 |
ในปฐมกาลนั้น สวรรค์และโลกมนุษย์รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีดำทมึน ท้องทะเลเต็มไปด้วยปลักโคลนที่เดือดพล่าน ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ กำเนิดขึ้น ต่อมา ก้อนเมฆก็เริ่มหมุนวนเข้าหากันและใหญ่ขึ้น สายฟ้าฟาดลงมา ฝนก็เริ่มตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง ทั้งวันทั้งคืน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน อย่างกับว่าฝนจะตกตลอดไป สุดท้าย ฝนก็หยุด สวรรค์และโลกมนุษย์ก็แยกออกจากกัน เทพยดาก็ถือกำเนิดขึ้นจากปลักโคลนและผืนน้ำ (天の水上主の神 Amenominakanokami)ดุจดั่งต้นหญ้าที่งอกงามขึ้น ชูยอดของมันไปทางทิศตะวันออก และนี่คือการก่อกำเนิดขึ้นของ "โลก" 政界 เทพเจ้าคู่สุดท้ายที่ถือกำเนิดขึ้นจากท้องน้ำและปลักโคลนอันปั่นป่วน คือ เทพ อิซานางิ Izanagiและ เทพธิดา อิซานามิ Izanami ทั้งสององค์ยืนอยู่บนสะพานสายรุ้ง(สะพานเชื่อมระหว่างโลกกับสวรรค์ อาเมโนคิฮาชิ 天の浮き橋 Amenoukihashi)ณ 高天原 Takamagahara สวรรค์) ที่ซึ่งเหล่าเทพยดาอาศัยอยู่ Izanagi และ Izanamiใช้หอกวิเศษที่ประดับด้วยอัญมณีมากมายชื่อ อาเมโนนุโฮโคะ Amenonuhoko กวนน้ำทะเลไปมา เมื่อทั้งสองดึงหอกขึ้นจากผืนน้ำ เศษโคลนที่หยดลงจากปลายหอก ก็กลายเป็นหมู่เกาะอันสวยงามที่สุด ชื่อ โอโนะโกโระ 己光廊 จากนั้นทั้งสองก็เดินทางข้ามสะพานแล้วไปอาศัยอยู่ที่เกาะนั้น ต่อมาทั้งสองต้องการแต่งงานกัน จึงสร้างเสาต้นหนึ่งเรียกว่า "อาเมโนะมิฮาชิระ" 天の三柱 และสร้างพระราชวังยาฮิโรโดโนะล้อมเสาต้นนี้ไว้ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เดินวนรอบเสาไปคนละทาง และเมื่อพวกเขาพบกันอีกฟากของเสา อิซานามิก็พูดทักทายเป็นครั้งแรก อิซานางิไม่ได้คิดว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง แล้วพวกเขาก็แต่งงานกันและมีลูก 2 คนชื่อ ฮิรูโกะ 蛭子 [ซึ่งเกิดมาไม่มีกระดูก (บางตำราบอกว่า ไม่มีแขนไม่มีขา) ก่อนจะได้รับการเลี้ยงดูจากชาวไอนุชื่อ เอบิสึ ซาบุโร จนเติบใหญ่บนเกาะเอโซะ 蝦夷 และเปลี่ยนชื่อเป็น เยบิสึ Yebisu 恵比須] และ อาวะชิมา Awashima ซึ่งเป็นเกาะฟองสบู่ (ฟองแบบเดียวกับที่คุณฟอกสบู่อาบน้ำแหละ) แต่พวกเขาเป็นเทพที่ไม่มีลักษณะที่เทพควรเป็น ดังนั้นอิซานางิและอิซานามิจึงนำเอาลูกทั้งสองลงเรือหญ้าอ้อ พายออกสู่ทะเลไปพบกับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เพื่ออ้อนวอนถามว่า ตนได้กระทำผิดอะไร เทพเจ้าทั้งหลายก็ตอบว่า ในพิธีกรรมเดินวนรอบเสา อาเมโนะมิฮาชิระ อิซานางิควรจะกล่าวทักทายก่อน เมื่อทั้งคู่รู้ จึงกลับไปทำพิธีกรรมแบบเดิม แต่ครั้งนี้เมื่อทั้งคู่มาพบกันอีกฟากของเสา อิซานางิเป็นคนกล่าวทักทายก่อน และการแต่งงานจึงสำเร็จ ความสำเร็จของการแต่งงานนี้เองทำให้เกิดโอยาชิมะ หรือเกาะ 8 เกาะในหมู่เกาะญี่ปุ่นคือ 1. อาวาจิ Awaji 淡路島 2. อิโยะ Iyo ต่อมาเป็นชิโคคุ 四国 3. โอกิ Ogi 4. ซึคุชิ Tsukushi ต่อมาเป็นคิวชู 九州 5. ไอคิ Iki 6. ซึชิมา Tsushima 对马岛 7. ซาโด Sado 8. ยามาโตะ Yamato 大和 ต่อมาเป็นฮอนชู 本州 หมายเหตุ เกาะฮอคไคโด,จิชิมา และโอกินาวา ไม่มีปรากฏในสมัยโบราณ พวกเขาให้กำเนิดเกาะอีก 6เกาะและให้กำเนิดเทพยดาอีกมากมาย ทั้งเทพแห่งลม เทพแห่งท้องทะเล เทพแห่งภูเขา และเทพแห่งผืนดิน อย่างไรก็ตาม อิซานามิก็เสียชีวิตขณะกำลังให้กำเนิด "คากุซึจิ" Kagutsuchiผู้จุติแห่งเพลิง หรือ "โฮมาสึบิ" Houmasubi เธอถูกฝังที่ภูเขาฮิบะ ตรงเขตแดนจังหวัดอิสึโมะและโฮคิ ใกล้กับเมืองยาสึคิในจังหวัดชิมาเนะในปัจจุบัน ด้วยความโกรธ อิซานางิจึงฆ่าคากุซึจิ ซึ่งการตายของคากุซึจิได้สร้างเทพอีกมากมาย เช่น เทพแห่งดาบ さらに剣 และ มังกร 竜 ฯลฯ เทพที่เกิดจากอิซานางิและอิซานามิ เป็นสัญลักษณ์ของลักษณะธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สำคัญ แต่มันมีเยอะเกิดกว่าที่จะกล่าวได้ทั้งหมด ตามความจริงแล้ว มันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเทพชายอย่างอิซานางิในฐานะผู้นำ ขณะที่เทพธิดาอย่างอิซานามิเป็นผู้ตามที่หลงผิด ซึ่งสิ่งนี้เป็นการแสดงถึงความไม่เท่าเทียมกันของฝ่ายหญิง หลังจากการตายของอิซานามิ อาซานางิก็โศกเศร้าเสียใจและเดินทางไปยัง โยมิ(Yominokuni 黄泉の国 ดินแดนแห่งความตายอันมืดมิด)เขาตามหาอิซานามิและพบเธอโดยใช้เวลาไม่นานนัก ในตอนแรก อิซานางิมองไม่เห็นตัวเธอ เพราะกลุ่มเงาบดบังเธอไว้มิดชิด แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ถามเธอให้เธอกลับไปยังโลกกับเขา เธอถมน้ำลายใส่เขา ซึ่งเป็นการแสดงว่าเขามาช้าเกินไป เธอได้กินอาหารของนรก และตอนนี้เธอเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งความตายไปแล้ว ไม่สามารถกลับไปมีชีวิตได้อีกแล้ว อิซานางิรู้สึกตกใจกับข่าวที่ได้ยินนี้ แต่เขาไม่ยอมแพ้ต่อความต้องการ ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งความตายของอิซานามิ ขณะที่เธอกำลังหลับ เขาหยิบหวีที่ติดอยู่กับผมยาว ๆ ของเธอและทำให้มันมีแสงสว่างขึ้นมา ภายใต้แสงสว่างนั้นอิซานางิ ได้เห็นรูปลักษณะน่าสยดสยองของอิซานามิที่ครั้งหนึ่งเคย สวยงาม ร่างของเธอเป็นเนื้อที่กำลังเน่าเปื่อย ด้วยหนอนแมลงและสัตว์น่าขยะแขยงวิ่งไปมาตามร่างกายของเธออิซานางิไม่สามารถควบคุมความกลัวของเขาได้ เขาแผดเสียงร้องดังและเริ่มวิ่งหนี เพื่อกลับไปยังโลกและทิ้งภรรยาที่ถูกความตายครอบงำ อิซานามิตื่นขึ้นร้องเสียงหลงอย่างไม่พอใจและไล่ตามอิซานางิ โดยมี ชิโคเมะ (Shikome 死後雌 ผู้หญิงที่น่าขยะแขยง) อันดุร้ายหลายตน ก็ไล่ล่าอิซานากิเช่นกันภาย ใต้คำสั่งของอิซานามิที่จะเอาตัวอิซานางิกลับมา อิซานางิใช้เถาองุ่นที่รัดผมปาลงพื้น ทันใดนั้นก็เกิดต้นองุ่นงอกขึ้นมาพร้อมลูกองุ่นสุก เหล่าชิโคเมะพากันแย่งกินลูกองุ่นอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้อิซานางิมีโอกาสหนีได้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดเหล่าปีศาจได้นานนัก เขาจึงหักหวีปาลงพื้น คราวนี้เกิดเป็นหน่อไม้จำนวนมากผุดขึ้นมาให้บรรดาปีศาจทั้งหลายรุมแย่งกันอีกครั้ง ไม่นานนักเหล่าชิโคเมะ ก็ไล่ตามอิซานางิที่เหนื่อยอ่อนจากการวิ่งหนีทัน ใกล้ๆ ทางเข้า โยมิ มีต้นท้อที่ออกลูกเต็มอยู่ อิซานางิตัดสินใจเด็ดลูกท้อที่พบปาเข้าใส่ชิโคเมะทั้งหลาย ทันใดนั้นลูกท้อกับระเบิดทำให้เหล่าชิโคเมะหวาดกลัวและถอยหนีไป อิซานางิตรงไปยังปากทางเข้าและ ผลักก้อนหินก้อนใหญ่เข้าไปในปากทางเข้าโยมิไว้ทันที อิซานามิที่ตามมาทันกรีดร้องจากหลังก้อนหินนี้และบอกอิซานางิว่า ถ้าเขาทิ้งเธอไป เธอจะฆ่าผู้คนบนโลก 1000 คนในแต่ละวัน เขาตอบกลับไปด้วยความโกรธว่า เขาจะสร้างชีวิตใหม่ 1500 ชีวิตในแต่ละวันเช่นกัน ดังนั้น เหตุการณ์นี้จึงถือเป็นการกำเนิดของความตายที่สร้างโดย อิซานางิ เทพแห่งการเกิด และ อิซานามิ เทพแห่งความตาย หลังจากที่อิซานากิกลับมาจากโยมิ เขาก็ไปชำระร่างกายในแม่น้ำ ขณะที่เขาถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับทั้งหลาย แต่ละชิ้นที่ตกลงบนพื้นได้กลายเป็นเทพแต่ละองค์ เมื่อเขาลงไปในน้ำชำระล้างร่างกาย เทพเจ้า 3 องค์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากการล้างหน้าของอิซานากิคือ 1. อามาเทราสึ (Amaterasu アマテラス การจุติของดวงอาทิตย์) เกิดจากตาซ้าย 2. ซึคุโยมิ (Tsukuyomi ツクヨミ การจุติของดวงจันทร์) เกิดจากตาขวา - ต่อมาออกเสียงเพี้ยนเป็น ซึกิโยมิ Tsukiyomi 3. สึซาโนโอะ (Susanoo スサノオ การจุติของลมหรือพายุ) เกิดจากจมูก จากนั้นอิซานางิก็ได้แบ่งโลกออกเป็น 3 ส่วนโดยให้เทพแต่ละองค์ดูแล อามาเทราสึดูแลสวรรค์, ซึคุโยมิควบคุมกลางคืนและดวงจันทร์ , สึซาโนโอะดูแลทะเล เทพอามาเทราสึ (ชื่อเต็มๆ คือ Amaterasu-ō-mikami 天照大神 มีอีกชื่อว่า 天照皇大神 tenshoukoudaijin) เทพธิดายิ่งใหญ่ผู้เปล่งแสงสว่างในสวรรค์ เป็นเทพธิดาแห่งดวงอาทิตย์ตามศาสนาชินโต และเป็นบรรพบุรุษหญิงของราชวงศ์ในญี่ปุ่น อามาเทราสึเกิดจากตาข้างซ้ายของอิซานางิ ขณะที่เขากำลังชำระล้างตนเองในแม่น้ำหลังจากการลงไปในโยมิ เธอกลายเป็นผู้ปกครองทุ่งราบแห่งสวรรค์ (Takamagahara 高天原 ) ตามตำราโคจิคิกล่าวถึงเรื่องเล่าโบราณเกี่ยวกับตัวอย่างเหตุการณ์ของเทพแห่งดวงอาทิตย์ ไว้ชัดเจนคือ เมื่อเทพแห่งพายุ สึซาโนโอะ น้องชายที่ควบคุมไม่ได้ของเธอทำลายโลกและนาข้าว สวน และวัดของเธอ รวมถึงมิโกะ อามาเทราสึก็ละอายในการกระทำของเธอที่ไปยั่วโมโหเขาจึงเข้าไปหลบในถ้ำอามะ โนะ อิวะโตะ (Ama no Iwato 天の岩戸 ) ทำให้โลกตกอยู่ในความมืดมิด (บางตำราก็ว่า ด้วยความไม่พอใจที่ อามาเทระสึผู้พี่ ได้ถือครองส่วนที่ดีที่สุดในอาณาจักรเทพบิดร สึซาโนโอะ จึงไปหาเรื่องก่อกวนจนเป็นเหตุให้ อามาเทระสึ ต้องหนีไปซ่อนอยู่ในถ้ำ ซึ่งการกระทำของนางไม่ใช่แค่ลงโทษน้องชาย แต่คนทั้งโลกต้องพากันเดือดร้อน กว่าเทพอื่นๆ จะหาทางหลอกล่อเทพีแห่งดวงอาทิตย์ให้ออกมาส่องแสงได้ ก็เล่นเอาหอบ ดังนั้นเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาตามเดิม บรรดาเทพก็ร่วมใจกันลงโทษ สึซาโนโอะ เป็นการใหญ่ เริ่มตั้งแต่สั่งให้เขาสรรหาของขวัญของกำนัลต่างๆ มาให้ หลังจากนั้นก็ตัดเคราของเขาเป็นการแก้แค้น ช่วยกันถอดเล็บมือเล็บเท้าของสึซาโนโอะ ให้ได้รับความเจ็บปวด แล้วในที่สุดก็เหวี่ยงเจ้าแห่งพายุตกลงมาจากสวรรค์ ตั้งแต่นั้นเขากลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพี่สาวจนแทบไม่มองหน้ากัน) เทพองค์อื่น ๆ พยายามอ้อนวอนให้เธอออกมา แต่ไม่สำเร็จ จนเทพธิดาแห่งความรื่นเริงอามะ โนะ อุสึเมะ (Amano-Uzume 天宇受売命) เกิดความคิดหนึ่งขึ้น เธอเอากระจกแขวนไว้กับต้นไม้ใกล้ ๆ ให้หันหน้าเข้าหาถ้ำ จัดงานฉลอง ตอนแรกเธอเอาใบไม้กับดอกไม้เป็นเครื่องแต่งกายแล้วเต้นรำบนอ่างน้ำที่คว่ำบนพื้น ก่อนจะแก้ผ้าเต้นรำ การกระทำนี้ทำให้เหล่าเทพองค์อื่น ๆ หัวเราะเสียงดัง ซึ่งเทพอามะเทราสึเกิดอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และแง้มหน้าออกมาดู เธอเห็นเงาสะท้อนของตนเองในกระจก ซึ่งทำให้เธอตกใจมากและเทพอาเมโนะ-ทาจิคาระโอะ(Amano-Tajikara-ō เทพแห่งพละกำลัง)ก็สามารถดึงเธอออกมา มัดตัวเธอด้วยเชือกชิรุคุเมะ ภายใต้ความสนุกสนาม ความตึงเครียดของอามาเทราสึก็หายไป และตกลงที่จะกลับไปให้แสงสว่างโลก เทพอุสึเมะจึงกลายเป็นเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณไป ต่อมาเธอส่งหลานของเธอ "มิโคโตะ โนะ นินิกิ" (瓊瓊杵尊) ไปสร้างความสงบสุขบนโลก ซึ่งต่อมาเป็นปู่ของจักรพรรดิจิมมุ (จักรพรรดิองค์แรกของญี่ปุ่น) เธอได้ให้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ 3 ชิ้นคือ ดาบศักดิ์สิทธิ์"คุซานางิ" (Kusanagi 草薙剣 = ดาบตัดหญ้า,ดาบแห่งอสรพิษ)(ชื่อเป็นทางการจริง AmenoMurakumonoTsurugi 天叢雲劍 ดาบของสวรรค์แห่งกลุ่มเมฆ) ลักษณะของมันเป็นดาบ 2 คม ใบชี้ตรง และสั้น ปัจจุบันวางอยู่ในศาลเจ้าอะซึตะ (Atsuta Shine) ในนาโกยา, สร้อยคอ"ยาสะคานิ โนะ มากะทามะ" (Yasakani no Magatama 八尺瓊曲玉 สร้อยคอที่รูปร่างคล้าย ๆ เครื่องหมายคอมมาหรือหยดน้ำกลับหัว ทำจากมรกต ปัจจุบันอยู่ในพระราชวังโคเคียวในโตเกียว) และกระจก"ยาตะ โนะ คากามิ" (Yata no kagami 八咫鏡) ปัจจุบันอยู่ในศาลเจ้าอิเสะในมิเอะ สิ่งของเหล่านี้จึงกลายเป็นสมบัติของจักรพรรดิญี่ปุ่น
อ.คิชิไม่เคยพูดนะค่ะว่าใครเป็นใครน่ะ เพียงแต่เป็นชื่อเรียกของคาถานั้นๆในตระกูลอุจิวะเท่านั้นเอง - -* #5 แล้วก็เรื่องในตำนานกับนารูโตะมันก็แตกต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือ
(แก้คำผิดจ้า)
แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 55 00:43:45
แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 55 23:47:00
แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 55 22:14:20
จากคุณ |
:
Mian_lover
|
เขียนเมื่อ |
:
22 มี.ค. 55 22:13:40
|
|
|
|
 |