Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความรู้สึกหลังชม Hugo - ด้วยจิตคารวะผู้บุกเบิกภาพยนตร์ ติดต่อทีมงาน

อาจจะเป็นเรื่องที่น่าประหลาดสักนิดนะครับที่ผมเข้าไปดู Hugo ทั้งๆ ที่แทบไม่รู้เรื่องย่อหรืออะไรเกี่ยวกับตัวหนังเลย ยังบอกคุณนายผิดด้วยซ้ำว่าเป็นหนังเด็กๆ อารมณ์แบบอังกฤษๆ ลอนดอนๆ เพราะเห็นภาพมันเกี่ยวกับนาฬิกา ทั้งที่จริงๆ มันเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องในฝรั่งเศส 555 แต่กลายเป็นว่า 2 ชั่วโมงที่ได้ดู Hugo เป็นช่วงที่ประทับใจมากๆ โดยเฉพาะผมที่เคยเรียนวิชาภาพยนตร์มาในมหาวิทยาลัยและเคยดูหนังอย่าง Cinema Paradiso มาก่อน (ตอนเรียนอาจารย์แกเซ็นเซอร์ไปหลายฉากด้วย เลยต้องมาหาดูที่หลังอีกรอบหนึ่ง :P) ที่หนังทั้งคู่ให้อารมณ์และจิตวิญญาณของคนสร้างหนังด้วยจิตคารวะแด่ครูหนัง

เนื่องจากผมไม่เคยอ่านเรื่องย่อ และไม่เคยดูตัวอย่างหนังมาก่อนเลย (ดูแต่เบื้องหลัง) จึงทำให้อารมณ์การดู Hugo ของผมแปลกๆ ไปสักนิด คือผมคลอยตามเรื่องราวทุกอย่างในหนังไปเสียหมด ตั้งแต่ช่วงแรกที่คิดว่าการหากุญแจรูปหัวใจเพื่อให้ตุ๊กตากลทำงานนั้นเป็นจุดพีคสุดของหนังแล้ว จนเมื่อหากุญแจเจอและรู้ว่าตุ๊กตากลวาดอะไรออกมากลับทำให้เข้าใจว่าจุดพีคของหนังมันยังมาไม่ถึง มันมีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ที่อยู่หลังจากฉากนี้แน่ๆ แล้วผมก็มากระแทกใจกับฉากที่ฉายหนังเรื่อง A Trip to the Moon ของ Georges Méliès ที่อารมณ์และเรื่องราวของหนังมันปูมาจนน้ำตาไหลกับฉากนี้ คือมันเป็นที่สุดสำหรับคนดูหนังและเคยเรียนภาพยนตร์มาสำหรับผมแล้ว

นอกจากเรื่องราวที่ถ่ายทอดจากหนังสือ The Invention of Hugo Cabret ได้ยอดเยี่ยมแล้ว Asa Butterfield นักแสดงเด็กที่เล่นเป็น Hugo ยังแสดงได้ยอดเยี่ยมมากสำหรับผม คือถ่ายทอดอารมณ์ ความตะหนก ความกลัว ความตื่นเต้นสำหรับเด็กตัวเล็กๆ ออกมาได้ยอดเยี่ยม ยิ่งเมื่อรวมกับฝีมือของนักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง Ben Kingsley ที่เล่นเป็นปู่ร้านของเล่น มันได้ทั้งอารมณ์เชือดเฉือนระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ที่เด็กก็ควรจะแพ้วันยังค่ำ แต่ผู้ใหญ่ก็เมตตาแบบดุๆ กับเด็ก แล้วเมื่อค้นข้อมูลต่อก็ทำให้ผมต้องเตรียมเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่องหน้าที่กำลังจะฉายของเด็กคนนี้แล้ว เพราะเรื่องต่อไปที่ Asa จะเล่นเป็นตัวเอกคือ Ender’s Game หนังที่สร้างจากนิยายวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมที่สุดเรื่องหนึ่งของยุคนี้

วกกลับมางานภาพสิ่งที่ทำให้ผมอยากไปดูหนังเรื่องนี้ตอนเริ่มแรก ต้องยอมรับเลยว่า Hugo เป็นหนังที่ใช้เทคนิค 3D ได้เข้าท่าที่สุดเรื่องหนึ่งคือ Martin Scorsese ผู้กำกับหนังสุดเก๋าคนนี้ใช้เทคโนโลยี 3D ในแง่สร้างอารมณ์มหาศาลแก่หนังโดยเฉพาะฉาก Close-up ที่มีอยู่มากมายในหนัง ซึ่งการที่มันเป็นหนัง 3 มิติทำให้เราเห็นอารมณ์ที่ลึกขึ้น นักแสดงฉายอารมณ์เพียงนิดเดียวผ่านสีหน้าและแววตา มันเห็นชัดราวกับจ้องหน้าคนๆ นั้นอยู่ หรือแม้แต่ฉาก Close-up หน้าหมา หน้ามันช่างยาวจนจมูกมันจะมาชนจมูกเราอยู่แล้ว นอกจากนี้ฉากที่เนรมิตกรุงปารีส สถานีรถไฟ และกลไกฟันเฟืองต่างๆ ก็ทำออกมาได้ราวกับหลุดจากจินตนาการของศิลปินที่จัดจ้าน มันเฝ้อฝันแต่น่าเชื่อ จนเราต้องใส่ใจกับทุกฉากที่ปรากฏขึ้นมา สังเกตความงามไปพร้อมกับอารมณ์ของนักแสดง

Hugo เป็นหนังที่เรียบง่าย ดำเนินเรื่องไม่รุนแรง ค่อยๆ ปูพื้น ปูอารมณ์ไปเรื่อยๆ ซึ่งหลายคนที่ชอบหนังแอคชั่นอาจจะรู้สึกเบื่อในจุดนี้ แต่ความเก๋าในการเล่าเรื่อง การใช้เทคโนโลยีภาพและ 3 มิติอย่างรู้คุณค่า ทำให้หนังเรื่องนี้ครองใจผมไปได้ไม่ยากครับ และนึกถึงคำพูดหนึ่งของ Hugo คือ

   “โลกเป็นเหมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ คนก็เหมือนฟันเฟืองที่คอยทำงานให้เครื่องจักรขนาดใหญ่นี้ยังหมุนต่อไปได้ และผมจะไม่ยอมเป็นฟันเฟืองที่ชำรุด ทำงานไม่ได้ ไร้ค่าเป็นอันขาด”

แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 55 09:41:10

จากคุณ : Eka-X
เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 23:59:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com