บทที่ 3
หลังจากกินข้าวเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักเรียนเสร็จ ฉันก็ออกจากบ้านทันที ดูเหมือนอารารากิคุงจะใช้เวลาไปตั้ง 80 “หน้า” กว่าจะออกจากบ้านได้ (หมายถึงหงอนในนิยายบท Nisemonogatari Tsukihi Phoenix ที่ถูกน้องผึ้งรบเร้าให้พาไปหาน้องลิง และหงอนไม่อยากพาไปเจอเพราะกลัวน้องผึ้งโดนน้องลิงจัดหนักเลยยื่นเงื่อนไขให้น้องผึ้งทดสอบความอดทน โดยหงอนแปรงฟันให้น้องผึ้ง เเล้วเลยเถิดเกือบจะข้ามเส้น สุดท้ายโดนน้องนกเข้ามาเจอ จนทั้งคู่ต้องรีบเผ่นออกจากบ้านก่อนจะโดนน้องนกจะกลับมาเพราะออกไปซูเปอร์มาเก็ตเพื่อซื้อไอส์พิคหรือที่เจาะน้ำเเข็งมาเสียบหัวหงอน จังหวะที่บรรยายว่าหงอนออกจากบ้านอยู่ประมาณ หน้าที่ 85 ของนิยายเล่มนั้น)
ซึ่งมันชัดเจนว่าเป็นความแตกต่างของครอบครัวที่มี หรือไม่มีคนที่ไม่ยอมให้ออกจากห้อง และด้วยเหตุอะไรก็ตามวันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนใหม่ แค่นั้นก็รู้สึกปลอดโปร่งเลยล่ะ ความรู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อยทะลักออกจากจากก้นบึ้งของจิตใจ ภาคเรียนใหม่เป็นผู้มีพระคุณต่อชีวิตของฉันเสมอ ถึงจะบอกว่าวันหยุดเป็นวันเดินเล่นสำหรับฉัน แต่มันก็มีขีดจำกัดของความเบื่อ หรือแม้แต่เรื่องไปเป็นครูสอนพิเสษให้อารารากิคุง เพื่อยกระดับผลการเรียนของเขาให้สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็เป็นเพียงข้ออ้างหนึ่งที่ช่วยให้ฉันไม่ต้องอยู่ที่บ้าน
ดังนั้นการไปโรงเรียนจึงทำให้ฉัน – โล่งใจ ความอึดอัดในอกมลายหายไป
แต่ถึงยังไง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่น ไม่ว่าจะเป็นการสอนพิเศษ หรือจะเป็นโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนสุดท้ายก็ไม่พ้นต้อง ย้อนมาที่บ้านอยู่ดี ไม่มีอะไรจะน่าหดหู่ไปกว่านี้อีกแล้ว
ใช่!!! สำหรับฉันมันไม่ใช่การ”กลับ”บ้าน แต่เป็นแค่การ เดิน“ย้อน”กลับมาให้ถึงบ้าน
เด็กสองคนที่ตามหานกสีฟ้าแห่งความสุข สุดท้ายพบว่านกสีฟ้าตัวนั้นกลับมาอยู่ที่บ้านของตนเอง
แล้วคนที่ไม่มีบ้านให้กลับล่ะ...................... ....................... จะหาความสุขได้ที่ไหน?
หรือของที่ต้องตามหาจะแตกต่างกัน
....ไม่ใช่นกสีฟ้า แต่เป็น แมว – สีขาว
ถ้าจะพูดอย่างคนที่มองโลกในแง่ลบก็คือ ถึงนกสีฟ้าแห่งความสุขจะรออยู่ที่บ้าน แต่สัตว์ร้ายแห่งความป่าเถื่อนก็รออยู่ด้วยเหมือนกัน
ขณะที่เดินไปคืดเรื่องพวกนี้ไป อ้าวๆ เด็กสาวทวินเทลก็ปรากฏตัวออกมาซะแล้ว
“อะไรกันๆ นั่นคุณฮาเนคาวะ ไม่ใช่เหรอคะ” เด็กสาว - ฮะจิคุจิ มาโยย หันกลับมาทักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงและน่ารักเอามากๆ จนไม่น่าแปลกใจเลยว่า อารารากิคุงจะหน้ามืดตามัวขึ้นมาแต่เธอจะรู้ตัวว่าตัวเองน่ารักซักแค่ไหนกันนะ
“วันนี้ต้องไปโรงเรียนแล้วสินะคะ คุณฮาเนคาวะ”
“อื้อ ใช่แล้วล่ะ”
“นักศึกษานี่ช่างเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียรอย่างมากจริงๆนะคะ แม้ตัวฉันจะยังเป็นเพียงนักเรียนชั้นประถมแต่ก็ต้องผ่านวันคืนแห่งความเคี่ยวกรำลำบากตรากตรำ กับการบ้านปิดเทอมที่มากมายมหาศาลจนแทบจะล้มทับตัวเองตาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเพียงจารึกในบันทึกสงครามแห่งความเพียรหน้าหนึ่งเท่านั้นเอง”
“หืม” เด็กคนนี้ ถ้าไม่ใช่คุยกับอารารากิคุงแล้ว ไม่ว่าจะพูดคำยากๆแค่ไหนก็ไม่เคยลิ้นพันกันเลยสินะ
ขณะที่คิดไปแบบนั้นฉันก็ตอบเธอไปว่า “แล้ว มาโยยจัง กำลังทำอะไรอยู่จ๊ะ”
“กำลังตามหาคุณอารารากิค่ะ” เธอตอบว่าอย่างนั้น
อะไรกันๆ ฉันต้องเป็นคนอุทาน “อะไรกัน” ซะเองเลย
ถ้าเป็นอารารากิคุงตามหามาโยยจัง ยังเคยได้ยินอยู่บ้าง แต่มาโยยจังเป็นฝ่ายตามหาอารารากิคุงนี่มันแปลกดีนะ
ไม่สิจะว่าไป ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเรื่องแบบนี้ รู้สึกจะเป็นตอนที่ ชิโนบุจัง หายตัวไป ใช่มั้ยนะ? (ใน Bakeฯ บทน้องเเมว ที่น้องบุไปร้านโดนัท)
ถ้ายังงั้นหมายความว่ากำลังเกิดเรื่องแบบเดียวกันอีกงั้นเหรอ
ดูเหมือนมาโยยจังจะมองออกว่าฉันกำลัง กังวลอะไรอยู่ เธอส่ายหน้าบอกว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่ฉันลืมของไว้ที่บ้านคุณอารารากิ ก็เลยตามหาเพื่อจะขอคืนเท่านั้นเอง”
“ลืมของ?”
“นี่ไงคะ”
การถามอะไรซ้ำหลายครั้งดูเหมือนจะเสียมารยาท แต่นั่นก็ฃ่วยให้ฉันเข้าใจว่ามาโยยจัง ลืมเป้สะพายหลังไว้ที่บ้านของอารารากิคุง(ในบท Mayoi Room หลังบทน้องนก ที่น้องหอยไปเล่นบ้านหงอน ตอนนี้บทเนโกะขาวนี้กำลังดำเนินคู่ขนานไปกับบทคาบุกิที่ไอ้หงอนไปอดีตเพื่อช่วยน้องหอย )
ลืมของชิ้นใหญ่โตมากเลย “แต่ถ้าอย่างนั้นไปหาที่บ้านอารารากิคุงเลยก็ได้นี่นา?” เพราะมันเหมือนจะผิดขั้นตอน
“ฉันไปหาที่บ้านของเขามาแล้วล่ะค่ะ แต่เหมือนเขาจะไม่อยู่เพราะจักรยานก็ไม่อยู่ที่หน้าบ้าน” (ตอนนี้หงอนกับบุไปโลกอดีตเเล้ว ในบทคาบุกิ จึงไม่มีใครตามหาหงอนเจอ)
“หืม.....? แต่อารารากิคุง จะมาโรงเรียนเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ” ถึงอารารากิคุงจะอยากออกจากบ้านแต่เช้า แต่น้องสาวทั้งสองของเขาคงไม่ยอมให้ออกง่ายๆ และถึงจะออกมาได้จริง มันก็ต้องมีเหตุผลที่สำคัญมากพอจะให้ทำแบบนั้น “หรือไม่ก็ เหตุผลสำคัญที่ว่า มันกำลังอยู่ระหว่างถูกดำเนินการ แล้วเขายังไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน อีกอย่างล่ะนะ”
ไม่ใช่ออกแต่เช้า แต่ยังไม่กลับเลยต่างหาก
“อ๋อ จะว่าไปก็จริงด้วยนะคะ สมเป็นคุณฮาเนคาวะ วิเคราะห์ได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ หลังจากที่ฉันพยายามหนีออกจากบ้านคุณอารารากิได้สำเร็จ อาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นก็ได้ อย่างงั้นสินะคะ”
“นั่นสินะ”
แค่คำพูดที่ว่า พยายามหนีออกจากบ้านได้สำเร็จ ฉันก็คิดว่ามันเป็นเหตุไม่คาดฝันมากพออยู่แล้ว แต่ถ้าสืบความให้ลึกกว่านี้ฉันกลัวว่าจะไปรู้เรื่องที่ทำให้รู้สึกหดหู่มากไปกว่านี้
“ถึงยังไงก็ตาม ฉันคิดว่าช่วงเวลานี้ คุณอารารากิคงยังไปไม่ถึงโรงเรียนหรอกค่ะ ก็เลยออกมาเดินตามหานี่ไงล่ะคะ”
“มาโยยจัง ตามหาคนไม่เก่งเลยนะ” เหมือนกับงมเข็มซะแบบนี้ ไม่รู้ว่าวิธีเดินไปเรื่อยๆแบบนี้จะหาอารารากิคุงเจอได้ยังไง อย่าว่าแต่คาดเดาเส้นทางอะไรเลย แม้แต่เบาะแสว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ เพราะหาแบบนั้นถึงได้มาพบกับคุณฮาเนคาวะอยู่นี่ยังไงล่ะคะ ความสามารถในการสืบค้นของฉันก็เอาเรื่องเหมือนกันนะคะเนี่ย”
“มองโลกในแง่ดีจังนะ.....”
“แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับคุณฮาเนคาวะแล้ว ที่ได้พบกับฉัน จะนับว่าเป็นเรื่องดีได้หรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกันล่ะนะคะ?”
“? ทำไมล่ะ? ช่วงนี้เค้าลือกันว่า ถ้าวันไหนได้เจอหน้ามาโยยจัง วันนี้จะโชคดีทั้งวันเชียวนะ”
“อย่าลืออะไรแปลกๆสิคะ.....”
แน่นอนว่าต้นตอข่าวลือก็คืออารารากิคุง ไม่มีใครที่จะสรรหาเรื่องไม่เป็นเรื่องทำนองนี้มาเล่าสู่กันฟังได้เก่งเท่าเขาอีกแล้ว
เป็นนักเล่าเรื่องลี้ลับให้ไร้สาระได้อย่างดี มีพรสวรรค์พอตัวเลยทีเดียว
“งั้นถ้าเจออารารากิคุงที่โรงเรียน ฉันจะบอกเขาว่า มาโยยจังกำลังตามหาตัวอยู่นะ”
“คงต้องขอรบกวนแล้วล่ะค่ะ”
มาโยยจังโค้งคำนับขอบคุณอย่างน่ารักมากๆ แล้วหันกลับไปทางที่ตัวเองกำลังจะมุ่งหน้าไปต่อ
ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าจะรู้ๆกัน ที่มาโยยจังจะไม่คุยกับฉันนานๆ ไม่เหมือนกับที่เธอมักจะคุยยกับอารารากิคุงซะยืดยาว น่าอิจฉาอารารากิคุงที่สามารถพูคดคุยกับเด็กน่ารักอย่างมาโยยจังในมุมมองเดียวกับเธอได้อย่างออกรส หรือแม้แต่มาโยยจังที่พูดคุยกับอารารากิคุงได้อย่างไม่มีเบื่อก็น่าอิจฉาไม่แพ้กัน
สำหรับอารารากิคุงอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดามากๆ แต่สำหรับฉันมันแปลกประหลาดจนน่าจะเรียกว่า ปาฏิหาริย์
น่าอิจฉา
“ถ้าอย่างนั้นก็! เอาไว้พบกันใหม่เร็วๆนี้นะคะ คุณฮาเนคาวะ!”
หลังจากเดินห่างออกไปได้ไม่ไกล มาโยยจังหันกลับมาโบกมือทักทาย ฉันเองก็โบกมือตอบ
“อื้อ! ไว้เจอกันใหม่นะ!”
“เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นกับตัวฉันและคุณอารารากิ ขอให้รอติดตามได้ใน บทต่อไปนะคะ”(น้องหอยกำลังโฆษณาบทคาบุกินั่นเอง - Kabukimonogatari MAYOI KYONSHII)
“อย่าทิ้งประเด็นให้คนเค้าสงสัยสิ”
ไม่ใช่ทิ้งประเด็นแล้ว นี่มันโฆษณากันชัดๆ อย่างน้อยฉันก็ตบมุกใส่มาโยยจังได้แบบที่อารารากิคุงทำ ส่งท้ายการพบหน้ากันครั้งนี้
เรื่องราวของแมวเหมียว ซึบาสะเสือสมิง บทที่ 3 End
จากคุณ |
:
Fate Linegod
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ก.พ. 55 13:46:44
|
|
|
|