Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
''น้องฑีฆายุ'' ดวงใจของ ''แอนนี่'' จากมรสุมทำให้ชีวิตแข็งแกร่งขึ้น ติดต่อทีมงาน

หลังจากที่ ''สยามดารา'' ได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตที่พลิกผันของนักแสดงสาว ''แอนนี่ บรู๊ค'' ที่หันไปจับธุรกิจขายครีมเพื่อเลี้ยงครอบครัวไปแล้วนั้น ครั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบของ ''แอนนี่'' และลูกชายวัยน่ารักอย่าง ''น้องฑีฆายุ'' ที่กำลังมีพัฒนาการเฉลียวฉลาดตามวัยชนิดที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอน นอกจากนี้กำลังใจจากใครกันหนอ...? ที่ทำให้ ''แอนนี่ บรู๊ค'' ฝ่าฝันมรสุมต่างๆ จนมายืนหยัดใช้ชีวิตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง และคุณแม่ยังสาว, ยังสวยขนาดนี้ เปิดประตูหัวใจรับหนุ่มๆ คนใหม่แล้วหรือยัง??? ลองไปฟังคำตอบจาก ''แอนนี่ บรู๊ค'' กันได้เล้ย...ยยย!!

 

พูดถึงลูกชาย ''น้องฑี'' ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
 
แอนนี่ : ''น้องฑีนะค่ะ ตอนนี้พูดเก่งมากๆ พูดไม่หยุด พูดจนกว่าจะหลับ บางวันตื่นขึ้นมาก็ละเมอขึ้นมาพูดอีก เค้าเป็นเด็กที่พูดเก่งมากๆ แล้วก็พูดภาษาไทยชัดมากๆ เพราะว่าเราเลี้ยงเค้าแล้วเราก็ไม่พูดภาษาที่ไม่ชัดกับเค้าค่ะ อย่างอร่อย ก็คือ อะ-หร่อย ไม่ใช่ อา-หย่อย เราจะไม่พูดอย่างนั้นเพราะอยากให้เค้าเป็นเด็กที่...คือคนไทยนะก็ต้องพูดภาษาไทยชัดตั้งแต่เด็กดีกว่านะค่ะ ซึ่งตอนนี้เค้าก็พูดชัดมาก''

 

ถ้าพูดถึงความซนล่ะ?
 
แอนนี่ : ''ซนมากกว่าเดิม มากที่สุดของที่สุดของที่สุดของในโลกเลยค่ะ (หัวเราะ) ไม่หยุดเลย ก็พยายามคิดในแง่ดีเหมือนกันว่าเด็กซนคือเด็กฉลาด แต่แม่ผอมลงๆ เพราะว่าเหนื่อยมาก''

 

ณ ตอนนี้ ''แอนนี่'' วิ่งตาม ''น้องฑี'' ทันไหม?
 
แอนนี่ : ''ไม่ค่อยทันเท่าไรค่ะ เพราะเค้าจะวิ่งเยอะนะ แล้วก็ชอบเล่นอะไรที่มันผาดโผนแล้วก็แรงๆ ก็เหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆ ไปแหละค่ะ เห็นต้นไม้นี่ก็ชอบปีน จะปีนขึ้นโต๊ะ-เก้าอี้บ้างอะไรบ้างอย่างนี้ค่ะ แต่แววดีของเค้าน่าจะเป็นคนที่รักในเสียงดนตรี เพราะว่าแอนมีกีตาร์ 2 ตัวที่บ้านเค้าก็จะเล่นทุกวันเลย แต่เล่นเหมือนดีดจะเข้เลยนะ (หัวเราะ) เป็นกีตาร์ของผู้ใหญ่เลยค่ะ ตัวเล็กนิดเดียวแต่แบกกีตาร์อันเบ้อเร่อเลย แต่มันก็เป็นภาพที่น่ารักดีนะ''

 

เด็กแบกกีตาร์ผู้ใหญ่เนี่ยนะ...ไหวหรอ?
 
แอนนี่ : ''(หัวเราะ) ไหวนะ...เห็นแล้วก็ขำดี น่ารักดี (เปิดรูป ''น้องฑี'' เดินลากกีตาร์ในโทรศัพท์โชว์)''

 

ไม่ซื้อเป็นอะคูเลเล่หรือกีตาร์ตัวเล็กๆ ให้เค้าหัดเล่นล่ะ?
 
แอนนี่ : ''ยังนะ...อย่าเพิ่งซื้อเลย เพราะอะคูเลเล่เนี่ยมันแพงค่ะ ตัวหนึ่งก็หลายพันโน้น เอาไว้เดี๋ยวรอให้เค้าเบื่อกีตาร์ตัวใหญ่ก่อนหรือรอให้เค้าเบื่อจริงๆ ก่อนแล้วค่อยซื้อดีกว่า คือเราเองก็ไม่ได้จะซื้อทุกอย่างตอบสนองให้ลูกทุกสิ่ง ไม่อย่างนั้นเค้าจะเรียนรู้ว่าเค้าจะได้อะไรมาง่ายๆ ซึ่งแอนไม่อยากแบบว่าเค้าชี้ปั๊บ...เราซื้อปุ๊บอย่างนั้นไงค่ะ เอาให้เค้าอยากได้จริงๆ แล้วเราก็ค่อยซื้อให้เค้า''

 

''แอนนี่'' ต้องเลี้ยงน้องคนเดียว...มีวิธีสอนน้องยังไงบ้าง?
 
แอนนี่ : ''จริงๆ ใจเนี่ยเค้าคือเด็กผู้ชาย เรื่องของพุทธศาสนาเป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกวันนี้ก็จะให้เค้าไหว้พระทุกวัน แล้วก็เวลาเห็นพระที่ไหนก็ต้องไหว้ ต้องทำความเคารพ อย่างสวดมนต์ก็จะสวดมนต์ให้เค้าฟัง เค้าก็สวดได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็คือค่อยๆ ซึมซับเค้าไป อันไหนดีอันไหนไม่ดี เราผ่านมาหมดแล้ว เราพอที่จะแยกแยะได้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็จะส่งต่อให้ถึงลูกว่าเค้าเป็นเด็กผู้ชายเค้าจะต้องทำอะไรบ้าง ยิ่งเป็นผู้ชายเนี่ยถ้ามีความรับผิดชอบหรือเป็นคนที่ให้เกียรติคนอื่น แคร์จิตใจของคนอื่น ก็จะเป็นคนที่อ่อนโยนแล้วก็จะมีคนรักเค้ามากขึ้น''

 

ได้ยินว่า ''น้องฑี'' เจอพระจะยกมือไหว้ตลอด?
 
แอนนี่ : ''ใช่ค่ะ...เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหน ถ้าเกิดเค้าเห็นพระสงฆ์ , พระพุทธรูป, พระพิฆเนศหรืออะไรก็ช่าง เราไม่เคยสอนให้เค้าแยกเลยนะว่าพระแต่ละอย่างคืออะไร แต่ถ้าเค้าเห็นอะไรที่มันเป็นแบบพระ ไม่ว่าอยู่บนหิ้งหรือว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม เค้าจะรีบวิ่งเข้าไป แล้วไหว้จนแทบจะกราบลงข้างล่างอยู่แล้วทุกครั้ง แล้วก็พูดทู้ค๊าบ , ทู้จ้า ตลอดเลย''

 

ในเรื่องของการศึกษาล่ะ...วางแผนไว้หรือยังค่ะ?
 
แอนนี่ : ''อยากให้เค้ามีการศึกษาที่ดีที่สุดแล้วสิ่งที่สำคัญเลยก็คืออยากจะให้เค้าได้ 2 ภาษา อยากให้เรียนโรงเรียน 2 ภาษา เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตวันข้างหน้าเราจะอยู่ที่นี่ไปจนถึงเมื่อไร หรือเราจะไปอยู่เมืองนอกไหม ชีวิตเราจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้ เราก็ไม่อยากไปฟิกชีวิตเราให้มันมาก วุ่นวายเพราะมันจะทำให้เราเครียด เอาเป็นว่าปีต่อปีเราอยู่ตรงนี้แล้วเราแฮปปี้ไหม ถ้าเกิดเราไม่แฮปปี้ เราพาลูกเราไปดูอะไรใหม่ๆ ต่างบ้านต่างเมืองบ้างดีไหม แต่ที่สำคัญเลยก็คืออยากให้เค้าได้ภาษาเยอะๆ เพระาว่าต่อไปในอนาคตในเรื่องของการติดต่อธุรกิจอะไรอย่างเนี้ยะ ภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ''

 

จะถึงขั้นส่งเข้าร.ร.นานาชาติเลยหรือเปล่า?
 
แอนนี่ : ''ถ้ามีตังค์ก็อยากจะเป็นอย่างนั้นนะ (หัวเราะ) แต่ถ้าไม่มีตังค์ก็...ตอนนี้ตัวเองเนี่ยะสอนลูกอยู่ 2 ภาษาอยู่แล้ว ก็คุยกับลูกก็จะคุย 2 ภาษาคือภาษาไทยแล้วก็ภาษาอังกฤษ อ๋อ...แล้วก็มีอีกภาษาคือภาษาเหนือ (หัวเราะ) แต่ว่างๆ ก็มีอีสานบ้างอะไรบ้าง (ขำ) ก็ปนๆ กันไป ให้เค้าได้เรียนรู้ว่าวัฒนธรรมของแต่ละที่ สิ่งของต่างๆ ในแต่ละจังหวัดมันไม่เหมือนกัน ให้เค้าได้อยู่ติดดินดีกว่า อย่างไปบ้านพี่ที่รู้จักกันที่อีสานก็จะให้เค้าได้ฟังภาษาอีสานเยอะๆ แต่ตอนนี้จะพูดได้อยู่แล้ว (หัวเราะ) เด็กพูดอีสานน่ารักนนะแอนว่า''

 

น่ารักขนาดนี้มีคนติดต่อเข้าวงการหรือยัง?
 
แอนนี่ : ''ก็ไปถ่ายรูปไว้ที่โมเดลลิ่งค่ะ เป็นโมเดลลิ่งพี่ที่รู้จักกัน ก็ถ่ายเก็บไว้''

 

ใจ ''แอน'' อยากให้เค้าเข้าวงการบันเทิงไหม?
 
แอนนี่ : ''ไม่หรอกค่ะ....จริงๆ ไม่อยากให้เค้าทำงานวงการบันเทิงเลยนะ ถ้าโตขึ้นมานะ แต่ถ้าตอนเป็นเด็ก เล่นๆ ได้ก่อนข้าโรงเรียน เล่นๆ ได้ ทำได้ เต็มที่ แต่ถ้าเกิดโตเป็นวัยรุ่นแล้วก็กลัวเค้าเสียการเรียน เพราะคือเราอยู่มาเรารู้หมดแล้วว่ามันมีอะไรบ้าง คือตรงนี้มันเป็นแสง สี ถ้าเกิดเข้ามาก่อนวัยอันควรกลัวเค้าจะเหลิงไป แล้วอีกอย่างหนึ่งก็ได้เจอแต่คนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้นเลย ก็กลัวนะ...เด็กผู้ชายเราก็กลัวว่าเค้าจะเผลอไผลอะไรไป''

 

ไม่อยาก...แต่ก็ไม่ได้ห้าม?
 
แอนนี่ : ''ไม่ได้ห้ามค่ะ แต่ไม่อยากให้มาเต็มตัวขนาดนั้นนะ อยากให้เค้าทำอาชีพไปเลยดีกว่า คือตรงนี้มันเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงนะ อยากให้เค้าทำอะไรที่มั่นคง ดีกับตัวเค้าเอง เพราะว่าถ้าอายุมากเข้าแล้วเป็นดาราที่ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างแอนเนี่ย แอนก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในอาชีพดารา แล้วพอเวลาเรามาเริ่มต้นใหม่กับอาชีพใหม่มันเหนื่อยมาก อย่างตอนนี้ก็มาเริ่มต้นในเรื่องของธุรกิจครีมมันก็ค่อนข้างเหนื่อยในวัยที่เราอายุเยอะขึ้น มันต้อสู้อีกเยอะ มันต้องออกบูทเยอะมากเลย ต้องไปต่างจังหวัดด้วย ซึ่งมันเหนื่อยนะ เราก็ไม่อยากให้ลูกเราต้องมาเหนื่อยเหมือนเรา''

 

ณ ตอนนี้ ''น้องฑี'' ใกล้ 2 ขวบแล้วเตรียมของขวัญไว้ไหม?
 
แอนนี่ : ''ถ้าเป็นของเล่นก็คงมีเพราะเค้าชอบของเล่น ชอบอุตตร้าแมนมาก นอนกอด นอนจูบ ยิ่งกว่าแม่เสียอีก (หัวเราะ) คือเค้ายังเล็กอยู่นะค่ะ แต่เราก็จะพูดกับเค้าบอกกับเค้า อย่างปีที่แล้วแอนก็บอกนะ (ยิ้ม) คือแอนจะเป็นคนที่จะพูดกับลูกตลอดเวลา มีอะไรให้พูดกับเค้าเพราะเราเชื่อว่าวันนึงเนี่ย ที่เค้าพูดได้เต็มที่แล้วไอ้สิ่งที่เราพูดไว้มันจะออกมาตามคำพูดเค้าหมดเลย เราจะคิดว่าเด็กไม่จำ...ไม่ใช่ เค้าจำค่ะ มีอะไรก็จะพูดกับเค้าค่ะ จริงๆ พูดทุกๆ วันอยู่แล้วนะ แต่วันเกิดเค้าเราก็จะพูดประมาณว่า ''น้องฑี...วันนี้เป็นวันที่คุณแม่มีความสุขมากนะ'' (น้ำตาคลอ...เงียบไปสักพัก)''

 

คุณแม่ยังสวยขนาดนี้มีหนุ่มๆ เข้ามาไหม?
 
แอนนี่ : ''โห...ไม่มีใครกล้าหรอกนะ (หัวเราะ)''

 

เปิดใจรับคนอื่นเข้ามาพูดคุยบ้างหรือเปล่า?
 
แอนนี่ : ''ถามว่ามีบ้างไหมก็มีบ้างนะค่ะ ก็มีปีนี้แหละที่เริ่มเข้ามาในชีวิต เริ่มมีคนมาสนใจ เริ่มมีคนอยากมาพูดคุยด้วย แล้วก็แต่ละคนที่เข้ามานี่ก็ดีมากเลยนะ เค้าไม่แคร์ ไม่มายด์กับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยนะ เราก็ยังคิดเลยว่ากล้าเน้าะ (หัวเราะ)''

 

ส่วนใหญ่อายุน้อยหรืออายุมากกว่า ''แอน''?
 
แอนนี่ : ''ส่วนใหญ่ก็มากกว่าแต่ก็ไม่มากนะค่ะ แต่ก็บอกไว้เลยว่ายังไม่เปิดหัวใจให้ใครเพราะว่าเรายังมีภาระหน้าที่ที่เรายังจะต้องดูแลนั่นก็คือน้องฑี อีกอย่างน้องฑีก็ยังเล็กอยู่ แล้วเราก็ต้องทำงานด้วย มันไม่มีเวลาไปคิดเรื่องพวกนั้นหรอกค่ะ คือถ้าเข้ามาก็เข้ามาก็คุยไป ดูไป แต่จะไม่ถึงขั้นว่าต้องมาเป็นคนรักหรือยังไง ตอนนี้พูดเลยว่าใจมันยังไม่พร้อม มันยังเข็ดอยู่แล้วก็ยังไม่กล้าที่จะเปิดรับคนใหม่ๆ ก็เลยบอกทุกๆ คนไปว่า...ใช้คำว่าทุกๆ คนเหมือนเยอะเลยเน้าะ (หัวเราะ) ก็จะบอกคนที่เข้ามาตลอดว่าเราชัดเจนเลยนะ ว่าตอนนี้เราเป็นแบบนี้นะ เราไม่พร้อมนะ แล้วเราเป็นคนมีบาดแผลนะ ถ้าคุณคิดว่าคุณรับได้คุณทนได้ คุณก็ต้องรับให้ได้''

 

''แอน'' หวงและห่วง ''น้องฑี'' มากๆ ถ้าวันนึงน้องโตเป็นหนุ่ม ''คุณแม่แอนนี่'' จะหวงสาวๆ ที่จะเข้ามาหาลูกชายขนาดไหนเนี่ย?
 
แอนนี่ : ''แอนเนี่ยนะ...(หัวเราะ) คือว่าคนอื่นเค้าไว้ไงว่าทำไมหวงลูกชายอะไรนักหนา ทำไมจะต้องอะไรขนาดนั้น ตัวเองจะเป็นมากกว่าเค้าอีก(หัวเราะ) คือลูกของเราเราก็รักของเราเน้าะ แล้วเราก็ค่อนข้างห่วงเค้า แต่ยังไงก็แล้วแต่พอถึงวันนั้นถ้าเค้ารักใครเราก็จะให้เค้าได้ไปทดลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองนะ ถ้าเรายิ่งห้ามแล้วเค้าไม่เคยรับรู้หรือไม่ได้ลิ้มลองเลย เค้าจะยิ่งไปจากเรามากยิ่งขึ้น ให้เค้าได้ลองให้เค้าได้เจอให้หมด อยากเจ็บปวด อยากรัก อยากแฮปปี้ อยากเศร้า อยากมีน้ำตาก็ไปลองเลย เรารู้อยู่แล้วว่าเราต้องเลี้ยงลูกแบบนั้น แต่ตอนนี้วัยเค้ากำลังพูด กำลังน่ารัก เราก็หลงลูกนะ พูดไปตอนนี้ก็หวงแหละ แต่โตขึ้นไปอาจจะต้องปล่อย ถ้าไปเลี้ยงเค้าไปบีบเค้ามากก็จะยิ่งไปกันใหญ่''

 

สบายใจกับชีวิตตอนนี้หรือยัง?
 
แอนนี่ : ''สบายใจค่ะ คือจริงๆ แล้วปัญหาทุกๆ อย่างเนี่ยะ จริงๆ แล้วมันเป็นแค่จุดปากกาเล็กๆ เองนะ เพียงแต่เราเอาไว้ใกล้ตาเรามากเลย เราก็เลยรู้สึกว่าใหญ่จังเลย ทุกข์จังเลย แต่มาวันนี้เราดึงมันออกไปให้ไกลๆ มันก็กลายเป็นแค่จุดปากกาเองนี่น่า ไม่เห็นต้องขนาดนั้นเลย แล้วเราจะแฮปปี้มาก (ยิ้ม) ดูแลตัวเองมากขึ้น ดูแลตัวเองสุดๆ เลยนะ ตอนนี้พอลูกเริ่มโตเราก็มีความรู้สึกว่าไม่ได้ล่ะ เราต้องดูแลตัวเอง อย่างเมื่อก่อนนี้ที่ผ่านมาก็จะเห็นรูปแอนโทรมมาก มัดผม หัวยุ่ง แต่ตอนนี้ตัดผม ทำทุกอย่าง ผิวพรรณขัดหมด ตลอดเวลา ไอ้เวลาไม่มีหรอกนะ แต่เราทำตอนอยู่กับลูกเนี่ยแหละ เราก็บริหารเวลาไป อย่างเวลาอาบน้ำเค้าเราก็ขัดนู้นขัดนี้แล้วเราก็ขัดให้เค้าด้วย เวลาเราทาครีม เราก็ทาให้ลูกเราด้วย (หัวเราะ) ลูกเราก็จะได้ผิวสวยๆ''

 

ทุกวันนี้มีแนวคิดกับการแก้ไขมรสุมปัญหาต่อไปยังไง?
 
แอนนี่ : ''ทุกอย่างถ้าเราคิดดีต่อคนอื่น แล้วข้างในเราสดใส ผิวพรรณก็จะเปล่งปลั่งนะ แล้วเวลาเรามองใครแล้วเรายิ้มอยู่ตลอดเวลา เราจะเป็นคนที่ดูมีความสุขนะ เมื่อก่อนนี้มีแต่คนพูดว่าแอนดูเป็นคนที่ทุกข์และอมทุกข์มาก เพราะว่าเราคิดอยู่ตลอดเวลา คิดแล้วก็ย้ำคิดย้ำทำตลอด แต่พอมาวันนี้บอกเลยว่าเรามาใช้วิธีการคิดใหม่ๆ เรามองปัญหาให้มันไกลออกไป พรุ่งนี้อาจจะต้องไปเจอคนนั้นแหละที่ทำให้เราไม่สบายใจ อาจจะต้องเจอคนด่าคนว่า แต่ไม่เป็นไรหรอก สิ่งที่เค้าด่าเค้าว่ามันเหมือนสิ่งที่เราจะเอามาใกล้ๆ แล้วมันทำให้เรามีทุกข์ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องผลักมันออกไป ทำอย่างนี้ทุกครั้งทุกวัน''

 

ทุกวันนี้เวลาไปไหนยังมีคนด่า, คนว่า, คนกระแนะกระแหน หรือมองเราด้วยสายตาเหยียดหยามอยู่ไหม?
 
แอนนี่ : ''ถึงมีก็ไม่ได้ยิน...เพราะอะไรรู้ไหม เราไม่ได้แกล้งปิดหูปิดตานะ อย่างเพื่อนแอนบางทีเค้าเดินอยู่ข้างหลังแอน แล้วแอนเดินนำหน้า แล้วเค้าได้ยินคนเดินผ้านไปซุบซิบ เค้าก็จะบอกแอนว่าแกๆ ไม่ได้ยินหรอ เค้าพูดอย่างนี้ๆ แอนก็ถามแค่หรอ...เค้าพูดอย่างนี้หรอ ไม่เห็นได้ยินเลย เค้ามองอย่างนี้หรอ ไม่เห็นเลย คือไม่ได้แกล้งเหรอนะ แต่เราไม่เห็นจริงๆ เพราะว่าเราคิดแต่เรื่องของเรา คิดแต่สิ่งที่ดีๆ ที่เรากำลังจะไปทำ เราจะไปขายของ เราจะไปกินข้าวกับลูก เราจะไปเจอเพื่อน เราจะไปช็อปปิ้ง คือเราไม่สนใจเลยว่าสายตาใครจะมองเรายังไง เพราะว่าเค้าไม่ได้มาอยู่ในชีวิตเราและเค้าก็ไม่ได้ให้ข้าวเรากิน ไม่ได้ให้เงินเราใช้ เวลาที่เค้าอยากจะต่อว่าเราเนี่ย เค้าพูดไปเดี๋ยวเค้าก็ลืมแล้ว เราจะมาเก็บใส่ใจทำไม คำพูดพวกนั้นมันเป็นอากาศทั้งนั้นเลย ถ้าเราใส่ใจเราก็นั่งทุกข์ แต่ไอ้คนที่พูดมันเดินไปนู้นแล้ว ไม่ต้องไปสนใจเลย คือทำอะไรจดจ่อในสิ่งที่ตนเองทำ มีสติทุกวินาที ทำอะไรเราก็คิดก่อนที่จะพูดหรือว่าจะพูดกับใคร คบมิตรดีก็จะพาไปเจอในสิ่งที่ดี พาไปอยู่ในสังคมที่ดี สักวันเค้าก็จะคิดดีกับเราเอง แต่ไอ้คนที่ผ่านไปผ่านมาอย่าไปสนใจมันเลย มันเป็นใครก็ไม่รู้นะ''

 

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อยากจะแก้ไขอะไรในอดีตไหม?
 
แอนนี่ : ''คิดว่าไม่ค่ะ...แอนคงไม่อยากแก้ไขอะไรทั้งนั้น ชีวิตแอนทุกวันนี้แอนมีความสุขดีอยู่แล้ว เราไม่อมทุกข์ ผลักความทุกข์ออกไปไกลๆ อยู่กับลูกที่น่ารัก อยู่กับคนที่รักเรา แค่นี้แอนก็พอใจแล้วค่ะ''

 

ณ ตอนนี้บอกได้เลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่าง ''แอนนี่ บรู๊ค'' เธอสามารถยืดหยัดด้วยมือ 2 ข้างและพร้อมที่จะเป็น ''ซิงเกิลมัม'' ได้อย่างแข็งแกร่งเพราะได้ยาชูกำลังที่น่ารักอย่าง ''น้องฑีฆายุ'' นั่นเอง...!!

 

ข่าวจาก  :  สยามดารา
http://www.siamdara.com/Variety/120130_1468.html

 
 

จากคุณ : Dear Nostalgia
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 19:46:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com