ความคิดเห็นที่ 1 ฝึกอยู่เหมือนกันครับ เจ้าของกระทู้เก่งจัง N1 แล้ว ของผมปลายปีจะพยายามสอบ N2 อยากเอาให้ผ่านให้ได้ เวปที่ชอบไปดูเล่นก็เวปสอนทำอาหารของคิโคแมนครับ แค่ดูก็หิวแล้ว (สภาพเหมือนดูห้องก้นครัว) http://www.kikkoman.co.jp/homecook/search/theme/result_01okayu.html อีกเวปที่น่าจะมีประโยชน์ก็ บทสรุป ของละครครับ (เหมือนบทสรุปเกม 55) http://www.dramanote.com/ อีกอันก็ amazon.co.jp ไปดูว่าอยากได้อะไรบ้างแล้วก็เก็บไปฝัน... จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 20:20:16

ความคิดเห็นที่ 2 ความรู้เบื้องต้น แต่ก็อยากจะอ่าน อิอิ ขอบคุณสำหรับลิงค์ค่ะ ว่าจะไปเรียนไปสอบอยู่เหมือนกัน จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 14:57:33

ความคิดเห็นที่ 3 ATP Subtitle ครับ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 01:31:47 จากคุณ : shinkai เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 01:30:24

ความคิดเห็นที่ 4 พึ่งสังเกต ชื่อ จขกท แปลว่า love letter รึเปล่าครับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 09:53:07

ความคิดเห็นที่ 5 ใช่แร้วค่ะ แต่จริงๆ ที่ถูกจะต้องเป็น raburetaa นะ แต่บังเอิญชื่อนี้้สมัครไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้เรียนญี่ปุ่นอ่ะค่ะ ก็เลยเขียนผิด จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 12:01:08

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้ไม่เกี่ยวกับเวปแต่ว่าคุณ RabuRetta เคยเห็นหนังสือเล่มนี้รึเปล่าครับ (ต้องมีแล้วแน่ๆเลย) ถ้ายังไม่มีผมก็ขอแนะนำเลยแหละครับ ผมเคยเรียนตอนอยู่ปี 2-4 แต่ก็ไม่เคยสอบเลยซักระดับ ไม่รู้อยู่ดีๆไป N2 เลยนะเน่ามั้ย ... ปีนี้ไม่ทราบว่ามีสอบ JPLT กลางปีรึเปล่านะครับ ไม่งั้นก็ต้องรอปลายปีนี้ (ยังดีที่มีศูนย์สอบที่ San Fran ไม่ไกลมาก) จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 08:18:50

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณค่ะหนังสือน่าสนใจมาก เดี๋ยวจะลองหาดู เราตั้งใจจะสอบปลายปีค่ะเพราะกลางปี(ที่อเมริกา)ไม่มีให้สอบ ถึงมีก็คงไม่สอบเพราะไม่ทัน อิอิอิ ศูนย์สอบก็มีอีกที่นึงที่ LA ด้วยค่ะ ห่างจากบ้านเราไปชม.นึงมั้งถ้าจำไม่ผิด ความจริงก็แอบคิดว่าจะไปสอบ N2 ที่เมืองไทยตอนกลางปี แต่ว่าตารางเวลาไม่แน่นอน ก็เลยไม่ต้องละกัน จริงๆ เราไม่เคยสอบ N2 ค่ะ กะจะข้ามไปเลย ยังไงก็ซื้อข้อสอบของเก่ามาทั้งของ N1 และ N2 ที่ศึกษาอยู่ตอนนี้ก็คืออ่านรอบสองระดับไปพร้อมๆ กันอ่ะค่ะ เพราะว่ามันไม่มีเส้นขีดแบ่งชัดเจนระหว่างสองระดับนี้ ดูจากแต่ละหนังสือแล้ว คันจิบางตัวอยู่ N2 แต่ไปดูอีกเล่มกลับอยู่ N1 คำศัพท์ก็เหมือนกัน มันเลยเจาะจงอ่านแค่ของ N2 ไม่ได้ อะไรประมาณนั้น อีกอย่าง บางทีคันจิ แกรมม่า การอ่าน แล้วก็คำศัพท์ ของเราเนี่ย แต่ละอย่างมันไม่ค่อยสมดุลกัน บางอันระดับสูงกว่า ไรเงี้ย ก็เลยอ่านควบไปเลยทุกอย่าง แล้วสอบ N1 ทีเดียวอ่ะค่ะ จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 08:33:01

ความคิดเห็นที่ 8 อะไรกัน คุณ RabuRetta ก็อยู่ใน Cali หรอครับเนี่ย โลกกลมจัง ผมอ่านหนังสือชุดนี้อยู่อ่ะครับ มีคันจิ กับการอ่านของ N2 กับ N1 จริงๆผมไม่ได้ซีเรียสกับการสอบมาก แต่คิดว่าถ้ามีสอบไรพวกนี้จะช่วยกระตุ้นให้ไม่ขี้เกียจมากกว่า (รูปเล็กไปนิดด) จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 08:41:09

ความคิดเห็นที่ 9 มีอีกเล่มครับ คล้ายๆเล่มแรก จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 08:41:56

ความคิดเห็นที่ 10 อ้าวเบลอออ ลงซ้ำเฉยเลย - -' จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 08:42:50

ความคิดเห็นที่ 11 เราก็ใช้เล่ม matome เหมือนกันค่ะ แต่ว่าของเราเป็นของ N1 ส่วนของ N2 แกรมม่าเราใช้ kanzen master ฉบับภาษาไทย สำหรับคันจิก็ในรูปนี่ค่ะ ท่องหมดกล่องแล้วแต่ก็มีลืมบ้าง ต้องเอามาทบทวนใหม่อยู่เรื่อยๆ นอกนั้นก็มีหนังสือเรียนที่ใช้ตอนเรียนมหาลัยที่เน้นเรื่องการอ่าน แล้วก็หนังสือนู่นนี่ที่ไปซื้อมาจากที่เมืองไทยอ่ะค่ะ ตอนนี้อ่านแค่หนังสือประเภทหนังสือเรียน ไม่ได้เริ่มอ่านพวกวรรณกรรมเลย(ซื้อมาตั้งเยอะ 555) กะว่าท่องคันจิให้ครบก่อนจะได้สดวกหน่อยเพราะว่าเวลาอ่านนู่นอ่านนี่มันติดขัดประจำเลยเพราะว่ารู้คันจิไม่ครบ คิดว่าถ้ารู้ครบแล้วน่าจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้นอ่ะค่ะ จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 13:00:13

ความคิดเห็นที่ 12 อ้อ ที่บอกมาว่ามีศูนย์ที่ซานฟรานก็เพราะว่าอยู่แคลิเหมือนกันเหรอคะ 555 เราเคยอยู่ใกล้ๆ ซานฟรานแต่ว่าย้ายมาได้สองปีกว่าแล้ว จริงๆ เราอยากพูดญี่ปุ่นให้มันคล่องๆ ไปเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำไงดีถึงจะพูดได้คล่อง เพราะว่าตอนนี้ก็เรียนจบแล้วไม่ได้ฝึกพูดคุยกับใครเป็นภาษาญี่ปุ่นเลย ก็เลยใช้วิธีเรียนเองเพื่อเตรียมสอบอ่ะค่ะ ระหว่างนี้ก็ดูซีรี่ย์ฝึกการฟังและอื่นๆ ไปเรื่อยๆ หุๆๆๆ จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 13:06:35

ความคิดเห็นที่ 13 ผมมาเรียนที่แถวนี้ได้สามปีกว่าๆแล้วครับ ตั้งแต่ย้ายมานี่ก็ไม่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเลยตั้งแต่จบป.ตรีเมื่อสามสี่ปีที่แล้ว ตอนนี้ก็อาศัยเรียนเองเหมือน RabuRetta แต่พอไม่ได้ลงคลาสมันก็เหมือนไม่มีไม้เรียวมาตีก้น ทำให้ขี้เกียจอยู่เรื่อยๆ เชื่อไหมว่าละครญี่ปุ่นเนี่ย พึ่งเริ่มดูไม่ถึงครึ่งปีที่ผ่านมานี่เอง !! เรื่องของเรื่องคือ เมื่อตอนที่กลับเมืองไทยปีที่แล้วผมไปอ่านหนังสือแปลเรื่อง Byakuyakou (ที่แปล... ดีหรือไม่ดีก็แล้วแต่คนชอบล่ะครับ 55) พอหาในเน็ตก็พบว่าเอ๊ะเขามีละครด้วย พอเริ่มดูก็ติดเลยคราวนี้ไล่ดูเยอะแยะ ความสนใจตอนแรกก็มาจากนิยายแปลญี่ปุ่นที่ที่ไทยมีเยอะแยะ การ์ตูนก็มีบ้าง ใจจริงๆอย่างคล่องภาษาญี่ปุ่นจนถึงขั้นแปลกลับไปกลับมระหว่าง ไทย อังกฤษ ญี่ปุ่น ได้ เพราะชอบด้านภาษาอะไรพวกนี้อ่ะครับ (แต่ดันเรียนวิทย์) ฟังดูเหมือนคุณ RabuRetta เรียนอยู่หรือพึ่งจบอะไรทำนองนี้ใช่ไหมครับ ถ้าอยู่แถวๆ LA อากาศคงร้อน 55 เมื่อปีก่อนเพื่อนผมยังมีเรียนอยู่แถวๆนั้นผมก็ลงไปหาบ่อยๆ ตอนนี้มันจบกลับบ้านไปแล้วเลยไม่ได้ไปเลย ด้วยความตั้งใจของคุณ ผมว่า N1 ผ่านได้ไม่ยากแน่ๆ เรื่องพูดคล่องๆคงต้องใช้เวลาหน่อย พยายามเข้าครับ ชุดบัตรคันจิที่คุณโพสให้ดู ผมก็หลวมตัวซื้อมาแต่ไม่มีเวลาท่อง -_-' บัตรมันเยอะมากเลย ที่ผ่านจบสำเร็จก็มีอยู่เล่มเดียวคือ Kanji In Context workbook เล่มหนึ่ง ซึ่งพอจบแล้วก็ควรจะรู้คันจิ 1,200 ตัว พออ่านเสร็จก็ลืมไปเยอะมาก ต้องทบทวน อันนี้มีเล่มสองด้วยครับ ถ้าจบสองเล่มก็ครบ Joyo Kanji (แบบเก่า 1900 กว่าตัว) พอดี ผมว่าดีเพราะว่ามีประโยคภาษาญี่ปุ่นให้ดูเลยว่าแต่ละคำใช้ยังไง ดูท่าเป็นคนบ้าซื้อหนังสือเหมือนผมเลย ตอนที่ไปญี่ปุ่น ผมก็ไปซื้อหนังสือนิยายมาทั้งๆที่ยังไม่มีปัญญาอ่าน คิดเหมือนคุณแหละครับว่า ก็อ่านคันจิให้คล่องๆก่อนจะได้อ่านง่ายๆ 55 ตอนนี้กองเต็มห้องเลย เพื่อนถามว่า แกอ่านได้หรอว่า ถ้าอ่านไม่ได้แล้วซื้อมาทำไมวะเนี่ย... จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 55 01:54:29

ความคิดเห็นที่ 14 ลืมรูปปป จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 55 01:55:35

ความคิดเห็นที่ 15 แวร๊กก เล่มนั้นเราก็เคยอยากซื้อค่ะ แต่ว่ามันหายากแล้วก็แพงมาก T^T หมดตังค์ไปกับหนังสือเยอะแล้ว ตอนนี้ดูคันจิในเล่ม matome N1 แล้ว เยอะจริงๆ รู้สึกว่ามันรวมคันจิใหม่เข้าไปด้วย มีตั้งสองพันกว่าตัว แต่ว่ามันท่องทีละเยอะๆก็ลืมง่าย ท่องคันจิที่ผ่านมาก็ลองไปหลายวิธีแล้วค่ะ = =" ซึ่งก็ไม่รู้ว่าวิธีไหนดีสุด จากที่ท่อง flashcards เจ็ดร้อยกว่าตัวในกล่องนั่น (นั่นก็ซื้อมาตั้งแต่ตอนอยู่ปี 2 ดองไว้ซะนาน จนเรียนจบแล้วหล่ะเพิ่งมาเริ่มท่อง) จากนั้นก็เริ่มดูเล่ม matome หน้าละวัน สมองจะระเบิด มันก็ดีตัวที่จำเป็นคำศัพท์ไป บทแรกๆ เนี่ยเน้นจำแบบ 音 ซึ่งราไม่ถนัดเอาซะเลย เพราะว่าคันจิมันก็มีวิธีอ่านแบบ 音 ที่ซ้ำกันเยอะเกินไป สับสนง่าย T^T ตอนนี้เพิ่งปลี่ยนแผน(อีกแล้ว) เก็บหนังสือไว้ก่อน แล้วปริ๊น jouyou ทั้ง 1945 ตัวมา แล้วก็จด+ท่องแค่ 訓 อย่างเดียวก่อนเลยอ่ะค่ะ (ส่วนตัวไหนไม่มีวิธีอ่านแบบ 訓 ก็จำแค่แบบ 音 อย่างเดียว ง่ายไปอีกแบบ) เพราะว่าจำทั้งสองแบบพร้อมๆ กันสำหรับเรามันยากมาก 555+ ถือเป็นการเรียนศัพท์ใหม่ๆ ไปด้วย พวกคำศัพท์ของญี่ปุ่น(ที่ไม่ใช่มาจากจีน)มันจำง่ายกว่าด้วยอ่ะค่ะ เป็นคำเดี่ยวๆ ไป คิดว่าพอจำพวกนี้ได้แล้วน่าจะจำความหมายของคันจิเป็นตัวๆ ไปได้(แทนที่จะจำในรูปแบบคำประสมแบบจีน) จากนั้นค่อยเริ่มติวจากหนังสือใหม่อีกทีค่ะ จะเวิร์ครึเปล่าก็ต้องดูต่อไป ฮ่าๆๆๆๆ ส่วนเรื่องวิธีจำคันจิในรูปประโยคเนี่ย เราก็ใช้วิธีเสิร์ชเอาในกูเกิ้ลเลย 555 เพราะว่าหลายๆ ครั้งก็จะเจอพวกฟอรั่มที่คนญี่ปุ่นโพสต์กัน ก็เข้าไปแอบอ่าน ในเวบ http://dictionary.goo.ne.jp/ บางทีก็มีตัวอย่างประโยคให้ดูด้วยเหมือนกัน จริงๆ อยากซื้อหนังสือแต่ว่าหมดตังค์ไปเยอะแล้ว ก็เลยประหยัดตังค์ด้วยวิธีนี้อ่ะค่ะ 5555 ถือว่าได้ฝึดอ่านบทความต่างๆ บนเวบไปด้วยเลย จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 55 05:20:06

ความคิดเห็นที่ 16 จริงๆ เคยอยากซื้อ byakuyakou มาอ่านเหมือนกัน แต่ว่ามันแพง 555 ดูซีรี่ย์ไปตั้งสองรอบ แล้วก็ดูเวอร์ชั่นหนังไปด้วย จริงๆ แล้วเราชอบคนแต่งเรื่องนี้มากเลย หนังสือที่ซื้อมา(ที่ยังอ่านไม่ได้)ก็เป็นของนักเขียนคนนนี้เหมือนกันค่ะ เมื่อตอนไปเมืองไทย ซื้อมาทั้งสองภาษาแล้วมานั่งเปิดควบคู่กันไป เป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก แต่ว่ามันก็ดีตรงที่เราได้รู้ว่ารูปประโยคแบบนี้ๆ ที่เห็นในเล่มญี่ปุ่น มันแปลเป็นไทยว่ายังไง บางทีก็เจอที่คนแปลแอบข้ามหรือแปลผิดไปด้วยนะเออ 555 เราเพิ่งเรียนจบมหาลัยเมื่อกลางปีที่แล้วอ่ะค่ะ ตอนอยู่มหาลัยก็เรียนญี่ปุ่นไปสามปี เคยเรียนวิชาแปลด้วย ได้อ่านงานเขียนแบบต่างๆ ต้องแปลประโยคต่อประโยค จากญี่ปุ่นเป็นอังกฤษ สมองถึงกับเหนื่อยค่ะ 555 ปล.ในรูปนี้เคยถ่ายอัพไว้ในเฟสค่ะ ฮ่าๆ แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 55 05:28:30 จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 55 05:27:47

ความคิดเห็นที่ 17 ความลับนครรุ่งอรุณ ภาษาไทยแปลดีไหมครับ? (ห่อเขียวเล็กๆนั่นลูกอมหรอครับ..) เพราะว่า Byakuyakou นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมกลับมาฮึดฟิตภาษาญี่ปุ่นอีกครั้งเลยครับ จะได้มีปัญญา(หวังว่า)จะอ่านต้นฉบับได้ (ให้ตีความเองว่าหนังสือแปลเป็นยังไง 55) ถ้ายังไม่ได้ซื้อภาษาไทยก็ไม่เป็นไรหรอกครับ 55 นักเขียนคนนี้ พอติดตามมาได้หลายผลงาน (ส่วนมาเป็นละครเป็นหนัง) จริงๆพึ่งรู้ตัวว่าเรื่องแรกเลยคือเรื่อง Tegami เรื่องนี้ดูบนเครื่องบินตอนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นใหม่ๆเลย (เอริกะน่ารักมากๆ 55) คุณ RabuRetta ดีจังได้ไปเรียนญี่ปุ่นตั้งสามปี อย่างนี้เรียน เอกด้านภาษาญี่ปุ่นเลยรึเปล่าครับ เรียนจบแล้วกะจะเรียนต่อรึเปล่าครับ ไปต่อที่ญี่ปุ่นก็จะได้คล่องสมใจเลยทีนี้ คุณ RabuRetta ตอนอยู่ญี่ปุ่นน่าจะจำร้าน Book-Off ได้ ที่หนังสือลดราคาเพียบบบบ ผมก็ไปได้หนังสือการ์ตูน หนังสือชุดแมวสามสี กับซายากะ แบบต้นฉบับ (สองเรื่องนี้ผมชอบมากเลย กลับไทยทีเราก็ต้องสอยตอนใหม่ๆมาอ่าน) เล่มละ 100 เยน หมดตังค์ไปบานเบอะเหมือนกันครับ หนังสือ matome ของ N1 กับ N2 ผมเปิดดูเทียบกันแล้วเล่ม N1 สนุกน้อยกว่า N2 เยอะมากๆเลย อย่างที่คุณบอก คือเขาจัดรวมคันจิเป็นหมวดตาม radical บ้าง ตามเสียงบ้าง อย่าง N2 นี่ยังมีพวกสถานการณ์ หรือพวกอะไรให้อ่านในบริบท ผมว่าอย่างหลังจะทำให้จำง่ายกว่าสำหรับผม (อย่างนี้เวลาเห็นก็จะพอเดาได้) เวป http://dictionary.goo.ne.jp/  ที่คุณแนะนำผมแอบเข้าไปดูแล้วครับ เวปสวยดีแต่ภาษาญี่ปุ่นยุ่บยับไปหมด 55 เรื่องแปลไทยญี่ปุ่นนี่ พี่ๆห้องสมุดเคยคุยกันแล้วผมแอบไปอ่าน เขาก็ว่ามันเป็นงานหินจริงๆที่จะแปลให้เนี๊ยบๆ ซึ่งก็คงจริงขนาดผมที่พอรู้บ้างก็ยอมรับว่าภาษามันแปลยากเพราะมันก็โยงเกี่ยวเนื่องกับความคิดคน วัฒนธรรม มันแปลยังไงก็แปลให้ตรงไม่ได้ ที่ทำได้ให้ดีสุดก็คงได้แต่ตีความใหม่ แต่นั่นแหละครับ พอทำแล้วมันก็ไม่เหมือนเดิม อันนี้ก็เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมผมถึงอยากรู้ภาษาญี่ปุ่นมากพอที่จะอ่านนิยายของเขาได้ในภาษาต้นฉบับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 55 10:58:23

ความคิดเห็นที่ 18 เราเรียนภาษาญี่ปุ่นสามปีแต่ว่าไม่ได้เรียนที่ญี่ปุ่นอ่ะค่ะ เรียนอยู่ที่มหาลัยที่อเมิรกาเนี่ยแหละค่ะ จริงๆ แล้วชีวิตนี้ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นเรย T^T ตอนแรกจะไปหลังเรียนจบ เก็บตังค์ไว้แล้ว แต่เกิดแผ่นดินไหว ก็เลยคิดว่าคงไม่ได้ไปปีนี้แน่ก็เลยเอาตังค์ไปใช้ทำอย่างอื่น ผ่านมา 2-3 เดือนญี่ปุ่นก็กลับสู่สภาพปกติซะงั้น เสียดายเลย 555 เรื่องความลับนครรุ่งอรุณก็แปลดีค่ะ แต่ที่สังเกตได้ มีอยู่ประโยคหรือสองประโยคที่คนแปลเค้าข้ามไปเฉยๆ ทั้งๆ ที่เป็นประโยคซิมเปิ้ลมาก แล้วก็มีหน้านึงที่แปลจาก 十六歳 เป็นหกขวบ ก็เลยคิดว่า บางทีคนแปลก็สะเพร่า ทำให้ผู้อ่านอย่างเรารู้สึกอึดอัดเหมือนถูกเอาเปรียบ (ซะงั้น 555) อีกอย่าง ก็จริงอย่างที่คุณ thetorque ว่ามาเรื่องการตีความด้วยค่ะ แล้วก็บางทีต่อให้ความหมายของประโยคที่แปลมันตรงกับต้นฉบับ แต่มันก็คนละความรู้สึกกับตอนอ่านเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยตรงไปเลย ตอนนี้สมัครเรียนต่อโทอยู่ค่ะ อีกเดือนกว่าๆ น่าจะรู้ผลว่าได้หรือไม่ได้ แต่ว่าเราไม่ได้เรียนเอกญี่ปุ่นค่ะ ญี่ปุ่นเนี่ยเรียนเป็น minor ส่วน major คือเศรษฐศาสตร์ค่ะ (คล้ายกันมาก 555) ถ้าได้เรียนต่อโทที่นี่ก็จะฟิตภาษาญ.ให้มากๆ เผื่อได้มีโอกาสไปทำงานที่ญี่ปุ่นนะ(ฝันไกลมาก)เพราะเราสังเกตว่าประเทศนี้มันมีโอกาสต่างๆ ให้ไขว่คว้าได้มากกว่าตอนอยู่เมืองไทยอ่ะค่ะ แต่ถ้าไม่ได้เรียนต่อก็ต้องมานั่งคิดอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ 5555 จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 04:45:52

ความคิดเห็นที่ 19 55 ตอนเรียนมหาลัยเรียนญี่ปุ่นไปสามปี ตอนแรกผมอ่านเป็น เรียน (ที่) ญี่ปุ่นสามปี ผมก็ยังสงสัยเลยตอนแรกว่ามหาลัยยอมให้ไปตั้งสามปีเลยหรอ ใจดีจัง (เรียนที่ไหนบอกได้ไหมครับ?) ผมมีโอกาสไปญี่ปุ่นครั้งเดียวตอนซัมเมอร์ปีสามขึ้นปีสี่ ตามใบสั่งคือ ไปทำวิจัย แต่ว่าไปถึง อ.ที่นู่นบอกว่าไม่ต้องซีเรียส เที่ยวให้เต็มที่ (เพราะว่าไม่ใช่มหาลัยเขาเป็นคนจ่ายที่พัก) ผมมีอยู่อาทิตย์นึง ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยนั่งรถไฟคนเดียวจากโตเกียวไป ซัปโปโร เลยไปถึง Wakkanai ข้ามไปเกาะ Renbun กับอีกเกาะนึงที่อยู่ใกล้ๆ แล้วก็นั่งกลับมา (ทั้งหมดอาทิตย์นึงนะครับ ไม่ได้ไปเช้าเย็นกลับ) เพราะโชคดีที่ได้วีซ่านักท่องเที่ยว เลยซื้อบัตร JR pass ได้ (เพื่อนๆที่ไปด้วยคนอื่นทำที่บริษัท เลยได้วีซ่าแลกเปลี่ยนทำงานเขาซื้อกันไม่ได้) อ. ที่ผมไปทำด้วยที่ญี่ปุ่นไม่รู้เกิดครึ้มอะไรขึ้นมา ตอนที่เกิดแผ่นดินไหวที่ sendai แกดันไปอยู่แถวนั้นพอดี แต่โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก จำไม่ได้ว่าแกมีญาติอยู่ที่นั่นหรืออย่างไร อ. คนนี้มีอยู่ช่วงหนึ่งพาเด็กนักเรียนม.ปลาย (หรือระดับมหาลัยนี่แหละ) จากญี่ปุ่นมาสัมมนาที่ Asian Museum ที่ San Fran เนื่องในโอกาสครบรอบกี่ปีก็ไม่รู้ที่ญี่ปุ่นนั่งเรือมาซานฟรานเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีอย่างเป็นทางการ ผมก็ได้ไปเจอเขาด้วยที่พิพิธภัณฑ์ ที่จำได้แม่นเลยคือผมอยู่ดีๆแผลเล็กๆที่แขน ตกสะเก็ดแล้วแล้วผมดันไปแกะ แต่มันยังไงก็ไม่รู้ยังไม่แห้งดี แกะปุ๊บเลือดก็ไหลออกมาเยอะแยะเลย นักเรียนที่อ.พามาแตกตื่นกันมากว่าเฮ้ย ไอ้นี่มันเป็นอะไร ผมบอกไม่เป็นไรๆ (แต่ก็แตกตื่นกันอยู่หน้า museum นั่นแหละ) แต่เลือดมันก็ไม่หยุดซักที มีนักเรียนญี่ปุ่นคนนึงใจดียื่นเอาปาสเตอร์ปิดแผลมาให้สองอัน ตอนนั้นใช้ไปอันนึง อีกอันนึงยังเก็บไว้อยู่เลยครับ 55 เรื่องแปลสิบหกเป็นหกนี่ สงสัยคนแปลเมาจริงๆ ไม่ได้อ่านตรวจทานเลยนะเนี่ย 55 นิยายของ Higashino Keigo นี่เมืองไทยรู้สึกว่าเร็วๆนี้มีเรื่อง Ryusei no kizuna ด้วย จำได้ว่ามีคนในห้องนี้คนนึงโพสอวดหนังสือให้ดู เรื่องแต่ละเรื่องนี่ผูกเรื่องได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนม้วนไปม้วนมา ไม่รู้เขียนได้ยังไง เก่งจริงๆ เอก Econ แสดงว่าเก่งเลขนะครับ ผมตอนเรียนญี่ปุ่นที่มหาลัยเรียนไปได้ห้าตัว คือสองปีครึ่ง ตอนแรก อยากทำ minor เหมือนกัน แต่ว่ามันต้องลงตัวที่ไม่ใช่ตัวภาษาล้วนๆ คือตัวอะไรก็ไม่รู้ตอนจบเทอมต้องเขียนเปเปอร์เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย ผมก็เลยเฮ้ยย ไม่พร้อม ไม่เอาดีกว่า ก็เลยไม่ได้ลงเป็น minor แต่คิดว่าพวกพื้นฐานก็คงได้มากพอที่จะไปต่อเองได้ ขอแค่มีความพยายามแล้วความตั้งใจ อย่างคุณ RabuRetta นี่ก็อุตส่าห์ศึกษามาได้ระดับนี้แล้ว ก็สู้ๆต่อไปครับ (มันก็ยากเนอะ ต้องใช้ความพยายามสูง) ผมก็เองบอกตัวเองเหมือนกันว่า อุตส่าห์มาได้ระดับนี้แล้ว ถ้าหยุดไปทิ้งไปก็เสียดายแย่ ผมว่าเรียนภาษาใหม่ๆเป็นอะไรที่แปลกดีแล้วก็หาอะไรที่เหมือนกันยาก ให้รู้ว่า เออ เนี่ย คนที่อยู่คนละประเทศ เขาคิด เขาเขียน ทุกอย่าง มันไม่เหมือนกันจริงๆนะ ทั้งๆที่เป็นคนเหมือนกัน แปลกดี...​ ถ้าคุณได้มีโอกาสไปทำงานที่ญี่ปุ่นก็ดีเลย (อาหารอร่อย 55) ยังไงก็โชคดีกับผลการสมัครนะครับ (สงสัยจะแอบตื่นเต้น อีกไม่กี่วันเองนี่ครับ) จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 09:55:09

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณค่ะ ตอนนี้หวังมากๆ เตรียมตัวเรื่อง application หลายเดือนเลย วันนี้(สดๆร้อนๆ)เจอข่าวร้ายว่าคะแนน GRE ยังไม่ได้รับ!!! ทั้งๆ ที่ส่งไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกา ถึงกับก่ายหน้าผากฮ่ะ แถมเด๊ดไลน์วันที่ 15 นี้อีก จะทันมั๊ยเนี่ย คิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะโทรไปคุกคามทั้งทางมหาลัยและ ETS ค่ะ ฮ่ะๆๆ ถ้าโดนตัดสิทธิ์นี่มีเคือง ยิ่งสมัครไปแค่ที่เดียวแล้วด้วย (จบจาก UC Santa Barbara ค่ะแล้วก็สมัครเรียนต่อที่มหาลัยเดิมเนี่ยแหละ 555) อิจฉาคนเคยไปญี่ปุ่นจังเรย *0* ตอนที่อยู่มหาลัยเราก็ได้คลุกคลีกับคนญี่ปุ่นเยอะพอสมควร เข้ากิจกรรมบ่อยๆ แล้วเราก็สนิทกับพวกอาจารย์ญี่ปุ่นใน department ด้วย ส่วนอาจารย์ใน econ department ไม่รู้จักเราซักคน 555 จนเพื่อถามว่าเธอเอกอะไรกันแน่ แต่ว่าเราชอบนิสัยคนญี่ปุ่นมากๆ เลย อยู่ด้วยแล้วรู้สึก relax พูดคุยก็ถูกคอ บางทีการที่เราได้สื่อสารในภาษาเค้าก็ทำให้เราซึบซับแล้วเข้าใจวิธีคิดของเค้าได้มาอย่างไม่รู้ตัว เล่ม ryuusei no kizuna แปลเป็นไทยแล้วเหรอคะ!! กลับไปไทยคราวก่อนยังไม่เห็นเลย เคยเกือบซื้อเล่มญี่ปุ่นมาเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเงินใกล้หมดเลยต้องห้ามใจ 555 เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะว่าถ้าทิ้งตอนนี้ก็เสียดาย เรียนมาถึงขนาดนี้แล้ว ไหนๆ ก็เรียนมาแล้วก็น่าจะเรียนต่อไปจนเก่งเลยดีกว่า จะได้เอาไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่ใช่พูดเป็นแบบครึ่งๆ กลางๆ ^^" แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 55 14:09:52 จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 14:00:07

ความคิดเห็นที่ 21 ผมก็ไม่เคยเห็นเล่มจริงครับ แต่รู้สึกมีกระทู้ในห้องนี้แหละครับ เอาหนังสือมาโชว์ จำไม่ได้แล้วว่าใคร หารูปมาให้ดูเผื่อมีโอกาสจะได้สอยได้ 55 เรื่องคะแนน GRE ตอนผมสมัครก็โดนดีเหมือนกันครับ เพราะว่าคะแนนส่งไปช้ามากกกกกก (ให้เสียเงินแล้วยังทำอย่างนี้อีก ETS นี่ ทั้ง TOEFL SAT GRE ดูดเลือดเด็กเป็นว่าเล่น) แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญหาครับ ทางมหาลัยเขารอได้ คุณ RabuRetta สมัครที่เดียวนี่ ถือว่าเป็นสาวมั่นมากเลยนะครับเนี่ย เพราะตอนผมสมัคร grad ผมสมัครตั้งสี่ที่กันเหนียว ยังคิดอยู่เลยว่าน้อยไปหรือไม่ สงสัยคุณจะชอบ SB มากๆ ขอให้สมหวังแล้วกันครับ ช่วงนี้ก็ลุ้นไปก่อนนะครับ ตื่นเต้นดี 55 ผมยังไม่เคยไปมหาลัยเครือญาติที่นี่เลยครับ (ผมอยู่ Berkeley ครับ) ตอนนั้นที่เพื่อนที่อยู่บ้านเดียวกันไป ผมก็ไปพักร้อนอยู่เลยไม่ได้ไป เพื่อนผมบอกอากาศดีมากๆๆ ถ้ามีโอกาสอยากไปเหมือนกันครับ เพื่อนๆที่ผมรู้จักที่ญี่ปุ่น โลกมันกลมดีแท้ พอดีอ.ที่ผมเล่าให้แกส่งลูกศิษย์สองมาคนฝึกงาน (หรือวิจัยนี่แหละ) แถวๆ Palo Alto ก็เป็นเพื่อนที่ผมรู้จักตอนที่ไปนี่แหละ ผมเลยได้มีโอกาสไปเจอหลังจากไม่ได้เจอสองสามปีได้ คุยไปคุยมา ปรากฏว่า เพื่อนคนผู้หญิงบอกว่าต้องรีบกลับไปญี่ปุ่น.. เพื่อกลับไปแต่งงาน 55 แบบกระทันหันมาก ไม่รู้เตรียมแพลนกันแบบไหน เห็นด้วยครับว่าคนญี่ปุ่นส่วนมากที่เจอจะอารมณ์ดี (ในละครบางทีก็มีน่ากลัวๆแต่ไม่เคยเจอแฮะ) อ้อ จะว่าไป ก็เคยเจอทีนึง เรื่องนี้ไม่ค่อยเคยเล่าให้ใครฟังเลย ตอนนั้นนั่งรถไฟที่ญี่ปุ่น คนก็ไม่ได้แน่นมาก นึกภาพแบบรถไฟฟ้า BTS ก็ได้ครับ ผมก็นั่งอยู่กลางๆแถว ผมเห็นคนที่อยู่ตรงข้าม ทำหน้าแปลกๆ ตอนแรกไม่ได้เอะใจอะไร มองที่ใกล้ๆขาเขา ผมก็เห็น walkman ที่เสียบไมค์อัดเสียงเปิดอัดไว้อยู่ ... ผมก็สงสัยอยู่พักนึง อัดอะไรของเขา (คือเขาก็เอาหูฟังเสียบหูไว้ด้วย) ก็เดาว่า เอ๊ะเป็นพวกที่คลั่งรถไฟรึเปล่า อัดเสียงรถไฟไปฟังเล่น ทีนี้ผมก็อยู่ดีไม่ว่าดี ลองดูซิว่าเขาอัดเสียงจริงไหม (อาจจะฟังเพลงอยู่ก็ได้ใครจะไปรู้) ลองกระดิกรองเท้าเป็นเสียงแบบ แต๊บๆๆ แต๊บๆๆ เป็นจังหวะ (ให้มันไม่เหมือนรถไฟ) อยู่ดีๆ นายคนนี้สะดุ้งทำหน้าตกใจมาก มองซ้ายมองขวา ทำตาเหลือกๆ คิดในใจคงประมาณว่า เฮ้ย เสียงอะไร... ผมก็ลองกระดิกเท้าอีก แต๊บๆๆๆ แต๊บๆๆๆ คราวนี้แกหันเจอต้นเสียงแล้ว แกจ้องหน้าผมแบบจะกินเลือดกินเนื้อเลยครับ ผมเองก็ตกใจมาก แต่ก็เก็บอาการหันคุยกับเพื่อนต่อไป แล้วก็กระดิกเท้าต่อ... ประมาณแบบ ไม่รู้ไม่ชี้ 55 ตกใจหน้าซีดเลยผม ... เอาเป็นคนญี่ปุ่นแปลกๆก็มีจริงๆอย่างในหนังแหละเนอะ 55 คุณพี่คนนึงในห้องสมุดเคยบอกว่าถ้าเกิดเป็นคนที่สามารถแปลไทยญี่ปุ่นอังกฤษได้คล่องๆ (คุณได้เน้นๆแล้วไทยกับอังกฤษ) วันดีคืนดี ทำงานแปลเอกสารเปลี่ยนภาษากลับไปกลับมาเขาบอกว่ารายได้ดีมากๆ เพราะว่าคนไทยที่ภาษาญี่ปุ่นดีอย่างน้อยระดับ N1 นี่น้อยมาก.. ถือว่าเป็นคนฮอตครับ 55 ค่าแรงสูง เผื่อตอนที่คุณ RabuRetta ทำงานด้านที่เกี่ยวกับ econ แล้วรับจ๊อบแปลนี่ผมว่าก็เป็นหนทางที่ดีทางนึงเลยครับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 15:35:17

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องงานแปลเราก็คิดอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วด้วย ถ้าเก่งพอรับงานแปลเป็นงานเสริมก็คงจะดีไม่น้อยนะคะ ฮิฮิ 555 เราไม่เคยเจอคนแปลกๆ นะ บางทีเห็นคนอื่นเค้าดูปกติธรรมดามาก จนเราคิดว่ามีแต่เราที่แปลกอยู่คนเดียว ประมาณว่าดูดราม่าเยอะจนฟุ่งซ่าน 555 เคยไปเที่ยว Berkeley อยู่สองครั้งอ่ะค่ะ ตอนไปทัวร์ UC Berkeley กับทัศนศึกษาที่โรงละครแถวนั้น ตอนนั้นยังอยู่ไฮสคูลอยู่เลย เมืองสวยดี มหาลัยเค้าก็สวย ตอนนั้นอยากเรียนที่นั่นมาก แต่สมัครไปแล้วไม่ติด 555 มาได้ที่ UCSB ซึ่งคิดดูแล้วแอบดีใจที่ไม่ได้ที่ Berkeley เพราะว่าชอบอากาศที่นี่มากๆ แถมมหาลัยอยู่ติดทะเลอีก บรรยากาศดี๊ดี และปัจจัยอื่นๆ ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่สวรรค์บนดินเลย เอิ๊กๆๆๆ จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 02:34:35

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องอากาศเพื่อนผมบอกเหมือนกันครับว่า คิดว่าอากาศแถว Bay Area ดีแล้ว (ซึ่งผมก็คิดว่าดีมากๆจริงๆ เพราะตอนป.ตรีผมเรียนอยู่ฝั่ง East หิมะตกทีจิตตกไปสามเดือน) ให้ไปที่ SB แล้วจะอึ้ง คุณ RabuRetta ก็อธิบายได้ภาพว่าน่าอึ้งจริงๆ ของผมก็ติดทะเลนะครับ แต่เห็นลิบๆ 55 บางทีที่นี่ก็หนาวไปหน่อยครับ ให้อุ่นกว่านี้ซักนิดจะดีมาก ขออวยพรให้คุณได้เรียนที่เดิมจะได้อยู่สวรรค์บนดินต่อๆไป (สาธุ 55) จริงๆผมก็ไม่ค่อยอยากเชียร์ให้ใครมาเรียนป.ตรีที่ Berkeley เลยครับ เพราะว่าผมเคยเป็น TA อยู่ปีนึง ผมรู้สึกว่านักเรียนที่นี่มันเยอะเกินไป คลาสที่ลงนี่แย่งกันลงยิ่งกว่าตลาดนัดอีก (ไม่ทราบว่าที่ SB เป็นเหมือนกันไหม) เด็กบางทีเขาก็เครียดเกินไป แบบมาหาผมบอกว่า จะลงคลาสนี้ให้ได้ๆๆๆ .. ไอ้เราก็ทำอะไรไม่ได้ .. นึกออกว่ามีหนังสือเล่มนึงอยากจะโชว์ให้คุณ RabuRetta ดู เล่มนี้เป็นเล่มที่ผมได้มาจากร้านขายหนังสือมือสองซักทีนึง ตอนนั้นพึ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นครับ ไม่ค่อยรู้เรื่องมาก คือผมเรียนพวกวิทย์ๆ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เขาสอนแปลภาษาญี่ปุ่นที่เป็นเชิงเทคนิคอ่ะครับ เนื้อหาก็จะเป็นแบบ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ เลข ที่ผมขำคือผมชอบไปดูว่าภาษาญี่ปุ่นของคำแปลกๆเรียกว่าอะไร เช่น โปรตีน ฮีโมโกลบิน การเครื่องที่เชิงวงกลม การสังเคราะห์ด้วยแสง 55 ผมว่ามันตลกดี (เหมือนคนบ้าเลยผม) ตอนนั้นเห็นเล่มนี้ตลกดี เลยซื้อมา พอหลังๆเอากลับมาดูอีกที ก็เริ่มอึ้ง เฮ้ย เล่มนี้นี่มันไม่ใช่ธรรมดาเลยนะเนี่ย โชคดีจริงๆที่ตอนนั้นสอยมาในราคาที่ไม่แพงมาก พอดีตอนนี้ทำงานอยู่ที่ห้องสมุด เดี๋ยวกลับถึงบ้านจะโพสรูปให้ดูนะครับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 07:21:51

ความคิดเห็นที่ 24 ท่าทางเป็นหนังสือที่น่าสนใจดีนะคะ บางทีพวกศัพท์วิทย์ๆ เนี่ย เห็นชื่อภาษาญี่ปุ่นเป็นตัวคันจิแล้วเนี่ย บางทีมันก็ขำๆ นะว่าคิดได้ไง แต่มันก็มีเหตุผลนะ ฮ่ะๆ ที่ SB ก็มีปัญหาเรื่องลงคอร์สเหมือนกันค่ะ แต่เราค่อนข้างโชคดีซะส่วนใหญ่ เลยมักจะได้คลาสที่ตัวเองอยากลง (บางทีก็ถึงขั้นเหนื่อยต้องมานั่งหน้าคอมเป็นชม.ๆ เพื่อ refresh เพจ registration ดูตัวที่มันเต็มแล้วแต่เรายังไม่ได้ลง บางทีฟลุคๆ มีคน drop ตัวนั้นพอดีเราก็รีบ add บางทีก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าค่ะ 555+) แต่ว่าเห็นคนอื่นมา crash แล้วเนี่ย บางทีมา 10-20 คนแล้วรับได้แค่ 5 อย่างเงี้ย บางคนปีสุดท้ายแล้วต้องลงให้ได้ไม่งั้นไม่จบ เห็นแล้วสงสารมาก บางคน crash มา 2-3 เทอมก็ยังไม่ได้ เคยมี TA ของ econ คนนึง เคาก็อยากช่วยมาก เค้าเคยรับนร.เกิน quota แบบว่า รับทุกคนที่เข้ามาขอเพราะว่าสงสาร แต่รู้สึกว่าทำแค่ครั้งเดียวแล้วโดนด่าก็เลยไม่ได้ทำอีก แต่คิดว่านร.คงไม่เครียดเท่า Berkeley น่ะค่ะ คิดว่า Berkeley ต้องเป็นพวกหัวกะทิถึงจะเข้าได้ ส่วนใหญ่นร.ที่ลงเอยที่ UC อื่นๆ ก็เป็นเพราะเข้า LA หรือ Berekely ไม่ได้แหละค่ะ เหอๆๆๆ คนเก่งๆ ก็มี แต่เด็กเกๆ ก็มี มันก็เลยทำให้มีนร.หลายแบบ ไม่แย่งชิงกันเกินไป (แต่จริงๆ เด็กเก่งก็มีเยอะพอสมควร) แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 08:51:33 จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 08:50:55

ความคิดเห็นที่ 25 ถึงบ้านแล้วครับ อันนี้หน้าปก เล่มแดง จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:20:53

ความคิดเห็นที่ 26 มีคำศัพท์ให้ท่องเล่นเต็มเล่ม จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:21:44

ความคิดเห็นที่ 27 ฟิสิกส์ก็เป็นฟิสิกส์จริงๆ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:22:44

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ละบทก็จะเริ่มด้วยคันจินิดๆหน่อยๆให้ตายใจ อิอิ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:23:15

ความคิดเห็นที่ 29 มีรูปประกอบ จะได้ไม่เครียด จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:24:02

ความคิดเห็นที่ 30 มีอ่านให้ดูด้วย... จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:24:27

ความคิดเห็นที่ 31 หมดแล้วครับ 55 หนังสือแปลก น่าสนใจดีนะครับ อ.ที่สอนภาษาญี่ปุ่นผมเคยบอกว่าญี่ปุ่นเชิงเทคนิตเนี่ย ไม่ยากหรอก รูปประโยคก็ตรงไปตรงมา ถ้ามีปัญญาท่องศัพท์ให้ได้หมดก็เรียบร้อยเลย... ปัญหาก็ท่องศัพท์นี่แหละครับ ต้องใช้ทุกวันจริงๆของพวกนี้ถึงจะไม่ลืม นักเรียนหลายคนในคลาสผมทำเหมือนที่คุณทำเลยครับที่นั่งเฝ้าจอ registration แล้วก็แย่งกันกดเข้าคลาส ผมว่าหลายคนอาจจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนอยู่นะเนี่ย ผมว่านักเรียนที่นี่ก็มีทุกแบบ คะเคล้ากันเหมือนที่อื่นๆ บางคนที่ทำเอาอาจารย์ผมปวดหัวไปเลยก็ไม่ (ไม่ใช่ผมนะะ) ผมว่าอากาศมีส่วนมากครับ อย่างสมัยที่ผมเรียนเมืองหนาวๆ ผมจะขยันกว่านี้ ตอนนี้มาที่แถวนี้ อากาศดีขึ้น ก็ขี้เกียจมากขึ้น 55 ถ้าผมไปเรียนที่ SB อากาศดีกว่านี้อีก สงสัยต้องหาอะไรมาพยายามทำไม่ให้ตัวเองผ่อนคลายและขี้เกียจเกินไป จะเรียนไม่จบเอา 55 จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:33:29

ความคิดเห็นที่ 32 หนังสือสุดยอดมากกกกก อยากได้ 555 เห็นด้วยว่าอากาศมีส่วนมากค่ะ มันทำให้ไม่เครียด แต่บางทีก็ทำให้ขี้เกียจได้เหมือนกัน บางอากาศมันดีมากๆ จนไม่อยากไปเรียนเลย อยากออกไปเดินเล่น สดชื่น ไม่งั้นก็เปิดหน้าต่างนอนอยู่ในห้องให้ลมพัดเข้า แล้วมันก็ไม่เย็นไม่ร้อนเกิดไป รู้สึกสบายมาก หลับง่าบเลย บางทีไปเรียน ที่หน้าตึกเรียนมีสนามหญ้า แล้วก็มีนักเรียนมานอนอาบแดด ชิลมาก 555 จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 03:47:45

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ มะกี๊ลองเอาชื่อหนังสือไปเสิร์ช เจอแบบ ebook ให้โหลดเฉยเลย แบบเดียวกับในรูปที่คุณ thetorque โพสให้ดูเลยค่ะ แถมได้เต็มเล่มด้วย ใครช่างใจดีมาอัพแจกนะ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 04:17:07 จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 04:14:09

ความคิดเห็นที่ 34 โห อะไรกัน คุณ RabuRetta ช่างหาได้รวดเร็วยิ่งนัก 55 โชคดีจังที่เจอคนใจดีอัพแจกไว้ (หนังสือเก่าแล้วคงหาเป็นเล่มยากกก ดีครับถ้าวันดีคืนดีเล่มของผมหายไว้จะหลังไมค์ไปขอนะครับ 55) คนอาบแดดที่นี่ถ้าอากาศดีๆก็มีมาให้เห็นเหมือนกันครับ ยิ่งเปรี้ยงๆๆ นะ นอนกันตรึม ส่วนเราก็วิ่งหาที่ร่ม หลบแดด 55 ที่นี่มีห้องสมุด east asian study โดยเฉพาะเลยทั้งตึก ผมว่างๆก็เดินเล่นข้างใน หนังสือญี่ปุ่น จีน เกาหลี ก็มีเยอะแยะเลยครับ ที่ SB ก็น่าจะมีประมาณนี้รึเปล่าครับ วันก่อน ว่างๆ ก็เลยยืมเล่มนี้มา ไม่มีเวลาอ่านหรอกนะครับ ยืมมาเล่นๆ เป็นหนังสือ ที่เอาไว้เป็นไกด์ให้คนญี่ปุ่นที่ต้องการอ่านหนังสือ Norwegian Wood เป็นภาษาอังกฤษ (ซึ่งผมเคยอ่านภาษาอังกฤษแล้ว เป็นหนึ่งในเล่มที่ชอบที่สุดของ Murakami เลยทีเดียว (รองลงมากก็ Wind-up Bird Chronicle)) ขอบหนังสือ ครับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 12:12:35

ความคิดเห็นที่ 35 ปกใน... จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 12:13:01

ความคิดเห็นที่ 36 อันนี้เป็นไส้ครับ แปลประโยคต่อประโยค... ตลกดีเหมือนกันนะครับ เป็นหนังสือคู่มือการอ่านนิยายญี่ปุ่นที่แปลเป็นภาษาอังกฤษสำหรับคนญี่ปุ่น.. อิอิ งงดี คุณ RabuRetta ชอบนิยายของ Murakami รึเปล่าครับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 12:15:37

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่เคยอ่านของมุราคามิเลยค่ะ หนังก็ไม่ได้ดู โหหนังสือเล่มนั้นสวดยวดดด ห้องสมุดที่ SB ไม่ใหญ่เท่าที่ Berkeley อ่ะค่ะเท่าที่รู้ East Asian ไม่ได้มีทั้งตึกแต่มีแค่ชั้นเดียวทั้งชั้น อยู่ในตึกห้องสมุดหลักอ่ะค่ะ ทั้งชั้นมีภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลีรวมกัน เคยเข้าไปเดินเล่นเหมือนกัน เจอพวกหนังสืออย่าง karei naru ichizoku ด้วย เห็นแล้วตื่นเต้นขึ้นมาซะงั้น เลยลองยืมเล่มเล็กๆ มาเล่มนึงด้วยค่ะ แต่ตอนนั้นยังอ่อนไปหน่อย อ่านไม่รู้เรื่องเลย 555 แล้วก็จะมีพวกดราม่าให้ยืมด้วย แต่มีแต่เรื่องเก่าๆ (ที่เราเคยดูแล้ว 555) แต่แค่รู้ว่ามีอยู่บ้างก็ดีใจแล้วค่ะ ทำไมก็ไม่รู้ หุๆๆ ว่าแล้วก็คิดถึงมหาลัย เราเรียนจบสามปีเลยไม่มีเวลาได้ทำอะไรมากนอกจากเรียนๆๆ ตอนแรกแม่จะให้ไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นตอนปีสุดท้าย แต่ว่าแต่ละปีนี่ค่าเทอมก็ขึ้นแบบกระโดด สู้ไม่ไหว เลยจบเลยละกัน ก็เลยรู้สึกอยากกลับไปเรียนมหาลัยเดิมมาก ถ้าเราได้ต่อโทที่นี่ ก็จะเหมือนเราเรียนป.ตรีไปสามปี -> take a year off -> แล้วก็กลับไปเรียนเป็นปีที่สี่แต่ได้ป.โท อิอิอิ จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 15:15:38

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ RabuRetta เรียนจบสามปีแถมมีไมเนอร์พ่วงมากอีก อย่างนี้นอกจากหัวดีแล้วต้องขยันมากๆเลยนะครับ (ขอคารวะจากใจจริง) ของผมตอนเรียนป.ตรีสี่ปีเหนื่อยมากเลย จะมีเบาหน่อยก็เทอมก่อนสุดท้าย (เพราะว่าเทอมสุดท้ายต้องทำทีสิส)  ยิ่งฟังก็ยิ่งขอให้ได้เรียนต่อที่เดิมอย่างที่หวังนะครับ คุณคงจะดีใจสุดๆไปเลย karei naru ichizoku คือเรื่องที่คิมุระ ทาคุยะเล่นใช่ไหมครับ (รู้สึกว่าโหลดมาแล้วแต่ยังไม่ได้ดู หนึ่งในเรื่องที่โดนดองไว้ รอให้เปรี้ยวก่อน) หนังกับดราม่าที่นี่ผมยังไม่เคยไปตระเวนดูแฮะว่ามีเรื่องอะไรบ้าง เดี๋ยววันนี้ถ้าว่างก็จะเดินไปดูเล่นหน่อยดีกว่า คุณบอกว่าเคยมาเยี่ยม Berkeley เมื่อนานมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนที่มาตึกห้องสมุดนี้อาจจะยังสร้างไม่เสร็จ(มั้งครับ) ผมก็ไม่ทราบว่าเขาสร้างเมื่อไหร่ แต่ก็ดูใหม่ดี มีการเปลี่ยนชื่อด้วย 55 สงสัยเป็นการเปลี่ยนสปอนเซอร์ ใครบริจาคมากกว่าก็เปลี่ยนชื่อเป็นของคนนั้น ถ้ามีโอกาสจะเอาบรรยากาศมาฝากให้ดูนะครับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:40:47

ความคิดเห็นที่ 39 วันเสาร์แดดออกนิดๆ เลยเก็บภาพมาให้ดูกันครับเผื่อคุณ RabuRetta หรือใครๆยังเข้ามาดูกระทู้นี้อยู่ ห้องสมุด east asian library จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:22:45

ความคิดเห็นที่ 40 ภายใน วังเวงเล็กน้อย 55 คนอ่านหนังสือเต็มไปหมด แต่ไม่กล้าถ่ายให้ติดคน เดี๋ยวเขาตกใจกัน จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:23:38

ความคิดเห็นที่ 41 หนังสือ section ของ murakami เป็นล๊อคเดียวที่หาได้โดยไม่ต้องคลำเพราะเคยเดินมาทีหนึ่งแล้ว จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:24:23

ความคิดเห็นที่ 42 มันก็เหมือนห้องสมุดทั่วๆไปแหละนะ... มีแต่หนังสือ (ทำไมถึงเรียกว่าห้องสมุด ไม่เรียกว่าห้องหนังสือ??) จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:25:08

ความคิดเห็นที่ 43 บรรยากาศอีกนิด.. จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:25:38

ความคิดเห็นที่ 44 ออกมาหน้าตึกแล้ว.. (จะปิดพอดี) จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:26:26

ความคิดเห็นที่ 45 ภาพปิด หอสมุดหลัก กะหอนาฬิกา สัญลักษณ์ของที่นี่ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:27:14

ความคิดเห็นที่ 46 อุ้ยผิดรูป นั่นมันก็ห้องสมุด east asian อยู่ดี ห้องสมุดใหญ่ต้องอยู่อีกฟาก รูปนี้ต่างหากล่ะครับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:28:02

ความคิดเห็นที่ 47 สุดท้าย สำหรับผู้ที่ชอบ (หรือแค่อยากโหลด) light novel แบบต้นฉบับเก็บไว้ ลองไปที่บอร์ดเวียดนามนี่ได้ครับ บางอันที่เป็น megaupload อาจจะเน่าไปแล้ว ผมมีโหลดมาเก็บก่อนที่จะโดนซิวมาบ้าง ถ้าไม่สามารถโหลดหรืออะไรถ้า ลองถามมาแล้วกันครับ เผื่อผมมี จะได้ส่งให้ได้ http://vnsharing.net/forum/showthread.php?t=110747 จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:30:45

ความคิดเห็นที่ 48 ของแถมอีกเล็กๆน้อยๆ บทฝึกอ่านเพื่อเสริมสร้างจริยธรรมของเด็กญี่ปุ่น http://www.mext.go.jp/a_menu/shotou/doutoku/detail/1303863.htm แล้วก็เวปจิปาถะที่พึ่งค้นเจอวันนี้ว่ามีเซฟไว้ =) http://home.wlu.edu/~ujiek/1.jpn.html อันนี้เวปที่เอาไว้ generate เอกสารใส่ furigana (คำอ่านคันจิเหนือคันจิ) ก๊อปข้อความใส่แล้วมันจะเซฟให้เป็น doc ของ openoffice (ก็เหมือน word แต่ของฟรี) ให้เลยครับ http://furigana.sourceforge.net/cgi-bin/index.cgi จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 10:34:07

ความคิดเห็นที่ 49 โห สุดยอดค่ะ (เพิ่งเข้ามา) รูปห้องสมุดสวยจังเลย ที่ UCSB ห้องสมุดอยู่แล้วหดหู่มากค่ะ ไม่สวย ไม่ค่อยสว่างด้วย -*- จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 09:53:26

ความคิดเห็นที่ 50 มาแอบดูครับว่าจะเข้ามากระทู้นี้อีกรึเปล่า 55 จำได้ว่าเคยไปวิสิทมหาลัยซักที่นึง เขาพาไปดูห้องสมุด มีคนพกโคมไฟส่วนตัวมาด้วย - -' จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 14:11:15

ความคิดเห็นที่ 51 ขอโทษนะคะที่แอบเข้ามาอ่าน ผ่านระดับ 2 แล้ว มุ่งหวังระดับ 1 เหมือนกันค่ะ แต่ว่าอยู่ที่เมืองไทยค่ะ เรื่องความรู้ในการหาหนังสือเพื่อเตรียมสอบ หรือเพื่อการทำงานมีน้อยมากค่ะ เห็นคุณ RabuRetta ใน ความคิดเห็นที่ 33 หาหนังสือที่คุณ thetorque แนะนำไว้ได้แล้ว หมายถึงที่หาเวปโหลดได้น่ะค่ะ รบกวนช่วยแนะนำเวปที่โหลดได้ไม๊คะ และขอรบกวนทั้ง 2 ท่านช่วยแนะนำเรื่องหนังสือ เอกสารเตรียมสอบให้ด้วยได้ไม๊คะ ขอโทษนะคะ ที่เอาแต่ร้องขอโดยยังไม่มีอะไรเสนอกลับไปด้วยเลย จากคุณ : ame_ame เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 09:36:45

ความคิดเห็นที่ 52 หนังสือที่เราเจอเวอร์ชั่น e-book มันเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลไฟล์แปลกๆ หน่อยอ่ะค่ะ ถ้าจะอ่านก็ต้องไปหาโหลดโปรแกรมอ่านมันมาด้วย ส่วนหนังสือ N1 เราใช้ชุด sou-matome ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเลยค่ะ แต่เคยดูหนังสือผ่านๆ แล้วคิดว่าน่าจะใช้ได้ ตอนนี้ก็ยังท่องคันจิอยู่ ถ้าท่องครบแล้วจะเริ่มอ่านเล่มคันจิของ soumatome จากนั้นก็เน้นเรื่องการอ่านเพราะค่อนข้างยากและไม่มีหลักการเรียนแบบตายตัว คุณ ame_ame จะสอบปีนี้เหรอคะ จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 13:03:50

ความคิดเห็นที่ 53 อ้อ อีกอย่าง หนังสือชุด matome ที่เราซื้อมา มันเป็นหนังสือระดับ N1 ชุดเดียวที่หาซื้อได้ในไทยด้วยค่ะ มีขายที่ kinokuniya สาขาพาราก้อน (สาขาอื่นไปหาแล้วก็ไม่มี) จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 13:04:49

ความคิดเห็นที่ 54 คุณRabuRetta เวอร์ชั่น e-book และหาโปรแกรมอ่านด้วยเหรอคะ หากสะดวกรบกวนแนะนำด้วยนะคะ กะจะสอบปีนี้ค่ะ ลองสนามดูก่อน ยังไม่หวังผ่านหรอกค่ะ แต่อยากผ่านจริงๆค่ะ เพราะตอนนี้ก็ทำงานเป็นล่ามอยู่ด้วย ถ้าผ่าน N1 ก็เพื่อความรู้ที่มากขึ้น ดีกรี และที่ตามมาก็คือเงินเดือนค่ะ และที่สำคัญเพื่อตัวเองและครอบครัวที่ต้องส่งเงินเลี้ยงดูอยู่ คุณRabuRetta สอบทุกครั้งเลยหรือเปล่าคะ ขอบคุณนะคะในคำแนะนำ sou-matome จะไปหาซื้อค่ะ จากคุณ : ame_ame เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 22:12:16

ความคิดเห็นที่ 55 ใช่นามสกุล djvu รึเปล่าครับ? ถ้าใช่ตัวโปรแกรมมันสามารถ export เป็น pdf ได้ด้วยมั้งครับถ้าจำไม่ผิด แต่ไฟล์จะใหญ่หน่อย พวก ebook ที่มีคนมาปล่อยปกติจะไม่ค่อยมีเวปโหลดเป็นเรื่องเป็นราวอ่ะครับ จะหาได้ต้องใช้กำลังภายในนิดหน่อย 55 ถ้าผมหาได้อะไรที่เป็นประโยชน์จะบอกไปนะครับ sou-matome ที่คุณ RabuRetta บอกเป็นแบบเวอร์ชั่นภาษาไทยใช่ไหมครับ คราวที่แล้วกลับไทยไปยังไม่เห็นระดับ N1 เลย (มีแต่ N2) จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 06:11:36

ความคิดเห็นที่ 56 ขออนุญาตหลังไมค์ไปหาทั้งคู่นะครับ =) จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 06:18:32

ความคิดเห็นที่ 57 somatome ของเราเป็นเวอร์ชั่นอินเตอร์เหมือนที่มีขายประเทศอื่นๆ อ่ะค่ะ ไม่เห็นมีเวอร์ชั่นไทยขายเลย ส่วนเรื่องไฟล์ เราจำไม่ได้ละ คุณ ame_ame ตอนนี้คอมเรายังรกๆ อยู่ ถ้าหาไฟล์เจอแล้วจะติดต่อไปนะคะ 555 ส่วนเรื่องสอบ เราเคยสอบไปแค่ระดับ 4 (เมื่อปี 2009 ซึ่งก็คือระดับ 5 ในปัจจุบัน) เราซื้อข้อสอบเก่าของ N2 กับ N1 มาเพื่อลองทำก่อนจะสอบจริงด้วยอ่ะค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มทำเลยค่ะ ถ้าทำตอนนี้ก็คงไม่ผ่าน จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 06:48:55

ความคิดเห็นที่ 58 เจอแล้วๆ เป็นไป djvu จริงๆ ด้วยค่ะ เรา export ไม่เป็นอ่ะ แต่ว่าโปรแกรมอ่านของมันก็หาไม่ยาก แล้วก็ใช้ได้สดวกดีเหมือนกันค่ะ คุณ ame_ame ถ้ายังต้องการไฟล์ e-book นั้นก็ติดต่อมาหลังไมค์พร้อม email address ได้นะคะเดี๋ยวจะอีเมลไฟล์ไปให้ จากคุณ : RabuRetta เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 06:55:09

ความคิดเห็นที่ 59 somatome มีแปลเป็นไทยด้วยหรือคะ คราวก่อนเพื่อเตรียมสอบระดับ 2 ไปซื้อหนังสือที่ร้านคิโนะ หมดไป 7,000 บาทเลยค่ะ จุกเลยค่ะ.... หลังไมค์หรือคะ ทำไมเป็นค่ะ แต่ถ้าอีเมลก็ hana_fon@yahoo.com, hana_fon@hotmail.com ค่ะ เปิดเมลอยู่เกือบทุกวันค่ะ หรือถ้าเมลบริษัท เปิดทั้งวันทุกวันที่ทำงานค่ะ เมลบริษัทนะคะ pennapat@citizen.co.jp (ถึงแม้จะ .jp ก็อยู่ที่เมืองไทยค่ะ อยุธยาค่ะ เหอๆ ไม่รู้ทำไมต้อง .jp สงสัยโรงงานต้องการเท่ แหะๆ) ปล.เราก็เพิ่งสอบผ่าน N2 เมื่อครั้งที่แล้วเองค่ะ ขอบคุณนะคะทั้ง 2 ท่าน จากคุณ : ame_ame เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 08:26:56

ความคิดเห็นที่ 60 matome ผมเห็นแค่ N3 ที่เป็นภาษาไทยอ่ะครับ (เมื่อตอนประมาณกรกฏาคมปีที่แล้ว ไม่รู้ว่ามี N2 N1 ที่แปลออกมาหรือเปล่านะครับ จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 14:11:21

ความคิดเห็นที่ 61 จะมีใครมาอ่านอีกไหมเนี่ย สำหรับคนที่ใช้ iphone แล้วมี siri ตอนนี้สามารถคุยกับมันเป็นภาษาญี่ปุ่นได้แล้วนะครับ 55 จากคุณ : thetorque เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 55 08:17:41