Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Tree with deep roots แล้ว ติดต่อทีมงาน

Tree with deep roots
-------------------------------

หายจากห้องนี้ไปเป็นปีเลยครับ ยังนึกถึงพี่ๆ น้องๆ ในนี้อยู่นะครับ
แต่ไม่รุจะมามั่วนิ่มคุยอะไรกะเค้าดี แหะๆ
.....เพราะไม่ได้ดูละครเกาหลีซะนานนน

....ตั้งแต่เรื่อง iris เมื่อปลายปีนู้นนนนนน ...ผ่านมาเป็นปีละ
ตอนนี้ท่านผู้นำเกาเหลาเหนือตัวจริงก็ล่วงลับไปแล้ว
(แซวท่านไว้เยอะ ขออโหสิกรรมด้วยนะครับ
....อย่าไปรอผมที่ทางช้างเผือกนะครับ ไม่เอานะ)

List รายการละครและหนังต่างๆ ที่ผู้มีอุปการะคุณในนี้ เคยแนะนำไว้
....ก็ยังดูไม่ถึงครึ่งเลยครับ
แต่ถึงจะดูไม่หมด ก็รู้สึกขอบคุณทุกคนอยู่นะครับ

จะกลับมาทักทายในนี้
ก็ไม่รุจะทำอะไรที่ดีไปกว่าการต้องไปหาอะไรมาดูซะก่อน
เพื่อจะได้มีเรื่องมาให้เขียน แหะๆ
....มีคนแนะนำว่า “ไม่ควรพลาด” เรื่องนี้

เอาล่ะ.... ตามมีตามเกิด ..เอ้ย...ตามประสา...ผ่านบัตร

เอ่อ..อออ.. เตือนนะครับ สปอยล์อ่ะครับ
กระทู้นี้บอกเล่าเนื้อเรื่องและ(มักจะ)ออกนอกเรื่อง
สะเปะสะปะ เละเทะ เลยแหละครับ 555

และเหมือนเคยครับ ไม่ใช่การรีวิวอะไรอย่างเป็นทางการ
แค่ได้ดูอะไร แล้วจำอะไรได้ นึกอะไรออก
ก็มาคุยกัน ตามประสา..ผ่านบัตร ...ที่ไม่ได้เป็นคอละครเกาหลีนะครับ


---------------------------------------------------------

แอ่นนน แอนนน แอ๊นนนนน !!!!

ละครยิ่งใหญ่ อลังการ แห่งเกาหลีประเทศ

Tree with deep roots

ต้นไม้...รากงอกกกกกกกกก (..ลึกด้วย!!)


...แหะๆ ขอขึ้นต้นโหมโรง ให้มันเร้าใจหน่อย เพราะมีคนเชียร์ว่า
เรื่องนี้เป็นละครยิ่งใหญ่แห่งปี (ที่แล้ว)
มีคนบอกว่า สนุกมาก บิ๊กโปรดักชั่น บทดี แสดงดี ดาราเยอะ และอื่นๆ

เรื่องนี้ ตัวละครเยอะจริงๆ ครับ ศัพท์เฉพาะก็เยอะอ่ะครับ
และตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องประวัติศาสตร์เกาหลีอะไร
และอาจจะเป็นเพราะ ซับไทยที่ได้ดู เป็นการช่วยกันแปลหลายท่าน
ก็เลยแปลไม่เหมือนกัน รวมทั้งการเรียกชื่อเฉพาะต่างๆ
ทั้งมิลบอน บอนวอน หัวหน้าราก รากหัวหน้า รากแรก รากแท้ รากเทียม .....555 เริ่มมีศัพท์ทันตกรรม!!
(แต่ไม่มีโยงถึงมิลบอนในเมืองไทย อย่างโทนี่ รากแก่น ด้วย!!)

ดูแรกๆ ก็เลยมึนนิดหน่อย ค่อยๆ ซึมซับไป
...ทุกอย่างดูลึกลับไปหมด
มีคำสั่งลับ หน่วยงานลับ เอกสารลับ โปรเจ็กท์ลับ และอื่นๆ

มีพระราชาวัยหนุ่ม วันๆ เอาแต่เล่น crosswords
ในขณะที่ อดีตพระราชา (พ่อพระราชา) กลับมีอำนาจมากกว่า
ทำให้สงสัยเล็กน้อยว่า อดีตพระราชา โดนใครบีบขมับ
บังคับให้สละตำแหน่งให้ลูกเหรอ? เหมือนไม่เต็มใจให้ลูกเป็น

ถ้าไม่ไว้ใจฝีมือลูก เห็นลูกเหมือนยอริม เอ้ยยย.... ผิดเรื่อง!!!!
ก็ไม่น่ามอบตำแหน่งให้ ให้เค้าเป็น...แล้วก็มางัดข้อกันเอง ก้าวก่ายกัน
(เนื้อเรื่องไม่ได้เท้าความย้อนหลังประเด็นนี้มั้งครับ?
เอาเป็นว่า พ่อมอบตำแหน่งพระราชาให้ลูกไปแล้ว
แต่ไม่ได้ดั่งใจละกันเนอะ)

ปมระหว่างพ่อลูกคู่นี้ มันก็คล้ายๆ กับชีวิตจริงของคนทั่วไปนะครับ
แน่นอนครับว่า เรารักพ่อแม่ของเรา แต่เคยมีมั้ยครับ
ที่เรารู้สึกอะไรต่างไปจากบุพการี หรือ เราไม่ชอบอะไรบางอย่าง
ในตัวพ่อแม่ของเรา แล้วเราไม่อยากเป็นเหมือนท่าน (ในบางเรื่อง)
ซึ่งบางทีเราก็เอาชนะปมเหล่านี้ได้
....หรือบางที ไอ้ที่เราไม่ชอบ พอเราแก่ตัวไป
....เราก็ดั๊นนนน...กลายเป็นเหมือนพ่อแม่เรานั่นแหละ

พระราชาในเรื่องนี้ก็ต่อสู้น้ำลายฟูมปาก นอนดิ้นกุกกัก เหงื่อแตก ฝันร้าย
.....กับปมเหล่านี้อยู่

พระเอก...เป็นตัวแสบตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่ไม่ยอมใคร มีความแค้นฝังจิต
ก้าวร้าว ดุดัน สมกับชื่อ...บุลด๊อก (เอ..ใช่มั้ยนะ? 55)
ปกติดูละคร ไม่เคยจำชื่อตัวละครได้เลย ..คุณผ่านบัตร

ความฉลาด และมีไหวพริบของพระเอก
ช่างขัดกับนิสัยมุทะลุ ดุดัน อยู่มากเหมือนกันครับ แต่ก็อนุโลมได้
และพระเอกเรื่องนี้ มีวิทยายุทธเก่งมาก โดยคนดูไม่ควรสงสัย
(ต้องมีโม้ให้เกินจริงบ้างเนอะ ไม่งั้นละครไม่หนุก)

สำหรับนางเอก ทีแรกผมก็ลุ้นอยู่ว่า นางเอกมีความสำคัญอย่างไรในโปรเจ็กท์ของพระราชา
เพราะนางเอกไม่พูด เอาแต่ส่ง sms อย่างเดียวเรยยย ...ฮ่า...
อดคิดไม่ได้ว่า เอ... หรือ พระราชาปิ๊งนางเอกอยู่ ก็เลยนำมารับใช้ใกล้ชิด

จริงๆ แล้ว นางเอกเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ส่วนพระองค์
คอยช่วยพระราชาประมวลผลและเก็บข้อมูล
นางเอกอาจจะเป็นบรรพบุรุษของพระเอกเรื่อง iris
เพราะมีความสามารถพิเศษเหมือนกัน คือ เห็นอะไรแว่บเดียว
.....ก็สามารถจำได้แม่นมากกกก

(สันนิษฐานว่า ที่เป็นเช่นนี้
เพราะนางเอกไม่ต้องเสียเวลาไปท่องบทพูดซะครึ่งเรื่อง 555
ก้อเล่นเป็นคนพูดไม่ได้นี่นา เลยมีเวลาและเนื้อที่สมองเหลือ
เพื่อที่จะไปจำอะไรอื่นๆ)

ตอนที่นางเอกหนีจากการโดนจับ แล้ววิ่งโดดหน้าผาลงน้ำ
ทั้งๆ ที่โดนปิดตาอยู่
เธอสามารถจำภูมิประเทศจากแผนที่ได้แม่นเหมือนมี gps อยู่ในตัว
แหม...ถ้าจำพลาดไปนิด วิ่งเต็มสปีด แล้วโดดเอาหัวโหม่งต้นไม้แทน
....คงฮาดีไม่น้อย
คำแรกที่นางเอกจะพูด หลังจากไม่พูดมานาน คงไม่ใช่พูดกับพระเอกละ
แต่คงพูดกับต้นไม้แทน (คำอาจจะหยาบคายเล็กน้อย 55)

เรื่องนี้ พระเอก-นางเอก ก้มหน้าก้มตาทำภารกิจของตัวเองอย่างขันแข็ง ไม่ค่อยมีเวลาไปหวานแหวว ....วิ่งไล่จับผีเสื้อกันเรยยย

คนขายเนื้อที่เป็นนิติเวชผ่าศพรุ่นบุกเบิก
พอดูไปสักพัก ผมพอจะเดาออกว่า หมอนี่น่าจะมีอะไรแอบแฝง
(ใครเคยดู Lost ซีรี่ยส์ของ US อารมณ์จะประมาณ เบนจามิน ไลนัส)
ดูซื่อๆ น่าสงสาร แต่กลายเป็นหัวโจก

ผมรู้สึกแปร่งๆ กับคาแรคเตอร์....อีตาหัวหน้ารากคนนี้ (เรียกยากจัง)
เพราะดูแล้วน่าจะสุขุม เชือดเฉือนกันด้วยปัญญา
ซึ่งแรกๆ ก็ดูจะเป็นแบบนั้น

....แต่หลังจากอีตารากเลือดนี่
(เค้าเป็นคนขายเนื้อ ก็ต้องเปื้อนเลือดอยู่
เรียกรากเลือดได้เนอะ ไม่หยาบคายเนอะ)
ได้เห็น fonts ที่พระราชาประดิษฐ์ ก็สติแตกไปเรยยย
หลังๆ ดูพี่แกจะโหดเหี้ยม โฉ่งฉ่าง มากไปหน่อย
กลัวลนลานว่า fonts จะโดนปล่อยให้ฟรีดาวน์โหลด...แพร่ขยายรวดเร็ว

ทำไม ไม่รุ เรื่องนี้ทำให้นึกถึงหนัง star wars อยู่บ้าง
คือ อาจารย์ของพระเอก ตัวเล็กๆ ก๊องแก๊ง
ท่าทางไม่น่าจะหนีจากอาชีพพายเรือข้ามฟาก 555
แต่กลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ ทำให้นึกถึงโยดา อาจารย์ของพระเอก star wars
โดยเฉพาะใบหน้ายับย่นเป็นบ๊วยเค็ม เหมือนโยดามากก 555
.....รวมทั้งเพื่อนซี้พระเอก ที่หน้าเหมือนหมี
คล้ายกับตัว Ewok ใน star wars เช่นกัน

การแสดงก็เล่นได้โอเคกันทุกคน
โดยเฉพาะนักฆ่าหน้าแหลมใส่หน้ากาก
.....ทำหน้าซีดได้สมจริงทั้งเรื่องเลย
(ดาราคนนี้ทะเลาะกันใหญ่โตกับช่างแต่งหน้ากองถ่ายระหว่างถ่ายทำ
เป็นข่าววงในที่ไม่มีใครรู้ ผมรู้คนเดียว 555 ก็เลยหน้าจืดไปทั้งเรื่อง)
...แล้วไม่รุพี่แกไปตกหลุมรักนางเอกตอนไหน
เจอกันครั้งแรกตอนไฟไหม้ ก็ไม่ฆ่านางเอก หลอกให้นึกว่า
.....สองคนนี้มีอดีตอะไรร่วมกันซะอีก

....พระราชาวัยหนุ่ม ซงจุงกิ หน้าใสมาก
ถ้าได้เล่นลากยาวจนเป็นพระราชาตอนแก่ด้วย ถึงแม้จะไม่สมวัย
แต่คงทำให้คนดูสาวๆ เพลินนนน กับเรื่องนี้ขึ้นอีกเยอะ
(เรื่องนี้ใครจะบาดเจ็บล้มตายยังไง ชั้นไม่สน
ได้เห็นจุงกิไปจนจบเรื่อง...เป็นพอ!!! ..ฮ่า...!!! )

ตัวเอกของเรื่องนี้ ก็คือ พระราชา
การแสดงในบทพระราชานี้ ก็ถือว่าโอเคครับ
ในเรื่องนี้ พระราชาแสดงด้านที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา
....โกรธ... กลัว ...ท้อแท้.... ไม่มั่นใจ...พูดจาหยาบคาย จิตป่วน...
....ประสาทหลอน ...เห็นซงจุงกิ มาเถียงกับตัวเอง 555

บทมันส่งให้ได้แสดงอารมณ์ให้เห็นหลายด้าน
โดยเฉพาะด้านที่ดี หรือด้านอ่อนโยน
แม้แต่สองบัณฑิตดัชชี่บอย ที่พระราชาให้คอยช่วย comment งาน
ดูจะเกรียนๆ ไม่ค่อยกลัวพระราชา
...จริงๆ แล้ว คนใกล้ตัวพระราชา ดูไม่ค่อยกลัวพระราชาเท่าไหร่นะ
ท่าทางท่านเป็นคนใจดี
....คนเขียนบทก็ตั้งใจบิ้วด์ ทำให้เราหลงรักพระราชาได้ไม่ยาก


แต่คนโปรดของผมในเรื่องนี้ คือ
....
....
มเหสีของพระราชาอ่ะครับ
โผล่มาตอนต้นเรื่องหน่อยเดียวเอง น่ารักดีครับ
ตลอดทั้งเรื่อง ในวังเค้าออกจะวุ่นวาย
ทำไมมเหสีไม่เสด็จมาให้เห็นอีกเลย??
ตอนพระราชาทำงานดึกๆ ต้องมีชงโอวัลตินมาให้กันบ้าง
แต่หายเงียบไปเรยยย ... รากงอกไปอีกคนแล้ว มเหสีของเรา 55


การเขียนบทถือเป็นจุดเด่นของเรื่อง
บทลึกใช้ได้ทีเดียวครับ มีการผูกปมของตัวละคร
ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ระหว่างพระราชากับพ่อ
พระราชากับพระเอก พระราชากับนางเอก พระราชากับหัวหน้าราก

และรวมถึงปมอื่นๆ ในใจของตัวละครสำคัญ
อาทิ ปมเรื่องการไม่รู้หนังสือของนางเอก
ทำให้เป็นแผลในปาก เอ่อ..ในใจ..ตั้งแต่เด็ก
นางเอกเลยทุ่มเทในการช่วยประดิษฐ์ตัวอักษร
หรือการละเล่นที่คุ้นเคยของพระเอกนางเอกในวัยเด็ก ก็คือ การเล่นต่อคำ
ความเกี่ยวเนื่องเล็กน้อยพวกนี้ ถือว่าน่าชมเชย และละเอียดใช้ได้ครับ

....รวมทั้งความเกี่ยวพันของตัวละครทั้งในแง่ส่งเสริมกันหรือขัดแย้งกัน
นำไปสู่การดำเนินเรื่องและการคลี่คลายปมในใจของแต่ละคน
....ซึ่งคงลงรายละเอียดไม่ไหว ....มันเยอะอ่ะครับ

โดยรวม...ดูแล้วไม่รู้สึกขัดหูขัดตาอะไรมากนัก
ถึงแม้จะมีบางส่วน ทำให้ผมคาดเดาว่า น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ แต่ก็ไม่มี
เช่น บทของนักดาบสาวจากจีน (พี่น้องที่พลัดพรากของ jayesslee)
....โผล่มาวับๆ แวมๆ พอกลัวจัด ก็หนีกลับปักกิ่งซะดื้อๆ
....หรือนักฆ่าร่างยักษ์ผู้ไร้เทียมทาน ที่ดูเหมือนน่าจะมีที่มาที่ไป
และบทบาทมากกว่านี้ แต่กลายเป็นมาแบบกั๊กๆ
.... นึกเซ็งๆ ก็ออกมาฆ่าคนบ้าง ช่วยมิลบอนบ้าง
พอเบื่อๆ ก็ไปนั่งเล่นกับเด็กซะงั้น (หมอนี่ น่าโดนตัดค่าตัว!!!)
แถมตอนตาย ยังล่อซะเละ เหมือนล้มวัว
....หมดราศีเลย ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ...ใช้แต่แรงนะตัวเอง!!!


มีฉากไคลแม็กซ์ที่น่าประทับใจอยู่หลายฉาก คงพูดถึงไม่หมดอ่ะครับ
.....ยกตัวอย่างเช่น....
ฉากพระเอกได้อ่านคำสั่งเสียของพ่อ แล้วบุกเข้าวัง
...ทำฟอร์มเป็นจะไปฆ่าพระราชา
แต่จริงๆ แล้ว ตัวเองจะไปเพื่อให้ “ถูกฆ่า” จะได้จบๆ กันไป
เพราะคำสั่งเสียของพ่อ ก็ขัดกับสิ่งที่ตัวเองอยากแก้แค้น
นางเอกก็ไปเข้าข้างพระราชา ไม่มีใครเข้าจายยยเรยยยย
...ชีวิตบอบช้ำจิงๆ บุลด็อกของเรา งือ..งือ
ฉากนี้เป็นจุดพลิกผันให้พระเอกและพระราชาได้พูดเปิดใจต่อกัน
และพระเอกก็หันมาเป็นฝ่ายเดียวกับพระราชา

....หรือฉากที่พระราชาและคนขายเนื้อ มานั่งเถียงกันบนหน้าผา
...เรื่องแนวคิดการปกครอง
ใครเป็นแฟนเรื่องนี้ ลองย้อนกลับไปดูฉากนี้อีกที
มีอะไรน่าคิดเยอะมากกกเชียว
....มีประเด็นที่น่าสนใจ น่าถกเถียง
และเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายที่ทั่วโลก
ในการแสวงหารูปแบบการปกครองคนหมู่มาก
...ซึ่งเรื่องถกเถียงเหล่านี้....ยังมีอยู่จนถึงยุคปัจจุบัน
....ทำไงถึงจะกระจายความเสมอภาคให้ได้มากที่สุด
....ควรมีกลไกอย่างไรที่จะควบคุมหรือถ่วงดุลอำนาจในการบริหาร ....
พระราชาควรมีอำนาจแค่ไหน ...ประชาชนควรมีสิทธิแค่ไหน
...จะมีการตรวจสอบผู้มีอำนาจหรือขุนนางยังไง
....การสืบทอดอำนาจผ่านการเลือกตั้ง
....แต่งตั้ง หรือทางสายเลือดมันยุติธรรมหรือไม่???
...โอ่ยยย อีกเยอะอ่ะครับ ฯลฯ
พระราชาและคนขายเนื้อ เค้าถกกันให้เห็นเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้แหละครับ

หรือฉากงานแกรนด์โอเพนนิ่ง Fonts ของพระราชาในตอนจบ
ที่ผู้กำกับไม่เลือกจะนำเสนอการเปิดตัว fonts ให้มันยิ่งใหญ่อลังการ น่าภาคภูมิใจ
....แต่เค้ากลับเลือกที่จะนำเสนอด้านหดหู่ ปวดร้าว
ให้เราเห็นอีกด้านว่า เมื่อต้องทำงานที่ยิ่งใหญ่
มันก็ต้องแลกกับความสูญเสียมากมาย
....ฉากนี้ใครจะไปนึกว่า จะนองเลือดกันขนาดนี้
(ขอแซวเรื่องความสมจริงหน่อยนะครับ พระเอกโดนฟันหลายแผล
ก็ยังไม่มีใครเข้าไปดูแล ปล่อยให้ยืนเลือดไหล
ระบบรักษาความปลอดภัยก็แย่นะครับ ให้คนร้ายบุกมาป่วนงานได้ง่ายๆ หรือบุกเข้าออกวังได้สบายๆ ทั้งเรื่องเลย)

สำหรับผม ฉากที่สะเทือนใจที่สุดในเรื่องนี้ คือ
ฉากหยดน้ำพิฆาต 555 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการฆาตกรรมในวัง
ทำให้คนตายปริศนาเหมือนจมน้ำ ช่างเป็นการลอบสังหารที่ ละเอียดอ่อน
...ลึกลับ ...ทำไปทำไมนะ? ..ฮ่า!!!
มันจำเป็นต้องประณีตขนาดนี้เลยนะ
ต้องเป่าหยดน้ำให้เข้ารูจมูก โดยต้องคำนวณทิศทางลมด้วย
แล้วใครเค้าจะเงยหน้าเอารูจมูกส่องโลก
....เหมือนฮิปโปลอยน้ำอยู่ตลอดเวลา
กว่าจะเป่าน้ำให้เข้ารูจมูก เหยื่อคงหน้าแฉะเหมือนเล่นสงกรานต์
หรือเหยื่ออาจจะตาย 1 เดือนให้หลัง เพราะ เป็นปอดบวม
(ถ้ารอด..อย่างน้อยก็ต้องเป็นไซนัส)
ส่วนคนเป่าก็หน้ามืดตายตกไปตามกัน 555

...ทุลักทุเลเนอะ ไม่รุฝึกกันนานมั้ย?
(พระเอกก็อุตส่าห์เทคคอร์ส 4 หน่วยกิตนี้กะเค้าด้วย)

ถ้างี้ เป่าเข้าหูจะง่ายกว่ามั้ย เย็นๆ เพลินๆ ให้เป็นหูน้ำหนวกตายแทน
แหม ....ถ้าวิทยายุทธสูงถึงขั้นนั้น เข้าไปประชิดตัวได้
....ก็คว้าไม้ตีหัวสักเป๊กกก น่าจะสะดวกกว่ากันเยอะ 555
เพราะในที่สุด เค้าก็จับได้เหมือนกันนั่นแหละ ว่าหมอนี่โดนฆาตกรรม

-------------------------------------------------------------------

การปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงอะไรที่ยิ่งใหญ่ หรือฝังลึกมานาน
เป็นเรื่องที่ยากมาก และต้องใช้เวลา
....เวลาในการถกเถียง แลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อหาจุดลงตัว
... เวลาในการให้ความรู้แก่คนทั่วไป
.....เวลาในการปรับตัว ปรับทัศนคติ
หรืออาจจะเป็นเวลาที่รอให้คนรุ่นเก่าความคิดเดิมๆ ตายจากไป
... แล้วให้คนรุ่นใหม่ที่เปิดกว้างขึ้นมาแทน


มีบัณฑิตอาวุโสคนนึงในเรื่อง พูดว่า
“ประเทศที่มีตัวอักษรของตัวเอง ล้วนแต่เป็นประเทศที่ป่าเถื่อน”
แล้วยกตัวอย่าง มองโกเลีย ธิเบต ญี่ปุ่น ฯลฯ
..... นี่แค่ย้อนหลังไปไม่กี่ร้อยปี
คนที่เป็นถึงบัณฑิตยังมีความคิดคับแคบแบบนี้
มันสะท้อนเรื่องความเชื่อและอีกหลายเรื่องทีเดียวแหละในสังคมปัจจุบัน

ใครที่ดูเรื่องนี้ แล้วอดภูมิใจเล็กๆ ไม่ได้กับตัวอักษรของเค้า
ทั้งๆที่ เราไม่ได้ไปเกี่ยวดองอะไรกับเค้าเลย
นี่แหละครับ ....พลังอำนาจของสื่อบันเทิง
ซึ่งฮอลลีวู้ดทำสำเร็จมานานแล้วในการเผยแพร่แนวคิด วัฒนธรรม ฯลฯ

ตอนนี้ กระแสบังเทิงเกาหลีก็ยังเป็น “ขาขึ้น” อยู่ในย่านเอเชีย
และเค้าก็จะบุกตลาดโลกด้วย
....บันเทิงไทยเราก็ “ขาขึ้น” เช่นกัน (จากกระแสในจีน)
เพียงแต่ของเราอาจจะแปลกหน่อย
...คือเป็นการนอนหงายแล้วยกขาขึ้น 555
(สบายๆ ไปเรื่อยๆ ตามสไตล์คนไทย)
อาจจะเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงตามศาสตร์โยคะ 555
...ถ้า “รากฐาน” ไม่ชัดเจน มั่นคง
วิธีคิด วิธีปฏิบัติ มันก็จะวูบวาบ ไม่เป็นระบบ ไม่ต่อเนื่อง

หลายปีก่อนหน้านี้ หลายคนในวงการบันเทิงไทยเห็นตรงกันว่า
ปัญหาของละครหรือภาพยนตร์ไทย คือ เรื่องบท
...หาบทดีๆ หรือคนเขียนบทดีๆ ได้ยาก

แต่ละครเกาหลีเรื่องนี้ ทำให้ผมคิดเพิ่มไปอีกว่า
...“ราก” ของปัญหา ไม่ใช่จบที่บทหรือคนเขียนบท
แต่มันลึกไปถึงวิธีคิด ทัศนคติ และอื่นๆ ของผู้สร้างและผู้เกี่ยวข้อง
ในอุตสาหกรรมบันเทิง ทั้งภาครัฐและเอกชน
...ว่า "พวกคุณจะเลือกเรื่องประเภทไหนมานำเสนอสู่สังคม???"

ไม่ว่าจะวงการบันเทิงเกาหลี ไทย หรืออิสราเอล
....มันก็มีเรื่องน้ำเน่าปนกันไปทั้งนั้น
แต่อัตราส่วนของเรื่องที่เน้นบันเทิงอย่างเดียว
กับเรื่องที่บันเทิง+อาหารทางความคิด
....มันยังต่างกันอยู่เยอะนะครับในประเทศเรา

เปรียบเหมือนอาหารหนึ่งจาน
เราน่าจะถึงจุดที่คิดไปมากกว่าทำอาหารอย่างไร “แค่ให้อร่อยถูกปาก”
....เราควรคิดไปถึงว่า "จะเลือกเอาอะไรมาทำเป็นอาหาร"
เพื่อจะให้...มันอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการด้วย

เอาใจช่วยวงการบันเทิงไทยให้ไปถึงจุดนั้นในเร็ววันนะครับ

-------------------------------------------------------------------

หมายเหตุ : จริงๆ แล้ว คำว่า “fonts” มีความหมายต่างจาก
คำว่า “ตัวอักษร” นะครับ

สิ่งที่พระราชาประดิษฐ์ในเรื่องนี้
เป็นทั้งตัวอักษรใหม่และ fonts ที่ใช้ในการพิมพ์ครับ
เอ่อ...คือ.. ใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเรื่องนี้
ลอง add facebook ของพระราชาละกันนะครับ แหะๆ

จากคุณ : ผ่านบัตร
เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 13:09:19 A:65.49.14.54 X: TicketID:347653




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com