หายหน้าไปนานชาติ แฮ~ โผล่มาเพื่ออวยพรน้องค้า มีความสุขมากๆนะที่รัก ไม่มีอะไรให้นอกจากหัวใจ เอานี้มาแปะด้วย
เรื่องเล่าพิเศษหนึ่งในสี่ของศตวรรษของคาเมนาชิคาซึยะ (From KAT-TUN Kamenashi kazuya no HANG OUT 2012.02.18 )
ครับ
อันดับแรกก็ คาเมนาชิ คาซึยะ
เกิดที่โตเกียวในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1986
เรื่องของตอนที่เกิดคือ ผมน่ะดูเหมือนว่าหลอดอาหารตีบแคบ ถึงกินอาหารเข้าไปก็จะ(อ้วก)ออกมาทันที
แล้วก็ต้องต้องเข้าโรงพยาบาลด้วย ดูเหมือนหนักมาก
ยิ่งไปกว่านั้น คืออย่างการใช้เครื่องตรวจดูเพราะว่าไม่ค่อยมีพัฒนาการ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายจนกว่า(แม่)จะคลอดออกมา ดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงมากกว่า
แล้วผมน่ะ ก็เป็นมี่พี่น้องที่เป็นผู้ชาย พี่ชายคนโตและพี่ชายคนรอง ผู้ชายใช่ไหมหล่ะ
แล้วพอผมออก ตอนที่เกิด คุณหมอก็คิดว่าเป็นเด็กผู้หญิง ดูเหมือนว่าจะไม่เห็นอันนั้น แบบว่าเล็ก(ระเบิดหัวเราะ)
แล้วก็ดูเหมือนว่าที่บอกว่าเป็นเด็กผู้หญิง เพราะ จากตอนที่มีเด็ก สองคนนั้นหัวล้าน แค่ผมเท่านั้นที่มีผม
ก็คิดว่าอยากจะได้เด็กผู้หญิง พยายามอีกหนึ่งคนแต่ก็ยังคงเป็นผู้ชาย
เพราะว่าไม่ได้อาศัยอยู่ในอย่างในห้องใหญ่ๆแบบนั้น ก็จะอยู่ด้วยกันเสมอกับครอบครัวอย่างในอพาร์ทเม้นต์
ห้องของใครแบบนั้นไม่มีหรอก เพราะดูเหมือนว่าจะอยู่แบบห้องเดียว
ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร
อย่างไปเล่นข้างนอกพี่ชายก็จะพาไปด้วย
อย่างนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่โตเกินวัย
อืม
ดังนั้นมากกว่าที่จะเล่นกับเพื่อนร่วมชั้นก็ไปเล่นกับเพื่อนๆของพี่ชาย
แล้วก็ได้รับอิทธิพลของพี่ชายอย่างมากมายอย่างเรื่องการเที่ยวเล่น การดำเนินชีวิต แค่เบสบอลที่มาจากตัวเอง
ทำไมผมถึงชอบเบสบอลใช่ไหมหล่ะ
อย่างพี่ชายคนโต ก็เล่นคาราเต้แล้วประสบความสำเร็จ
ดังนั้นทุกคนก็เลยเรียนคาราเต้ ครอบครัวของพวกเรายกเว้นน้องชาย
ผมก็เรียนคาราเต้ด้วย ก็เล่นอย่างไรก็ตามถึงจะไม่ได้ระดับ แต่ก็แค่ถึงระดับหนึ่งระดับต่ำสุด
แต่ว่าบางทีอาจจะเป็นอะไรที่ตัวเองอยากจะประสบความสำเร็จที่แตกต่างไปก็ได้ไม่ใช่เหรอ
ทุกครั้ง พี่ชายก็มักจะได้เข้าแข่งขันระดับประเทศบ้าง แข่งชนะเลิศมากบ้าง
เพราะอย่างการไปแข่งขันระดับประเทศก็จะมีคนที่มีชื่อเสียงมากๆด้วยมาด้วยเป็นประจำจริงๆ
ทุกคนก็จะทักทายด้วยการจับมืออะไรพวกนี้ โดยทั่วไป พวกเด็กประถมที่มาก็ดูเหมือนจะมาขอจับมือกับคนที่เล่นคาราเต้
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ โดยมีเทคนิคอย่าง Randori อย่างการ Sundori ความจริงแล้ว ทุกครั้ง
ถ้าทำอย่างที่ว่านั้นไม่ว่าจะทำอะไรยังไงก็จะชนะได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพี่คนโตก็ใช่
อย่างผมก็แพ้การต่อสู้สองถึงสามครั้งแต่ก็มักถูกบอกว่าเท่ย์อยู่บ่อยๆ
แต่ยังไงก็ตามตั้งแต่ตอนนั้นมักถูกบอกว่าหลงตัวเองจากทุกคน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
เท่ย์ถึงแม้จะแพ้ อะไรแบบนั้น(หัวเราะ)
ฝ่ายแพ้เท่ย์อะไรประมาณนั้น(หัวเราะ)
แล้วก็อย่างชุดที่ใส่เล่นคาราเต้ เป็นอะไรที่เละมากใช่ไหมหล่ะ แน่นอนว่า(หลังจากนั้น)จะได้ใส่ตัวที่สะอาดๆอยู่เสมอ(หัวเราะ)
แล้วแรกเริ่มของเบสบอลนั้นซินะ
คิดว่าไม่อยากจะแพ้อีกเป็นอันขาด
แล้วผมเล่นเบสบอลพี่ชายก็เริ่มเล่นเบสบอลด้วย
ด้วยเหตุนั้น มันคงจะแปลกๆที่จะพูดว่าเพราะเหนือกว่าแต่ผมถูกเลือกให้เข้าแข่งระดับนานาชาติ
เรื่องอะไรแบบนั้นตัวเองมีหนทางที่แตกไป บางทีอาจจะเป็นช่วงประถม ที่ได้คิดตัดสินใจตั้งแต่ตอนประถมหนึ่ง
อืม
เพราะที่ไหนซักแห่งในพี่น้องผู้ชายมันจะมีสำนึกถึงความเป็นคู่ต่อสู้อยู่ด้วยซินะ
แล้วก็ รักแรก
ครั้งแรก ผมน่ะเป็นเด็กแก่แดดซินะ
มีความรักตั้งแต่ตอนที่อยู่อนุบาล อย่างกับเพื่อนร่วมชั้น แล้วก็กับคุณครูด้วย
ตอนที่อยู่อนุบาลแบบว่าทุกคนก็จะมีช่วงที่มาดูการ์ตูนกัน ดูเหมือนจะเป็นเ doutoku no jikan
จากนั้นก็จะไปนั่งตักของคุณครู ผมจองตัก(คุณครู)ไว้ทันทีอย่างแน่นอน
สบายดีซินะ คุณครูเนี้ยะ
แล้วก็เข้าโรงเรียนประถมแล้วซินะ(หัวเราะ)
เข้าโรงเรียนประถมก็จะคอยแกล้งเปิดกระโปรง เพราะงั้นแล้ว อืม แบบนั้น มันบ้าเนอะ บ้าซินะ ถ้าพูดถึงตัวเอง
แล้วหลังจากนั้นก็เล่นเบสบอลมาตลอดเลย
จริงๆแล้วเพราะว่าอย่างจอห์นนี่อะไรก็ไม่ได้สนใจเลยซักนิด ทำไมนะ ตอนนี้ผมถึงอยู่จอห์นนี่ได้ ผมก็สงสัย
แต่ก็คิดว่าอยากที่จะมีชื่อเสียง อืม เป็นนักกีฬาเบสบอลมืออาชีพ สร้างบ้านหลังใหญ่ๆ
เป็นความฝันที่ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยน ฝันที่จะสร้างบ้านหลังใหญ่เรียกได้ว่าเป็นเพียงอย่างเดียวที่ไม่เปลี่ยน
แต่ก็นึกอยากจะเป็นนักเบสบอลอยู่ตลอด
ก็เข้าจอห์นนี่วันที่ 8 พฤศจิกายน ปี 1998
วันนั้นก็เป็นวันที่ออดิชั่นแต่เรียกได้ว่าเป็นวันที่เข้า(จอห์นนี่)
มีคนประมาณสามร้อยคนได้ที่มาออดิชั่น
แล้วเพราะว่าวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่ผมเล่นเบสบอล
ช่วงตอนเช้าก็เล่นเบสบอลพอตอนบ่ายพ่อกับแม่ก็มารับ
ไม่รู้ซักนิดว่าไปที่ไหน เสื้อผ้าก็เปลี่ยนบนรถ รู้ว่าที่นั้นก็เมื่อไปถึงถึงได้รู้
พอถึงก็แบบ”ที่นี้ที่ไหนเนี้ยะ” แล้วก็เห็นกระดาษที่เขียนว่าออดิชั่น
ญาติเป็นคนส่ง(ใบสมัคร)ไป แล้วก็ดูเหมือนว่าจะไปปรึกษากับพ่อและแม่ให้ไปส่ง
เพราะงั้นเลยเป็นอะไรที่ไปแบบครึ่งๆกลางๆ แล้วยังเป็นเรื่องอะไรที่ทำไม่ได้ ก็ได้แค่เล่นเบสบอลนี้นะ
แต่ ถ้าหลังจากไม่กี่ปีถัดมา ที่จริงก็มีการออดิชั่นของจอห์นนี่ ในตอนนั้นทำไมไม่พูดไปว่าไม่ไป เพราะว่า
ลำดับแรกเลยเป็นการตัดสินใจของตัวเอง ตัวเองก็คิดว่าอยากไปไปก็ดีแล้วก็ไม่อยากไปถ้าไม่ได้ไปก็ดีประมาณนี้
แล้วผลลัพธ์ก็คือไปออดิชั่น ที่ทำไปตอนนี้ไปถึงแล้ว เป็นชีวิตที่แปลกประหลาดเนอะ
จากตอนนั้น อย่างนากามารุที่เป็นสมาชิกวง แล้วก็อย่างฟูจิกายะวงศิสมาย ซึกะจังวง ABS-Zแล้วก็ มัตสึดะวงNEWS
รุ่นเดียวกันที่เหลืออยู่ก็ได้เดบิวกันแล้ว ดีจังเลยน่ะ น่ายินดีเนอะ
แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 22:34:34