 |
หลายคนงุนงงแกมสงสัยว่าเพราะเหตุใด มาร์ติน สกอร์เซซี(Goodfellas, Taxi Driver, The Departed) ถึงได้เปลี่ยนมาทำหนังเด็กแนวครอบครัวซึ้งๆซะอย่างนั้น เพราะหลักฐานที่ผ่านมาหนังของแกแทบจะเรียกได้ว่า หนังที่เด็กไม่ควรดูด้วยซ้ำไปเพราะมีความรุนแรงในแบบฉบับของหนังผู้ใหญ่อยู่เต็มเปี่ยม
ซึ่งถ้าหากเรายังดันดั้นหาเหตุผลมาตอบคำถามเหล่านี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ตอบยากอยู่สักหน่อย แต่ถ้าหากผู้ชมได้เข้าสัมผัสหนังเรื่องนี้ด้วยตนเองแล้ว คำถามที่เคยก่อปัญหาขึ้นในจิตใจจะค่อยๆเลือนหายไป แปรเปลี่ยนเป็นความเข้าอกเข้าใจ และจะตอบคำถามได้อย่างมาดมั่นว่า “ไม่แปลกใจเลยที่เขาหันมาทำหนังแนวนี้”
ภาพยนตร์ Hugo มีเนื้อเรื่องที่กระชับและล้นจินตนาการโดยมีเมืองปารีสทศวรรษ 1930 เป็นฉากหลังที่งดงามโดยเรื่องราวเริ่มต้นที่ Hugo Cabret ( Asa Butterfield) เด็กชายที่อาศัยอยู่ลับๆหลังกำแพงในสถานีรถไฟ ที่เฝ้าค้นหาความลับจากหุ่นยนตร์เครื่องกลที่พ่อ (Jude Law) ได้ทิ้งไว้ให้เขาก่อนที่พ่อจะจากไป การค้นหาความลับได้ดำเนินต่อไป และความลับนี่เองที่จะนำพาเขาไปสู่สิ่งเร้นลับที่ยิ่งกว่า
ความมหัศจรรย์สิ่งแรกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กระทำโดยตรงต่อผู้ชมก็คือ วิธีการนำเสนอในแบบ 3 มิติ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นความตื่นเต้นและน่าตื่นตาตื่นใจ ที่ชัดเจนว่าผู้สร้างต้องกาทำให้ออกมาเป็นลักษณะเช่นนี้ และเชื่อเหลือเกินว่าอรรถรสในการชมจะหายไปอย่างแน่นอหากผู้ชมไม่ได้รับชมด้วยระบบ 3 มิติ
ความมหัศจรรย์ในระดับต่อมานั่นคือวิธีการนำเสนอหรือภาษาของภาพยนตร์นั่นเอง องค์ประกอบต่างๆเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างประณีตและวิจิตรตระการตา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพที่สวยสดงดงาม การเล่าเรื่องด้วยกล้อง การเคลื่อนกล้อง มุมและระยะของภาพต่างๆ จวบจนการจัดองค์ประกอบภาพและบรรยากาศในยุคปารีส 1930 ทำได้อย่างละเมียดละไมเกินเลยไปถึงดนตรีประกอบที่คลอเคลียให้ผู้ชมหลงใหลไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
สิ่งต่างๆเหล่านี้ จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่าภาพยนตร์ Hugo นั้นมีคุณสมบัติอย่างครบถ้วนที่จะเชื่อมโยงมิติทางจิตวิทยาที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกหลงรักคล้อยไปกับจินตนาการ และเพลิดเพลินเยินใจไปกับมนต์เสน่ห์ของภาพยนตร์อย่างถึงที่สุด
--มีต่อ--
จากคุณ |
:
A-Bellamy
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.พ. 55 11:48:46
|
|
|
|  |