วยนายได้ แต่ถ้าไม่เอาหนูหัวหน้าห้อง นายคงต้องพึ่งเพื่อนคนอื่นแล้วล่ะ" แต่ผมไม่มีเพื่อนคนอื่นสักหน่อย ได้แต่หวังพึ่งฮาเนกาว่า "อ้า ถ้านายอ่านเสร็จแล้วผมขอยืมด้วยนะ" หลังจากพูดจากวนประสาทผมเสร็จคำสุดท้ายเสร็จ โอชิโนะก็ไป เขาเพิ่งกลับมา จากนั้นก็ออกไปทันที..... หมอนั่นนอนตอนไหนกัน? ผมมักจะเห็นหมอนั่นนอนอยู่ แต่ลองคิดดูดีๆผมไม่เคยเห็นหมอนั่นหลับสักครั้ง - หมอนั่นทำงานหนักเรื่องเจรจาขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย? ถ้าอย่างนั้น อย่างนั้นผมก็ควรจะให้หมอนั่นยืมอ่านสักหน่อย และฮาเนกาว่านี่เป็นคนดีจริงๆ ในวันต่อมา - หรือต้องบอกว่า วันที่ 2 เมษา ตอนที่เธอมาโรงเรียนร้าง ผมได้ขอร้องเธอ และเธอก็ตอบกลับมาทันที'เหมือนกับพนักงานขายของ' เธอได้ซื้อการ์ตูนที่เธอแนะนำและการ์ตูนที่ผมขอมาตลอดติดต่อกันทั้ง 3 วัน จนถึงวันนี้ หรือต้องบอกว่า วันที่ 4 เมษา เธอเป็นคนดีจริงๆ วันนี้หลังจากที่ผ่านไปแล้ว 3 วัน "พยายามเข้านะ" เธอเชียร์ผมด้วยถ้อยคำให้กำลังใจ ถึงแม้จะง่ายๆแต่มันก็เติมเต็มใจผม "....ถ้าผมกลับไปเป็นมนุษย์ได้ ผมอยากรู้ว่าจะมีอะไรที่ผมช่วยเธอได้บ้างรึเปล่านะ" ยังไงก็เถอะ ในเวลานั้น - ความคิดผมเปลี่ยนไปจากเดิม เรื่องความแข็งแกร่งผู้หญิงที่ชื่อว่าฮาเนกาว่า และผมก็ยังไม่เข้าใจ - ถึงความอันตรายที่เธอมาเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นด้วย "บางทีหมอนั่นคงจะกลับบ้านไปแล้วจริงๆ--" ขณะที่ผมกำลังบ่นพึมพำไร้สาระที่หากมองย้อนมาจากในอนาคต - ในที่สุด เอพิโซดก็ปรากฏตัว
จากคุณ |
:
Fate Linegod
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ม.ค. 55 00:24:10
|
|
|
|