การต่อสู้แบบถึงตายกำลังจะถูกลั่นระฆังในยกสอง...และตอนนั้นเอง
เบื้องหลังของผม...
เสียงก้องสะท้อนมาจากด้านหลังของผม
"เดี๋ยวก่อน!"
เสียงนั้นก้องไปทั่วสนามกีฬาของโรงเรียน
มันเป็นเสียงของฮาเนคาว่า...และทันทีที่เสียงก้องหมดไป ประตูของโรงเก็บอุปกรณ์พละก็ถูกเลื่อนออก
"อะ...อารารากิคุง...มันมีอะไรบางอย่างแปลกๆ"
การที่ได้ยินคำนั่นจากฮาเนคาว่าที่อยู่ด้านหลังผม...ผมก็คิดเหมือนกันแหละว่าเธอน่ะแปลก
ทำไมเธอถึงออกมาจากที่ซ่อนในเวลาแบบนี้กัน ไม่กลัวรึไง?
แม้แต่คนที่มีร่างกายเป็นอมตะอย่างผมแค่ยืนต่อหน้าคิสช็อตผมก็แทบจะบ้าแล้ว
หัวใจเธอทำด้วยอะไรกัน?
ผมไม่เคยบอกรึไงว่าแค่คิสช็อตปรายตาแค่นั้นมันก็มากพอที่จะทำลายคอนกรีตหนาๆได้แล้ว?
แล้วทำไม...ทำไมเธอถึงออกมาเองแบบนี้?
"ฮาเนคาว่ารีบไปหาที่ซ่อนซะ!"
ผมยอมรับความเสี่ยงก่อนจะมองไปด้านหลัง
"ไม่สิ..วิ่ง...วิ่งหนีไปซะ...อย่าอยู่ที่นี่ หนีไปให้ใกลที่สุดเท่าที่จะหนีได้เดี๋ยวนี้เลย!"
"มะ..มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด...อารารากิคุง"
ฮาเนคาว่าใส่อารมณ์
เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่ผมทำให้เธอต้องเจ็บ ทั้งตอนเอพพิโซดทำเธอบาดเจ็บและกิโยตินคัตเตอร์จับเธอเป็นตัวประกัน...เธอยังคงใจเย็นอยู่ตลอดเวลา
แต่ตอนนี้ไม่ใช่...น้ำเสียงของเธอแฝงใว้ด้วยอารมณ์
"มันมีบางอย่างแปลกๆตั้งแต่ต้อนแล้ว อารารากิคุง บางทีพวกเราอาจจะมองข้ามสิ่งสำคัญบางอย่างไปก็ได้"
มองข้าม?
ยังมีอะไรที่พวกเรามองข้ามอีกเหรอ
ไม่สิ...มันไม่น่าจะมี
ไม่น่าจะมองข้ามอะไรนี่นา
"เจ้ามันหนวกหูจริงๆ!"
คิสช็อตตวาด
แม้แต่คิสช็อตเองก็เริ่มแสดงอารมณ์ไม่พอใจ
มันเป็นการตอบรับที่ผมไม่คาดคิด
หากคิดให้ดีผมเคยเห็นคิสช็อตแสดงอารมณ์ออกมาอย่างแท้จริงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
นั่นคือตอนที่ผมยังเป็นมนุษย์และวิ่งหนีเธอ
ตอนที่ผมตัดสินใจอย่างเหมาะสม
เธอ...แสดงมันออกมา
เธอร้องให้...เธอขอร้อง...เธอขอโทษ...
"อย่าได้พูดเรื่องไร้สาระ...นังเสบียงพกพา!"
เธอปรายตา
เพียงแค่นั้น...
ประตูเหล็กของโรงเก็บอุปกรณ์พละก็ถูกเป่าให้กระเด็นออกไป
พลังดวงตา
แตกต่างจากตอนที่ผมเตะมัน...ในตอนนี้ไม่มีทางที่จะซ่อมประตูเหล็กนั้นได้...
ราวกับมันถูกขยำเป็นก้อนกลมแล้วพุ่งเข้าไปสร้างความเสียหายภายใน
แม้แต่พื้นดินรอบๆเท้าของฮาเนคาว่าก็แตกร้าว
โรงเก็บอุปกรณ์พละที่อยู่เบื้องหลังฮาเนคาว่าตอนนี้...เหลือเพียงแค่ซากผนังและหลังคา
เพียงแค่ถูกมอง
เพียงแค่เธอปรายตามองเท่านั้น
แวมไพร์เลือดเย็นผู้หลงใหลในโลหิตและคมดาบ...ผู้สะบั้นและสังหารสิ่งแปลกประหลาด
".....อา"
เห็นได้ชัดเลยว่าฮาเนคาว่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่...
แต่ยังไม่จบแค่นั้น
ผมรู้...
รู้ดีเลยทีเดียว
รู้ว่าเธอกำลังเดินเข้าหาอันตราย
ฮาเนคาว่า สึบาสะ
ผมรู้ว่าเธอไม่คิดจะหยุดแค่นี้แน่ๆ
เธอจ้องกลับไปอย่างแน่วแน่...จ้องกลับไปที่คิสช็อต อาเซโรร่าโอริออน ฮาร์ทอันเดอร์เบลด
"คุณฮาร์ทอันเดอร์เบลด...รึว่าคุณคิดที่จะ...."
"อย่าบังอาจสอดมือ...เจ้ารสมนุษย์"
คิสช็อตมองไปที่ฮาเนคาว่าอีกครั้ง
ด้วยแววตาเย็นชา
พลังของดวงตา...เนตรมารของแวมไพร์ ตอนนี้....
...เธอจะใช้มันอีกครั้งแล้ว
ในตอนที่ต่อสู้แบบเป็นตายผมเชื่อว่าคิสช็อตจะไม่ใช้...แต่ตอนนี้มันต่างกัน
แน่นอนว่าไม่เหมือนผม...ผมมาประจัญหน้ากับคิสช็อตและเธอให้โอกาสที่เท่าเทียม...แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว
เธอหงุดหงิด...และมองไปที่ฮาเนคาว่า
เธอพร้อมจะใช้ทุกอย่าง...
"...คิสช็อต!!!!!!"
ผมตะโกนเรียกชื่อของเธอ
จากนั้นก็เอาตัวเองกั้นมุมมองของเธอเพื่อเป็นโล่ห์ให้ฮาเนคาว่า
และเผชิญกับอำนาจดวงตาอย่างเต็มที่
ในขณะที่ร่างกายทั้งผมดถูกเป่ากระจุย
ผม...
กัด
ต้นตอของเธอ
ผมกัดมัน...ด้วยฟันสองซี่ที่งอกยาวขึ้นมา...ด้วย'เขี้ยว'
".........!"
วิธีที่จะกำราบคิสช็อต
วิธีที่จะกำจัดแวมไพร์
วิธีที่แวมไพร์จะฆ่าแวมไพร์
ถ้าคิดดูแล้วมันเรียบง่ายและชัดเจนมาก
สัญชาติญาณการเอาตัวรอดมันสอนผม
ถึงจะไม่แน่ใจว่ามันเป็นของสัญชาติญาณของมนุษย์หรือแวมไพร์ก็ตาม
แต่เธอพูดใว้ตั้งแต่แรกแล้ว
ก่อนที่จะสู้กับดรามาเทอจี้ ผมได้รับเคล็ดลับนี้มาจากคิสช็อต...ซึ่งจริงๆมันคงเรียกว่าเคล็ดลับไม่ได้ด้วยซ้ำ
--อย่างน้อย--
--ก็อย่าให้เจ้านั่นดูดเลือดเจ้าได้ล่ะ--
--หากแวมไพร์ถูกดูดเลือดโดยแวมไพร์ตนอื่น--
--การมีตัวตนของตัวเองจะหายไป--
ในตอนนั้นผมไม่มีแรงกระตุ้นอะไรที่ทำให้ต้องการจะดูดเลือด...แต่ตอนนี้มันต่างกันแล้ว
ตอนนี้ผม...หิว
...อึก...
ผมดูดเลือดของเธอ
ผมฝังเขี้ยวลงบนผิวอันขาวเนียนและอ่อนนุ่มของเธอ
วิธีการดูดเลือดไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอน
เหมือนกับที่คนจะได้กินอาหาร
"คุ...."
คิสช็อตคราง
หากเลือดใหลมันจะฟื้นคืนมาแต่หากเลือดถูกดูดมันจะไม่กลับมา
เพราะมันคือการดูดพลัง...ระหว่างไคอิและไคอิด้วยกันเอง
มันคือการฆ่าไคอิ
ผมเอาร่างเป็นโล่ห์ป้องกันอำนาจดวงตาแล้ว มันคงไปไม่ถึงตัวฮาเนคาว่า ถ้าผมดูดเลือดคิสช็อตแบบนี้ต่อไป ถ้าผมดึงเลือดของเธอออกมามากกว่านี้เหมือนที่เธอทำกับผมในวันนั้น...
"ฮ้าาาา"
ในขณะที่เธอทรุดไปด้านหลัง...เธอก็พิงตัวลงกับท่อนบนของผม
แต่กระนั้นเธอก็ยังหัวเราะ
"ฮะฮะ...ฮะฮะฮะ...ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!!"
เธอคิดจะตายทั้งๆที่หัวเราะงั้นเหรอ
แต่ก็ไม่เป็นไร
เลือดของคิสช็อต อาเซโรร่าโอริออน ฮาร์ทอันเดอร์เบลดนั้น...ช่างหอมหวานและอร่อยเกินจะหาคำบรรยาย
ไม่ว่าจะมีปริมาณขนาดใหน...ผมก็ยินดีจะดื่มมัน
ผมอยากจะดื่มมันไปตลอดกาล
มันหอมหวานเพราะเป็นเลือดของเธอ...
คิสช็อต
ผมจะฆ่าเธอ
ชีวิตที่ครั้งหนึ่งผมเคยช่วยใว้...ผมจะปลิดมัน
นี่คือสิ่งที่ผมต้องรับผิดชอบ...ถึงผมจะกลับไปเป้นมนุษย์ได้เพราะคุณแต่มันก็จะไม่หลงเหลือความยินดีใดๆอีกต่อไป
มันก็แค่ผลลัพทื
"....อ๊ะ"
เดี๋ยวสิ
จู่ๆผมก็คิดออก
อะไรบางอย่างที่มองข้ามไป
บางสิ่งที่ผมละเลยมัน
ผมมองข้ามอะไรบางอย่างที่สำคัญมากขนาดที่ฮาเนคาว่าต้องออกมาจากที่ซ่อน
มันจะต้องเป็นอะไรซักอย่าง
ทำไมคิสช็อตถึงอารมณ์เสีย...ทำไมเธอถึงโมโหกับคำพูดไร้สาระของเสบียงพกพา?
ทำไมเธอถึงเสียการควบคุมอารมณ์
ผมเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน...
'อย่าพูดอะไรไร้สาระ'
ประโยคนี้ของคิสช็อต...ผมเคยได้ยินมันมาก่อนหน้านี้
--เราไม่สันทัดเรื่องการเจรจา--
--อย่าพูดอะไรไร้สาระ--
--เจ้าหนู--
ใช่แล้ว
คิสช็อตเคยพูดใว้กับโอชิโนะ...แล้วหัวข้อล่ะ?
ผมจำได้แล้ว
ก่อนหน้านั้นโอชิโนะพูดใว้
--ผมสนใจในตัวคุณนะ ฮาร์ทอันเดอร์เบลด--
--คุณยินดีที่จะ--
--เพื่อให้อารารากิคุง--
--กลับไปเป็นมนุษย์--
"....!"
ผม
ผลักคิสช็อตออกห่างจากร่างกายท่อนบนของผม...ด้วยการกระทำนั้นเขี้ยวของผมที่ฝังจมอยู่บนต้นคอของเธอก็ถูกถอนออก...จากนั้น
ผมมองไปที่สีหน้าที่เธอแสดงออกตอนนี้
สีหน้าของเธอ
คิสช็อตยังคงมีแววตาที่เย็นชาแต่ทว่าแววตากลับว่างเปล่า...เธอดูแปลกใจเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยปากถามอย่างสั่นเครือ
"...เป็นอะไรไป...ผู้รับใช้ของเรา?"
คิสช็อตยังคงพูดต่อ
"เลือดของเรา...ยังเหลืออีกว่าครึ่งนะ"
"........."
"ตอนนี้เราเสียเลือดมากจนไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนใหวได้...แต่ถ้าเจ้าไม่รีบล่ะก็...เราจะกลับสู่สภาพสมบูรณ์อีกครั้ง...เจ้ารู้รึเปล่า?"
นั่นคือสิ่งที่เธอพูด
ตอนนี้เธอเคลื่อนใหวไม่ได้ แต่อีกไม่นานเธอจะแข็งแกร่งดังเดิม นั่นคือสิ่งที่เธอบอก
แต่...มีบางอย่างที่สำคัญกว่า
ผมมีบางอย่างอยากจะถามเธอ
แม้ว่าคำถามสุดท้ายที่ผมถามเธอจะได้รับคำตอบแล้ว...แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมีเรื่องที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องถามเธอให้ได้
นั่นคือ
สิ่งที่ผมคิดว่าผมควรจะถามที่สุด
"นี่...คิสช็อต"
"ทำไมรึ?"
"เธอคิดจะทำให้ผมกลับคืนเป็นมนุษย์ด้วยวิธีใหน?"
ด้วยคำถามแบบขวานผ่าซากของผมคิสช็อตถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง
"ใยต้องสนใจ? มันสำคัญกับเจ้าในตอนนี้ด้วยรึ?"
"ผมสน...มันสำคัญมาก"
"หึ...เจ้าเสบียงพกพานั่นน่าจะอยู่เงียบๆไปแท้ๆ"
คิสช็อตกล่าวโทษฮาเนคาว่า...
และเธอก็ไม่ได้ตอบคำถามของผม
เมื่อถูกพาดพิงถึง..ฮาเนคาว่าก็ค่อยๆก้าวเดินมาหาผมกับคิสช็อต...ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะใใส่เสื้อตัวนอกและผูกโบว์แล้ว
แต่จากการสั่นของหน้าอกเธอที่ราวกับจะสร้างเสียง'ดึ๋งๆ'ได้นั้น...ดูท่าทางว่าเธอคงจะยังไม่ได้ใส่บราของเธอกลับคืนไป
ฮาเนคาว่าเดินเข้ามาใกล้พวกผมอย่างไม่สะทกสะท้าน
จากนั้นเธอก็พูดออกมา
"คุณฮาร์ทอันเดอร์เบลด"
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเคารพและนอบน้อม
"คุณวางแผนที่จะให้ตัวเองถูกฆ่าโดยอารารากิคุงมาตั้งแต่ต้นแล้วสินะคะ"
".........."
"เพื่อที่จะให้เขากลับเป็นมนุษย์"
นั่นคือสิ่งที่ผมมองข้ามไป
เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่ๆ...ถ้าผมไม่ได้เห็นไปเธอในตอนที่กำลังกินกิโยตินคัตเตอร์
หรือว่าในความเป็นจริงแล้วนี่คือแผนของเธอที่จะทำให้ผมกลายเป็นมนุษย์...นอกจากนี้แม้แต่ฮาเนคาว่าเองก็ไม่สามารถหาวิธีอื่นในการกลับไปเป็นมนุษย์ได้เหมือนกันสินะ?
ทำไมผมไม่เคยคิดถึงมันเลย?
ทำไมผมถึงมองข้ามมันไปได้ขนาดนี้?
แล้วก็....
"อย่าบังอาจพูดเหมือนรู้ดีเจ้าเสบียงพกพา...ที่เจ้าพูดมามันก็แค่การคาดคะเนที่ไร้หลักเกณฑ์"
"ถ้าเช่นนั้นได้โปรดกรุณาบอกฉันถึงวิธีที่คุณจะใช้มันทำให้อารารากิคุงเป็นมนุษย์ทีเถอะค่ะ จากการค้นหาของฉันวิธีการที่จะทำให้แวมไพร์กลับกลายเป็นมนุษย์อีกครั้งนอกจากวิธีนี้แล้วนั้น...ไม่มี"
ไม่มี...
ไม่มีวิธีอื่นนอกจากฆ่านายเหนือหัว...
ไม่มีวิธีอื่นนอกจากตัดสัมพันธ์ของนายบ่าว...
"หึ...ถูกต้อง...ไม่มีวิธีอื่น แต่ทว่าเราไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนผู้รับใช้ของเราให้กลายเป็นมนุษย์อยู่แล้ว เราเพียงโกหกให้ผู้รับใช้ของเรารวบรวมชิ้นส่วนให้เท่านั้น เราโป้ปดเพียงเพื่อที่จะให้เรากลับมาเป็นร่างสมบูรณ์ หากจะพูดอีกแง่...ความจริงแล้วเราทำให้ชายผู้นี้เป็นข้ารับใช้เพียงเพราะต้องการให้เขาเป็นโล่ห์และเครื่องมือของเราเท่านั้น"
"ไม่หรอก...คุณให้เขารวบรวมชิ้นส่วนก็เพราะว่าถ้าเขาฆ่าคุณในร่างที่พลังยังไม่สมบูรณ์เขาจะไม่สามารถกลับไปเป็นมนุษย์ได้ไม่ใช่เหรอคะ? หรืออีกนัยหนึ่ง หากเขาไม่ฆ่าคุณในตอนที่พลังสมบูรณ์แบบที่สุดมันก็จะไม่มีความหมาย"
ตอนนั้น...
ที่คิสช็อตดีใจตอนนั้นไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอกลับเป็นร่างสมบูรณ์...แต่เพราะว่าเธอดีใจที่ขะทำให้ผมกลับเป็นมนุษย์งั้นเหรอ?
"ตลกน่า...เรื่องแบบนั้นน่ะ"
"ถ้าอย่างนั้น...ทำไมคุณถึงมาที่นี่คะ?"
ฮาเนคาว่าพูดกับคิสช็อตด้วยความนอบน้อม
ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
แม้ว่าระดับชั้นของทั้งคู่จะแตกต่าง
แต่พวกเธอก็สามารถคุยกันได้
"อารารากิคุงมีเหตุผลที่จะสู้กับคุณ...แต่คุณไม่มี คุณแค่ยกการแสดงพลังในร่างสมบูรณ์มาเป็นข้ออ้างแต่ในความเป็นจริงแล้วคุณมาที่นี่เพื่อจะถูกฆ่าโดยอารารากิสินะคะ? เพื่อสิ่งนั้นคุณจึงจัดฉากและมอบแต้มต่อให้เขา คุณจงใจที่จะยั่วยุอารารากิคุง"
"เอ่อ...ฮะ...ฮาเนคาว่า"
"อารารากิคุงน่ะเงียบไปก่อน"
ฮาเนาคาว่าสั่งผมด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
และพูดต่อไป
"แน่นอนว่าที่พูดมาทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดา ไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆนอกจากความรู้สึกของฉัน แต่เพราะว่าคุณไม่ได้ฆ่าฉันที่เข้ามาขัดจังหวะการต่อสู้ ฉันถึงได้เข้าใจ...คุณน่ะ..."
แม้ว่าเธอจะทำลายทุกสิ่งรอบตัวฮาเนคาว่าด้วยเนตรมารของเธอ
แต่ฮาเนคาว่ากลับไม่มีแม้แต่แผล
แม้แต่เอพพิโซดยังโยนกางเขนของเขาใส่ฮาเนคาว่าแย่างไม่ลังเลเพียงแค่เธอออกมาก่อกวนในการต่อสู้...แต่ทว่าคิสช็อตที่เรียกฮาเนคาว่าว่าเสบียงพกพากลับไม่ได้โจมตี
เธอเพียงแค่ข่มขู่
"คุณวางแผนที่จะตาย"
"...เจ้าควรจะเงียบๆใว้แท้ๆ"
คิสช็อต
เธอเอ่ยคำเดิมซ้ำอีกครั้ง
"หลังจากที่เจ้าสาธยายสิ่งที่เรากระทำ...หลังจากนั้น เจ้าคิดว่าข้ารับใช้ของเราจะสามารถสังหารเราได้ลงคองั้นรึ"
"เอ๋"
"ในฐานะของมาสเตอร์เราคิดว่าเราเข้าใจข้ารับใช้ของเราได้ดี...เขาเป็นคนโง่ที่คิดจะช่วยชีวิตแวมไพร์ที่กำลังจะตาย เจ้าคิดว่าถ้าคนแบบนั้นรู้'จุดประสงค์'ของเราดังเช่นที่เจ้าเด็กนั่นพูดใว้ เจ้าคิดรึว่าข้ารับใช้ของเราจะสามารถดูดเลือดของเราได้รึไงกัน?"
"ก็...เอ่อ...แต่ว่า...."
ฮาเนคาว่าหมดคำที่จะพูดต่อในทันที
คิสช็อตจ้องมองอย่างเฉยชา
ด้วยแววตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา...เธอจ้องมองไปที่ฮาเนคาว่า
"เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ยากมาก...ในการที่จะทำให้เขาฆ่าเรา เราได้แต่ครุ่นคิด ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะอยู่เงียบๆไปจนถึงเวลาสุดท้าย เพื่อว่าอาจจะมีวิธีอื่นๆในการทำให้กลับเป็นมนุษย์...แต่ก็ไม่ แต่กระนั้นถึงแม้ว่าเราจะไม่คาดคิดมาก่อนแต่ก็ต้องขอบใจกิโยตินคัตเตอร์ที่แสดงตนออกมาพร้อมด้วยโอกาสและเงื่อนไขที่พร้อมสรรพ หากว่าผู้รับใช้ของเราโกรธเพียงเพราะเรากินมนุษย์หนึ่งคนแล้วล่ะก็...มันก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกต่อไป"
เธอพูดแบบนั้น
ก่อนที่จะย้ายแววตาอันว่างเปล่านั้นมาที่ผม
"...หากเราถูกสังหารโดยเจ้าในมุมมองว่าตัวเราเป็นผู้ชั่วร้าย...เจ้าก็ไม่จำเป็นจะต้องรู้ถึงความตั้งใจที่แท้จริงของเรา"
"ทำไม..."
ผมพูดไม่ออก
ผมได้แต่ตกตะลึง...
ทุกสิ่งที่เธอเอ่ยออกมานั้นสอดคล้องและอธิบายเรื่องราวได้ทั้งหมด
"ทำไมเธอถึง...ทำแบบนั้น"
"ข้ารับใช้ของเรา"
"เรากำลังค้นหาสถานที่...ที่ซึ่งเราจะจบชีวิต"
"สถานที่...ที่จะตาย..."
สาเหตุการตายของแวมไพร์ 90% คือเวลา
การฆ่าตัวตาย
ความเบื่อหน่าย...ฆ่าแวมไพร์
ความเบื่อหน่าย...อย่างแท้จริง
"นั่นคือเหตุผลที่เรามายังประเทศนี้อีกครั้ง...นับตั้งแต่ที่ผู้ติดตามคนก่อนจากไปเราก็ไม่เคยมาเหยียบที่นี่อีกเลย ฉะนั้นมันไม่ใช่การท่องเที่ยวหรอก"
"แต่...แต่ว่า...เธอ"
เราไม่ต้องการที่จะตาย
เธอพูดแบบนั้นพร้อมกับร้องไห้
หัวใจถูกขโมย แขนขาถูกสะบั้น
เธอหลบหนีเพื่อให้มีชีวิตอยู่
"เราคิดว่ามันคงจะได้เวลาตายของเราแล้ว...นั่นคือแผนของเรา"
แต่คิสช็อตก็ยังพูดต่อไป
"...แต่ในท้ายที่สุด...เรากลับกลัวที่จะตาย"
"........"
"เรากลัวที่จะหายไปหลังจากอยู่มากว่า 500 ปี เรากลัว เรากลัวมาก เราไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไป...จนกระทั่งเจ้าได้ผ่านมา...เราจึงขอร้องให้เจ้าช่วย"
"แล้วผม...ก็ช่วยเธอ"
ในตอนนั้มผมไม่คิดว่ามันจะมีอะไร
ผมไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาหรือเรื่องในอนาคต
ก็แค่ว่า
ผมไม่ต้องการที่จะเห็น...ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเะอ
ผมไม่สามารถยืนดูอยู่เฉยๆได้
"นั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตของเราที่ถูกช่วยโดยผู้อื่น"
"..........."
"ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือแวมไพร์...เราไม่เคยได้รรับการช่วยเหลือมาก่อน ในตอนที่เรากำลังดูดเลือดของเจ้าอยู่นั้น เราได้แต่ถามตัวเองถึงสิ่งที่เรากำลังทำ...แม้ว่าเราจะดูดเลือดของเจ้า แต่เราก็ไม่สามารถกินเจ้าได้ เราจึงทำให้เจ้ากลายเป็นผู้ติดตาม...ผู้ติดตามคนที่สองในชีวิตของเรา"
เพราะว่าเจ้าไม่ยอมลืมตาสักที เราคิดว่าเจาอาจจะบ้าคลั่ง...คิสช็อตพูดใว้แบบนั้น
ดังนั้นเธอจึงอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา
เธอคอยดูแลผมตลอดเวลา
"แต่เจ้าก็ลืมตาตื่น... เช่นนั้นเราจึงตัดสินใจว่าหากเจ้าต้องการจะเป็นแวมไพร์ เราพร้อมที่จะเคียงข้างเจ้า แต่คำตอบของเจ้าก็เป็นดั่งเช่นที่เราคิดใว้...เจ้าต้องการจะกลับไปเป็นมนุษย์...ด้วยความมุ่งมั่นของเจ้าเราจึงตัดสินใจได้ในตอนนั้น"
คิสช็อตเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไร้อำนาจ...หากแต่งดงาม
"ชีวิตของเราจะมีใว้เพื่อเจ้า"
"...เพื่อผม"
"หากว่าเจ้าฆ่าเรา...เจ้าจะกลับไปเป็นมนุษย์ และเราก็จะตาย...เรารู้สึกว่าในที่สุดเราก็ได้พบสถานที่ๆเราจะจบลมหายใจหลักจากแฝ้าค้นหามากว่า 400 ปีสักที"
"กว่า 400 ปี...."
นั่นคือ...ผู้ติดตามคนแรก
คิสช็อตเคยพูดใว้
เกี่ยวกับการทำให้เขากลายเป็นมนุษย์
--ในวันนั้นมันยังเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เขากลับเป็นมนุษย์--
--แต่ครั้งนี้ไม่ใช่--
"เราไม่สามารถตายเพื่อเขาได้...เรามอบความตายของเราให้แก่เขา เราไม่สามารถทำให้เขากลายเป็นมนุษย์...เพราะฉะนั้น"
"...เพื่อผม..."
เพื่อที่จะทำให้ผมกลับเป็นมนุษย์
เพื่อที่จะช่วยผม
เธอยินดีที่จะทิ้งชีวิตตัวเอง
"อย่าได้ผยองนักข้ารับใช้...แต่เดิมแล้วทุกสิ่งมันเป็นความผิดของเรา หาก ณ เวลานั้นเราไม่แสดงออกเช่นนั้นและเจ้าไม่ได้ช่วยเราเอาใว้ เราในตอนนั้นก็คงตายไปแล้ว"
"............!"
เอ๋?
นี่มัน...เดี๋ยวสิ
ไอ้เรื่องแบบนี้น่ะ...ไม่จริงน่า
ในตอนนี้...ในใจของผม
ผมไม่สามารถเก็บมันไว้ได้อีกแล้ว
มันเป็นเหมือนที่ผมเคยพูดใว้จริงๆ
"....อะไรกัน?...เจ้าร้องให้อยู่งั้นรึ?"
"อา...."
แล้วผมก็รู้สึกตัว...แก้มของผม...เปียก
ทำไมล่ะ?
ถึงเรื่องมันจะเป็นแบบนี้...สิ่งที่ผมต้องทำมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปไม่ใช่เหรอ?
ถึงเธอจะตายเพื่อผม
แต่เรื่องที่เธอกินมนุษย์ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปไม่ใช่รึไง?
"เจ้าร้องให้อยู่งั้นรึข้ารับใช้...น่าสงสารเสียจริง"
"มะ...ไม่ใช่นะ...นี่ไม่ใช่น้ำตา...นี่คือ..."
สิ่งที่ใหลออกมานี้คือ...ผมค่อยๆพูดออกไป
"นี่คือ....เลือด"
"โฮ่..."
"เลือดที่กำลังรินใหล..."
ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้
คิสช็อตเป็นแวมไพร์
เธอกินกิโยตินคัตเตอร์
เธอกินคนมาแล้วกว่า 6000 คน
แต่ถึงอย่างนั้น
"มันเป็นเลือดที่หลั่งมาเพื่อเธอ!!!"
พวกเรามีชีวิตอยู่
พวกเราเคยเหมือนกัน
สิ่งที่ผมทำ
สิ่งที่เธอพยายามจะทำ
สิ่งที่เธอทำ
สิ่งที่ผมพยายามจะทำ
มันก็ไม่ได้ต่างกันเลยไม่ใช่รึไง?
"ความจริงการก้าวก่ายของเจ้าไม่จำเป็นเลย...เสบียงพกพา"
คิสช็อตพูดออกมา
"เรามีแผนการที่จะทำให้เราถูกสังหารอย่างแน่นอนรอกการเปิดฉากอยู่แล้ว...และมันเป็นแผนการที่จะบีบให้ข้ารับใช้ของเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าเราเลยทีเดียว"
"อะ...อะไรกัน..."
อะไรที่จะบังคับผม
อะไรที่จะบีบหัวใจผมได้
"หากเจ้าไม่ฆ่าเรา นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเราจะกินมนุษย์ 1000 คนต่อวัน ถ้าเราพูดแบบนี้เจ้าคงไม่มีางเลือกอื่นนอกจากสังหารเราใช่รึไม่? หากคิดว่าคำพูดของเราเป็นเพียงการขู่...เราจะเริ่มมันจากเสบียงพกพาของเจ้าก่อน มันคงทำให้เจ้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น"
"............"
"เจ้าจะต้องเป็นผู้จบชีวิตที่เจ้าช่วยใว้ นี่คือ...สิ่งที่เจ้าจะต้องรับผิดชอบ"
"คิสช็อต..."
"เจ้าคือคนที่สองที่เรียกเราด้วยชื่อนั้น...และจะเป็นคนสุดท้าย"
ผมมองไปที่ฮาเนคาว่าเพื่อขอความช่วยเหลือ
แต่ฮาเนคาว่า...เะอทำได้เพียงกัดริมฝีปากล่างของเธอ เธอไม่สามารถพูดอะไรได้
และนั่นทำให้ผมเข้าใจถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์ในตอนนี้
แม้แต่ฮาเนคาว่าเองก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไง
อา...
มันเป็นเหมือนกับที่คิสช็อตเคยพูดใว้
ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะฮาเนคาว่าออกมาจากโรงเก็บอุปกรณ์แล้วพูดสิ่งที่คิสช็อตเก็บใว้ในใจออกมา
แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ผมต้องทำก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแต่กลับทำให้สถานการณ์ดิ่งลงเหว
ถ้าหากว่า...
ถ้าผมไม่ได้รู้เรื่องนี้เข้า...ถ้าผมยังคงเข้าใจในตัวคิสช็อตผิดอยู่...ผมคงไม่เสียใจมากขนาดนี้
ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเต้นไปตามเกม...ทั้งที่ผมเพียงแค่อยากจะกลับไปเป็นมนุษย์เท่านั้น
เชื่อรึเปล่าล่ะ?
สุดท้าย...ก็มีแค่ความปรารถนาของผมเท่านั้นที่สมหวัง
ไม่มีใครมีความสุข
ผมแค่ผลักทุกอย่างให้คิสช็อตต้องแบกรับ
"เอาล่ะ"
คิสช็อตหัวเราะ
"เอาล่ะ มาสิ เข้ามาสิ มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา มา เอ้า มาสิ เอาเลย มาฆ่าเราซะสิผู้รับใช้ของเรา"
"...ให้ตายสิวะ!!!"
เธอแค่หาสถานที่ที่จะตายงั้นเหรอ?
เธอจะฆ่าตัวตาย?
แต่ทว่า...เธอกลับหนี
ในจิตใจลึกๆของเธอสั่งให้เธอหนีเอาตัวรอด
ตัวตนของหัวใจ อารมณ์ที่แท้จริงของเธอที่ผมได้เห็นในวันนั้น...เบื้องล่างแสงไฟ
ไม่ ไม่ ไม่เอา
เราไม่อยากตาย เรายังไม่อยากตาย เรายังไม่อยากตาย
ช่วยเราด้วย ช่วยเรา ช่วยเราที
ได้โปรด
เรายังตายไม่ได้ เราจะต้องไม่ตาย
เราไม่อยากจะสูญสลาย เราไม่อยากจะหายไป
ใครก็ได้ จะใครก็ได้ ใครก็ได้ ใครก็ได้...
เราขอโทษ
"โอชิโน---ะ!"
ผม...
ผมแหงนหน้ามองฟ้าก่อนที่จะตะโกนด้วยเสียงทั้งหมดที่มี
ด้วยความจุของปอดในร่างแวมไพร์ ผมตะโกนด้วยพลังทั้งหมดนั้น
"โอชิโนะ เมเมะ!"