 |
<<<<< ดูแล้วมาคุยกัน ... 5 ข้อ ที่ข้าพเจ้าพบเห็น จากข่าวจะทุบลิโดและสกาล่า >>>>>
|
 |
| ทุบไปเถอะ เพื่อห้างใหม่ที่ดีกว่า (50 คน) |
|
| | | ทุบก็ได้ ไม่ทุบก็ได้ (71 คน) |
|
| | | |
| | | | | ทุบไปเถอะ เพื่อห้างใหม่ที่ดีกว่า (50 คน) | | | | ทุบก็ได้ ไม่ทุบก็ได้ (71 คน) | | | | ไม่อยากให้ทุบ (555 คน) | | | จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 676 คน |
... ขอก๊อปเอาที่เขียนลงในหน้าเพจของตัวเอง มาแชร์ต่อในกระทู้ครับ ไม่ได้ตั้งกระทู้นาน เขียนผิดเขียนพลาดต้องขออภัย มือใหม่หัดตั้งกระทู้
5 ข้อ ที่ข้าพเจ้าพบเห็น จากข่าวจะทุบลิโดและสกาล่า
1.ทางเลือกในการเสพสื่อศิลปะแขนงภาพยนตร์ของคนไทย มีน้อยจริงๆ ... ไม่เถียงว่า เมืองไทย มีโรงหนังเยอะ แต่ โรงหนังที่ฉายหนังไม่ตลาด ไม่ mass หรือ หนังอินดี้ หนังรางวัล หนังเฉพาะกลุ่ม เช่น หนังญี่ปุ่น หนังการ์ตูน ฯลฯ มีน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ
เพราะ ถ้ายุบเครือ Apex เราเหลือแค่ House เป็นที่มั่นสุดท้าย และ มันน่าใจหายเมื่อพบว่า นับตั้งแต่สร้างสกาล่าหลายสิบปีผ่านมา มี House ถือกำเนิดแค่โรงเดียว (คิดว่า ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญในใจ ที่คอหนัง ไม่อยากให้ทุบ มากยิ่งกว่า เพราะอยากดูหนังที่ตั๋วราคาถูก)
2. ลิโด สยาม สกาล่า คือ การต่อรอง ... เราเห็นภาวะผูกขาดทางธุรกิจชัดเจน ไม่ว่าค่าตั๋วจะแพงขึ้นขนาดไหน อาหารหน้าโรงหนังราคาจะปาดเหงื่อเพียงใด โปรโมชั่นจะยุกยิกยึกยักอย่างไร กึ่งบีบด้วยการจำกัดให้ดูแต่โรงตั๋วแพง/โรงสามมิติ/โรงดิจิตอลอย่างไร แต่ในแง่ ความสะดวก คนอยากดูหนังก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องเสียตังค์ไปดูโรงหนังมัลติเพล็กซ์ 
แต่ เครือ Apex หรือ House คือ สิ่งที่คนดูหนังสามารถใช้งัดคานหรือต่อรองได้ ในแง่ที่ว่า ไม่ดูโรง XXX ก็ได้ ไปดู ลิโด้/สกาล่า ดีกว่า ถูกกว่าด้วย ของกินก็ไม่แพง แถม โปรโมชั่นเค้าก็จริงใจ เดินทางไปก็ง่าย โทรศัพท์ไปถามไปจอง ก็ไม่ต้องเสียค่ารอรับสายนานแถมคนรับสายเค้าก็อารมณ์ดี
3. Social media เป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถแสดงพลัง ... ผลลัพธ์สุดท้ายไม่ว่าจะทุบหรือไม่ (แต่ค่อนข้างสังหรณ์ใจว่าคงทุบ) แต่อย่างน้อย การได้ออกมา แสดงความเห็น ไม่ว่าจะ วิงวอน , ด่า , โวยวาย , คร่ำครวญ , รวมพลัง ฯลฯ มันทำให้เห็นว่า
ยังมี คนจำนวนมากที่ไม่นิ่งเฉย กับ การเปลี่ยนแปลงที่ศิลปะแขนงหนึ่งจะถูกทดแทนด้วยสัญลักษณ์ของบริโภคนิยม(ที่เรายังไม่เห็นอะไรมากไปกว่า สินค้าและการขายของ) ซึ่งถ้าเป็นแต่ก่อนสมัยที่เน็ตยังอืดอาด เราก็แค่ด่าในใจตอนอ่านหนังสือพิมพ์ รู้ตัวอีกที ก็ทุบไปแล้ว โดยไม่ได้ทำอะไรเลย
4. มีคนที่รักศิลปะแขนงนี้มากกว่าที่คิด ... ไม่ว่าจะเสียดายที่ ตั๋วราคาถูก , สถาปัตยกรรมที่น่าเก็บไว้ , ประวัติศาสตร์ ความทรงจำ ฯลฯ แต่ก็ไม่คิดว่า จะมีคนออกมาแสดงความเห็น มาก ขนาดนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่า ประชาชนคนไทย ไม่ได้เฉยชากับ งานศิลปะ แต่ รัฐบาล จะมองเห็นเหมือนกันหรือเปล่า (ไม่เกี่ยวกับการทุบหรือไม่ทุบ แต่ในแง่ สร้างผลงานใหม่ๆให้กับรุ่นลูกรุ่นหลาน)
และทำให้เห็นว่า หนัง ไม่ได้ให้แค่ ความบันเทิงที่จบแล้วจบไป แต่มันสร้างแรงบันดาลใจ สร้างความทรงจำ เพิ่มสุนทรียในมนุษย์ และทำอะไรกับจิตใจมนุษย์มากเกินกว่าเวลาแค่สองชั่วโมงในโรง
5. เชื่อว่า ถ้าทุบ แล้ว ทำอย่างอื่น เช่น มิวเซียม , หอสมุด หรือเป็น อาคารที่มีร้านค้าและมีพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้สำหรับ art exhibition มีโรงละคร ฯลฯ จะไม่มีกระแสต้านมากขนาดนี้
เข้าใจในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงและระบบของทุน และเข้าใจว่า ถ้ามอง โรงหนังสองโรงนี้ เป็นแค่ 'โรงหนัง' ก็คงไม่ทำให้รู้สึกอะไรมาก , หากมองในแง่ 'ความทรงจำ' มันก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่สำหรับหลายคนก็ไม่ได้มีความผูกพันด้วย
แต่สำหรับข้าพเจ้านอกจากผูกพัน ยังมองว่า มันคือ ส่วนหนึ่งของศิลปะที่กำลังจะถูกทำลาย ทั้งในแง่สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ รูปแบบที่อยู่มาอย่างยั่งยืน และ หน้าที่ ที่มันไม่ใช่แค่โรงหนังฉายหนังฟอร์มยักษ์แต่มอบงานศิลปะดีๆที่หลากหลายมาหลายสิบปี (ศิลปะของไทย ไม่ใช่จำเป็นแค่เรื่องของลายกนกหรือวัดวา)
แต่สิ่งที่มาแทนกลับเป็น ห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีล้อมหน้าล้อมหลังอยู่แล้ว ซึ่งคิดแล้วน่าเสียดาย เพราะในเมืองใหญ่ๆในหลายประเทศ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มาพร้อมกับ ความทันสมัย แต่ก็ยังเลือกที่จะเก็บ ศิลปะของท้องถิ่นของตัวเองไว้ เพียงแต่ปรับให้อยู่ร่วมกัน
แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 55 12:48:28
แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 55 12:47:36
จากคุณ |
:
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
|
เขียนเมื่อ |
:
16 มี.ค. 55 12:46:52
|
|
|
|  |