ความคิดเห็นที่ 1 4. ร้านขายยาส่วนใหญ่ จะไม่ยอมขายยาให้ผู้ซื้อ ถ้าไม่มีใบสั่งแพทย์ จริง สะท้อนอยู่ในหนังไทยก็มี.. หนีตามกาลิเลโอ บ้านเมืองเจริญ เขาทำแบบนั้น จากคุณ : ทุ่งหัวช้าง เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 13:40:46

ความคิดเห็นที่ 2 อืมมม.... จริง ๆ บ้านเมืองเราก็มีกฏมีระบบนะ แต่ทำไม่ได้ เพราะพอจะเริ่มมีระบบขึ้นมาหน่อยคนก็จะโวยวายว่ามันวุ่นวาย ทั้งที่จริง ๆ แล้วพอทำจนเป็นนิสัย อะไร ๆ มันก็จะง่ายกว่าเดิมเยอะ จากคุณ : Canon in Science Major เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 13:52:02

ความคิดเห็นที่ 3 ระเบียบ วินัย กฏหมาย อยู่เหนือเส้นสาย และผู้คนส่วนใหญ่เคร่งครัดจริงจัง ในกฏเหล่านั้นมากกว่าจะหาช่องโหว่ช่องว่าง ในการแหกกฏ เป็นส่วนบางๆในภาพยนตร์ที่ดูแล้วรุ้สึกได้ครับ จากคุณ : อาซาฟุเซะ เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 13:52:07

ความคิดเห็นที่ 4 จากที่เคยไปอยู่ เป็นเรื่องจริงค่ะ ฝรั่งไม่นิยมแสงออกสีขาวที่จะออกเขียวๆ เวลาที่ถ่ายภาพออกมาของหลอดฟลูออเรสเซนต์  จะจัดแสงในบ้านให้ออกโทนเหลืองหรือส้ม จะใช้โคมไฟเสียส่วนใหญ่ ในบ้านจะไม่ได้สว่างจ้าแบบเมืองเรา มีใช้หลอดแบบบ้านเราบ้างก็ห้องน้ำ ห้องครัว เช่นเดียวกับระบบฝากข้อความของโทรศัพท์เป็นเรื่องปกติที่มีทุกบ้าน (แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ายังใช้อยู่หรือเปล่า) และมีระบบที่กดหมายเลข * ตามด้วยเลขสองตัวจะโทรกลับไปสายสุดท้ายที่โทรมาได้ด้วย ถ้าไม่ฝากข้อความและไม่โชว์เบอร์ ในสมุดโทรศัพท์ที่แจกตามบ้านจะมีวิธีการใช้โทรศัพท์บอกอยู่ จากคุณ : Jai_ya เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 13:53:42

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อ 1 เรื่องจริงชัวร์ครับ คนไทยไม่รู้จักการจัดแสงอะครับผมว่านะ แสงบางชนิดเหมาะกับการใช้งานอย่างหนึ่งไม่ใช่เหมาะกันไปหมด สำหรับหลอดไฟ Fluorescent ผมว่าแสงมันสว่างมากเกินไปครับใช้ในที่ทำงานจะเหมาะกว่า ส่วนที่บ้านควรจะใช้แสงไฟที่นิ่มนวล , ผ่อนคลาย หรือ อบอุ่นครับ สังเกตุจากห้องนอนตัวเอง เมื่อก่อนใช้หลอดแบบนี้ล่ะครับ เปิดไฟทีหนึ่งนึกว่าพระอาทิตย์มาอยู่บนหัว สว่างพรึ่บตาขาวไปหมด ไม่ชอบเลยครับ จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 13:55:46

ความคิดเห็นที่ 6 บ้านเขานิยมชมชอบขนส่งมวลชนด้วยครับ เพราะบริการขนส่งเขาดี ตอบรับกับระบบ Compact City ของเขา นอกจากนั้นจะเห็นว่าคนชอบเดินมาก มีทางเท้า สวนสวยงาม จากคุณ : รักเรเน่ เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 14:01:21

ความคิดเห็นที่ 7 ข้อ 4 แม้ไม่เคยประสบด้วยตัวเองแต่คิดว่าจริงอีกเช่นกัน เพราะไปเมืองนอกทีไรสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่ต้องมีคือยา ขนไปให้หมด 555 เพราะมีเหตุผลที่ฟังขึ้นว่าหากป่วยขึ้นมาจะไม่สามารถเดินไปซื้อเองได้ ต้องไปหาหมอก่อนอะไรอีก เสียเวลา , วุ่นวายและแพงเข้าไปอีก อันนี้คนไทยเขาก็ปลูกฝังกันมานะครับว่าถ้าใครจะไปเมืองนอกต้องพกยาไปเอง ข้อ 5 เท่าที่ถามอาจารย์ไม่เห็นเขาว่าแบบนั้นนะครับ ในบางครั้งโรงเรียนเอกชนก็ดีนะ มีเครื่องแบบดูเป็นระบบกว่า อาจารย์เป็นชาวอเมริกันเขากล่าวถึงประเทศของเขาอย่างนี้ แต่ตอนหลังมีอาจารย์ชาวอังกฤษเข้ามาสมทบพูดคุยด้วย ซึ่งตอนหลังทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกันว่าแต่ไงก็ตามโรงเรียนที่อังกฤษดีกว่าอเมริกัน จะจริงหรือมั่วก็คงเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลครับ ข้อ 6 ก็ไม่แปลกหรือเปล่าครับแม้ในระดับโรงเรียนจะยังไม่มีแต่ในระดับมหาวิทยาลัยเมืองไทยมีครับหรือมันมีแค่เฉพาะมหาวิทยาลัยผมฟระ -_- ข้อ 7 เท่าที่เข้าใจระบบการเรียนเขาไม่เหมือนบ้านเรา สภาพสังคมแตกต่างกัน อาจจะเป็นเรื่องจริงครับ ข้อ 17 เคยไปปั้มน้ำมันที่อังกฤษครั้งหนึ่ง คุ้นๆว่าจริงครับแต่ไม่อยากฟันธง สุดท้ายเนื้อหาในกระทู้นี้เหมาะกับโต๊ะไกลบ้านมากกว่าเฉลิมไทยครับ แฮ่ๆ จากคุณ : Keichun เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 14:08:05

ความคิดเห็นที่ 8 อย่าลืมว่า มหาลัย HAVARD เป็นมหาลัยเอกชนนะ จากคุณ : H-vichaiyut เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 14:14:11

ความคิดเห็นที่ 9 1. บ้านของคนแถบนั้น ไม่นิยมใช้ไฟ หลอดฟลูออเรสเซนต์ ((Fluorescent Lamp) ตามบ้านเรือน ระเบียง บันใด ห้องนอน จะใช้ โคมไฟ กันแทบทั้งนั้น ... หลอดฟลูออเรสเซนต์ จะเห็นเฉพาะตามอาคารสำนักงาน หรือตาม ซุปเปอร์มาร์เก็ต ... หรือ เปิดไว้หน้าบ้านกันซะส่วนมาก จริง แต่ส่วนตัวไม่ชอบไฟแบบนี้ อ่านหนังสือ/ทำงานลำบาก 2. โทรศัพท์บ้าน / ออฟฟิศ สำนักงาน แทบทุกเครื่อง จะมีเครื่องตอบรับอัตโนมัติและระบบฝากข้อความ ... แม้แต่หนังเก่า ๆ ย้อนหลังไปเป็น 10-20 ปี ก็ระบบฝากข้อความ จริง แต่ปัจจุบันจะมีระบบสกรีนหมายเลขโทรเข้าด้วย ถ้าเบอร์ไม่รู้จัก หรือไม่แสดงหมายเลขโทรเข้า จะตัดไประบบรับายอัตโนมัติหรือตัดสาย ไปเลย 3. ระบบการรักษาพยาบาล ... คนส่วนใหญ่จะใช้สิทธิ์ประกันสังคม / ประกันสุขภาพ จากภาครัฐ ... เมื่อเดินเข้าไปในโรงพยาบาล / สถานพยาบาล เขาจะถามหาเลขประกันสังคมก่อนเลย ... ถ้าไม่ยอมบอก หรือ ยืนยันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง หรือ จ่ายเงินเป็นเงินสด ... จะโดนสันนิษฐานว่า กำลังหนีอะไรบางอย่าง หรือ มีคดีติดตัวอยู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไรในยุโรป แต่ในอเมริกา คุณต้องซื้อประกันสุขภาพ ไม่งั้นถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ค่ารักษามีเท่าไหร่ก็ไม่พอจ่าย 4. ร้านขายยาส่วนใหญ่ จะไม่ยอมขายยาให้ผู้ซื้อ ถ้าไม่มีใบสั่งแพทย์ จริง แต่ร้านขายยาหลสยแห่งก็มีการเกทับบั๊ฟแหลก ขนาดบอกว่าถ้า มียาร้านไหนอยู่ให้ไปเปลี่ยนยาที่ร้านเขาจะมีลดแลกแจกแถมเป็นพิเศษ หรือถึงขนาดมีหมอ (หรือเภสัชกร) ในร้านมาแนะนำยาแทนตัวที่สั่งให้ อีกต่างหาก 5. การศึกษา ... พ่อแม่ ผู้ปกครอง จะนิยมให้ลูกเข้าเรียน โรงเรียนรัฐบาล มากกว่าโรงเรียนเอกชน ส่วนใหญ่ตัวละครจะบอกเหมือนกันว่า โรงเรียนรัฐ มีคุณภาพดีกว่าโรงเรียนเอกชน แถมโรงเรียนเอชน ค่าเล่าเรียนแพงมาก โดยเฉพาะโรงเรียน คาทอลิก โรงเรียนรัฐเป็นสวัสดิการ เรียนฟรีครับ 6. โรงเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย นักเรียน/นักศึกษา จะมีล๊อกเกอร์ เก็บอุปกรณ์การเรียน หนังสือเรียน ไว้ที่โรงเรียนเลย ทำให้เด็กนักเรียน ไม่ต้องแบกสมุด หนังสือ กระเป๋าใบโต  ๆ ไปโรงเรียน จะเอากลับบ้านเฉพาะเล่มที่ต้องเอามาทำการบ้าน ทำรายงาน ค้านเรื่องเด็กบ้านเราที่ต้องแบกหนังสือ กระเป๋าโต ๆ ถ้าสอนให้เด็กจัด ตารางเรียน เด็กก็ไม่ต้องแบกขนาดนั้นหรอกครับ 7. เรื่องการเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ดูจะเป็นเรื่องไกลตัว หรือ เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กอเมริกัน ยุโรป แต่ละคนจะคิดหนักเรื่องเรียนต่อ ทั้งการเลือกมหาวิทยาลัย เรื่องค่าใช้จ่ายด้านการเรียน (ตัวละครมักจะบอกว่า การเรียนต่อมหาวิทยาลัย จะมีค่าใช้จ่ายที่แพงมาก ทำให้ต้องคิดหนัก) ... ดังนั้นในเรื่อง ก็จะมีเด็กจำนวนมากหรือส่วนใหญ่ เลือกที่จะไม่เรียนต่อ หรือ เรียน ๆ ไป แล้วเลิกเรียน ออกมาหางานทำ สำหรับครอบครัวอเมริกันหลาย ๆ ครอบครัว การเรียนต่อมหาวิทยาลัย เป็นความรับผิดชอบของเด็กเอง บางครอบครัวก็สะสมเงินไว้ให้ บาง ครอบครัวก็ให้เงินตั้งต้น แล้วไปหาเองข้างหน้า ที่แน่ ๆ การเรียนระดับโท เอก ต้องหาเงินเองครับ พ่อแม่แทยไม่ยุ่งด้วยแล้วในระดับนี้ 8. สำหรับคนวัยทำงาน ส่วนใหญ่มักจะใช้บัตรเครดิตแทนเงินสด ... การจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน ทางสายการเบิน/โรงเแรม ก็จะเรียกหาแต่บัตรเครดิต ... หรือระหว่างคนด้วยกัน มักจะเขียนเช็คเงินสด จ่ายให้กัน แทนที่จะให้เงินสดกัน (จะเห็นเยอะถ้าดูซีรี่ย์ แม่บ้าน พ่อบ้าน ส่วนใหญ่จะจ่ายเงินให้กันเป็นเช็ค) ... ยิ่งถ้าคนไหน หรือ บ้านไหน ... มีเงินสดใช้จ่ายมาก ๆ มักจะโดนเพ่งเล็ง อเมริกันไม่นิยมเงินสด ใช้เช็คส่วนตัวเป็นหลัก ตามด้วยบบัตรเครดิต ไปไหนต้องพกบัตรสองใบที่มีรูปถ่าย เนื่องจากอเมริกันไม่มีบัตรประชาชน บัตรใบหนึ่งมักเป็นใบขับขี่ หรือถ้าไม่ขับรถก็ต้องเป็นบัตรผู้โดยสารออกให้ โดย DMV (Department of Motor Vehicle) อีกใบมักเป็นบัตรนักศึกษา หรือบัตรพนักงาน การใช้เช็ค ต้องระวังด้วย ทันทีที่เขียนเช็ค สามารถใช้ขึ้นเงินได้ทันที ไม่มีการระบุวันที่ล่วงหน้าเหมือนบ้านเรา 9. ตัวละครวัยรุ่น ถ้าจะมีอะไร เรามักจะเห็นฝ่ายหญิง ถามฝ่ายชายเสมอว่า "เธอมีถุงยางหรือเปล่า" ... ฝ่ายชายก็จะบอกว่ามีแล้วควักขึ้นมาให้ดู หรือ บางทีฝ่ายหญิงก็จะหยิบถุงยางขึ้นมาให้ใช้เองก็มี ... และตัวละครวัยรุ่นหญิง จะค่อนข้างมีความกังวลอย่างมาก กับการมีเซ็กต์ครั้งแรก อันนี้ไม่ทราบ ในแวดวงที่พบมาไม่มีมั่วขนาดนั้น 10. ตัวละครชาย-หญิง จะไม่แคร์เรื่อง Free Sex หรือ มีอะไรกันอย่างรวดเร็วทันที ที่เจอกัน แต่จะเป็นเรื่องใหญ่ทันที ถ้าตัวละคร คบซ้อนกัน หรือ มีอะไรกับคนอื่น ในขณะที่ยังคบกับอีกคนหนึ่งอยู่ ... หรือถ้าแต่งงานกันแล้ว คบชู้ ก็จะจบลงทันที ... ยิ่งเป็นตัวละครที่มีหน้าที่การงานสูง ... ก็มักจะจบลงด้วยการพังทั้งชีวิตคู่ และ หน้าที่การงาน เหมือน ข้อ 9 11. การหย่ากันการของสามีภรรยา เป็นอะไรที่วุ่นวายมาก ... ต้องใช้ทนายทั้ง 2 ฝ่าย เซ็นต์เอกสารกันให้เยอะแยะไปหมด ... กว่าจะหย่าเสร็จใช้เวลากันหลายเดือนมาก ... รวมทั้งยุ่งยากเรื่องการแบ่งสมบัติด้วย เธอจะเอานั่น ฉันจะเอานี่ A contract is a contract is a contract. 12. เวลานัดเจอกัน ตัวละครมักจะบอกว่า ... อีก 10 นาทีเจอกัน ที่ .... และส่วนใหญ่ก็มักจะไปทันเวลา ... หรือ บางทีก็จะบอกว่าไปพบกันที่ 121 ถนน A ภายในอีก 10 นาที สิ่งหนึ่งที่คนไทยขาดคือการรักษาเวลา 13. โทรศัพท์สาธารณะ เขาสามารถรับสายได้ บ้านเราก็รับได้ถ้าคุณรู้หมายเลขโทรของเครื่องสาธารณะเครื่องนั้น 14. ถ้าเป็นบ้านเรือนทีอยู่ในชนบทหน่อย อุปกรณ์ประกอบฉาก มักจะใช้โทรทัศน์จอแก้วเก่า ๆ มากกว่าจะเป็น รุ่นใหม่ ๆ แล้วแต่บ้าน ที่คุณดู เขาคงตั้งใจหมายถึงว่าเป็นบ้านเก่าๆ หรือบ้าน ที่อยู่โดยคนแก่กระมัง 15. คนส่วนใหญ่จะดูข่าวและรายการโทรทัศน์ท้องถิ่น มากกว่า จะดูรายการจากส่วนกลาง สำหรับอเมริกา สถานีโทรทัศน์เป็นของทอ้งถิ่นทั้งนั้น เพียงแต่ว่า สถานีนั้น ๆ จะอิงกับเครือข่ายส่วนกลางเครือข่ายไหน เครือข่ายส่วน กลางจะผลิตรายการป้อนช่วงเวลาสำคัญ (primetime) นอกเหนือจากนั้น สถานีท้องถิ่นจัดเองทั้งหมด 16. ระบบเคเบิลทีวี บ้านเขา ถ้าในกรณีที่เป็นช่องเฉพาะ ต้องมีการใส่รหัสผ่าน ถึงจะสามารถดูรายการในช่องนั้น ๆ ได้ ไม่ใช่ใครก็ตามสามารถดูได้ Pay Per View 17. การเติมน้ำมัน แก๊ส ผู้ขับรถต้องเติมด้วยตนเอง เสร็จแล้วก็เข้าไปจ่ายเงิน ... และก็อีกเหมือนกัน ไม่ว่าปั๊มนั้นจะชนบทแค่ไหน ก็มักจะใช้บัตรเครดิตได้ ค่าแรงแพง self service เพื่อลดค่าใช้จ่าย 18. ตัวละครเวลามีปัญหาอะไรที่กระทบจิตใจ ... มักจะเข้าหาหรือเข้าไปปรึกษากับจิตแพทย์ เป็นเรื่องปกติเลย ค่าปรึกษาจิตแพทย์ชั่วโมงหนึ่งหลายสิบถึงร้อยกว่าดอลลาร์ทีเดียว ไม่แน่ใจว่าเบิกกับประกันสุขภาพได้หรือไม่ จากคุณ : Away from Thailand เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 14:29:38

ความคิดเห็นที่ 10 มันเป็นเรื่องจริง หรือ วัฒนธรรมชวนเชื่อกันแน่ แต่ดูๆไป ตามความเห็นส่วนตัวนะ มันก็ดี สมเหตุสมผลกว่า ละครบ้านเรา พอสมควร - พระเอกชอบหกล้มไปจูบนางเอก - ตัวเอกรวยแต่ไม่รู้ทำงานอะไร - หนีผีต้องไปซ่อนในโอ่ง - ตัวละครมักจะชอบพูดคนเดียวเสมอ - นางร้ายรวย แต่ไม่มีงานการทำ และไม่รู้ว่าครอบครัวทางบ้านทำงานอะไร - เมื่อเนื้อเรื่องถึงยามวิกฤติ พระเอกจะพานางเอกหนีเข้าป่า. . . หรือไม่ก็ติดเกาะ แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 14:36:06 จากคุณ : Amadeuz Wolfgang เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 14:33:23

ความคิดเห็นที่ 11 ในหนังต่างประเทศ : เห็นมีหนังสือพิมพ์กองเป็นตั้งๆ พร้อมกระป๋อง- คนซื้อหยิบเองและหยอดเงินใส่กระป๋อง... ไทย : หายเกลี้ยงทั้งหนังสือพิมพ์ทั้งกระป๋องใส่เงิน... จากคุณ : ย่าแจ๊คกี้ เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 14:51:01

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาช่วยตอบสำหรับคนที่อยู่อเมริกาอย่างเรา 1 ห้องในบ้านส่วนใหญ่ไม่มีไฟเพดานด้วยซ้ำ ต้องใช้โคมไฟเอาซึ่งเราไม่ชอบเอาซะเลย ต้องไปซื้อพัดลมเพดานที่มีโคมไฟมาติดเอง 2 โทรศัพท์ไม่ว่าบ้านหรือมือถือจะมีระบบฝากข้อความทั้งนั้น ส่วนใหญ่จะดัง4ตื๊ดแล้วฝากข้อความ ก็สะดวกดีสำหรับโทรศัพท์บ้านเพราะมันมี caller ID ให้ดูได้เหมือนมือถือด้วยว่าใครโทรมาเบอร์อะไร 3 เพราะค่ารักษาพยาบาลที่นี่แพงมากๆ ที่ขอเบอร์โซเชียลไว้เพราะค่ารักษาพยาบาลที่นี่รักษาก่อนแล้วส่งบิลไปที่บ้านทีหลังแบบผ่อนจ่ายได้ เอาเลขไว้จะได้รู้ว่าทำงานที่ไหนจะได้ตามตัวถูกเพราะทุกที่ที่ทำงานต้องมีเลขโซเชียล คนที่ไม่มีส่วนใหญ่จะเป็นพวกอยู่อย่างผิดกฏหมาย คนทีใช้สวัสดิการรัฐคือพวกคนแก่หรือพวกคนที่รายได้ขั้นต่ำ รายได้ขั้นกลางอย่างเราก็ต้องหาประกันสุขภาพกันเอง ไม่มีก็แทบไม่อยากไปหาหมอ ผู้จัดการร้านเก่าเราต้องฟ้องล้มละลายมาแล้วเจอค่าผ่าตัดไป 6 หมื่นดอลไม่มีปัญญาจ่าย 4 ถ้าเป็นยาทั่วไปซื้อได้ แต่ยาบางตัวที่แรงๆต้องมีใบสั่งยา อย่าว่าแต่ยาเลย คอนแทคหรือยาคุมก็ต้องมีใบสั่งยาจ้า 5 เพราะโรงเรียนรัฐฟรี หนังสือ/แลปทอปโรงเรียนให้ยืม จบปีค่อยคืน ยูนิฟอมก็ไม่ต้องซื้อใส่อะไรไปเรียนก็ได้ที่ไม่โป๊เกิน เป็นภาษีเงินจากประชาชน บ้านรวยจนยังไงก็เรียนได้หมด นอกจากพวกรวยๆหน่อยก็ส่งเข้าโรงเรียนเอกชน 6 ล็อกเกอร์เป็นอะไรมากกว่าที่เก็บหนังสือ เวลามีแข่งกีฬาก็มาโพสให้กำลังใจกัน แถมตารางเรียนของมอปลายก็จะเรียนวิชาเดียวกันทุกวันจันทร์ถึงศุกร์เหมือนกันทุกวัน ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทุกวันเหมือนบ้านเรา หนังสือแต่ละเล่มหนาและหนักมาก ไม่ใช่บางๆเบาๆเหมือนไทย 7 ส่วนใหญ่การเรียนมหาลัยต้องหาเงินเรียนเอง ซึ่งค่าเรียนไม่ใช่ถูกๆและไม่มีเรียนฟรีเหมือนมอปลายเพราะฉะนั้นหลายๆคนก็เลยตัดสินใจออกมาทำงานหลังจบมอปลาย ไม่เหมือนเด็กไทยที่พ่อแม่หยิบยื่นให้ทุกอย่าง เด็กที่นี่16ก็ออกมาทำงานหาเงินกันเองแล้ว 8 คนอเมริกันไม่นิยมพกเงินสดเลย ส่วนใหญ่จะบัตรเครดิต หรือ เดบิตซะมากกว่า ขนาด$1 ยังมีมีติดตัวกันเลยบางคน เช็คเอาไว้เขียนจ่ายค่าน้ำค่าไฟซะส่วนใหญ่ 9 ผู้ชายส่วนใหญ่จะพกถุง ผู้หญิงบางคนก็พกกันเหนียว แต่ก็ดีที่ยังรู็จักป้องกันกันบ้างอะไรบ้าง ไม่ใช่นึกสนุกอย่างเดียว 10 แล้วแต่สังคมนะ 11 การหย่าที่นี่ไม่ได้ง่ายเหมือนเมืองไทยที่ว่าจูงมือกันไปจนทะเบียนหย่าก็จบ ต้องให้ทนายเป็นผู้ร่างเอกสาร ไกล่เกลี่ย ยิ่งมีลูกด้วยกันยิ่งหนักไปใหญ่ ต้องดูว่าใครจะได้อยู่กับลูกตอนไหน เวลาไหน ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูเท่าไหร่ สินสมรสที่หากันมาได้ใครจะเอาอันไหน แบ่งกันยังไง ถ้าใครไม่มีทนาย คนนั้นจะโดนเอาเปรียบอย่างแรง ทุกอย่างต้องผ่านศาลหมด ผู้พิพากษาต้องเป็นคนอ่านเอกสารและเซ็นทุกแผ่นที่โต้กันไปโต้กันมา 12 การตรงต่อเวลาเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ 13 อันนั้นไม่เคยเจอกับตัวเอง 14 บ้านคนมีอายุหน่อยส่วนใหญ่จะใช้จอแก้ว 15 รายการท้องถิ่นบางอันไม่ต้องจ่ายตังเพิ่มเหมือนเคเบิ้ล 16 แล้วแต่ว่าจ่ายเคเบิ้ลแพคเก็จไหน บางอันดูได้หลายช่อง บางอันดูได้น้อยช่อง สั่งดูหนังใหม่ๆจากในทีวีได้เลยแล้วค่อยมาจ่ายตอนสิ้นเดือนรวมค่าเคเบิ้ลไป 17 ที่นี่ไม่มีเด็กปั๊มเหมือนเมืองไทย เน้นการช่วยตัวเอง เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ๋ต้องจ่ายตังก่อนเติมน้ำมัน ที่ใช้บัตรเครดิตได้เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครพกเงินสด 18 การพบจิตแพทย์ที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครมองคุณว่าเป็นบ้าหรือประสาทเหมือนเมืองไทย เหมือนการหาหมอทั่วไปอย่างนึง แต่แพงมากๆ จากคุณ : OtteR เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 14:52:58

ความคิดเห็นที่ 13 บ้านเมืองเค้าเจริญแล้ว  คนก็มีระเบียบ   บ้านเราฉากในหนังจะมีร้านค้าริมทาง  รถเข็นขายของ  ตลาดสกปรก เฉอะแฉะ  มอไซค์วินที่คนนั่งซ้อนไม่สวมหมวก   ฉากบนรถเมล์จะมีกระเป๋ารถ เถื่อนๆ..... จากคุณ : boy and girl เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 15:19:08

ความคิดเห็นที่ 14 ฝรั่งจะถือเรื่องการนอกใจหากมีคู่แล้ว หากยังไม่มีคู่  จะใช้ความพอใจของทั้งคู่(ไม่ได้ว่ามั่วนะ แต่เค้าถือว่าเรื่อง เซ็กส์ เป็นพื้นฐานะรรมดา แต่ก็มีกรอบอยู่) จากคุณ : หนูหงอย เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 15:28:52

ความคิดเห็นที่ 15 ในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ การจบแค่ไฮสคูล ก็สามารถทำงานมีรายได้หาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ตามอัตภาพได้อย่างสบายๆ สำหรับประเทศเรา ขนาดจบตรี หลายๆคนยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้เลย(รวมถึงข้าพเจ้าด้วย) จากคุณ : Yoshitomi เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 16:01:37

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนผมอยู่ต่างประเทศ ก็ใช้บัตรเครดิตตลอดนะ นอกจากจะซื้อของตามร้านค้าในตลาดสด ถึงจะจ่ายเงินสด นั่งกินกาแฟแก้วนึง กับครัวซองอันนึง ยังจ่ายบัตรเครดิตเลย ส่วนเรื่องเช็ค ก็ธรรมดาอ่ะ บางที่จ่ายบัตรไม่ได้ ก็จ่ายเช็คแทน หรือค่าหอ ค่าเทอม ที่มันต้องจ่ายเยอะๆหน่อยผมก็จ่ายเช็คตลอด อยู่นั่นไม่ค่อยพกเงินสดหรอก อย่างมากก็ 10ยูโร ร้านขายยา ถ้าเป็นยาพวกแก้เจ็บคอไรงี้ก็ซื้อได้นะ แต่ถ้ายาแรงขึ้นมาหน่อย เค้าจะไม่ขายให้ อย่างตอนนั้นผมจะซื้อยาหยอดตา เค้าก็บอกให้ไปหาหมอก่อน ส่วนเรื่องเรียนมหาลัย ส่วนใหญ่เค้าต้องหาเงินเรียนเอง บางคนก็เลยอาจจะคิดหนักที่จะเรียนต่อ เพื่อนที่เรียนด้วยกันบางคนมาเรียนปีเดียว บางคนก็เทอมเดียว เค้าบอกว่าเค้าทำงานแล้ว มาเรียนบางวิชาที่จำเป็นเท่านั้นเอง จากคุณ : เด็กส่งแก๊ส เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 16:17:06

ความคิดเห็นที่ 17 1. จริงบางส่วนค่ะ ตอนแรกๆ ไม่ค่อยช่อบไฟแบบนี้ รู้สึกไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ แต่บางบ้านก็ใช้ไฟหลอดยาวนะคะ 2. โทรศัพท์บ้าน / ออฟฟิศ สำนักงาน แทบทุกเครื่อง จะมีเครื่องตอบรับอัตโนมัติและระบบฝากข้อความ ... แม้แต่หนังเก่า ๆ ย้อนหลังไปเป็น 10-20 ปี ก็ระบบฝากข้อความ อืม แล้วแต่บ้านด้วยค่ะ ถ้าบ้านที่มีฐานะ หรือมีธุรกิจมักจะมีเครื่องตอบรับอัติโนมัติค่ะ 3. จริงค่ะ ประเด็นเรื่องนี้ ขยายในหนังในหลายๆ เรื่อง เช่น Crash 4. ไม่จริงค่ะ เรียกว่ายาบางตัวที่อันตรายมากกว่าค่ะ ยาทั่วไปก็ขายนะคะ แต่ต้องคุยกับเภสัชกรก่อนว่าจะซื้อไปทำอะไรค่ะ 5. ครอบครัวชนชั้นกลางส่วนใหญ่จริงค่ะ แต่ครอบครัวมีอันจะกิน ส่วนใหญ่นิยมให้ลูกหลานเรียนโรงเรียมเอกชนค่ะ ครอบครัวคนที่รู้จักมีลูกหกคน ส่งพี่สาวให้ไปเรียนโรงเรียนเอกชนหญิงล้วน  ส่วนน้องชายให้ไปเรียนโรงเรียนรัฐค่ะ แต่ก็เลือกที่ดีๆ ด้วย เหมือนบ้านนะคะ ตอนหลังพอพี่สาวเรียนจบ น้องชายสองคนเล็กก็ย้ายไปเรียนโรงเรียนเอกชนค่ะ โรงเรียนเอกชนดังๆ นี่ค่าเทอมแพงมาก แต่สถานที่เรียนไฮโซ น่าเรียนจริงๆ โรงละครดีๆ อลังการมากก็มีค่ะ 6. จริงค่ะที่ทางโรงเรียนมีล๊อคเกอร์ให้ แต่บางส่วนเลือกเก็บไว้ที่บ้าน บางคนยกเล่มที่ใช้บ่อยๆ ไว้ในล๊อกเกอร์ ยกเว้นมีการบ้าน เก็บบทเรียนค่อยเอากลับ แล้วบางที ก็แข่งกันแต่งประตูล๊อคเกอร์ด้านใน ติดรูป ติดอะไร 7. จริงค่ะ ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าหลายปี ครอบครัวชนชั้นกลางส่วนใหญ่พ่อแม่จะให้เงินค่าเรียน แต่ค่ากินอยู่เด็กต้องหาเอง หรือบางทีค่าเรียนเด็กก็ต้องหาเพิ่มเองด้วยค่ะ อย่างเรื่อง Gilmore's Girl ก็มีการพูดถึงประเด็นนี้ค่ะ ตายายจะให้เงินหลาน เป็นค่าเรียน ค่าอะไร แต่ลูกหลานเกรงใจไม่อยากได้ค่ะ 8. จริงค่ะ ส่วนใหญ่ใช่บัตรเครดิต หรือ เช๊คเงินสด 9. ไม่จริงค่ะ ส่วนใหญ่นะคะ เน้นว่าส่วนใหญ่ ผู้หญิงไม่ได้ทำอะไรแรงถึงขนาดนั้น แต่ก็มีบ้างค่ะ จริงๆ หลายครั้งภาพจะสื่อว่าที่นั่นเสรีทางเพศมาก แต่จริงๆ แล้วบางสังคมเองก็อนุรักษ์นิยมไม่ต่างจากบ้านเราก็มีค่ะ 10. เรื่องการมีชู้ของคู่แต่งงานแล้ว เป็นเรื่องเสื้อมเสียศีลธรรมมากค่ะ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของต่างประเทศหลายคนที่ลาออกเพราะเกิดเรื่องแบบนี้ค่ะ 11. จริงค่ะ แต่ส่วนใหญ่ ถ้ามีฐานะจะมีการเซ็น prenup ก่อนนะคะ 12. เวลานัดหมาย ถ้ามาสายไปนิดนึงนี่ เสียมารยาทมากค่ะ ยิ่งไม่โทรบอกสายไปเป็นครึ่งชั่วโมง จะดูน่าเกลียดมากๆๆ แล้วอ้างว่ารถติดอย่างบ้านเราไม่ได้ด้วย 13. อืม อันนี้ยังไม่เคยลองค่ะ 14. ไม่จริงค่ะ บางบ้านในชนบทรวยมากกกกก มีสระว่ายน้ำ มีสกูทเตอร์ ยิ่งเป็นเจ้าของฟาร์มด้วยแล้ว รวยสุด...แต่ที่ฐานะไม่ดี ก็มีจริงๆ บางบ้านไม่มีทีวีด้วยซ้ำค่ะ 15. จริงค่ะ แต่รายการดังๆ ก็มาจากส่วนกลางนะคะ แต่บางบ้านนี่ดูทีวีน้อยมากกกก ยกเว้นแข่งกีฬาเทนนิส ฟุตบอล 16. น่าจะเป็นแบบ Pay Per View 17. จริงค่ะ ส่วนใหญ่เติมเอง 18. เป็นเรื่องปกติมากๆ ค่ะ ที่นั่นส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่า ต้องเป็นผู้ป่วยโรคจิตเท่านั้นนะคะ ที่ต้องไปพบจิตแพทย์...คุยตั้งแต่เรื่องเล็กๆ จนไปถึงเรื่องร้ายแรง จิตแพทย์รายได้ดีค่ะ จากคุณ : Yimie เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 16:46:15

ความคิดเห็นที่ 18 อีกอย่างที่เราเห็นได้ประจำเลย ก็คือเวลาที่ออกมาเรียกแท็กซี่ ไม่เห็นต้องถามแท็กซี่ ว่าไปหรือเปล่าเลย หรือไม่ก็ ไม่เคยเห็นแท็กซี่ฝรั่งบอกว่ารีบไปส่งรถเลย จากคุณ : นส.3ก เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 17:14:36

ความคิดเห็นที่ 19 ถามคนที่อยู่เมืองนอกนานๆนะครับ ตา ยาย  เขาไม่ค่อยรักหลานหรอครับ คือดูหนังเรื่องนึง  ยายบอกว่าหลานจะนอนห้องไหน ตาบอกช่างเขาสิ ไม่ใช่ลูกเราซะหน่อย (พอดีตากับยายจะไปเที่ยวกันสองคน) ตะวันตกนี่ไม่ค่อยผูกพันเรื่องครอบครัวนี่จริงป่าวครับ  พ่อแม่รักลูก แต่ลูกไม่เห็นรักพ่อแม่  ตอนแก่ก็ไปทิ้งที่บ้านพักคนชราอะ แยกบ้านไม่ติดต่อกัน นานๆทีถึงจะติดต่อกัน  น่าหดหู่ จากคุณ : Richelieu เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 18:19:00

ความคิดเห็นที่ 20 ข้ออื่น หลายคนตอบไปแล้ว ส่วนข้อ 13. โทรศัพท์สาธารณะ เขาสามารถรับสายได้ โทรศัพท์สาธารณะแต่ละเครื่อง มีเบอร์โทรศัพท์ประจำอยู่ทุกเครื่องค่ะ เคยดูในซีรี่ย์สืบสวน ก็เห็นเช็กแล้วก็รู้กันบ่อยๆว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์สาธารณะ แล้วก็เคยเห็นตัวละครหาเบอร์ที่ติดอยู่ที่เครื่องด้วย รู้สึกว่าต้องยกหูก่อน ถึงจะเห็น แต่จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ตรงไหนแน่ น่าจะเป็นที่เครื่องตรงที่วางหู หูโทรศัพท์จะบังเอาไว้ จากคุณ : we wait and we wonder เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 18:28:13

ความคิดเห็นที่ 21 อีกอย่างจะเห็นรถญี่ปุ่นเข้าฉากน้อยมาก นอกจากจะเป็นผู้สนับสนุนเต็มที่ เห็นแต่พวก Chevrolet Ford อะไรพวกนี้ พวกรถครอบครัวก็จะเป็นรถใหญ่ ละครฝรั่งแต่งหน้าแบบไม่โบ๊ะ บางคนเหมือนไม่ได้แต่งด้วยซ้ำ ดูสมจริงกว่าละครบ้านเรา นอกจากจะเป็นละครวัยรุ่น วุ่นลีดเดอร์ ก็จะเห็นแต่งหน้าจัดเต็ม บางทีถ้ามีบทพ่อแม่ลูก ก็จะพูดกันแบบแรงๆ แต่ไม่หยาบคายนะซึ่งถ้าเป็นบ้านเรามีบทพูดกับพ่อแม่แบบนี้ ผู้จัดละครคงโดนระเบียบรัตน์ สอยๆๆๆ จากคุณ : ดากานดา (Phewa) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 19:11:54

ความคิดเห็นที่ 22 จากประสบการณ์ตรง ปฏิบัติตามนั้นเองอยู่หลายข้อเลยค่ะ - ตามบ้านไม่มี Fluorescent เลยค่ะ - ใช้ประกันสุขภาพค่ะ..แต่ระบบยุ่งยาก ถ้าป่วยที(แบบไม่ฉุกเฉิน)ต้องลงทะเบียนก่อน นัดวันเพื่อพบหมอ ไม่ใช่จะเดินดุ่มๆไปรพ.ได้เลยนะ - จะซื้อยาต้องมีใบสั่งค่ะ - เรียนมหาลัย ต้องกู้ค่ะ หรือไม่ก็ต้องหา Scholarships/Fellowships เพราะค่าใช้จ่ายสูงมากโดยเฉพาะ Phd. ค่าใช้จ่ายมหาโหดจริงๆ - ใช้บัตรแทนเงินสดค่ะ เกือบทุกที่เลย.. พวก Cashier จะชอบค่ะเพราะไม่ต้องมานับตังค์ ทอนตังค์ - เค้าสอนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรื่อง safe sex ถ้าไม่มีถุงยางก็อย่าหวังว่าจะได้แอ้ม - บางคนแคร์เรื่อง free sex นะคะ คงไม่มีอะไรกับใครง่ายในเวลาอันรวดเร็ว แล้วแต่คนมากกว่า...แต่เรื่องมีชู้นี่เรื่องใหญ่จริงค่ะ - เรื่องหย่า เป็นเรื่องยุ่งยาก วุ่นวายเกี่ยวกับค่าเลี้ยงดูค่ะ และสิทธิในตัวบุตรอีก - เรื่องนัดกันนี่กะเวลาได้ง่ายมาก เพราะระบบขนส่งทุกชนิดจะมีกำหนดเวลาค่ะ และมาตรงเวลาเป๊ะทำให้เรารู้ว่าถ้าจะไปที่ไหนๆ ใช้เวลาเท่าไร ไม่มีสายค่ะ - เติมน้ำมันเองค่ะ ที่นี่ไม่มีและไม่เคยเห็นเด็กปั๊ม........ จากคุณ : save the last dance for me เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 20:15:19

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพยนต์ก็สะท้อนสภาพสังคมส่วนหนึ่งล่ะค่ะ   เท่าที่เคยทราบมาก็ประมาณนี้ค่ะ - ไฟ  บ้านฝรั่งส่วนใหญ่มักใช้ไฟสีเหลืองค่ะ  ตามที่เพื่อนฝรั่งว่ามา เขามักจะเน้นความรู้สึกอบอุ่น  ผ่อนคลาย  (น่าง่วงนอนจริงๆ แหละ) - โทรศัพท์  ระบบฝากข้อความเป็นระบบที่สะดวกดีนะคะ  แต่ก็ไม่ได้เห็นมีทุกบ้านหรอกค่ะ สำหรับคนไทยที่ไม่ใช้  คงเพราะราคาเครื่องแพงกว่าปกติ  แถมมีมือถือกันแทบทุกคน คุยได้ตลอดเวลา -  ร้านขายยา  ตอนนั้นเป็นหวัดนิดหน่อย  ปวดหัว  ไปหาหมอตามระบบประกันสังคม  คุณหมอฝรัั่งบอกเชิญกลับบ้านแล้วนอนพักผ่อนเยอะๆ จะดีขึ้นเอง  ไม่มียา เราก็  อ้อ... ค่ะ  แต่ก็ลองเดินเข้าร้านขายยา  ได้พาราเซตามอลที่ผสมวิตามิน ซีในเม็ดเดียวกัน มาด้วย กินไปแล้ว  หายปวดหัวเองจริงๆ ด้วย!!!  ไม่น่าเชื่อเลย -  โทรศัพท์  มีเบอร์ประจำเครื่องบอกไว้  สามารถจดแล้วบอกให้อีกฝ่ายโทรกลับมาหาเราได้เลย  เสียงดัง กริ๊งงงงงงง ๆ  เหมือนโทรศัทพ์บ้านเลย -  เวลาเปิดบัญชีธนาคาร  เขาจะถามว่าจะรับสมุดเช็คหรือเปล่า  ใช่แล้วก็สะดวกดีค่ะ  พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดก็รับกันทุกคน  ดีมากเลย  ไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องแลก ไม่ต้องทอน   -  ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง    ไร้ซึ่งร้านรถเข็น  แต่พอตกค่ำ ก็เต็มไปด้วยคนเร่ร่อนที่นอนในบ้านลังกระดาษตามริมถนน   สำหรับเรื่องนี้  ตอบไม่ถูกจริงๆ ว่า  ประเทศเขาหรือประเทศเราไร้ระเบียบกว่ากัน และใครดีกว่าใคร แต่ส่วนตัว   การที่เมืองไทยมีของกินข้างทาง 24 ช.ม. ถือเป็นสวรรค์แท้ๆ เป็นความไร้ระเบียบแบบเดียวที่มีชีวิตชีวาได้ถูกใจที่สุด  รักจุดนี้ของเมืองไทยที่สุดค่ะ จากคุณ : เครื่องบินสีคราม เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 20:34:53

ความคิดเห็นที่ 24 หนังวัยรุ่น - มหาลัยที่ตัวเอกตั้งใจจะเรียนต่อ ส่วนใหญ่จะเป็นมหาลัยในกลุ่ม ivy league - ชอบ text หากัน มากกว่าโทรคุย (อันนี้พอเข้าใจ เพราะค่าโทรที่นู่นค่อนข้างแพง) - รถที่วัยรุ่นในหนังนิยมขับกัน มักเป็นรถเปิดประทุน - สารเชียร์ลีดเดอร์ มักจะคู่กับนักกีฬาเด่นของโรงเรียน (ซึ่งนักกีฬาเหล่านี้ มักจะเป็นพระเอก) - สาวเร่ิด (และผมบลอนด์เป็นส่วนใหญ่) มักจะร้ายแบบโง่ๆ (dump blonde นั่นเอง) แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 21:05:57 แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 55 21:03:37 จากคุณ : Witch of Oz เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 20:59:57

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบกระทู้นี้อะ ขอโหวตนะ จากคุณ : dokya_pladuk เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 11:59:29

ความคิดเห็นที่ 26 มีอีกข้อ... เวลาขึ้นรถ จะมีฉากหรือการพูดว่า "รัดเข็มขัดซะ" อยู่ด้วยทุกครั้ง จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 18:27:47

ความคิดเห็นที่ 27 . . กับ 21 ปีในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตอบว่า "ถูกทุกข้อค่ะ" จากคุณ : ลำเนา เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 06:28:00

ความคิดเห็นที่ 28 เรากลับตรงข้ามกับ #5 ชอบไฟจ้า ๆ มานี่ที่ไรรู้สึกไฟห้องตรูจะมีดไปไหน 555+ ส่วนใหญ่จะตรงกับ #22 เยอะค่ะ จากคุณ : chinchang&jaejung เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 19:47:57