 |
ในเวลาแบบนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะไปที่ใหนดี จะกลับบ้านก็เป็นไปไม่ได้ ครั้นจะให้หาอาคารที่ถูกทิ้งร้างเหมือนโรงเรียนกวดวิชานั้นผมก็ไม่รู้จะไปหาที่ใหน เวลาก็กระชั้นเข้ามาแล้ว...พระอาทิตย์ใกล้จะขึ้นมาในทุกขณะ ผมเหมือนถูกไล่ต้อนให้จนมุม ในที่สุดผมก็เลือกที่จะใช้มือควานสมองอีกครั้งเพื่อพยายามคิดให้ออกแต่คราวนี้ผมใช้ทั้งสองมือ และสุดท้ายที่ๆผมคิดได้ก็คือโรงเก็บอุปกรณ์กีฬาของโรงเรียนนาโอเอตสึ มันกลายเป็นที่พักชั่วคราว...แต่ถ้าจะว่าไปคือมันเป็นที่ลี้ภัยมากกว่า ที่นี่ไม่มีหน้าต่างและถูกปิดด้วยประตูเหล็กซึ่งเหมาะกับการที่จะเป็นที่หลบซ่อนของแวมไพร์อย่างผมในเวลากลางวัน ถึงผมจะเลือกที่นี่ด้วยความสิ้นคิดแต่มันก็ไม่ใช่ที่ที่เลวร้ายเท่าไหร่นัก โชคดีจริงๆที่หลังจากการสู้กับดรามาเทอจี้แล้วผมซ่อมมัน แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาดีใจ ผมเข้าใจผิดทั้งหมด ในตอนนั้นฟันของผมกระทบกันไม่หยุด ร่างกายสั่นสะท้าน ทำไมกัน ทำไมผมถึงไม่เฉลียวใจเลย คิสช็อต อาเซโรร่าโอริออน ฮาร์ทอันเดอร์เบลดเป็นแวมไพร์ แวมไพร์ อ่อนแอต่อแสงแดด ไม่ชอบกางเขน ไม่ชอบกระสุนเงิน,น้ำมนต์,กระเทียมและพิษ จะตายเมื่อถูกลิ่มตอกเข้าที่หัวใจ ไม่มีเงาและไม่มีภาพสะท้อนบนกระจก มีเขี้ยว ร่างที่เป็นอมตะพลังฟื้นตัวที่เกือบจะเป็นอนันต์ มองเห็นในความมืด พลังในการเบลี่ยนสภาพ เลือดที่มีพลังรักษา และ...กินคนเป็นอาหาร... สำหรับแวมไพร์ที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของห่วงโซ่แล้วมนุษย์ก็ไม่ต่างจากอาหารสินะ ผมน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ความจริงก็คือเธอพยายามจะฆ่าผมไม่ใช่เหรอ? เธอจะกินผม...เธอจะดูดเลือดผม แม้ว่าจะเคยพูดคุย..แม้ว่าจะเคยผูกพัน... แต่ท้ายที่สุดแล้วนั้นผมก็เป็นได้แค่อาหารเท่านั้นสินะ ".............." สำหรับคิสช็อตแล้วมนุษย์ล้วนเหมือนกันหมด ถ้าคิดให้ดีแล้วเธอแทบไม่ได้คุยกับฮาเนคาว่าเลย...ไม่สิเธอไม่ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ สำหรับคิสช็อตฮาเนคาว่าเป็นแค่อาหาร เธอไม่ได้มองว่าฮาเนคาว่าเป็นเพื่อนของผม...แต่เธอมองว่าฮาเนคาว่าเป็นเพียงอาหารพกพาของผมที่เป็นแวมไพร์เท่านั้น บางทีถ้าเธอได้เจอกับฮาเนคาว่าหลังจากที่ได้พลังคืนมาแล้วล่ะก็... ฮาเนคาว่าอาจจะกลายเป็นอาหารของเธอแทนกิโยตินคัตเตอร์ก็ได้
เธอสับเนื้อเป็นชิ้นๆก่อนจะกิน "ถึงนักบวชมันจะไม่น่ากินเท่าไหร่...แต่ก็รสดีใช้ได้ เราไม่มีอะไรที่ชอบหรือไม่ชอบหรอกนะ...แต่ความหิวก็เป็นสิ่งที่เรียกน้ำย่อยได้ดีจริงๆ" "ไม่นะ..." กับผู้หญิงที่กำลังเช็ดคราบเลือดออกจากปากที่อยู่ตรงหน้า...ผมพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อจะพูดออกไป ผมตัดสินใจพูดออกไปด้วยความกล้าทั้งหมดที่มี "....ธะ...เธอไม่ควรกินมนุษย์" "หืม?" คิสช็อตเอียงหัวเล็กน้อยเหมือนไม่เข้าใจ "แต่ถ้าเราไม่กินเราก็ตายสิ" ใช่แล้ว...เธอพูดถูก...มันก็แค่เหตุผลง่ายๆ สำหรับเธอที่เป็นแวมไพร์การกินมนุษย์เป็นเรื่องปกติ เธอกินมาเป็นเวลานานและก็จะยังคงกินต่อไป... แวมไพร์ ...ผู้ติดตามคนแรกและคนที่สอง สำหรับเธอที่มีชีวิตอยู่มา 500 ปีแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะเคยดูดเลือดมนุษย์เพียงสองคน...เว้นแต่ว่าคนเหล่านั้นจะถูกสับให้เป็นชิ้นๆแบบนั้น นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่จำเป็นต้องสร้างผู้ติดตาม หากว่าข่าวลือเป็นจริง เมื่อแวมไพร์ดูดเลือด...คนที่ถูกดูดเลือดจะกลายเป็นแวมไพร์...ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้องทั้งหมด หลังจากที่ถูกดูดเลือดแล้วหากว่าไม่จัดการกับเหยื่อให้สิ้นซากเหยื่อถึงจะกลายเป็นแวมไพร์ และวิธีที่จะจัดการได้ดีที่สุดก็คือการกินมนุษย์คนนั้นให้หมดทั้งเลือดเนื้อและกระดูก และเนื่องจากว่าผมโดนดูดแค่เลือดเท่านั้นผมจึงกลายเป็นแวมไพร์ แต่กับกิโยตินคัตเตอร์ไม่ใช่...หมอนั่นกลายเป็นอาหาร และไม่ใช่แค่กิโยตินคัตเตอร์ คิสช็อตทำเรื่องแบบนี้มาตลอด 500 ปีราวกับเป็นเรื่องปรกติ ผมต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลยนับตั้งแต่ตอนที่พบกับเธอที่กำลังจะตายแล้วผมได้เข้าไปช่วยเธอ... ทำไมถึงไม่มีใครช่วยเธอ ทำไมผมถึงไม่เข้าใจกันนะ ไม่มีเหยื่อที่ไหนจะช่วยผู้ล่า "วะ...หวา" กิโยตินคัตเตอร์...ถึงหมอนั่นจะน่ารังเกียจ สันดานแย่ขนาดใหน แต่ถึงกระนั้นหมอนั่นก็ไม่ใช่คนที่สมควรจะถูกฆ่า ถึงหมอนั่นจะเคยทำเรื่องเลวๆกับฮาเนคาว่า...แต่นั่นก็เป็นเพราะความผิดของผม เพราะผมเป็นแวมไพร์ ที่หมอนั่นทำทั้งหมดก็เพื่อกำจัดปีศาจ "ไม่ใหวแล้ว...ไอ้เรื่องพวกนี้...ผมไม่อยากคิดแล้วไอ้เรื่องแบบนี้!!!!" ผมดึงมือออกจากหัวก่อนจะกุมมันใว้ นับจากนี้คิสช็อตจะกินมนุษย์อีกหลายชีวิต...ทั้งหมดคือความผิดของผม ถ้าหากฮาเนคาว่าถูกกิน ถ้าหากน้องสาวของผมถูกกิน ถ้าหากพ่อแม่ของผมถูกกิน ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของผม เพราะผมช่วยเธอใว้ ไม่ใช่เพราะช่วยในการรวบรวมแขนขาหรือหัวใจ... แต่มันผิดนับตั้งแต่ที่ผมเจอเธอแล้ว ใต้แสงไฟนั้นหากว่าผมไม่สนใจเธอ ไม่ได้ช่วยเธอเรื่องทั้งหมดก็คงจบ ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะความใจอ่อนของผมเอง ผมไม่ได้เข็มแข็งเหมือนฮาเนคาว่า ผมไม่เคยคิดเลยว่าถ้าผมตายไปพวกน้องสาวจะรู้สึกแบบใหน ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครร้องให้ ผมหนีจากเธอมาจนสุดท้ายก็มาลงเอยที่นี่ สถานที่ที่มืดที่สุดเท่าที่ผมพอจะนึกออก "ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผม" "เพราะผม นับจากนี้มนุษย์จะถูกกินอย่างต่อเนื่อง" ด้วยแวมไพร์ที่ไม่มีใครจะสามารถหยุดได้ ตัวตนแห่งตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา คิสช็อต อาเซโรร่าโอริออน ฮาร์ทอันเดอร์เบลด "เพราะผม ทั้งหมดพราะผมคนเดียว" โอชิโนะคงคาดเดาเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ต้น ถึงแม้ว่าตอนแรกเขาจะบอกว่ามันเกี่ยวกับสมดุลของการต่อสู้ก็เถอะ แต่ในตอนแรกที่เขาขโมยหัวใจของคิสช็อตนั้นเขาไม่ได้รับการว่าจ้างจากใครแน่ๆ...เพราะเขาพบสามนักล่านั้นพร้อมๆกับผม นั่นหมายความว่าเขาตัดสินใจเอง นั่นหมายความว่าอย่างน้อยถ้าจะให้มนุษย์สู้กับคิสช็อตได้คือต้องขโมยหัวใจของเธอมา เขาไม่ได้ทำไปเพื่อกำจัดเธอ...เพราะงานของเขาคือการสร้างสมดุล และสมดุลที่เขาสร้างขึ้นมานั้น...ผมเป็นคนทำลายมัน ไม่มีใครคาดคิดว่าคิสช็อตจะสร้างผู้ติดตาม...ไม่มีใครคาดฝันว่าจะมีคนช่วยคิสช็อตที่กำลังจะตาย ทั้งหมดมันเป็นเพราะความคิดและการกระทำที่งี่เง่าของผม ทั้งๆที่ไม่มีใครต้องการแท้ๆ...แต่ผมก็ขัดขวางพวกเขา อีกทั้งยังเอาหัวใจคืนมาจากโอชิโนะ ผมคือคนที่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากขึ้น และเพราะการกระทำโง่ๆของผม...ผลตอบแทนของการที่แส่เข้าไปช่วยแวมไพร์ที่กำลังจะตายนั้นน่ะเหรอ... การกลายเป็นอาหารของกิโยตินคัตเตอร์คือผลลัพท์ ในสภาพที่มันสมองถูกกินไปพร้อมๆกับกะโหลกแบบนั้นไม่ว่าเลือดของแวมไพร์จะมีพลังขนาดใหนก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ความตายของกิโยตินคัตเตอร์ไม่ใช่จุดจบ...แต่เป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของแวมไพร์ที่ชื่อคิสช็อต อาเซโรร่าโอริออน ฮาร์ทอันเดอร์เบลด ผมหยุดเธอไม่ได้...ไม่มีใครที่จะสามารถต่อกรกับเธอได้อีกแล้วทั้งดรามาเทอจี้และเอพพิโซดก็ด้วย ผมยอมรับในความกล้าหาญของกิโยตินคัตเตอร์จริงๆที่กล้ามาประจัญหน้ากับเธอในฐานะมนุษย์ โอชิโนะเองก็ด้วย เขาขโมยหัวใจของคิสช็อตเพื่อสร้างสมดุลโดยที่ไม่มีใครบอก ...แต่มันก็จบแล้ว เกมจบแล้ว สมดุลพังทลาย มนุษยชาติพ่ายแพ้ และจะถูกสังหารโดยคิสช็อต ตลกร้ายชัดๆ ผมมันคนโง่ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย "ผมเกลียดมัน" บางสิ่ง ภายในร่างกายผม....ยังคงมีบางสิ่งที่รอการปะทุ หลังผ่านความเสียใจมาแล้วได้สังเกตเห็นความจริงที่น่ากลัว ถึงตอนนี้แม้ว่าผมจะกลัวและเกลียดชังแวมไพร์ขนาดใหน...แต่ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา ถูกทุกอย่างเลย คำพูดของโอชิโนะมีน้ำหนักอย่างมากสำหรับผม ".....................!" ผมหิว... ตอนนี้ผมรู้สึกหิว อา...เข้าใจล่ะ หลังผ่านมาสองอาทิตย์ในที่สุดผมก็เริ่มหิวแล้ว... บ้าเอ๊ย บัดซบๆๆๆๆ ไม่เป็นไร...ตอนนี้ยังพอทนได้ มันก็แค่ความหิวเล็กน้อย แต่ถ้าหากนึกถึงคำพูดของโอชิโนะ...อีกไม่นานผมจะต้องการที่จะดูดเลือดผู้คน ผมจะถูกแรงกระตุ้นชักนำให้สูบเลือด และแรงกระตุ้นนั้นจะทำให้ผมกินมนุษย์ เพราะผมเป็นสัตว์ประหลาด ":-)เอ๊ย" ผู้ติดตามคนแรก ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไงแต่ดูเหมือนว่าผมจะเข้าใจสาเหตุที่เขาฆ่าตัวตายแล้ว นั่นเป็นอารมณ์ของมนุษย์ และจากนั้น... 400 ปีหลังจากนั้น ผม...ผู้ติดตามคนที่สองก็กำลังจะได้ผ่านประสบการณ์เดียวกัน "ฮา....ฮะฮะฮะฮะฮะ" ในที่สุด..ผมก็หัวเราะออกมา ตลกสิ้นดีเลยจริงๆ ในที่สุดผมก็ตระหนักถึงความผิดที่ผมทำใว้ ผมมันเป็นไอ้บัดซบเท่าที่เคยมีมาจริงๆ ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตาย "นั่นสินะ" แค่คิดแบบนั้นความคิดชั่วๆในหัวผมก็เริ่มสงบลง ผมอยากจะโทรไปหาที่บ้าน...แล้วบอกพวกเขาว่าที่ผมเคยพูดใว้ว่าจะออกเดินทางค้นหาตัวเองน่ะมันไม่จริง..ผมแค่จะหายไปเท่านั้น แต่จริงๆแล้วจะดีกว่ามั้ยถ้าไม่ได้ติดต่อไป? ผมไม่อยากจะพูดแบบนั้น ผมอยากให้พวกเขารู้สึกว่าผมได้หายตัวไปในระหว่างค้นหาตัวเองมากกว่า แบบนั้นแหละดีแล้ว "แต่ผมอยากคุยกับฮาเนคาว่า" ผมมีหลายเรื่องอยากจะบอกเธอ ฮาเนคาว่าคือคนที่ผมลากเธอเข้ามาพัวพันมากที่สุด ผมไม่สามารถจะจากเธอไปโดยที่ไม่ให้เธอรู้อะไรเลยแบบนี้ได้ แต่ท่ามกลางแสงอาทิตย์แบบนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะติดต่อเธอจากในโกดังที่ผมหนีมาจากคิสช็อตได้ ผมลบอีเมลแล้วก็เบอร์โทรของเธอออกไปแล้ว จากมุมมองของเธอคงเหมือนกับว่าผมลบมันเพื่อเธอ แต่นับตั้งแต่นั้นมาแม้ว่าผมจะได้เจอเธอก็ตามแต่ผมก็ไม่ได้ขอที่อยุ่ใหม่จากเธอเพราะความรู้สึกผิดของผม...ซึ่งมันทำให้ผมเสียใจมาจนถึงตอนนี้ ทำไมผมถึงเป็นไอ้ไก่อ่อนขี้ขลาดขนาดนี้กัน ถึงผมจะเคยพูดว่าผมมีหัวด้านคณิต...แต่นั่นก็ไม่ได้รวมถึงพวกตัวเลข แค่ตัวเลขเกิน 11 หลักผมก็จำไม่ได้แล้วส่วนที่อยู่อีเมลไม่ต้องพูดถึง ถ้าผมเคยส่งเมลไปหาเธอสักครั้งประวัติการใช้ก็คงจะพอหลงเหลืออยู่...แต่ผมกลับไม่เคยติดต่อเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว..ผมไม่เคยส่งเมลหาเธอเลย เพราะงั้นเธอเองก็คงไม่รู้ที่อยู่ติดต่อของผมด้วยเช่นกัน ถ้าผมบอกเธอล่ะก็... ...ถ้าตอนนั้นผมบอกเธอไปล่ะก็ ฮาเนคาว่าจะโทรมาหาผมตอนนี้รึเปล่านะ? ...ไอ้โง่เอ๊ย... เธอไม่ใช่ผู้มีพลังจิตที่จะสามารถฟังเทเลพาธีได้นะ...มันจะเป็นไปได้ยังไงเล่า ในตอนที่ผมกำลังคิดอะไรโง่ๆแบบนั้น...แต่เมื่อผมดูนาฬิกาที่มือถือ... ตอนนี้ 5 โมงเย็นแล้ว ดูเหมือนว่าผมจะมาหลบอยู่ที่นี่เกือบ 12 ชั่วโมงแล้ว... ผมไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปขนาดนี้แล้ว มันเหมือนมีเรื่องต่างๆพุ่งเข้าใส่หัวผมจนหยุดไม่ได้ แต่กระนั้นผมก็เปิดมือถือเพื่อดูที่อยู่อีเมลถึงแม้จะรู้ว่ามันว่างเปล่า...แต่ทว่าราวกับมีไม้เบสบอลมาฟาดหลังหัวผม มันมีอยู่ในนั้น ชื่อของฮาเนคาว่า สึบาสะ "...นี่มัน" ผมถึงกับหลุดคำพูดออกมา... ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวผมจะถูกหน้าจอมือถือดึงดูดได้ถึงขนาดนี้ ตอนใหนกัน ถ้าคิดให้ดีคงเป็นตอนที่ผมสู้กับเอพพิโซด ตอนนั้นเธอเก็บมือถือที่อยู่ในสนามมาให้ผม... มันไม่ยากเลยที่จะเพิ่มชื่อลงไปในมือถือของผมเพราะผมไม่ได้ใส่รหัสผ่าน เพราะผมไม่มีที่อยู่ของใครในมือถือ แต่ในตอนนี้มันได้ถูกบันทึกลงไปอีกครั้งในชื่อของฮาเนคาว่า สึบาสะ ทั้งเบอร์โทรและอีเมล... ".............." ผมเลือกที่จะส่งเมลให้ฮาเนคาว่า เพราะบางทีถ้าผมโทรไปหาเะอผมอาจจะร้องให้ก็ได้ ผมไม่รู้ว่าฮาเนคาว่าจะทำอะไรในวันสุดท้ายของวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ...บางทีเธออาจจะอยู่ที่ห้องสมุดก็ได้ แล้วเธอจะปิดมือถือรึเปล่านะ เอาเถอะ... ยังไงสิ่งที่ผมทำได้ก็แค่รอการตอบกลับ ทันทีที่ผมคิดแบบนั้นเธอก็ตอบกลับมาแล้ว... ผมเช็คเวลาที่ส่งกับได้เมลตอบรับ...ตัวเลขไม่ต่างกัน เธอตอบกลับมาในเวลาไม่ถึง 60 วินาที!!! ผมคิดว่ามันคงเป็นข้อความสั้นๆแต่เมื่อเปิดอ่านแล้วกลับพบว่าเธอเริ่มย่อหน้าด้วย"ถึงอารารากิ"และลงท้ายด้วย"ด้วยความสัตย์จริง"และเต็มไปด้วยตัวอักษรเต็มหน้าจอ... สุดยอด แถมข้อความของเธอยังไร้ซึ่งคำผิดอีกต่างหาก เนื้อความด้านในสรุปได้สั้นว่าเธอจะมาหาผมทันทีดังนั้นให้รอเธอ...เธอเข้าใจทุกอย่างจริงๆ แต่ก็เพียงพักเดียวที่ผมต้องรอ และในตอนที่ฮาเนคาว่ามาถึง...เสียงเคาะประตูเหล็กก็ดังขึ้น ก็อกๆ "สาวน้อยที่สั่ง 1 ที่มาแล้วค่า"
จากคุณ |
:
Fate Linegod
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ม.ค. 55 14:14:16
|
|
|
|
 |