Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วิเคราะห์ Into The Wild (2007) ติดต่อทีมงาน

*เปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญ*

เชื่อเหลือเกินว่าผู้ใดก็ตามที่ชมภาพยนตร์เรื่อง Into The Wild จบลง ไม่ว่าผู้นั้นจะรู้สึกเห็นด้วยหรือไม่ก็ตามทีต่อการกระทำหรือการดำรงชีวิตของ คริสโตเฟอร์ แม็คแคนเลส (Emile Hirsch) แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมทุกคนจะมองเห็นได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้จากตัวละครหลัก นั่นคือ การออกตามล่าหาความฝัน การแสวงหาความหมายของชีวิต และการปลดเปลื้องทุกอย่างรอบกายเพื่อเข้าถึงเสรีภาพที่แท้จริงจากแก่นแท้ของจิตวิญญาณที่เรียกว่ามนุษย์      

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของนักแสดงสุดแนวอย่าง Sean Penn (จาก Milk, Mystic River, I Am Sam) ซึ่งดัดแปลงบทภาพยนตร์มาจากหนังสือในชื่อเดียวกันของ Jon Krakauer ซึ่งเขานำมากจากเรื่องจริงของ คริสโตเฟอร์ แม็คแคนเลส ที่ถูกค้นพบศพที่เสียชีวิตในรสบัสสีเขียวนั้นจริงๆ

ภาพยนตร์เรื่องนี้หากกล่าวอย่างย่นย่อและกระชับมันคือการใช้ชีวิตที่หลุดกรอบของสังคมของเด็กหนุ่มวัย 23 ปี เพื่อออกตามล่าหาความหมายของชีวิตที่เขาเชื่อว่าคือการได้ไปใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรในอลาสก้า ดังนั้นทันทีที่เขาเรียนจบในระดับปริญญาตรี เขาจึงตัดสินใจทิ้งชีวิตของเขาทุกๆอย่าง และออกเดินทางไปอลาสก้า โดยแทบไม่มีเงินติดตัวเลยสักแดงเดียว

ในระดับองค์ประกอบของภาพนั้น Into The Wild สร้างความหมายให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความวิเศษในเรื่องของความสวยงามของธรรมชาติ มุมกล้องในระดับสูงมากๆ เพื่อครอบคลุมการมองเห็นของทิวทัศน์ของผู้ชมให้รู้สึกคล้อยตามไปกับตัวละครที่มองเห็นธรรมชาติเป็นสิ่งสวยงาม และให้ความหมายกับกล้องในการสร้างความสัมพันธ์อึดอัดกับครอบครัวของเขาระหว่างพ่อแม่ เพื่อให้รู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาน่าอึดอัด และกระอักกระอ่วนใจมิใช่น้อย
 
สิ่งพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่น่าจดจำนั่นคือการใช้ดนตรีและบทเพลงประกอบ ซึ่งเชื่อเหลือเกิน บทเพลงที่ถูกยกนำมาใช้สร้างความหมายให้ภาพยนตร์รุดหน้าไปจนเข้าใกล้ระดับมาสเตอร์พีซในใจของผู้ชมหลายๆคน(รวมทั้งผู้เขียนด้วย)

องค์ประกอบสุดท้ายที่เราจะกล่าวยกย่องก็คือวิธีการลำดับเรื่องหรือการตัดต่อซึ่งเป็นวิธีเยี่ยมยอดชั้นดีและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ด้วยน่าเสียดายที่พลาดการได้รับรางวัลไป หากผู้ชมยังจดจำเรื่องนี้ได้จะพบว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีการลำดับเรื่องราวไม่ตามเวลาโดยสิ้นเชิง อยู่ในป่าบ้าง เล่าเรื่องครอบครัวบ้าง เจอคนนู้นคนนี้บ้าง จนทำให้ผู้ชมอาจเกิดการสงสัยว่าลำดับเรื่องที่แท้จริงเป็นเช่นไร

หากชมอย่างเจาะลึกจะพบว่าที่ต้องทำการสลับเรื่องเช่นนั้น เพื่อสร้างความน่าสนใจของแก่นเรื่อง โดยการแบ่งวรรคตอน ของเรื่องราวออกเป็นส่วนๆ เช่น ตอนที่ 1 การเกิด ตอน 2 วัยรุ่น จนตอนสุดท้ายการค้นพบความจริง เพื่อทำให้การดำเนินเรื่องเกิดความน่าสนใจขึ้นมาทันตา และดีกว่าแน่นอนที่จะทำเรื่องให้แบนราบ แบบลำดับเวลาเพราะจุดเด่นที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่การกระทำของตัวละครแต่มันคือการเรียนรู้การใช้ชีวิตเสียมากกว่า  

บทความนี้มีเป้าหมายสำคัญในการวิเคราะห์เจาะลึกวิธีคิดแง่มุมและการดำเนินชีวิตแบบทุกซอกทุกมุมของปรัชญาการใช้ชีวิตของ คริสโตเฟอร์ แม็คแคนเลส (Emile Hirsch) ที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงวิเคราะห์ผู้คนรอบกายของ คริส ที่เขาได้พบเจอในระหว่างทางการไปอลาสก้า รวมทั้งการใช้ชีวิตในป่า

และหากภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการสร้างแรงบันดาลใจหรือทำให้ผู้ชมขุนข้องใจประการใดผู้เขียนก็หวังว่าบทความนี้ จะเป็นแรงสนับสนุนให้เข้าใจในตัว คริส มากขึ้น หรือสำหรับคนที่รู้สึกรักปรัชญาการใช้ชีวิตของคริส และเสรีภาพของเขา ผู้เขียนก็หวังว่าบทความนี้ จะช่วยเป็นแรงกระตุ้นที่ช่วยเสริมให้รักภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ไปพบกับการวิเคราะห์กันเลยครับ

--มีต่อ--

แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 55 10:05:54

 
 

จากคุณ : A-Bellamy
เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 10:05:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com