จุฬาฯแจงแผนปรับปรุงสยามสแควร์-โรงหนังลิโด กับคุณค่าความทรงจำ (ชมคลิป)
|
 |
ใกล้ถึงเวลาหมดสัญญาระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผู้เช่าพื้นที่สร้างโรงหนังลิโดซึ่งเป็นเจ้าของรายเดียวกับโรงหนังสยามและสกาลาโดยในส่วนของโรงหนังสยามนั้นชัดเจนว่าไม่มีการต่อสัญญาเช่าเพราะสถานที่ถูกไฟไหม้เมื่อครั้งเหตุการณ์ทางการเมือง19 พ.ค.2553และกำลังได้รับการปรับปรุงเป็น"siamsquareone" ขณะที่โรงหนังลิโด และสกาลา ก็กำลังนับถอยหลัง ใกล้หมดสัญญาเช่าตามลำดับ
"มติชนออนไลน์" สัมภาษณ์ นายแพทย์เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รองอธิการบดีกำกับดูแล สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถึงอนาคตการปรับปรุงพื้นที่ ในแง่คุณค่าพื้นที่แห่งนี้ อันเป็นแหล่งสร้างความทรงจำต่างๆ ให้คนหลายรุ่นที่ผ่านมา
@การปรับปรุงพื้นที่ ที่เป็นโรงหนังลิโด สกาลา มีแผนออกมาอย่างไร
สำหรับสยามสแควร์ ขอเรียนว่าด้วยความที่ทรุดโทรมเก่า อายุอานามเยอะ ฉะนั้น ต้องมีการปรับปรุงการพัฒนา ว่าเราจะทำในรูปแบบยังไง ที่แน่ๆ ขณะนี้ที่ทำอยู่แล้ว ก็คือ บริเวณโรงหนังสยามซึ่งถูกเผาไปแล้ว อย่างที่ทราบดีว่ากำลังจะเกิดสยามสแควร์1 ขึ้นมา
เราได้พยายามทำมาสเตอร์แพลน หลักการก็จะคงเอาไว้ ความเป็นสยามสแควร์ที่อาคารไม่สูงมาก ค่อนข้างเตี้ยๆ ใช้ FAR ที่ไม่จำเป็นจะต้องเต็มที่ตามกำหนด เพราะถ้าตามกำหนดตรงนี้ต้อง 1 ต่อ 10 FAR (Floor Area Ratio-อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน) บริเวณรอบสถานีรถไฟฟ้า
สยามสแควร์1 ใช้ไปแค่ 1 ต่อ 5 ถ้าเป็นเฟสต่อไปบริเวณลิโด ก็อาจจะต่ำกว่านั้น ก็ได้ แล้วลักษณะ ก็ต้องเป็น โครงสร้างที่ค่อนข้างจะเปิด เป็น open เพราะอันนี้เป็นลักษณะของสยามสแควร์ จะต้องเปิดหน่อย ไม่ใช่ close mall หรืออาคารใหญ่ยักษ์ แล้วก็ปิดมีแต่แอร์ไปหมด อย่างนั้นนะครับ เดี๋ยวจะไม่ได้อากาศบริสุทธิ์นะครับ
อีกอัน หนึ่ง เรื่องของ อะไรที่มันเป็นสัญลักษณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงหนัง เราก็หาทางที่จะคงสัญลักษณ์เหล่านี้เอาไว้ แต่ก็ยังตอบไม่ได้ ว่าจะคงลักษณะอย่างไร
จะให้เป็นโรงหนังอย่างเดิม เหมือนเดิม 100% เลยไหม หรือว่า อาจจะเป็นโรงหนังใหม่ ทำใหม่ ซึ่งอันนี้ คงต้องคุยกับผู้ประกอบการเดิม ก็ต้องเรียนว่า ก็ยังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย ว่าจะทำลักษณะใด หรืออาจจะคงไว้ในสัญลักษณ์บางอย่าง คือไม่ใช่ว่าต้องคง 100% ก็ได้ เช่น คงป้ายสัญลักษณ์ลิโด คงหน้ากาก เอาไว้หรืออะไรอย่างนี้ แล้วอาจจะไปปรับเปลี่ยนข้างในหรืออะไร มันมีวิธีการเยอะครับ ในการที่จะคงเอาไว้ว่าจะทำยังไง
อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่าต้อง ฝากแนวคิดว่าตรงนี้ ไม่ใช่โบราณสถานนะครับ ถ้าเป็นโบราณสถาน ต้อง 100% เต็ม ที่จะต้องอยู่เหมือนเดิม อันนี้ เราคงอะไรที่เป็นจุดเด่น สัญลักษณ์ อันนี้ ก็น่าคิดอยู่
อย่างไรก็ตาม ผมก็เห็นใจผู้ประกอบการ ในเรื่องธุรกิจ เพราะว่าถ้าธุรกิจเขา มันไม่ดี คือไม่ค่อยมีคนมาอุดหนุนก็ลำบากเหมือนกันนะครับ ในการที่จะให้เขาทำต่อ ก็คงจะต้องคุยกันหลายๆ แง่
@แม้ว่าจะไม่ใช่โบราณสถาน แต่มองอย่างไรในแง่การสะสมคุณค่า(value) ให้เป็นของเก่าในอนาคต
ก็เป็นไปได้ครับ เพราะอะไรก็ตาม ถ้าพยายามสร้าง value ของเก่า ทำยังไงให้มี value ขึ้นมา มันก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้อยู่ครับ แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้น ขอเรียนว่า ผมเองก็หวั่นๆ เพราะบริเวณสยามสแควร์มีอาคารพัง ซุดหลายจุดอยู่เหมือนกัน นะครับ
ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงสูง ได้ส่งวิศวกร คณะเข้าไปตรวจสอบ หลายจุดเขาก็กังวลว่ามันไม่สามารถที่จะ ซ่อมได้ครับ ถ้าซ่อมได้ แล้วก็ใช้ได้ดี ไม่มีความเสี่ยงก็เป็นทางเลือกหนึ่งครับ แต่ถ้าเกิดซ่อมไม่ได้แล้วเป็นความเสี่ยง อันนี้อันตราย
@โรงหนังที่เหลือ หมดสัญญาปี 56 ใช่หรือไม่
คือต้องเรียนว่า สยามสแควร์ส่วนใหญ่ มันหมดแล้ว แล้วก็ต่อแล้ว แล้วก็จะหมดอีก แล้วก็จะต่ออีก คือจะเป็นวงสั้นๆ จะต่อรอบหนึ่งก็มีตั้งแต่ 2-3 ปี ถึง 4-5 ปี จะเป็นรอบสั้นๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งสำหรับในโซนแถวบริเวณรอบๆลิโด เราก็คุยกันแล้วว่า เราจะต่อเป็น วงสั้นๆ ผมคิดว่า หมดสัญญาประมาณปี 2556 ในรอบนี้ ถ้าไม่มีการต่อกันอีก เท่าที่คุยกันไว้ ก็ทำนองนั้นละครับ
แล้วก็ผู้เช่าส่วนใหญ่ บริเวณรอบๆ ลิโด ได้เข้ามาจับจองพื้นที่ แถวๆ สยามสแควร์1 เพื่อจะได้ไม่ต้องมีปัญหาหยุดชะงักในการประกอบการ เพราะสยามสแควร์1 มีพื้นที่รองรับค่อนข้างเยอะ รองรับได้ทั้งคนเก่าที่อยู่บริเวณโรงหนังสยาม ซึ่งโดนไฟไหม้ กับบริเวณลิโด รอบๆ ลิโด ก็สามารถจะมาประกอบการตรงนี้ได้ อันนี้เราพยายามทำเป็นนโยบายว่าจะต้องช่วยผู้ประกอบการเก่า ให้สิทธิผู้ประกอบการเก่า
@มีแนวนโยบายจะอนุรักษ์บางสิ่งที่มีมานานและมีความสวยงาม เช่น ด้านหน้าของโรงหนังสกาลา หรือไม่
ตอนนี้ยังไม่มีนโยบายอะไรเลย ยังคิดไม่ถึงเลย มีแต่คนอื่น คิดเลยไปให้ทั้งสิ้น ที่ผมเรียนได้ คือ เมื่อจบจากบริเวณสยามแล้ว ที่ยังคิดกันอยู่ว่าจะทำยังไงดี ก็คือ บริเวณลิโด รอบๆ โรงหนังลิโดเท่านั้นเอง เลยจากนั้นคือยังไม่เป็นตัวเป็นตนอะไรเลย ลิโดเองก็ยังไม่ค่อยเป็น ยังเป็นวุ้นอยู่เลย ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน
@จะได้ข้อสรุปเมื่อไหร่
อีกนานครับ ต้องคิดเยอะ ฟังเยอะด้วย แต่ยังไม่แน่ว่าวิธีการจะทำอย่างไร ซึ่งตรงนี้ต้องรอบคอบเพราะความที่มันเป็นใจกลางเมือง มันก็อยู่ติดกับสถานศึกษา ติดกับจุฬา ว่าจะทำยังไงให้เป็นลักษณะไหน
แล้วอีกประเด็นสำคัญมากๆ คือ ก็ต้องคุยกับคนเดิม คนที่อยู่เดิม ว่าเขาจะอยากให้เป็นยังไง
@การเช่าช่วงเป็นปัญหาในการจัดการทรัพย์สินหรือไม่อย่างไร
แน่นอนครับอันนี้คือต้นตอของเรื่องวุ่นๆทั้งหลายตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาแต่ตอนนี้ก็ถือว่าน้อยลงมากแล้วครับทางทรัพย์สินฯก็ต้องกำหนดกติกาที่ชัดเจนที่ผ่านมาเราได้กำหนดแล้วว่าการที่จะเช่าช่วง เราจะให้ทำได้ แต่ต้องมาบอกกันก่อน คือต้องได้รับอนุญาต แล้วก็ราคาที่จะไปให้เช่า จะต้องไม่เกินไปกว่าที่จุฬา คิด ไม่เกิน 30% ไปเพิ่มราคาได้แค่นั้น เพราะในอดีต ไปเพิ่มตั้ง 3-4 เท่า จนกระทั่ง 10 เท่า ยังมีเลยครับในอดีต เพราะฉะนั้น ขณะนี้ ห้ามครับ ไม่ได้ แต่ว่าก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่าหลายๆ ห้อง หลายๆ จุด อาจจะไปแอบทำกันอยู่ โดยที่จุฬา ไม่ทราบ ถ้าเรื่องเงียบเขาไม่มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งหรือขัดแย้งกัน ก็อาจจะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเมื่อไหร่ทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน ฟ้องร้องกัน ทางจุฬาฯ ก็จะเลิกสัญญาทันทีเลย แต่ถ้าเป็นโครงการใหม่ ก็อาจจะไม่อนุญาตให้เช่าช่วงเลย
@ค่าเช่าจะต่างมากหรือไม่
ถ้าเป็นโครงการใหม่ อย่างสยามสแควร์1 เราก็คงตั้งราคาโดยการศึกษาจากตลาด การตลาด แล้วพยายามอย่าให้มันเกิน ให้มันถูกกว่าตลาด เพราะเราก็คิดว่า เราก็คงไม่วสามารถจัดการได้ดีเท่าที่เอกชนอื่นเขาทำ ฉะนั้นราคาก็น่าจถูกกว่าหน่อย คาดว่าจะสรุปได้ภายในปีนี้ เพราะปีนี้จะมีการจองพื้นที่ ก็พยายามจะให้จองพื้นที่ให้จบ เขาก็ต้องเริ่มเข้ามาตบแต่งร้าน
@นอกจากชอปปิ้งมอลแล้ว จะเน้นให้ออกมาในรูปแบบไหนบ้าง
คือคงไม่ได้เป็นชอปปิ้งมอลล์อย่างเดียวครับ สยามสแควร์ เราคงต้องเป็นที่ให้กลุ่มชนรุ่นเยาว์ วัยรุ่น หนุ่มสาว ให้เข้ามาคล้ายๆ แสดงออก แสดงกิจกรรมในทางสร้างสรรค์ แม้กระทั่งสยามสแควร์1 ก็จะมีลานกิจกรรมให้พอสมควรครับ หรือในตัวสยามสแควร์เอง เราก็ทำสวนทำปาร์คไว้ให้ ตั้ง 4 ไร่กว่า ปาร์คแอนด์สยาม เพราะฉะนั้น เราก็พยายามให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้
ความจริงเราก็เริ่มคุยกับผู้ค้าราชใหญ่บางเจ้า บางท่าน เขาเองอาจจะจัดสรรพื้นที่สำหรับแสดงกิจกรรม สำหรับแสดงออก ของเยาวชนครับ
นอกจากนั้นก็มีเพลย์เฮาส์ คือ เล็กกว่าโอเปร่าเฮาส์ ไม่ได้ใหญ่ เพราะจุได้อย่างเก่งเต็มที่ 850 ที่นั่ง ถ้าใหญ่ๆ ต้องเป็นพันกว่าที่นั่งที่ประกอบการต้องการ คือที่เราทำใหญ่ไม่ได้ เพราะว่า มันจะมาปิดหลังคาหมดถ้าใหญ่มาก มันจะเสียลักษณะการเปิดที่เป็นโอเพนมอลล์ ครับ
@ปัญหาที่เกิดขึ้นและต้องปรับปรุงในสยามสแควร์
สยามสแควร์มีปัญหาอีกอันคือ ไม่ค่อยเหมาะกับคนเดินเท่าไหร่นัก เพราะรถยนต์เข้ามาเยอะ ก็เข้ามาติดมีทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมและคนเดินไม่สะดวก แต่ก็ยังไม่ชัดเจนนะครับ ก็คิดว่าเราคงต้องพยายามหาที่จอดรถ ให้มากขึ้น แล้วก็เพิ่มที่คนเดินให้มากขึ้น ฉะนั้น ซอยอาจจะต้องถูกปิดไปบ้าง เพื่อที่จะทำให้เป็นวอล์คกิ้งมอลล์ หรือวอล์คกิ้งแอเรียได้มากขึ้น อันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้เป็นลักษณะอย่างนั้น คือถ้าได้เดินก็ดีกว่ากันเยอะเลย
@ปัญหาแผงลอยบทฟุตบาท
อันนั้น อยู่ข้างนอก ประเด็นก็คือ มันต้องอาศัยความร่วมมือจากเจ้าพนักงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย คือ กทม. และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. คือถ้าได้รับความร่วมมือที่ดีคงจัดการได้
@ที่ผ่านมา กทม. และ สตช. อธิบายกับ จุฬา อย่างไร เรื่องที่เขาไม่สามารถจัดการได้
เขาก็อาจจะบอกว่า ไม่มีกำลังพอ หรืออีกอันก็บอกว่า ที่ตรงนี้(ฟุตบาท) เป็นพื้นที่จุฬา ก็เลยไม่สามารถจะมาจัดการอะไรได้ แต่จริงๆ พฤติกรรมตรงนั้น เป็นทางสาธารณะ ไม่ว่าจะพื้นที่โฉนด ใครจะครอบครองก็ตาม แต่ว่าคนทั่วไปเขาสัญจร เพราะฉะนั้น เจ้าพนักงานตามกฎหมายก็มีอำนาจเต็มที่ ในการที่จะดูแลจัดการตาม พรบ.ต่างๆ เช่น ตามพรบ.รักษาความสะอาด แต่ถ้าบอกว่าเป็นของจุฬา แล้วทำอะไรไม่ได้ ผมก็ยังต้องพยายามชี้แจงครับ
อ่านๆ ดูแล้ว จุฬาฯ ก็มีแผนอยากรักษาโรงหนังทางเลือกไว้เหมือนกันแฮะ ส่วนตัวคิดว่า ถ้าตรงนั้นมันโทรมมาก ทุบไป แล้วสร้างใหม่แต่ยังมีโรงหนังทางเลือกให้เหมือนเดิม ก็โอเคนะ หรือถ้าเจ้าของเค้าเลือกจะไม่ต่อสัญญาเอง ถึงตรงนั้นก็คงเข้าใจและได้แต่ทำใจ
| จากคุณ |
:
ปุริมาน  
|
| เขียนเมื่อ |
:
20 มี.ค. 55 13:29:57
|
|
|
| 
