 |
บทที่ 1
เรื่องราวของฉัน ฮาเนคาว่า ซึบาสะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องของฉันนัก นี่ก็เป็นเพราะฉันไม่สามารถบอกจำเพาะเจาะจงว่าเป็นฉันจริง หรือเป็นตัวฉันเองได้หรือไม่ ฉันเองแน่ใจว่ามีต้นแบบวรรณกรรมมากมายที่เคยเขียนเรื่องราวของคนหลายบุคลิก ซึ่งไม่จำเป็นว่าในรอยเท้าเดียวนั้นจะมาจากเพียงหนึ่งเจ้าของ แต่ในกรณีของฉันไม่จำเป็นต้องสืบหาจากเท้าของฉันหรอก มันช่างน่าสงสัยเหลือเกินว่าหัวใจดวงนี้ยังเป็นของเป็นของฉันเองหรือไม่
เป็นฉันหรือเปล่า ฉันเป็นอะไรกันแน่ ฉัน.. ใคร ใคร.. นั่นฉันเหรอ อะไร.. นี่ตัวฉันเอง
ความคิดที่หลากหลายความสับสนจนจับประเด็นสาระไม่ได้อย่างข้างต้นที่บอกไปนั้น มันจะยังสามารถเรียกได้จริงๆ ว่า 'ฉัน' อีกเหรอ
มันอาจดูง่ายๆ ถ้าคุณเพียงพูดออกมาลอยๆ จะว่าอย่างไรก็เถอะ มันเป็นเรื่องปกติละนะเพราะความตระหนักรู้เอย กระบวนวิธีการคิดวิเคราะห์เอย และแม้แต่ความทรงจำเอย มันไปไม่ได้มากกว่าข้อมูลประสบการณ์ที่คุณเก็บสะสมไว้อยู่แล้วนี่นะ หรือจะให้พูดก็คือ หากคุณกล่าวว่าประสบการณ์นั่นแหละที่จะนิยามความเป็นฉัน ถ้าอย่างนั้นเกิดว่าหากจับเอาใครอื่นสักคนให้มาได้รับประสบการณ์แบบที่ฉันเคยเจอมาแบบเดียวกับเปี๊ยบ งั้นก็เรียกอีกคนนั้นว่าเป็นฉันได้งั้นซิ
งั้นแม้กระทั่ง ถ้ามี ‘ฉัน’ อยู่ข้างนอกออกไปจากตัวฉันเอง, นั่นก็ยังเป็นเป็นฉันอีกเหรอ ?
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ฉันจะไม่มีตัวตนอยู่จริงหากไม่เคยเจอเคยรู้เคยเป็นอย่างที่ผ่านมา ? ถ้าเป็นงั้นจริงมันจะเป็นอย่างไรกันนะ ฉันเองจะเป็นอย่างไร จะคิด จะมองเห็นโลกนี้ในมุมมองแบบไหนกัน
อย่างชื่อ ฮาเนคาว่า ซึบาสะ เองนั้นก็ไม่ใช่ชื่อแต่ดั้งเดิม
เพราะฉันได้เปลี่ยนนามสกุลของฉันมาแล้วก็หลายครั้ง
นั่นคือเหตุผลที่ความเป็นตัวตนไม่สามารถระบุได้จากชื่อของฉัน ไม่เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นความคิดที่ว่าชื่อเป็นสัญลักษณ์แทนบุคคลหนึ่งๆ ที่สามารถแสดงอัตลักษณ์ความมีอยู่ได้อย่างลึกซึ้ง สำหรับฉันนั้น มันก็เพียงคำพูดกลวงๆ
ในความเป็นจริง ก็อย่างความเชื่อความเข้าใจที่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกไหม เรื่องชื่อของสิ่งใดใดนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด – หรืออย่างน้อยก็ในขั้นตอนแรกละนะ แล้วเหตุผลใหญ่ที่ฉันยังไม่สามารถที่จะเผชิญกับตัวเองจริงๆ มานานเอาจนซะป่านนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะฉันไม่รู้สึกว่าชื่อที่ใช้อยู่นี้นั้นเป็นบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นของตัวฉันเองก็ได้
ถ้าในกรณีนี้ สิ่งแรกคงเป็นที่ฉันควรจะรู้จักกับชื่อของตัวเอง
ฉันควรตระหนักรู้จักตัวเองในฐานะ ฮาเนคาว่า ซึบาสะ
มันคงเป็นเพียงแค่เรื่องที่ฉันควรที่จะกำหนดตัวตนของตัวเอง
แน่นอนเมื่อฉันคิดเกี่ยวกับวิธีที่ อารารากิคุงจะไม่มีทางที่จะหยุดและคิดถึงเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้สักนิด แถมจะทำเอาเรื่องที่ฉันต้องกังวลคงเป็นแค่เรื่องน่าขำอีกตังหาก ฉันออกจะอายตัวเองเมื่อคิดไปถึงสิ่ง อารารากิคุงเป็น
แม้หลังจากที่ อารารากิคุงกลายเป็นแวมไพร์หรือกลายเป็นสิ่งอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์หรือถูกลากเข้าไปในโลกอื่น ๆ โดยความผิดปกติต่างๆ นานา
อารารากิ โคโยมิ ไม่เคยเปลี่ยนไป เขาจะยังคงเป็นตัวตนคนเดิมอยู่เสมอ
ตัวตนเขายังคงชัดเจนแม้จะยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟร้อนแรงที่ลุกโชนโหมกระหน่ำต่อเนื่องอยู่รายรอบ เขาจะยังคงตัวตนคนเดิมไว้ได้ไม่ว่าจะสถานที่ไหนเวลาใดได้อย่างน่าประหลาดใจ
เขาเป็นเช่นนั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องตระหนักถึงมันด้วยซ้ำ
ทำให้มั่นใจได้เสมอว่า อารารากิ โคโยมิ คือ "อารารากิ โคโยมิ"
และนั่นคือเหตุผลที่เขามักจะสามารถบอกเรื่องราวของตัวเองได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
นั่นคือเหตุผล
เหตุผลที่ฉันชอบเขา
ฮาเนคาว่า ซึบาสะ ชอบ อารารากิ โคโยมิ
ในท้ายที่สุดในการเล่าเกี่ยวกับตัวเอง ฉันคงบอกได้เพียงว่า มันมีบางส่วนของฉัน บางส่วนที่แปลกแยก
ถ้าให้ยกตัวอย่างก็เช่น เมื่อได้มีเวลานั่งลงใช้เวลาอยู่กับหนังสือและผ่อนคลายกับตัวเองที่ห้องสมุด ฉันมักจะเผลอเขียนชื่อ "อารารากิ ซึบาสะ" เอาไว้ที่มุมกระดาษอยุ่เป็นประจำทุกที
และนั่นแหละ เรื่องราวของตัวฉัน
ในการผจญภัยหกสิบครั้งของ Sherlock Holmes, สุดยอดนิยายนักสืบที่แต่งโดย Sir Arthur Conan Doyle มีอยู่เพียงสองเรื่องที่ไม่ได้เล่ามาจากผู้ช่วยของเขา Dr Watson แต่เล่าโดยโฮล์มส์ตัวเองเลย พวกเขามีงานที่ถือว่าเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ได้โดยเหล่าสาวก Sherlockians แต่ในจุดเริ่มต้นหนึ่งในเรื่อง "The Blanched Soldier" โฮล์มส์กล่าวไว้ว่า:
"นี่เป็นความคิดจากเพื่อนของผมวัตสัน ซึ่งแม้ว่าเขาจะช่างหัวดื้อเหลือเกิน แต่มันก็เป็นเวลานานมาแล้วที่เขาคอยกังวลเหลือเกินที่ผมจะเขียนประสบการณ์ของผมด้วยมือตัวเองสักครั้ง บางทีผมก็ได้รับการยั่วยวนที่แสนก่อกวนเหล่านี้ แต่ผมก็ได้มีโอกาสที่จะชี้ให้เขาเห็นว่าอาจเป็นเพราะเขาอยากเก็บความรื่นรมณ์นี้ไว้กับตัวเอง '’งั้นลองทำด้วยตัวเองเลย โฮล์มส์!' เขาได้โต้กลับ ผมจึงเริ่มคิดถึงวิธีที่ไม่ว่าอย่างไรจะต้องนำเสนอรูปแบบที่น่าสนใจต่อคนอ่านให้ได้ "
ในฐานะที่ฉันหลงเสน่ห์ Sherlock Holmes ระดับเป็นแฟนพันธุ์แท้ และจะอ่านเกี่ยวกับการกระทำภารกิจของเขาด้วยความตื่นเต้นเสมอ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฉันถึงกับรู้สึกตะลึง เหมือนกับได้รับฟัง 'เสียงแท้จริง' ของเขาทะลุหน้ากระดาษออกมาเลยเชียว
ด้วยความสัตย์จริง ฉันนั้นรู้สึกผิดหวัง
ทำไมเขาคนที่เคยแสดงตัวเองว่าตูข้าเจ๋งสุด เป็นซูเปอร์อภิมนุษย์ผู้พิเศษอยู่ตลอดเวลา กลับพูดอะไรบางอย่างซึ่งแสนจะเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาซะเหลือเกินเอาตอนนี้ ? ฉันก็เลยรู้สึกเหมือนถูกสิ่งที่ชอบมาหักหลังเอาดื้อๆ
แต่ตอนนี้ฉันรู้ละ รู้ถึงความเป็นมนุษย์ของเขาซึ่งไม่อาจจะสามารถแบ่งช่องว่างระหว่างตัวเองและ 'ส่วนที่เหนือมนุษย์' ที่วัตสันเคยพูดถึงไว้ได้
ในท้ายที่สุดคุณนักสืบผู้ซึ่งโดนผู้ช่วยของเขาบอกให้ลองของด้วยตัวเอง, และก่อให้เกิดเรื่องราวสองตอนที่ถูกตีพิมพ์ออกมา - และจุดเริ่มต้นก็มาจากตรงนี้ เรื่องเล่าของฉัน
นี้เป็นเรื่องที่จะให้คุณอาจจะรู้สึกว่าเกินความจริงราวกับฉันเป็นนักบุญในอดีตหรือมารดาศักดิ์สิทธิ์ หากฟังจากปาก อารารากิคุง, จริงๆ ฉันก็เพียงมนุษย์ธรรมดาๆ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ขอบอกให้ทราบก่อนสักเรื่องว่า มันเป็นเรื่องเล่าว่าฉันคือแมว และเสือ
และเรื่องที่จะบอกกล่าวให้ทราบว่าฉันเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนด้วย เป็นเรื่องเล่าของความผิดหวังอย่างที่สุดเกินจะเอ่ยจากการทรยศและความซับซ้อน
ฉันไม่คิดว่าจะสามารถเล่าได้อย่างชำนาญเหมือน อารารากิคุงได้ แต่ฉันคิดว่าฉันจะปล่อยให้เรื่องราวมันไหลลื่นไปโดยจะพยายามอย่างดีที่สุดความสามารถของฉัน หลังจากที่ฟังทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว คงไม่มีใครสงสัยอีกว่านี่เป็นเรื่องราวที่บอกเล่าออกมาจากชีวิตของเธอเอง
เอาล่ะ
ได้เวลาที่ต้องตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายสักที...
Nekomonogatari Shiro Tsubasa Tiger บทที่ 1 END
จากคุณ |
:
Fate Linegod
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.พ. 55 13:29:30
|
|
|
|
 |